Monday, 30 June 2025
ค้นหา พบ 49099 ที่เกี่ยวข้อง

กุญแจสู่พลังอำนาจและความมั่งคั่งในอนาคต ประเทศไหนครองแร่แรร์เอิร์ธมากที่สุด คือผู้กุมชะตาโลก

(14 ม.ค. 68) ผู้ช่วยศาสตราจารย์.ดร.กฤษฎา พรหมเวค คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลและธุรกิจพลังงานสะอาดกำลังขับเคลื่อนโลก แร่ชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Rare Earth “แรร์เอิร์ธ” ได้กลายเป็นทรัพยากรล้ำค่า ประเทศใดที่ได้ครอบครองแร่แรร์เอิร์ธมากที่สุด ย่อมหมายถึงการเข้าใกล้กุญแจสำคัญสู่อำนาจ และความมั่งคั่งของโลกอนาคต

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับแร่แรร์เอิร์ธ ก่อน แร่แรร์เอิร์ธ หรือชื่อเต็มคือ (Rare-Earth Element – REE) ภาษารัสเซียเรียกว่า Редкоземельные металлы (РЗМ) เป็นสินแร่ชนิดโลหะธาตุ เรียกว่า กลุ่มธาตุแลนทาไนด์ (Lanthanide) ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายโลหะแต่ไม่ได้เอามาผลิตเป็นโลหะโดยตรง ที่เรียกว่าเป็นแร่หายากไม่ได้เป็นเพราะว่าแร่เหล่านี้มีน้อยแต่เป็นเพราะสินแร่เหล่านี้ที่พบในบริเวณเปลือกโลกมักจะไม่รวมกลุ่มอยู่ในที่เดียวกัน การสกัดแร่ชนิดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายทำให้ยากต่อการสร้างเหมืองเพื่อขุดเจาะทำเหมืองแร่ชนิดนี้ แร่แรร์เอิร์ธเหล่านี้มีจำนวน 17 ชนิดได้แก่ แลนทานัม ซีเรียม ปราซีโอดีเมียม ยูโรเพียม แกโดลิเนียม เทอร์เบียม ดิสโพรเซียม โฮลเมียม เออร์เบียม ทูเลียม อิตเทอร์เบียม  ลูเทเทียม สแกนเดียม อิตเทียม นีโอไดเมียม ซาแมเรียม โพรมีเทียม โดยวิธีการถลุงแร่แรร์เอิร์ธแบบคร่าวๆ คือต้องถลุงและสกัดเอาสารบริสุทธิ์จากแร่เพื่อให้ได้สิ่งที่เรียกว่า “ออกไซด์ของโลหะ” ก่อนที่จะเอาออกไซด์มาบดเป็นผงและแยกออกมาเป็นชนิดต่างๆ กัน แล้วนำไปจำหน่ายในอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ แร่หายากเหล่านี้ถูกนำไปใช้ผลิตสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในชีวิตประจำวันมากมายตั้งแต่อาวุธยุทโธปกรณ์ อุปกรณ์ทางทหาร อุปกรณ์สื่อสาร เช่นโทรศัพท์มือถือ ยานพาหนะไฟฟ้า รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ โดยแร่แรร์เอิร์ธที่สำคัญได้แก่

– โพรมีเทียม ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่พลังงานนิวเคลียร์
– แลนทานัม ใช้ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และกล้องถ่ายภาพ เช่น กระจกเลนส์ ไฟถ่ายภาพยนตร์
– อิตเทียม ใช้ในการผลิตหลอดภาพของทีวีสี เตาไมโครเวฟ
– นีโอไดเมียม ใช้ในการผลิตแม่เหล็กที่ใช้ในการผลิตลำโพงและฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์
– ปราซีโอดีเมียม ใช้ในการผลิตใยแก้วนำแสงและเครื่องยนต์ของเครื่องบิน

