Friday, 27 June 2025
ค้นหา พบ 49049 ที่เกี่ยวข้อง

แจกโบนัส 1.7 แสน ดึงครีเอเตอร์ทิ้ง 'TikTok' มาร่วมเฟซบุ๊ก-อินสตาแกรม

เมื่อวันที่ (21 ม.ค. 68) เมตา (Meta) ประกาศแผนการแจกโบนัสด้วยเป้าหมายดึงดูดใจนักสร้างเนื้อหาออนไลน์ ซึ่งเรียกกันว่า “ครีเอเตอร์” (creator)  จากติ๊กต็อก (TikTok)

รายงานระบุว่าครีเอเตอร์จากติ๊กต็อกที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์จะได้รับโบนัสสูงถึง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.7 แสนบาท) ในระยะเวลา 3 เดือน สำหรับการโพสต์รีล (Reel) หรือคลิปวิดีโอสั้นบนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม

นอกจากนั้นครีเอเตอร์จากติ๊กต็อกเหล่านี้ยังจะเข้าถึงโปรแกรมสร้างรายได้จากคอนเทนต์บนเฟซบุ๊ก (Facebook Content Monetization) ซึ่งช่วยให้มีรายได้จากการโพสต์วิดีโอ รูปภาพ และข้อความบนเฟซบุ๊ก

ขณะเดียวกันเมตาจะมอบข้อเสนอด้านเนื้อหาแก่ครีเอเตอร์จากติ๊กต็อกบางส่วนเพื่อช่วยพวกเขาเพิ่มจำนวนผู้ชมบนอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก ทั้งยังจะปรับปรุงรูปแบบของรีลให้ดึงดูดใจครีเอเตอร์จากติ๊กต็อกมากขึ้นด้วย

อนึ่ง เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อชะลอการแบนติ๊กต็อกเป็นระยะเวลา 75 วัน และแจ้งกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ไม่ให้บังคับใช้บทลงโทษของการแบน

อย่างไรก็ดี แอปพลิเคชันติ๊กต็อกยังคงไม่ได้กลับมาอยู่ในร้านค้าแอปพลิเคชันของแอปเปิล (Apple) และกูเกิล (Google)

‘อินเตอร์ลิ้งค์’ เปิดบ้านต้อนรับผู้ถือหุ้น – นักลงทุน โชว์ศักยภาพบริษัทพร้อมเจาะลึกแผนกลยุทธ์ทุกกลุ่มธุรกิจ

เมื่อวันที่ (21-22 ม.ค. 68) นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK พร้อมด้วยทีมผู้บริหารระดับสูง เปิดบ้านจัดกิจกรรม 'INTERLINK Communication Company Visit and Analyst Meeting' ให้การต้อนรับผู้ถือหุ้น นักลงทุน นักวิเคราะห์ และผู้จัดการกองทุน ร่วมรับฟังการนำเสนอภาพรวมผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา โดยเน้นถึงความสำเร็จที่โดดเด่นในด้านการเติบโตของรายได้ การขยายฐานลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม และการพัฒนาถึงนวัตกรรม เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล รวมถึงให้ข้อมูลอย่างเด่นชัดถึงการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพที่ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และมีกำไรอย่างมีเสถียรภาพในทุกมิติ 

พร้อมกันนี้ ยังได้เปิดโอกาสให้เยี่ยมชม ศูนย์กระจายสินค้า (R&D Center) ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมรับชมระบบ Logistics และห้องปฏิบัติการวิจัย และพัฒนา ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดใหญ่บนถนนกาญจนาภิเษก แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ ศูนย์แห่งนี้ถือเป็นศูนย์กระจายสินค้าหลักขนาดใหญ่ ของกลุ่มธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (Cabling Distribution Center) ที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และครอบคลุมทั่วประเทศ มาพร้อมบริการพิเศษ "คุณสั่ง เราส่ง" พร้อมจัดส่งฟรีทั่วไทย หนุนเสริมศักยภาพการกระจายสินค้าด้วยความรวดเร็ว และแม่นยำ ซึ่งรองรับลูกค้าทั่วประเทศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

