Monday, 9 June 2025
ค้นหา พบ 48661 ที่เกี่ยวข้อง

จเรตำรวจแห่งชาติแถลงปฏิบัติการจับกุมหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวญี่ปุ่น และช่วยเหลือเหยื่ออย่างปลอดภัย

(20 มี.ค. 68) เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ แถลงผลปฏิบัติการจับกุมหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวญี่ปุ่น และช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวญี่ปุ่น 2 คน คือ โดยมี นายนาโอโตะ วาตานาเบะ เลขานุการเอก และผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผู้กำกับการ (สอบสวน) หัวหน้ากลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมแถลง ณ ห้องสารสิน อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

กรณีแรก สืบเนื่องจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ประสานข้อมูลมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทย ขอให้จับกุมผู้ต้องสงสัยชาวญี่ปุ่นซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับของประเทศญี่ปุ่น คดีทำร้ายร่างกาย , ฉ้อโกง , ลักทรัพย์ และ พ.ร.บ.ควบคุมองค์กรอาชญากรรมญี่ปุ่น และขอให้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าว ส่งตัวผู้ต้องสงสัยกลับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลบุคคลต่างด้าวสัญชาติญี่ปุ่นรายดังกล่าว พบว่า นายยามากูชิ ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับของประเทศญี่ปุ่น อันเป็นพฤติการณ์ที่สมควรถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 จึงได้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 จากการสืบสวนทราบว่า นายยามากูชิ เช่าที่พักอาศัยอยู่ที่ย่านสาธร กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจึงเดินทางไปตรวจสอบและพบ นายยามากูชิ อยู่บริเวณด้านหน้าหมู่บ้านดังกล่าว จึงเข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และแจ้งให้ทราบถึงการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าว จากนั้นได้ควบคุมตัวไปยัง กก.3 บก.สส.สตม. (สวนพลู) เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และประสานทางการญี่ปุ่นรับตัวกลับไปดำเนินคดีในประเทศญี่ปุ่นต่อไป

จากการสอบสวนพบว่า นายยามากูชิ เป็นอดีตแก๊งยากูซ่าในญี่ปุ่น และเป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา และเวียดนาม ที่หลอกลวงชาวญี่ปุ่น พบว่ามีการเดินทางเข้าออกประเทศไทยบ่อยครั้ง เช่าที่พักราคาสูงย่านสาธร ราคากว่า 180,000 บาทต่อเดือน และจากการสืบสวนขยายผลพบว่า นายยามากูชิ มีการจัดตั้งบริษัท ชื่อว่า “ลาสซามูไร เจแปน” ตั้งแต่ปี 2567 ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินการซื้อขายงานศิลปะราคาสูง ที่ใช้ภาษาอังกฤษทำให้สามารถซื้อขายได้ทั่วโลก น่าเชื่อว่าเป็นการใช้การซื้อขายงานศิลปะเพื่อเป็นการฟอกเงิน 

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติหมายค้นเพื่อตรวจค้นบ้านเช่าของนายยามากูชิ ย่านสาธร จากการตรวจค้นพบชาวญี่ปุ่น 4 คน ซึ่งพบว่าเคยต้องโทษหลายคดีที่ประเทศญี่ปุ่น จากการสืบสวนสอบสวนขยยายผล น่าเชื่อว่ามีการเกี่ยวช้องกับการตั้งบริษัท ลาสซามูไร เจแปน และพบทรัพย์สินในวอลเล็ตกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สืบสวนขยายผลต่อไป 

กรณีที่ 2 จากการประสานจากทางการญี่ปุ่นให้ช่วยติดตามจับกุม นายมิยาชิตะ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับตามคดีลักทรัพย์ ที่ญี่ปุ่นต้องการตัว ซึ่งจากมาตรการของรัฐบาลไทยนำไปสู่การกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ทางชนกลุ่มน้อยได้จับกุมนายมิยาชิตะ ไว้ได้ และได้ส่งตัวกลับมา เบื้องต้น นายมิยาชิตะ รับสารภาพว่าได้ข้ามไปทำงานเป็นฝ่ายการเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เมื่อเดือนมกราคม 2568 ทั้งนี้ ทางไทยดำเนินคดีข้อหา พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และประสานทางการญี่ปุ่นรับตัวกลับไปดำเนินคดีต่อไป