ราคาของโลหะหายากมีความแตกต่างกันอย่างมากเนื่องจากโลหะเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน ตามข้อมูลของตลาดโลหะเซี่ยงไฮ้ REE ที่ถูกที่สุดในปัจจุบันคือแลนทานัมซึ่งใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาต่างๆ สำหรับการแตกตัวของน้ำมันในฟอสเฟอร์และเป็นส่วนประกอบของโลหะผสมที่ทนต่อการกัดกร่อนและทนความร้อน รวมทั้งซีเรียมซึ่งใช้ในการผลิตแหล่งกำเนิดแสง ตัวเร่งปฏิกิริยา วัสดุทนไฟ เทอร์โมอิเล็กทริก และวัสดุขัดถู ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 25,000 หยวน (ประมาณ 3,400 เหรียญสหรัฐ) ต่อตัน โดยโลหะหายากที่มีราคาแพงที่สุดคือสแกนเดียม โดยโลหะผสมอะลูมิเนียม-สแกนเดียมเป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ สารประกอบสแกนเดียมยังใช้ในการผลิตเลเซอร์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแมกนีโตไฮโดรไดนามิกสำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แบตเตอรี่พลังงานแสงอาทิตย์ และกระจกเอกซเรย์ ราคาขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์โดยตกอยู่ที่ 26,500 – 33,500 หยวน (3,600 – 4,600 เหรียญสหรัฐ) ต่อกิโลกรัม ที่ผ่านมาจีนเป็นผู้ผลิตและส่งออกแร่แรร์เอิร์ธรายใหญ่ที่สุดของโลกคิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ของการผลิตทั้งหมดทั่วโลกรวมถึงเป็นซัพพายเออร์รายใหญ่ของโลกด้วย อย่างไรก็ตามความตึงเครียดระหว่าง 2 ขั้วอำนาจโลก สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาที่ดำเนินมาอย่างยืดเยื้อ หลายมาตรการที่ทั้งสองประเทศนำมาใช้ไม่ว่าจะเป็นการตั้งกำแพงภาษีการนำเข้าจากทั้งสองประเทศ การที่สหรัฐอเมริกาสั่งห้ามการใช้งานอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีและการสื่อสารจากบริษัทที่ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าหมายถึงบริษัทเทคโนโลยีการสื่อสารจากประเทศจีน

รวมถึงการกลับมาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในปีนี้มีแนวโน้มจะทำให้สงครามการค้ารุนแรงขึ้น โดยจีนส่งสัญญาณออกมาให้เห็นเป็นระยะที่จะจำกัดการส่งออกแร่โลหะหายากไปยังสหรัฐฯ ซึ่งหากจีนจำกัดการส่งออกแร่โลหะหายากให้สหรัฐฯ จริงก็อาจจะส่งผลกระทบรุนแรงต่ออุตสาหกรรมสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ล้วนต้องพึ่งพาแร่โลหะหายากทั้งสิ้น การผูกขาดของจีนก็เริ่มสร้างความกังวลให้กับประเทศอื่นๆ รวมถึงรัสเซียด้วย ทำให้รัสเซียต้องหาทางออกในการผลิตแร่แรร์เอิร์ธของตนเองเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว

จากสถานการณ์ความขัดแย้งในภูมิรัฐศาสตร์โลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามรัสเซียน – ยูเครนซึ่งอาจขยายตัวไปเป็นสงครามระหว่างรัสเซียกับนาโตในอนาคต รัสเซียมีความต้องการแร่ธาตุหายากสำหรับอุตสาหกรรมนิวเคลียร์และภาคการป้องกันประเทศ อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ (ซึ่งบริโภคแลนทานัม อิตเทรียม และแร่ธาตุอื่นๆ ไป 830 ตันในปี 2023) พลังงานหมุนเวียน (200 ตัน) อุตสาหกรรมแก้วและอุปกรณ์ออปติก (100 ตัน) และอิเล็กทรอนิกส์ (100 ตัน)

ท่ามกลางการแข่งขันด้านแร่ธาตุเทคโนโลยีเชิงยุทธศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้น หากพิจารณาจากทรัพยากรแล้วรัสเซียมีธาตุต่าง ๆ ตามตารางธาตุครบสมบูรณ์ รัสเซียมีฐานวัตถุดิบแร่ธาตุหายากที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แม้ว่าจะไม่มีการประมาณการปริมาณที่แน่นอนก็ตาม ตามข้อมูลอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2017 รัสเซียมีสำรอง REE อยู่ 26.9 ล้านตัน (โดยคำนึงถึงไตรออกไซด์ของโลหะหายากด้วย) ซึ่งทำให้ประเทศนี้ครองอันดับสองของโลก รองจากจีนเท่านั้น ในปี 2024 หน่วยงานจัดการทรัพยากรใต้ดินของรัฐบาลกลางรัสเซีย 