โดยทุกท่านยังได้เยี่ยมชม ห้องปฏิบัติการทดลอง (LAB) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัย และพัฒนาด้านโครงข่ายสายสัญญาณ ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยศูนย์แห่งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการพัฒนาโซลูชันให้ครอบคลุมครบทุกวงจร และมีคุณภาพสูง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลกเทคโนโลยีทั้งในปัจจุบัน และอนาคต

นอกจากนี้ ยังได้พาเข้าไปเยี่ยมชม ศูนย์สำรองข้อมูล อินเตอร์ลิ้งค์ ดาต้า เซ็นเตอร์ (Interlink Data Center) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม และดาต้าเซ็นเตอร์ (Telecom & Data Center Business) โดยบริษัทฯ ได้นำจุดเด่นจากการมีโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) ที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทยมาใช้เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ สำหรับศูนย์สำรองข้อมูลแห่งนี้ ถูกออกแบบด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย พร้อมคำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีระบบความปลอดภัยที่รัดกุมตามมาตรฐาน Tier 3 Standard โดยบริษัทฯ ได้ทำงานร่วมกับผู้ออกแบบศูนย์ข้อมูลที่มีประสบการณ์สูง พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเป็นที่ปรึกษา เพื่อดูแลให้ศูนย์ข้อมูลแห่งนี้เหมาะสมกับการใช้งานอย่างสูงสุด นับว่า Interlink Data Center ไม่เพียงแค่เป็นศูนย์สำรองข้อมูลฯ ที่มีประสิทธิภาพ แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับความต้องการด้านเทคโนโลยีขององค์กรต่าง ๆ ได้อย่างเต็มศักยภาพ

โดยงานนี้ เป็นเวทีครั้งสำคัญที่บริษัทฯ ตั้งใจจะนำเสนอข้อมูลผลการดำเนินงานในปี 2567 ควบคู่ไปกับการเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้ซักถามข้อมูลเชิงลึก พร้อมทั้งยังได้มีการร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคณะผู้บริหารในประเด็นสำคัญ เช่น ความท้าทายทางธุรกิจ แนวโน้มอุตสาหกรรม และโอกาสในการเติบโตในอนาคต รวมถึงมีการเปิดเผยแนวโน้มกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2568 อย่างละเอียด เพื่อตอกย้ำถึงความพร้อมของทั้ง 3 ธุรกิจ ในการเดินหน้าพัฒนาให้สอดรับครอบคลุมทุกมิติอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกิจกรรมดังกล่าว เป็นการสะท้อนถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของบริษัทฯ ที่ไม่หยุดยั้งในการพัฒนาศักยภาพอย่างมีคุณภาพ ทั้งยังเป็นการตอกย้ำถึงจุดยืนที่แข็งแกร่งของทุกกลุ่มธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ “เติบโต ต่อเนื่อง อย่างยั่งยืน” ที่บริษัทฯ ยึดมั่นมาตลอดระยะเวลากว่า 38 ปี สำหรับแผนกลยุทธ์แห่งปี 2568 นี้ ILINK ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรตามวิสัยทัศน์ สู่การเป็นผู้นำด้านระบบโครงข่ายสายสัญญาณและนวัตกรรมดิจิทัล โดยเฉพาะธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (Cabling Distribution Business) จะเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในยุคดิจิทัล พร้อมทั้งยกระดับการให้บริการแบบครบโซลูชันของระบบโครงข่ายพื้นฐานอย่างครบวงจร โดยมี การวางเป้าหมายที่ชัดเจนในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการในยุคเทคโนโลยีที่ทันสมัย ภายใต้แนวคิด “NEW INNOVATION” และ“NEXT INNOVATION” ร่วมกับตอกย้ำแบรนด์ LINK AMERICAN CABLING ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมกับโซลูชันที่ครบวงจร จากสินค้า และอุปกรณ์ LINK AMERICAN & GERMAN RACK EVERYWHERE นอกจากนี้ ในปี 2568 ยังถือเป็นปีแห่งการต้อนรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลเชิงบวก เพื่อทุกธุรกิจจะสามารถสร้างรายได้ที่เติบโตแบบทวีคูณ พร้อมกับขยายฐานลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมศักยภาพธุรกิจให้แข็งแกร่งต่อไปในอนาคต เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุด และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ถือหุ้น ลูกค้า และพันธมิตรทุกภาคส่วนอีกด้วย