กรณีที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวญี่ปุ่น จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายยาจิ อายุ 22 ปี และ นายอิชิกาว่า อายุ 47 ปี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยได้รับการประสานจากทางการประเทศญี่ปุ่นขอรับการช่วยเหลือ จากการตรวจสอบพบว่าหนึ่งในเคยต้องโทษคดีลักทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่น ทั้งสองคนเดินทางผ่านไปประเทศเพื่อนบ้านทางเส้นทางธรรมชาติ พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับคดีเยาวชนชาวญี่ปุ่นอายุ 16 ปี ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยเคยช่วยเหลือก่อนหน้านี้ และจากการสอบถามทราบว่าในสถานที่ทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว พบชาวญี่ปุ่นทำงานอยู่ประมาณ 10 คน โดยสองรายล่าสุดที่ได้รับการช่วยเหลือเป็นหนึ่งในกลุ่มดังกล่าว ซึ่งตำรวจได้มีการประสานทางการญี่ปุ่นให้รับตัวเยาวชนทั้งสองคนกลับประเทศ และทางการญี่ปุ่นสืบสวนขยายผลต่อไป 

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติและประเทศญี่ปุ่นจะร่วมมืออย่างต่อเนื่องในการจับกุมและปราบปรามอาชญากรที่กระทำความผิดลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขบวนการค้ามนุษย์

อิมาน เคลิฟ ตั้งเป้าคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2028 ที่แอลเอ แม้เจอกระแสกดดันจากทรัมป์ ออกมาโจมตีนักกีฬาที่มีภาวะ DSD

(20 มี.ค. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อิมาน เคลิฟ (Imane Khelif) นักมวยหญิงชาวแอลจีเรีย ประกาศเป้าหมายชัดเจนว่าเธอจะกลับมาคว้าเหรียญทองโอลิมปิกในปี 2028 ที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะต้องเผชิญอุปสรรคจากกระแสต่อต้านของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นแกนนำในการผลักดันกฎกติกาที่เข้มงวดเกี่ยวกับเพศสภาพของนักกีฬา

อย่างที่ทราบกันดีว่า เคลิฟ คว้าเหรียญทองให้แอลจีเรียในศึกโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ด้วยการเอาชนะ หลิว หยาง จากจีน ที่คะแนนเอกฉันท์ 5-0 เสียง ในรอบชิงชนะเลิศ ส่วนรอบรองชนะเลิศ เธอคว้าชัยเหนือ ‘บี’ จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง นักชกสาวไทย ด้วยคะแนน 5-0 เสียง ทำให้จันทร์แจ่มคว้าเหรียญทองแดงไปครอง 

อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่เหรียญทองของเธอไม่ได้ราบรื่น เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคลิฟเคยถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันชิงแชมป์โลกปี 2023 เนื่องจากไม่ผ่านการตรวจระดับฮอร์โมนเพศชาย แต่ในโอลิมปิก 2024 คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ได้อนุญาตให้เธอเข้าร่วมแข่งขัน หลังจากตรวจสอบเอกสารและยืนยันว่าเธอเป็นเพศหญิงตามกฎหมาย

แม้จะได้รับอนุญาตให้แข่งขัน แต่เคลิฟยังคงเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมและบุคคลสำคัญ เช่น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่แสดงความไม่พอใจต่อการเข้าร่วมแข่งขันของเธอ 

ทรัมป์แสดงจุดยืนมาโดยตลอดเกี่ยวกับกฎระเบียบเพศสภาพในวงการกีฬา และเคยกล่าวโจมตีอย่างรุนแรงต่อนักกีฬาข้ามเพศและผู้ที่มีภาวะเพศกำกวม (DSD – Differences in Sexual Development) โดยเรียกร้องให้มีการห้ามนักกีฬาข้ามเพศและนักกีฬาที่มีภาวะ DSD ลงแข่งขันในประเภทหญิง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเคลิฟและนักกีฬาหญิงอีกหลายคน

