Monday, 30 June 2025
ค้นหา พบ 49099 ที่เกี่ยวข้อง

กระทรวงแรงงานขานรับ Soft Power ผลักดันงานปักผ้าด้นมือภูมิปัญญาท้องถิ่น

วันที่ (13 ม.ค. 68) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) เพื่อยกระดับ พัฒนา ความรู้ ความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมจากทุนทางวัฒนธรรมของแรงงานไทยให้สร้างมูลค่า สร้างรายได้ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้แรงงานหลุดพ้นจากความยากจน

นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงานมีความยินดี มุ่งมั่น ที่จะพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานด้านซอฟต์พาวเวอร์ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งนี้ ในปี 2568 กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน มอบหมายให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน และสำนักงาน
พัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศ ดำเนินโครงการพัฒนาทักษะแรงงานรองรับนโยบาย Soft Power ประกอบด้วย การส่งเสริมการพัฒนาทักษะรองรับ Soft power (พัฒนาเครือข่าย และ e-learning) และการฝึกอบรมทักษะฝีมือ (หลักสูตรระยะยาว 240 ชั่วโมง และระยะสั้น 30 ชั่วโมง) เพื่อยกระดับทักษะแรงงานด้านต่าง ๆ ด้วยหลากหลายหลักสูตรฝึกอบรม

สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 2 สุพรรณบุรี มีความพร้อมในการนำนโยบายของรัฐบาล กระทรวง และกรม สู่การปฏิบัติ จึงได้จัดฝึกอบรมหลักสูตร การออกแบบผลิตภัณฑ์จากงานปักผ้า ในระหว่างวันที่ 10-14 มกราคม 2568 มีผู้เข้ารับ การฝึกอบรม 20 คน ณ กลุ่มหัตถกรรมผ้าด้นมือ บ้านดอนยายเหม ตำบลกระจัน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาและยกระดับทักษะฝีมือด้านงานหัตถกรรมสิ่งทอให้แก่ชุมชนท้องถิ่น มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการออกแบบผลิตภัณฑ์จากงานปักผ้า ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดมายาวนานของชุมชนบ้านดอนยายเหม ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้เรียนรู้เทคนิคการออกแบบลวดลาย การเลือกใช้วัสดุ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชน

นางสาวสุขศรีไล่กสิกรรม ผู้อำนวยการ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 2 สุพรรณบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า 
สำหรับผู้สนใจเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรต่าง ๆ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 2 สุพรรณบุรี เลขที่ 13/1 หมู่ 4 ตำบลไผ่ขวาง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โทรศัพท์ 0 3596 9917-19 Facebook : สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 2 สุพรรณบุรี

ขอนแก่น-นักวิ่งปอดเหล็ก ไทย-เทศ เรือนหมื่น แห่! ร่วมการแข่งขัน “ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 20”

(13 ม.ค. 68) มหาวิทยาลัยขอนแก่นเดินหน้าจัดงานวิ่งระดับนานาชาติ “ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 20” (Khon Kaen International Marathon 2025) อย่างยิ่งใหญ่ กับการแข่งขันทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่ KIDS RUN 2.8 กิโลเมตร, FUN RUN 5.4 กิโลเมตร และ ELITE FUN RUN ระยะ 5.4 กิโลเมตรอิ่มอร่อยกับ Food Festival ให้สมกับธีม Foodก็FunRunก็ม่วน แล้วไปกันต่อที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ “LEARN TOPIA”  ใน วันเด็กแห่งชาติ2568 ด้วย

เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 11 มกราคม 2568 ที่บริเวณคุ้มสีฐาน ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตามที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับจังหวัดขอนแก่น ภาครัฐและภาคเอกชนในจังหวัดขอนแก่นได้กำหนดจัดโครงการขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ 2025 ซึ่งปีนี้ครบรอบการจัดการแข่งขันเป็นปีที่ 20 โดยกำหนดจัดการแข่งในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 จำนวน 2 ประเภท คือ เดินวิ่งเพื่อสุขภาพระยะทาง 5.4 กิโลเมตร และการแข่งขัน Kids Run ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร และในวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2568 จำนวน 3 ประเภท คือ ประเภทมาราธอนระยะทาง 42.195 กิโลเมตร. ฮาล์ฟมาราธอนระยะทาง 21.10 กิโลเมตร, มินิมาราธอนระยะทาง 11.55 กิโลเมตรกล่าวแสดงความยินดีโดย  นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมทั้งกล่าวเปิดงานโดย รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล รักษาราชการแทน  อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมี ทุกภาคส่วน เข้าร่วมพิธีปล่อยตัวนักวิ่งและมอบรางวัล กิจกรรมขอนแก่นมาราธอนนานานาติ 2025 ในกิจกรรมดังกล่าว

รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล รักษาราชการแทน  อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า การจัดงานในวันที่ 11-12 มกราคม 2025 นี้ นับเป็นการฉลองครบรอบ 20 ปีของสนามวิ่งมาราธอนแห่งแรกในภาคอีสาน ภายใต้แนวคิด “Food ก็ Fun Run ก็ ม่วน” ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ 2025 ปีนี้มีความพิเศษมาก เพราะเป็นการฉลองครบรอบ 20 ปีของสนามวิ่งมาราธอนแห่งแรกในภาคอีสาน โดยเฉพาะในวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2025 ซึ่งเป็นวันแข่งขันหลัก เป็นการจัดการแข่งขัน มาราธอน ฮาล์ฟมาราธอน และ มินิมาราธอน โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานถ้วยรางวัลเกียรติยศจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำหรับผู้ชนะเลิศประเภทมาราธอน ระยะทาง 42.195 กม. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สำหรับผู้ชนะเลิศฮาล์ฟมาราธอน ระยะทาง 21.1 กม. และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สำหรับผู้ชนะเลิศมินิมาราธอน 11.55 กม. 

“การแข่งขันปีนี้เรายังคงมาตรฐานระดับโลกด้วยการรับรองจาก AIMS และมีทีม PACER มืออาชีพนำโดย ดร.คมกริช จันทรเสนา ที่จะช่วยให้นักวิ่งทำเวลาได้ตามเป้าหมาย เราใส่ใจทุกรายละเอียดตั้งแต่จุดบริการน้ำดื่มและเจลกีฬาตลอดเส้นทาง ระบบรักษาความปลอดภัย การแพทย์ฉุกเฉิน และการจราจรที่เป็นระบบ ที่สำคัญ ปีนี้เราให้ความสำคัญกับนักวิ่งทุกช่วงวัยมากขึ้น โดยเพิ่มรุ่นการแข่งขันสำหรับผู้สูงวัย ทั้งรุ่น 60-64 ปี 65-69 ปี และรุ่น 70 ปีขึ้นไปพร้อมมอบส่วนลดพิเศษ 50% สำหรับนักวิ่งอายุ 60 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ เรายังมี VIP Gift Set สุดพิเศษที่ผลิตโดยมูลนิธิเพื่อเด็กพิเศษ ซึ่งประกอบด้วยพวงกุญแจ ถุงผ้า ที่ตั้งโทรศัพท์ และกรอบวางเหรียญ ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของจังหวัดขอนแก่น”

Tiktok คือใคร และใหญ่ขนาดไหน ทำไมถึงกำลังจะถูกสหรัฐแบน

​ตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 ที่ผ่านมาประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ลงนามในกฎหมายที่กำหนดให้ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ต้องขายกิจการในสหรัฐฯ หรือเผชิญกับการแบนทั่วประเทศ โดยกฎหมายนี้มีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 19 มกราคม 2025 และในเดือนธันวาคม 2024 ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางได้ยืนตามกฎหมายดังกล่าว โดยปฏิเสธข้อโต้แย้งของ TikTok ที่ระบุว่ากฎหมายนี้ละเมิด สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ โดยศาลเน้นย้ำว่ารัฐบาลมีอำนาจในการปกป้องความมั่นคงแห่งชาติ

แต่ล่าสุดหลังจากผู้บริหารระดับสูงของ Tiktok ได้เข้าพบ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ ทางทรัมป์เองก็ได้มีการร้องขอให้ศาลสูงชะลอการแบนออกไปจนกว่าจะมีการเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม 2025 ​แล้ว Tiktok ใหญ่ขนาดไหน ทำไมสหรัฐต้องกลัวว่าจะมาบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ วันนี้เราไปรู้จัก Tiktok ในภาพใหญ่กันค่ะ