“จากความสำเร็จที่โดดเด่นของทั้ง 3 ธุรกิจ ที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องนั้น มาจากการขับเคลื่อนธุรกิจทุกกลุ่มในเครืออย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่สามารถสร้างยอดขาย และทำกำไรเติบโตได้ในทุกไตรมาสเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดีเสมอมา เป็นผลมาจากการตั้งใจ และศักยภาพที่มุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมใหม่อย่างไม่หยุดยั้ง ให้สอดรับกับความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงส่งผลสร้างรายได้มูลค่าเพิ่มให้กับทุกกลุ่มธุรกิจในเครือ จนสามารถครองตลาดในด้านเทคโนโลยี ขึ้นแท่นเป็นผู้นำอันดับ 1 ที่กล้าการันตีมีคุณภาพสูง นอกจากนี้ ทั้ง 3 ธุรกิจ ยังมีการเตรียมความพร้อมที่ดี เพื่อสามารถดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ที่ได้กำหนดแบบแผนไว้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนที่ดี และเป็นประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว และยังถือเป็นโอกาสอันดี ในการพบปะ เพื่อเป็นพันธมิตรที่ดีร่วมกันในอนาคต ต่อยอดให้องค์กรได้ก้าวไปสู่การเติบโตที่แข็งแกร่ง และมั่นคงในปี 2568 อย่างยั่งยืนแบบมีคุณภาพต่อไป" นายสมบัติ กล่าวเสริมตอนท้าย

ทรัมป์ล้มทุกนโยบาย LGBTQ พร้อมสั่งห้ามสถานทูตใช้ธงสีรุ้ง

(22 ม.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามคำสั่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม ไม่นานหลังเสร็จสิ้นพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง โดยคำสั่งนี้กำหนดให้รัฐบาลกลางยอมรับเพียง 2 เพศ คือ ชายและหญิง และยกเลิกตัวเลือกเพศ "X" ซึ่งได้รับการนำเสนอในช่วงที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนกำหนดให้ประชาชนสามารถเลือกเพศที่ไม่จำเป็นต้องตรงกับเพศกำเนิดในเอกสารสำคัญต่างๆ เช่น หนังสือเดินทาง วีซา และบัตร Global Entry

คำสั่งนี้มีชื่อว่า "ปกป้องสตรีจากสุดโต่งแห่งอุดมการณ์เรื่องเพศและฟื้นฟูความจริงทางชีววิทยาในรัฐบาลกลาง" โดยระบุให้หน่วยงานรัฐทั้งหมดใช้คำว่า "sex" (เพศ) แทนคำว่า "gender" (อัตลักษณ์ทางเพศ) และยืนยันว่าสิ่งที่เป็นเพศนั้นเป็นลักษณะทางชีววิทยาที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งขัดแย้งกับการยอมรับอัตลักษณ์ทางเพศที่หลากหลายที่มีผลจากนโยบายของรัฐบาลไบเดน

การบังคับใช้คำสั่งนี้จะส่งผลต่อเอกสารราชการต่างๆ เช่น หนังสือเดินทางและวีซา ที่จะต้องแสดงเพศตามกำเนิดของผู้ถือเอกสาร นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อการบริหารจัดการพื้นที่แยกตามเพศ เช่น เรือนจำ ศูนย์พักพิงผู้อพยพ และสถานพักพิงสำหรับเหยื่อความรุนแรงทางเพศ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบในการปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ที่อยู่ในพื้นที่แยกตามเพศ