ทั้งนี้ เคลิฟประกาศอย่างชัดเจนว่า โอลิมปิก 2028 คือเป้าหมายสำคัญของเธอ และเธอจะไม่ยอมให้กฎเกณฑ์ที่ไม่เป็นธรรมมาหยุดยั้งเส้นทางการเป็นแชมป์ของ 

“เหรียญทองที่สอง แน่นอนที่สุด กับการแข่งขันที่อเมริกา ลอส แองเจลิส และฉันตอบแบบตรงไปตรงมานะ ผู้นำของสหรัฐฯ ออกคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับคนข้ามเพศในอเมริกา แต่ฉันไม่ใช่คนข้ามเพศ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน และไม่ทำให้ฉันรู้สึกกังวลเลย” นักชกวัย 25 ปี กล่าว 

รทสช. ประกาศเป็นกองหนุนช่วยนายกฯ ชี้แจงเต็มที่ ชี้ ‘พลังงาน-อุตสาหกรรม’ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์

รทสช.เผยพรรคพร้อมรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจ มั่นใจรัฐมนตรีสังกัดพรรค พร้อมสนับสนุนนายกรัฐมนตรีในการชี้แจงเต็มที่ ชี้ ‘พลังงาน-อุตสาหกรรม’ ทำงานจริงจัง ผลงานเป็นที่ประจักษ์ สส.ของพรรคพร้อมควบคุมประเด็นการอภิปราย

(20 มี.ค. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า

ในวันพรุ่งนี้พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ จะได้มีการจัดประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อควบคุมการประชุมโดยเฉพาะในการประชุมให้อยู่ในญัตติไม่ให้หลุดออกจากประเด็น

สำหรับรัฐมนตรีจากพรรครวมไทยสร้างชาติทั้ง 4 ท่านต่างก็พร้อมที่จะสนับสนุนการชี้แจงของนายกรัฐมนตรี หากมีการพาดพิงถึงการทำงานที่รัฐมนตรีในสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติรับผิดชอบ โดยเฉพาะกระทรวงพลังงานที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรมที่มีนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ก็มีความพร้อมในการชี้แจงในทุก ๆ ประเด็นอย่างชัดเจน เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการของทั้ง 2 กระทรวงต่างมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน ผลงานเป็นที่ประจักษ์ และเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในความรับผิดชอบอย่างเต็มที่

และในส่วนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติต่างมีความพร้อมในการควบคุมการประชุมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจให้สำเร็จลุล่วงไปได้ และเนื่องจากการประชุมที่มีระยะเวลาต่อเนื่องยาวนาน ข้ามวันข้ามคืน ดังนั้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคอาจเหนื่อยล้าได้ ทางพรรครวมไทยสร้างชาติจะได้สับเปลี่ยนหมุนเวียนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อทำหน้าที่ในสภาฯให้เกิดประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

‘ตั้ง อาชีวะ’ อวดอาชีพสุดภูมิใจในนิวซีแลนด์ โชว์สกิลทำงานแบบหน้าเปื้อนยิ้มเปี่ยมความสุข

(20 มี.ค. 68) ตั้ง อาชีวะ หรือนายเอกภพ เหลือรา ผู้ลี้ภัยคดี ม.112 ที่ประเทศนิวซีแลนด์ โพสต์เฟซบุ๊ก Eakapop Luara ถึงการทำงานหาเลี้ยงชีพ ว่า เสร็จไปอีกหนึ่งงานยากที่ต้องแข่งกับเวลา ผมและทีมงาน Maintenance ตั้งใจทำสุดฝีมือครับ