​โดยทั้งนี้ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ มีกำหนดไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 10 มกราคม 2025 เพื่อพิจารณากฎหมายที่อาจนำไปสู่การแบน TikTok หาก ByteDance ไม่สามารถขายกิจการในสหรัฐฯ ได้ และถ้าการแบนในสหรัฐเกิดขึ้นจริง TikTok ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 170 ล้านคนในสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อครีเอเตอร์และชุมชนบนแพลตฟอร์ม รวมทั้งธุรกิจจำนวนมากต้องพึ่งพา TikTok ในการทำการตลาดและเข้าถึงลูกค้า การแบนจะทำให้ธุรกิจต้องย้ายไปยังแพลตฟอร์มอื่นค่ะ

รู้จัก “พระราชพิธีสมมงคล” ในหลวงรัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสพระชนมายุ 26,469 วัน เท่ารัชกาลที่ 1

(14 ม.ค. 68) "พระราชพิธีสมมงคล" ถือเป็นอีกหนึ่งพระราชพิธีที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งในปี 2568 นี้ ก็เป็นโอกาสอันเป็นมหามงคลยิ่งของพสกนิกรชาวไทย ที่จะได้ชมพระราชพิธีอันสำคัญที่หาชมได้ยากในรอบ 25 ปี เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช 2568 ซึ่งมีขึ้นในวันที่ 14 มกราคม นี้ 

ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ คณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงความเป็นมา และความสำคัญของ "พระราชพิธีสมมงคล" ว่า พระราชพิธีสมมงคล (อ่านว่า - สะมะมงคล) เป็นราชประเพณีที่ถือปฏิบัติสืบกันมาช้านานคําว่า สมมงคลนั้นหมายถึงเสมอกัน ดังนั้นการจัดพระราชพิธีนี้ก็จะมีการจัดขึ้นในวาระต่าง ๆ ที่เวียนมาพร้อมกัน

เฉกเช่นเดียวกับรัชกาลปัจจุบันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเจริญพระชนมวาร 26,469 วัน ในวันอังคารที่ 14 มกราคม 2568 เป็นสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชสมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี

พระราชพิธีสมมงคลนี้พูดกันเป็นภาษาทั่วไป เพื่อความเข้าใจง่าย ก็คือการบําเพ็ญพระราชกุศลหรือการพระราชพิธีในวาระสําคัญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนม์มายุเสมอด้วย สมเด็จพระบรมราชบูรพการีพระองค์หนึ่งพระองค์ใด เช่นการพระราชพิธีสมมงคล ในวันที่ 14มกราคมนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนม์มายุเสมอด้วยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

ทั้งนี้ ถือเรื่องที่ทํามาช้านานแล้ว ในสมัยพระเจ้าบดินทร์รัชกาลก่อน ๆ ได้เคยปฏิบัติมา รวมถึงชาวบ้านทั่วไปก็ทํามา แต่สําหรับชาวบ้านประชาชนทั่วไป ถ้าไม่มีกําลังหรือลืมไปเสียก็ว่างเว้นไปนาน จนกระทั่งเห็นเป็นของแปลกแล้วในเวลานี้

แต่นับว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง ที่ในพระราชวงศ์ของไทย ยังสามารถรักษาขนบธรรมเนียมเรื่องนี้สืบทอดปฏิบัติกันต่อมาได้ โดยพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์นี้ เป็นราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์ในพระราชวงค์จักรีทรงปฏิบัติสืบต่อกันมาโดยตลอด 

โดยในรัชสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการพระราชพิธีในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วถึง 4 วาระ ซึ่งปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงดําเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของสมเด็จพระบรมชนกนาถ ในการปฏิบัติตามโบราณขัตติยราชประเพณี เพื่อเป็นการแสดงถึงพระราชจริยวัตรและวัฒนธรรมอันดีงามของสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ในการที่ทรงสร้างแบบอย่างความกตัญญูกตเวทิตาแสดงความเคารพรําลึกถึงบรรพชนปู่ย่าตายายที่ประกอบคุณงามความดีไว้แก่บ้านเมือง ให้ราษฎรยึดถือเป็นแบบแผนปฏิบัติสืบไป