คำสั่งนี้ยังได้กำหนดมาตรการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินภาษีเพื่อป้องกันการสนับสนุนอุดมการณ์เกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศในหน่วยงานรัฐบาล ข้อกำหนดเหล่านี้จะมีผลทันทีและต้องได้รับการปฏิบัติในทุกหน่วยงานของรัฐ

การออกคำสั่งนี้ถือเป็นการย้อนกลับนโยบายของรัฐบาลไบเดนที่ได้เพิ่มตัวเลือกเพศ "X" ในเอกสารราชการ โดยไม่ต้องการเอกสารทางการแพทย์ในการเปลี่ยนแปลงเพศ และยังเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีอัตลักษณ์ทางเพศหลากหลายสามารถเลือกระบุเพศของตนเองได้

การออกคำสั่งนี้ส่งผลให้ชุมชน LGBTQI+ เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียสิทธิทางกฎหมาย โดยเฉพาะสิทธิในการแต่งงานเพศเดียวกัน ซึ่งได้รับการรับรองในคดี Obergefell v. Hodges ปี 2558 การกลับมาของทรัมป์และการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมทำให้เกิดความกลัวว่าอาจจะมีการยกเลิกคำตัดสินนี้ในอนาคต

ท่ามกลางความกังวลนี้ คู่รัก LGBTQ หลายคู่ได้เร่งจดทะเบียนสมรสเพื่อให้สิทธิทางกฎหมายก่อนที่การเปลี่ยนแปลงนโยบายจะมีผล ข้าราชการและอาสาสมัครในหลายรัฐได้ร่วมกันจัดพิธีแต่งงานฟรีให้คู่รักเหล่านี้ ขณะเดียวกัน คู่รักหลายคู่ยังได้เร่งดำเนินการเปลี่ยนแปลงเอกสารสำคัญ เช่น สูติบัตรและใบขับขี่ เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่มีการยกเลิกคำตัดสิน Obergefell หรือสิทธิการแต่งงานเพศเดียวกันโดยตรง แต่ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายได้เตือนว่าความเสี่ยงทางกฎหมายยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะจากท่าทีของผู้พิพากษาบางคนที่มีแนวคิดขัดแย้งกับสิทธิของ LGBTQ ขณะเดียวกันการบังคับใช้กฎหมาย Respect for Marriage Act จะยังคงบังคับให้รัฐบาลกลางยอมรับการแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกันที่ถูกต้องตามกฎหมาย

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้ออกนโยบาย "ธงเดียว" คือธงชาติสหรัฐเท่านั้น โดยคำสั่งของนายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐคนใหม่ ได้สั่งห้ามสถานทูตสหรัฐฯ ใช้ธง LGBTQ และ BLM โดยระบุว่าจะมีการแสดงเพียงธงชาติสหรัฐฯ เท่านั้น และธงที่เคยใช้ในยุคไบเดนเช่นธง LGBTQ และ Black Lives Matter จะไม่ได้รับอนุญาตให้ชักธงดังกล่าวอีกต่อไป

คำสั่งนี้ระบุไว้ตามรายงานของ The Washington Free Beacon ซึ่งได้รับสำเนาของคำสั่งว่า “ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ธงชาติสหรัฐอเมริกาจะได้รับการอนุญาตให้ชูหรือแสดงที่สถานที่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงในเนื้อหาของรัฐบาลสหรัฐฯ ธงชาติสหรัฐฯ คือสัญลักษณ์ที่รวมใจชาวอเมริกันทุกคนภายใต้หลักการพื้นฐานของความยุติธรรม เสรีภาพ และประชาธิปไตย ค่านิยมเหล่านี้ซึ่งเป็นรากฐานของประเทศที่ยิ่งใหญ่ของเราได้รับการยอมรับจากพลเมืองอเมริกันทุกคนทั้งในอดีตและปัจจุบัน … ธงชาติสหรัฐฯ เป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจ และมันเป็นเรื่องที่เหมาะสมและให้เกียรติที่ธงชาติสหรัฐฯ เท่านั้นที่จะถูกชูหรือแสดงที่สถานที่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ”

หากมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศละเมิดนโยบายใหม่ดังกล่าว จะได้รับการดำเนินการทางวินัย รวมถึงการยกเลิกการจ้างงานหรือสัญญา หรือการโอนไปยังหน่วยงานต้นสังกัด

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งให้การต้อนรับ เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

(22 ม.ค. 68) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย คณะกรรมการมูลนิธิฯ ให้การต้อนรับ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย พร้อมด้วย นายอู๋ จื้อ อู่ อุปทูตสถานเอกอัครราชทูตฯ และคณะ ที่ได้เข้าพบคณะกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เนื่องในเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2568 พร้อมเยี่ยมชมภารกิจมูลนิธิฯ ภารกิจด้านบรรเทาสาธารณภัย และอุปกรณ์ด้านกู้ชีพ กู้ภัย ฯลฯ โดยมี คณะผู้บริหาร และพนักงานมูลนิธิฯ ร่วมให้การต้อนรับ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung  

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชันและสายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

26 มกราคม 2525 ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานชื่อ 'ค่ายจุฬาภรณ์' จังหวัดนราธิวาส

ครั้งเมื่อสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงเป็นนายทหารเรือหญิง พรรคนาวิกโยธินพระองค์แรก นาวาเอก สงบ ศรลัมพ์ จึงได้ยื่นหนังสือถึงกรมนาวิกโยธินเพื่อขอพระราชทานชื่อค่ายดังกล่าว โดยได้รับการเห็นชอบจาก พลเรือโท ยุธยา เชิดบุญเมือง ผู้บัญชาการกรมนาวิกโยธิน และได้ส่งหนังสือไปยังกองทัพเรือเพื่อขอพระราชทานชื่อ "ค่ายจุฬาภรณ์" ซึ่งได้รับการเห็นชอบจากกองทัพเรือ กองบัญชาการทหารสูงสุด และกระทรวงกลาโหมตามลำดับ

ในวันที่ 24 ธันวาคม 2524 พลอากาศเอก พะเนียง กานตรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กราบบังคมทูลนายกรัฐมนตรีเพื่อขอพระราชทานชื่อค่ายทหารของกองบังคับการกรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ กรมนาวิกโยธิน และกองพันทหารราบที่ 9 รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 3 กรมนาวิกโยธิน โดยชื่อค่ายได้รับการยืนยันเป็น "ค่ายจุฬาภรณ์" หรือ "CHULABHORN CAMP" ในภาษาอังกฤษ

ต่อมาเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2525 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ส่งหนังสือถึงกระทรวงกลาโหม โดยระบุว่า สำนักเลขาธิการรัฐมนตรีได้นำเรื่องกราบบังคมทูลพระกรุณาและได้รับพระราชทานชื่อค่ายตามที่ขอ

ในวันที่ 24 กันยายน 2526  พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงพร้อมด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเรือเอกหญิงสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี (พระยศในขณะนั้น) เสด็จพระราชดำเนินเปิด "ค่ายจุฬาภรณ์" ที่กรมทหารราบที่ 3 กรมนาวิกโยธิน บ้านทอน ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส โดยมีพลเรือเอก สมบูรณ์ เชื้อพิบูลย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ, พลเรือเอก โสภณ สุญาณเศรษฐกร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ, พลเรือโท ยุธยา เชิดบุญเมือง ผู้บัญชาการกรมนาวิกโยธิน, และนายทหารผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ร่วมพิธีเปิดค่ายอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสและแขกผู้มีเกียรติจำนวนมาก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top