Федеральное агентство по недропользованию (Роснедра) หรือ Rosnedra ประมาณการว่ารัสเซียมีแร่ธาตุหายากมากถึง 28.7 ล้านตัน รวมถึงแหล่งแร่สำคัญ 18 แห่ง เป็นรองเพียงจีนที่มีมากถึง 44 ล้านตันและคิดเป็นมากกว่า 20% ของปริมาณสำรอง 130 ล้านตันของโลก และมีแนวโน้มว่าแหล่งสำรองแร่ธาตุหายากของรัสเซียจะถูกค้นพบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ไซบีเรียที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการสำรวจ และสำนักงานธรณีวิทยาแห่งรัฐก็ค้นพบแหล่งแร่ธาตุเชิงยุทธศาสตร์แห่งใหม่หลายสิบแห่งทุกปี ในสมัยสหภาพโซเวียตรัสเซียมีอุตสาหกรรมแร่ธาตุหายากที่ทรงพลังโดยมีเหมืองแร่และโรงงานต่างๆ ตั้งอยู่ในสาธารณรัฐต่างๆ เช่น ในเอสโตเนีย คีร์กีซสถาน และคาซัคสถาน หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตความสัมพันธ์ความร่วมมือระหว่างองค์กรต่างๆ ก็ล่มสลายอย่างรวดเร็ว โรงงานในคาซัคสถานหยุดทำงานแต่โรงงานในเอสโตเนียยังคงผลิตออกไซด์ของ REE ปัจจุบันโรงงานแห่งนี้มีชื่อว่า NPM Silmet และกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม Canadian Neo Performance Materials และมีกำลังการผลิตแร่ธาตุหายาก 3,200 ตัน 

ในความเป็นจริงปัจจุบันในรัสเซียมีเพียงโรงงานขุดและแปรรูป Lovozero (Ловозерский ГОК) ในภูมิภาคมูร์มันสค์ (Murmansk) และโรงงานแมกนีเซียม Solikamski (SMZ) Соликамский магниевый завод (СМЗ) ในภูมิภาคเปอร์ม (Perm) เท่านั้นที่ยังคงความยิ่งใหญ่เช่นเดิม โดยโรงงานทำเหมืองและแปรรูป Lovozero สกัดแร่จากแหล่งแร่ Lovozero และเสริมสมรรถนะจนผลิตสิ่งที่เรียกว่าแร่เข้มข้นโลปาไรต์ ปริมาณออกไซด์ของธาตุหายากในแร่ที่แหล่งแร่มีการประเมินไว้ที่ 2.6 ล้านตัน กำลังการผลิตของโรงงานขุดและแปรรูปอยู่ที่ประมาณ 8,000 ตันต่อปี แต่คาดว่าจะเพิ่มเป็น 10,000 – 12,000 ตัน รายได้ของ Lovozersky GOK LLC » ในปี 2023 มีจำนวน 2.5 พันล้านรูเบิล จากนั้นสารเข้มข้นของโลพาไรต์จะถูกส่งไปยัง SMZ ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป ได้แก่ คาร์บอเนตของแลนทานัม นีโอดิเมียม ซีเรียม โพรมีเทียม แกโดลิเนียม และยูโรเพียม ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 SMZ ผลิตคาร์บอเนตของโลหะหายากได้ 962 ตัน รายได้ของ JSC SZM ในปี 2022 มีจำนวน 13 พันล้านรูเบิล ในปี 2023 มีจำนวน 12.4 พันล้านรูเบิล

นอกจากนี้รัสเซียยังมีแหล่งแร่สำคัญอื่นๆ ที่มีแร่ธาตุหายากและมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ได้แก่ แหล่งแร่ Tomtorskoye ในสาธารณรัฐยาคูเทีย (Yakutia) ที่ค้นพบเมื่อปี 1977 ซึ่งมีออกไซด์ประมาณ 3.2 ล้านตัน แหล่งแร่ Kolmozerskoye ในภูมิภาคมูร์มันสค์ (Murmansk) ซึ่งค้นพบเมื่อทศวรรษ 1950 มีลิเธียมออกไซด์และแร่อื่นๆ มากถึง 844,000 ตัน แหล่งแร่อื่นๆ มีความเข้มข้นของแร่ธาตุหลัก ได้แก่ แหล่งแร่ Zashikhinskoye แหล่งก๊าซ Kovytka ที่รัสเซียยังไม่ได้แตะต้อง แหล่งน้ำมัน Yaraktinskoye ซึ่งทั้งหมดอยู่ในเมืองเอียร์คุตซ์ (Irkutsk) แหล่งลิเธียม Polmostundrovskoye ในเมืองมูร์มันสค์ แหล่ง Zavitinskoye ในภูมิภาคทรานส์ไบคาล (Transbaikal) แหล่งแร่ Tyrnyauz ในสาธารณรัฐคาบาร์ดิโน - บัลคาเรีย (Kabardino-Balkaria) แหล่งแร่ Kongor-Chrome ในเขตปกครองตนเองยามาเลีย (Yamalia) และแหล่งแร่ Saranovskoye ในเมือง (Perm) เป็นต้น

ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมารัสเซียพยายามเข้าสู่ตลาด REE แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความสำเร็จ ปัจจุบันสัดส่วนการผลิตแร่ธาตุหายากของรัสเซียในโลกมีน้อยมาก คือ น้อยกว่า 1% ดังนั้นเพื่อกระตุ้นการผลิต ในปี 2020 มีการอนุมัติมาตรการลดหย่อนภาษีการทำเหมืองแร่หายากจาก 8% เหลือ 4.8%

สืบ ตม. รวบหนุ่มแดนกังหันลมหลอกขายทองหวังฉกดอลลาร์ 

กก.1 บก.สส.สตม. ได้ทำการสืบสวนกรณีได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ว่ามีกลุ่มชายชาวต่างชาติผิวสี มีพฤติกรรมหลอกลวงขายเม็ดทองคำในราคาถูก ซึ่งเชื่อว่าเป็นเม็ดทองปลอม โดยจะอ้างว่ามีทองคำนำเข้ามาจากแอฟริกาจะขายให้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด เพราะสามารถนำเข้าประเทศไทยแบบไม่เสียภาษี พร้อมทั้งโชว์เม็ดทองคำจำนวนมาก 

จากการตรวจสอบทราบว่า หากมีผู้ใดสนใจซื้อ จะนัดพูดคุยและมอบเม็ดทองคำตัวอย่างซึ่งเป็นทองคำแท้  ให้เหยื่อนำไปตรวจสอบก่อน จากนั้นหากเหยื่อหลงเชื่อตกลงซื้อเม็ดทองดังกล่าว จะนัดพบกันเพื่อซื้อขายเม็ดทองดังกล่าว โดยขายในราคา 55,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2 ล้านบาท) และมักจะอ้างให้เหยื่อเตรียมเงินสดเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐตามจำนวนที่ตกลงซื้อขายกัน ซึ่งหากเหยื่อหลงเชื่อจะรับเงินสดและส่งเม็ดทองปลอมให้แล้วหลบหนีไป หรือหากเหยื่อเริ่มสงสัยว่าเม็ดทองทั้งหมดเป็นของจริงหรือไม่ จะพยายามหาวิธีการเบี่ยงเบนความสนใจ และสับเปลี่ยนเงินของเหยื่อด้วยเงินปลอมที่เตรียมมาด้วย แล้วหลบหนีไป

จากการสืบสวนทราบว่ามีชายผิวดำซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้หลอกลวง พักอาศัยอยู่ที่โรงแรมภายในซอยสุขุมวิท 5 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จึงได้วางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ จนพบชายผิวดำเป้าหมาย มาปรากฎตัว จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองขอตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวชื่อ MR.NDILLE (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี สัญชาติดัตช์ และจากการตรวจสอบห้องพักพบกระเป๋าเสื้อผ้าภายในมีถุงบรรจุสิ่งของลักษณะคล้ายเม็ดทองคำน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม จำนวน 1 ถุง และพบถุงพลาสติกใสบรรจุสิ่งของลักษณะคล้ายเม็ดทองคำน้ำหนักประมาณ 100 กรัมอีก 2 ถุง โดย MR.NDILLE ให้การว่าได้ซื้อเม็ดทองมาจากประเทศจีน โดยเม็ดทองถุงน้ำหนัก 5 กิโลกรัม เป็นเม็ดทองปลอม และเม็ดทองที่บรรจุในถุงพลาสติกถุงละประมาณ 100 กรัม จำนวน 2 ถุง เป็นเม็ดทองจริง 1 ถุง และเป็นเม็ดปลอม 1 ถุง จึงทำการยึดไว้พร้อมด้วยเงินสด สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เงินเยน เงินปอนด์ รวมเป็นเงินประมาณ 117,600 บาท

จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ พบมีการแชทพูดคุย ผ่าน WhatsApp กำลังหลอกเหยื่อเพื่อขายเม็ดทองคำ โดยพบมีภาพได้โชว์เม็ดทองคำจำนวนมากให้ดูและเสนอขายในราคาถูก และมีการให้ตัวอย่างเม็ดทองคำให้ไปตรวจดูก่อนแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบเป็นเม็ดทองคำแท้ จึงตกลงซื้อ จำนวน 1 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 55,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2 ล้านบาท) ทั้งนี้ในการซื้อขาย MR.NDILLE จะขอรับเป็นเงินดอลลาร์เท่านั้น และนัดส่งมอบ เม็ดทองคำ ที่ห้างสรรพสินค้าในแขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ จึงได้ติดต่อผู้ที่พูดคุยกับ MR.NDILLE ดังกล่าวทราบว่า ได้ตกลงซื้อเม็ดทองจาก MR.NDILLE แล้ว และได้นัดพบกันเพื่อซื้อขาย 

โดย MR.NDILLE ได้มากับเพื่อนอีก 3 คน และพยายามเบี่ยงเบนความสนใจและหาโอกาสในการสับเปลี่ยนเงินดอลลาร์ของปลอมที่กลุ่ม MR.NDILLE เตรียมมา ซึ่งโชคดีที่เหยื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงได้โวยวายและยกเลิกการซื้อขาย และนอกจากนี้ยังพบข้อมูลการแชทพูดคุยกับเหยื่ออีกหลายคน เพื่อหลอกขายเม็ดทองปลอมดังกล่าว เบื้องต้น ได้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของ MR.NDILLE เนื่องจากมีพฤติการณ์หลอกลวงผู้อื่น เป็นภัยต่อสังคม ทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียง และขึ้นบัญชีเป็นคนต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร ควบคุมตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อกักตัวเตรียมผลักดันกลับประเทศต่อไป โดยระหว่างนี้ ได้ประสานเหยื่อที่เคยถูกหลอก หรือกำลังจะถูกหลอก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และทำการสืบสวนหาผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เจนเซน หวง ซีอีโอ Nvidia บุกจีน ไม่หวั่นถูกสอบ-คุมเข้มเรื่องชิป AI จากสหรัฐฯ

(14 ม.ค. 68) เจนเซน หวง ซีอีโอของบริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ อินวิเดีย (Nvidia) เตรียมเดินทางเยือนจีนในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางการสอบสวนธุรกิจของบริษัทในจีนและการประกาศข้อจำกัดใหม่จากรัฐบาลสหรัฐฯ ในการส่งออกชิป AI ไปยังต่างประเทศ ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก

แหล่งข่าวเผยว่า หวงมีกำหนดเดินทางถึงเมืองเซินเจิ้นราววันที่ 15 มกราคม ร่วมฉลองเทศกาลตรุษจีนกับพนักงานในบริษัท และจะเดินทางต่อไปยังเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังกรุงไทเปในช่วงปลายสัปดาห์

การเยือนครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่อินวิเดียกำลังเผชิญความท้าทายจากข้อจำกัดใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลต่อการจำหน่ายชิป AI ระดับสูงให้แก่ต่างประเทศ บริษัทได้แสดงความไม่พอใจต่อมาตรการดังกล่าว โดยระบุว่าอาจกระทบต่อศักยภาพการแข่งขันของสหรัฐฯ ในเวทีโลก

ในขณะเดียวกัน ทางการจีนได้เริ่มกระบวนการสอบสวนข้อกล่าวหาการละเมิดกฎหมายป้องกันการผูกขาด ซึ่งอาจเพิ่มความท้าทายให้กับการดำเนินธุรกิจของอินวิเดียในประเทศที่ก่อนหน้านี้ก็ต้องเผชิญมาตรการควบคุมจากสหรัฐฯ อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันว่าการเยือนครั้งนี้จะมีการพบปะกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนหรือไม่

15 มกราคม พ.ศ. 2530 สมเด็จย่า เสด็จฯ เยือนดอยตุงเป็นครั้งแรก พร้อมทรงริเริ่มโครงการพัฒนาดอยตุงฯ

วันนี้เมื่อ 38 ปีก่อน สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) เสด็จฯ เยือนดอยตุงเป็นครั้งแรก และทรงริเริ่มโครงการพัฒนาดอยตุงฯ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่ด้วยพระราชปณิธานที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งพื้นที่และชีวิตชาวไทยภูเขา 

