ทรัมป์ล้มทุกนโยบาย LGBTQ พร้อมสั่งห้ามสถานทูตใช้ธงสีรุ้ง

(22 ม.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามคำสั่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม ไม่นานหลังเสร็จสิ้นพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง โดยคำสั่งนี้กำหนดให้รัฐบาลกลางยอมรับเพียง 2 เพศ คือ ชายและหญิง และยกเลิกตัวเลือกเพศ "X" ซึ่งได้รับการนำเสนอในช่วงที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนกำหนดให้ประชาชนสามารถเลือกเพศที่ไม่จำเป็นต้องตรงกับเพศกำเนิดในเอกสารสำคัญต่างๆ เช่น หนังสือเดินทาง วีซา และบัตร Global Entry

คำสั่งนี้มีชื่อว่า "ปกป้องสตรีจากสุดโต่งแห่งอุดมการณ์เรื่องเพศและฟื้นฟูความจริงทางชีววิทยาในรัฐบาลกลาง" โดยระบุให้หน่วยงานรัฐทั้งหมดใช้คำว่า "sex" (เพศ) แทนคำว่า "gender" (อัตลักษณ์ทางเพศ) และยืนยันว่าสิ่งที่เป็นเพศนั้นเป็นลักษณะทางชีววิทยาที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งขัดแย้งกับการยอมรับอัตลักษณ์ทางเพศที่หลากหลายที่มีผลจากนโยบายของรัฐบาลไบเดน

การบังคับใช้คำสั่งนี้จะส่งผลต่อเอกสารราชการต่างๆ เช่น หนังสือเดินทางและวีซา ที่จะต้องแสดงเพศตามกำเนิดของผู้ถือเอกสาร นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อการบริหารจัดการพื้นที่แยกตามเพศ เช่น เรือนจำ ศูนย์พักพิงผู้อพยพ และสถานพักพิงสำหรับเหยื่อความรุนแรงทางเพศ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบในการปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ที่อยู่ในพื้นที่แยกตามเพศ

คำสั่งนี้ยังได้กำหนดมาตรการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินภาษีเพื่อป้องกันการสนับสนุนอุดมการณ์เกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศในหน่วยงานรัฐบาล ข้อกำหนดเหล่านี้จะมีผลทันทีและต้องได้รับการปฏิบัติในทุกหน่วยงานของรัฐ

การออกคำสั่งนี้ถือเป็นการย้อนกลับนโยบายของรัฐบาลไบเดนที่ได้เพิ่มตัวเลือกเพศ "X" ในเอกสารราชการ โดยไม่ต้องการเอกสารทางการแพทย์ในการเปลี่ยนแปลงเพศ และยังเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีอัตลักษณ์ทางเพศหลากหลายสามารถเลือกระบุเพศของตนเองได้

การออกคำสั่งนี้ส่งผลให้ชุมชน LGBTQI+ เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียสิทธิทางกฎหมาย โดยเฉพาะสิทธิในการแต่งงานเพศเดียวกัน ซึ่งได้รับการรับรองในคดี Obergefell v. Hodges ปี 2558 การกลับมาของทรัมป์และการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมทำให้เกิดความกลัวว่าอาจจะมีการยกเลิกคำตัดสินนี้ในอนาคต

ท่ามกลางความกังวลนี้ คู่รัก LGBTQ หลายคู่ได้เร่งจดทะเบียนสมรสเพื่อให้สิทธิทางกฎหมายก่อนที่การเปลี่ยนแปลงนโยบายจะมีผล ข้าราชการและอาสาสมัครในหลายรัฐได้ร่วมกันจัดพิธีแต่งงานฟรีให้คู่รักเหล่านี้ ขณะเดียวกัน คู่รักหลายคู่ยังได้เร่งดำเนินการเปลี่ยนแปลงเอกสารสำคัญ เช่น สูติบัตรและใบขับขี่ เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่มีการยกเลิกคำตัดสิน Obergefell หรือสิทธิการแต่งงานเพศเดียวกันโดยตรง แต่ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายได้เตือนว่าความเสี่ยงทางกฎหมายยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะจากท่าทีของผู้พิพากษาบางคนที่มีแนวคิดขัดแย้งกับสิทธิของ LGBTQ ขณะเดียวกันการบังคับใช้กฎหมาย Respect for Marriage Act จะยังคงบังคับให้รัฐบาลกลางยอมรับการแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกันที่ถูกต้องตามกฎหมาย

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้ออกนโยบาย "ธงเดียว" คือธงชาติสหรัฐเท่านั้น โดยคำสั่งของนายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐคนใหม่ ได้สั่งห้ามสถานทูตสหรัฐฯ ใช้ธง LGBTQ และ BLM โดยระบุว่าจะมีการแสดงเพียงธงชาติสหรัฐฯ เท่านั้น และธงที่เคยใช้ในยุคไบเดนเช่นธง LGBTQ และ Black Lives Matter จะไม่ได้รับอนุญาตให้ชักธงดังกล่าวอีกต่อไป

คำสั่งนี้ระบุไว้ตามรายงานของ The Washington Free Beacon ซึ่งได้รับสำเนาของคำสั่งว่า “ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ธงชาติสหรัฐอเมริกาจะได้รับการอนุญาตให้ชูหรือแสดงที่สถานที่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงในเนื้อหาของรัฐบาลสหรัฐฯ ธงชาติสหรัฐฯ คือสัญลักษณ์ที่รวมใจชาวอเมริกันทุกคนภายใต้หลักการพื้นฐานของความยุติธรรม เสรีภาพ และประชาธิปไตย ค่านิยมเหล่านี้ซึ่งเป็นรากฐานของประเทศที่ยิ่งใหญ่ของเราได้รับการยอมรับจากพลเมืองอเมริกันทุกคนทั้งในอดีตและปัจจุบัน … ธงชาติสหรัฐฯ เป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจ และมันเป็นเรื่องที่เหมาะสมและให้เกียรติที่ธงชาติสหรัฐฯ เท่านั้นที่จะถูกชูหรือแสดงที่สถานที่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ”

หากมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศละเมิดนโยบายใหม่ดังกล่าว จะได้รับการดำเนินการทางวินัย รวมถึงการยกเลิกการจ้างงานหรือสัญญา หรือการโอนไปยังหน่วยงานต้นสังกัด