ในภาพเป็นงานซ่อมบำรุง Cable Crane 

เครนตัวนี้ใช้ยกของ-ส่งของข้ามภูเขาไปอีกฝาก ส่วนมากจะใช้ในการยกเครื่องจักรกลหนัก และบางครั้งก็จะประกอบเป็นกระเช้าโดยสารได้ด้วย ซึ่งโปรเจกใหญ่ของรัฐบาลนิวซีแลนด์ก็คือการผ่าภูเขาเพื่อทำถนนตัดผ่านให้เป็นเส้นตรงที่สุดเพราะเส้นทางเดิมนั้นคดเคี้ยวและเกิดอุบัติเหตุบ่อยมากๆ 

และเจ้าเคเบิ้ลเครนตัวนี้แหละครับที่เป็นอุปกรณ์ช่วยยกเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆในการดำเดินการโปรเจ็คนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด 

21 มีนาคม พ.ศ. 2497 วันเกิด ‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่คนไทยยังคงคิดถึง

‘พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา’ หรือที่คนไทยทั้งประเทศรู้จักในนาม ‘ลุงตู่’ นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของไทย และเป็นหนึ่งในนายกฯ ที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุด ได้รับโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นองคมนตรี เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 และยังเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ที่คนไทยยังคงคิดถึงอยู่เท่าทุกวันนี้

ทั้งนี้ ‘ลุงตู่’ เกิดที่ จ.นครราชสีมา เป็นบุตรชายของพันเอก (พิเศษ) ประพัฒน์ จันทร์โอชา และเข็มเพชร จันทร์โอชา มารดาซึ่งรับราชการครู เป็นบุตรชายคนโตจากพี่น้องทั้งหมด 4 คน โดยคนหนึ่งคือ พลเอก ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหมและอดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก

สำหรับประวัติการศึกษาของ ‘ลุงตู่’ ได้สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 จากโรงเรียนสหะกิจวิทยา อำเภอเมือง จ.ลพบุรี (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของวิทยาลัยเทคโนโลยีลพบุรี) ต่อมาได้เข้าศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย อำเภอเมือง จ.ลพบุรี แต่เรียนได้เพียงปีเดียวก็ลาออก เนื่องด้วยบิดาเป็นนายทหารจำต้องโยกย้ายไปในหลายจังหวัด และได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนวัดนวลนรดิศ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ในสมัยที่ศึกษาอยู่ที่นี่ ‘ลุงตู่’ เคยถูกนำเสนอประวัติผ่านนิตยสารชัยพฤกษ์ ในฐานะเด็กเรียนดีอีกด้วย จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และในปี พ.ศ. 2514 ได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมทหาร จนสำเร็จเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 (ตท.12) และในปี พ.ศ. 2519 เป็นนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 23 และหลักสูตรชั้นนายร้อย รุ่นที่ 51 ในปีเดียวกัน และในปี พ.ศ. 2524 หลักสูตรชั้นนายพัน รุ่นที่ 34 และในปี พ.ศ. 2528 หลักสูตรหลักประจำโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 63 และเป็นศิษย์เก่า และในปี พ.ศ. 2550 เข้าเรียนหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน รุ่นที่ 2

สำหรับเส้นทางทางการเมือง ‘ลุงตู่’ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ภายหลังจากได้ตัดสินใจเข้ายึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลรักษาการ (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) เมื่อ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ก่อนที่จะดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. กระทั่งมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562

และเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2562 ภายหลังการประชุมร่วมรัฐสภา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับการสนับสนุนจากเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกรัฐสภา ให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง (สมัยที่ 2)

แม้จุดเริ่มต้นของการนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 จะมาจากการทำรัฐประหาร แต่ ‘ลุงตู่’ ก็พิสูจน์ให้พี่น้องคนไทยทั้งประเทศเห็นแล้วว่าตั้งใจเข้ามาทำงานเพื่อประเทศชาติ โดยได้มุ่งมั่นทำงานแรงกาย สร้างความเจริญ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลายอย่างให้แก่ประเทศไทย ตลอด 9 ปีที่ทำหน้าที่ ‘ผู้นำประเทศ’


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top