ย้อนกลับไปกว่าสามสิบปีก่อน พื้นที่บนดอยสูงในเขตอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย หากมองจากมุมมองของนก คงเป็นเพียงผืนดินสีน้ำตาลแดงของภูเขาหัวโล้นทอดยาวสุดลูกหูลูกตา แซมด้วยจุดสีเขียวเล็กจ้อยกระจายตัวอยู่เพียงประปราย

ดอยตุงในอดีตคือดินแดนที่ผู้คนในพื้นที่แห่งนั้นเข้าไม่ถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานและขาดความรู้ด้านการเกษตร มีชีวิตที่แร้นแค้นและตกอยู่ในวังวนของปัญหา นำมาซึ่งการประกอบอาชีพผิดกฎหมาย ปลูกและค้าสิ่งเสพติดขายให้กองกำลังชนกลุ่มน้อย มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของวงจรการขายและเสพยาเสพติด รวมถึงการค้าประเวณีเพื่อหวังจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จนนำมาสู่การสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาถึงในพื้นที่เมื่อสมเด็จย่าเสด็จฯ มาเยือนดอยตุงเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2530 และทรงตระหนักว่ารากเหง้าของปัญหา คือ ความยากจนและขาดโอกาสในการดำเนินชีวิต จึงทรงริเริ่มโครงการพัฒนาดอยตุงฯ เมื่อพระชนมายุ 87 พรรษา ซึ่งเป็นวัยที่หลายคนลงความเห็นว่าควรพักผ่อน แต่พระองค์ทรงเลือกที่จะทรงงานต่อเนื่องดังที่เป็นมา

โครงการพัฒนาดอยตุงฯ เริ่ม ‘ปลูกคน’ ด้วยการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่ให้ดีขึ้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน บนความเชื่อสำคัญที่ว่า หากสร้างหนทางให้ชาวบ้านหลุดพ้นจากวงจร ‘ความเจ็บป่วย ความยากจน และความไม่รู้’ ได้ ปัญหาสังคมและการทำลายธรรมชาติเพื่อความอยู่รอดก็จะหมดไปในที่สุด สมเด็จย่าจึงมีพระราชปณิธานที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งพื้นที่และชีวิตชาวไทยภูเขา ดังพระราชดำรัสที่ว่า

โดยพระราชดำรัส “ตกลงฉันจะมาปลูกบ้านที่นี่ แต่ถ้าไม่มีโครงการดอยตุง ฉันก็จะไม่มาปลูกบ้านที่นี่ ฉันอยากปลูกป่ามาสิบกว่าปีแล้ว แต่ไม่มีใครรับปากฉัน”

ไบเดนยกหนี้กยศ. 1.5 แสนคน มูลค่ากว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ ยอดรวมผู้กู้ที่ได้รับการยกหนี้พุ่งเกิน 5 ล้านคน

(14 ม.ค. 68) ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ 13 มกราคมว่า คณะบริหารของเขาจะยกหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาของผู้กู้อีกกว่า 150,000 คน โดยมีเป้าหมายหลักไปที่ผู้ที่เข้าเรียนในสถาบันการศึกษาที่มีพฤติกรรมหลอกลวง, ผู้พิการถาวร และพนักงานในภาครัฐ

ไบเดนกล่าวว่า ขณะนี้มีชาวอเมริกันมากกว่า 5 ล้านคนที่ได้รับการยกหนี้จากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาภายใต้การบริหารของเขา

ในแถลงการณ์ของประธานาธิบดีไบเดนระบุว่า ผู้กู้ 150,000 คนที่ได้รับการยกหนี้ในครั้งนี้ประกอบด้วย ผู้กู้เกือบ 85,000 คนที่เข้าเรียนในสถาบันการศึกษาที่ฉ้อโกง, ผู้กู้ 61,000 คนที่มีอาการพิการถาวร และพนักงานบริการสาธารณะอีกกว่า 6,100 คน

กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ ยังได้เผยแพร่แถลงการณ์เพิ่มเติมในวันเดียวกันว่า การยกหนี้ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการยกหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา 28 ครั้ง โดยตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน คณะบริหารของไบเดนได้ประกาศยกหนี้ไปแล้วกว่า 1.836 แสนล้านดอลลาร์ และการยกหนี้ในครั้งนี้มีมูลค่ามากกว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์

ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ รัฐบาลของไบเดนต้องเผชิญกับอุปสรรคทางกฎหมายจากพรรครีพับลิกันและศาลที่คัดค้านแผนการแบ่งเบาภาระหนี้สินของนักเรียน ซึ่งเป็นคำมั่นสัญญาที่ไบเดนให้ไว้ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2563


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top