ตลอดระยะเวลากว่า 73 ปีที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่สืบสานพระราชปณิธานแห่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถิตสถาพรเป็นพระมิ่งขวัญแก่ปวงชนชาวไทยพระราชทานสันติสุขได้ทรงทํานุบํารุงประเทศและอาณาประชาราษฎร์ดับทุกข์เข็ญน้อยใหญ่นานับการ 

เมื่อพิเคราะห์พระราชกรณียกิจทั้งปวงแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์แล้วนั้นก็จะเห็นได้ว่าไม่ได้แตกต่างกันแต่ประการใด ต่างก็เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรชาวไทย 

เนื่องในวันที่ 14 มกราคม 2568 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมพรรษาเสมอพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชสมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรีจึงเป็นมหามงคลวโรกาสที่พิเศษสุด ที่จะปรากฏเป็นรัชสมัยที่ 2 พระบรมราชจักรีวงศ์ การจัดพระราชพิธีสมงคลในครั้งนี้จึงถือเป็นการสนองพระมหากรุณาธิคุณแห่งสมเด็จพระบรมราชบุพการีผู้ทรงคุณอันประเสริฐในฐานะที่ทรงสถาปนาพระบรมราชจักรีวงศ์และกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งดํารงมั่นคงยั่งยืนจวบจนปัจจุบัน

ยุนซอกยอล ได้ขึ้นเงินเดือน 3% แม้กำลังจะถูกถอดถอน อ้างปรับตามระเบียบ

ชาวเกาหลีใต้ไม่พอใจ หลังประธานาธิบดี 'ยุน ซอกยอล' ได้รับการขึ้นเงินเดือน แม้ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง

(14 ม.ค.68) รัฐบาลเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ประธานาธิบดี ยุนซอกยอล ซึ่งถูกสั่งพักงานจากการประกาศกฎอัยการศึกโดยมิชอบ ยังคงได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี 3% เป็น 262.6 ล้านวอน (ประมาณ 6.2 ล้านบาท) ตามเกณฑ์เงินเดือนของเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากยุนยังดำรงตำแหน่งจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสินขั้นสุดท้าย

ข่าวการขึ้นเงินเดือนของยุนสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงในสังคมเกาหลีใต้ หลายคนแสดงความเห็นว่าการเพิ่มเงินเดือนให้แก่ผู้ถูกพักงานถือว่าไม่เหมาะสม บางคนบนโซเชียลมีเดียตั้งข้อสังเกตว่า การเพิ่มเงินเดือนของยุน 3% สูงกว่าอัตราการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศที่เพิ่มเพียง 1.7% ชาวเน็ตรายหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า “ค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นน้อยมาก แต่ยุนกลับได้เพิ่มถึง 3% นี่คือความยุติธรรมแบบไหน?”

ตั้งแต่ถูกถอดถอนในเดือนธันวาคม 2024 ยุนได้หลีกเลี่ยงการสอบสวนและการจับกุมในข้อกล่าวหาก่อกบฏและใช้อำนาจโดยมิชอบ เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อารักขาของยุนได้ขัดขวางการเข้าจับกุมภายในบ้านพักประธานาธิบดี ทำให้หมายจับหมดอายุลงในคืนวันที่ 7 มกราคม

อย่างไรก็ตาม ศาลท้องถิ่นได้อนุมัติการขยายหมายจับใหม่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมแผนการจับกุมอีกครั้ง พร้อมขอความร่วมมือจากตำรวจ โดยระบุว่าการดำเนินการต้องหลีกเลี่ยงการสูญเสียหรือการนองเลือด

สำหรับการเปรียบเทียบ ผู้นำสหรัฐฯ มีเงินเดือนปีละ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 14 ล้านบาท) นายกรัฐมนตรีอังกฤษมีเงินเดือนประมาณ 172,000 ปอนด์ (ประมาณ 7.25 ล้านบาท) ในขณะที่นายกรัฐมนตรีไทยมีเงินเดือนประมาณ 120,000 บาท

การเพิ่มเงินเดือนของยุนท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงความเหมาะสม และยิ่งสร้างความไม่พอใจในหมู่ประชาชนที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top