Monday, 30 June 2025
ค้นหา พบ 49099 ที่เกี่ยวข้อง

จเรตำรวจแห่งชาติลุยตัดวงจรบัญชีม้า ภัยความมั่นคงของชาติรูปแบบใหม่ หารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เดินหน้าปิดบัญชีม้าทั่วประเทศ

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปอส.ตร.) เปิดเผยว่า วานนี้ (13 มกราคม 2568) ตนพร้อมด้วย พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี , พ.ต.อ.วรธัช วิชชุวาณิชย์ อาจารย์ (สบ 5) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะนิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ภายใต้การนำของ น.ส.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน , น.ส.ดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน , นายบัญชา มนูญกุลชัย ที่ปรึกษารองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน หารือแผนปราบการกระทำผิดทางการเงินครั้งใหญ่ เพื่อปิดช่องทางที่มิจฉาชีพใช้ในการโกงและขโมยทรัพยากรจากคนไทยจำนวนมหาศาล  

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2565 มิจฉาชีพใช้บัญชีม้าในการปล้นทรัพยากรคนไทยไปมากกว่า 100,000 ล้านบาท โดยใช้ infrastructure (โครงสร้างพื้นฐาน) ของประเทศไทย และไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการโยกย้ายเงินไปสู่ คริปโตเคอเรนซี นำเงินออกนอกประเทศไปให้กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งเป็นองค์กรอาชญากรรมที่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งข้อมูลจากการประชุมเปิดเผยว่ามีคนเปิดบัญชีม้ากว่า 2 แสนราย ส่วนใหญ่เป็นบุคคลในวัยทำงาน โดยมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่ขาดแคลนแรงงานถึง 2 แสนคน ซึ่งบุคคลเหล่านี้มีแนวโน้มที่อาจจะถูกออกหมายจับ ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ภาคธนาคารต้องจัดการให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ระบบเศรษฐกิจของชาติได้รับผลกระทบหนักกว่านี้

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการเปิดยุทธการ 'ระเบิดสะพานโจร' ที่จะปิดกั้นทุกช่องทางที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในการหลอกลวงประชาชน โดยตัดช่องทางการใช้บัญชีม้าในการกระทำความผิด โดยในการประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นตามนโยบาย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะไม่ยอมให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์มาหลอกลวงประชาชนได้อีกต่อไป การปิดบัญชีม้าเป็นการกระทำที่มีเป้าหมายชัดเจน และจะดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพภายใต้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน      

ด้าน น.ส.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า จะดำเนินการอย่างเร่งด่วนร่วมกับ ศปอส.ตร. ในการกำหนดนโยบายและการแก้ไขปัญหาโดยเร็ว เพื่อไม่ให้คนร้ายใช้ช่องทางบัญชีธนาคารหลอกลวงคนไทยให้ตกเป็นเหยื่อจากกลุ่มแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติอีกต่อไป

"ผมเชื่อว่าด้วยการบริหารงานของเรา สหรัฐฯ กำลังเป็นผู้นำในเวทีการแข่งขันระดับโลก หากเราลงทุนในตัวเอง ปกป้องแรงงานและเทคโนโลยีของเรา จีนจะไม่มีวันแซงหน้าเราได้"

โจ ไบเดน กล่าวสุนทรพจน์นโยบายต่างประเทศครั้งสุดท้าย ย้ำ จีนไม่มีวันแซงหน้าสหรัฐฯ ได้

เมื่อวันจันทร์ที่ (13 ม.ค. 68) ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์ด้านนโยบายต่างประเทศเป็นครั้งสุดท้ายก่อนพ้นตำแหน่ง โดยระบุว่า จีนจะไม่มีวันก้าวขึ้นมาแซงหน้าสหรัฐฯ ในด้านเศรษฐกิจ พร้อมชี้ว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และพลังงานสะอาด เป็นสองประเด็นสำคัญที่รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ สมัยที่สองควรให้ความสำคัญ  

“ในขณะนี้ ผมเชื่อว่าด้วยการบริหารงานของเรา สหรัฐฯ กำลังเป็นผู้นำในเวทีการแข่งขันระดับโลก” ไบเดนกล่าวที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ โดยเขาเน้นย้ำว่า ตนกำลังส่งมอบประเทศที่แข็งแกร่งขึ้นและมีคู่แข่งที่อ่อนแอลงให้กับโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกำลังจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี  

“เมื่อ 4 ปีก่อน ตอนที่ผมรับตำแหน่งต่อจากทรัมป์ สหรัฐฯ อยู่ในจุดที่เปราะบาง แต่ในระหว่างที่ผมดำรงตำแหน่ง ผมได้เพิ่มศักยภาพของประเทศในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการทูต การทหาร เทคโนโลยี หรือเศรษฐกิจ” ไบเดนกล่าว  

เกี่ยวกับจีน ไบเดนกล่าวว่า ในช่วงที่เขาเข้ารับตำแหน่ง มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะก้าวแซงหน้าสหรัฐฯ ได้ภายในปี 2573 หรือไม่นานหลังจากนั้น “แต่พวกเราที่อยู่ในห้องนี้ยืนยันว่านั่นจะไม่เกิดขึ้น ถ้าสหรัฐฯ ลงทุนในตนเอง ปกป้องแรงงานและเทคโนโลยีของเรา” เขากล่าว พร้อมระบุว่า จากภาวะปัจจุบันของจีน ตามการคาดการณ์ล่าสุด พวกเขาไม่มีทางแซงหน้าสหรัฐฯ ได้  

ในสุนทรพจน์ครั้งนี้ ไบเดนยังเน้นย้ำว่า สหรัฐฯ ต้องเดินหน้าสนับสนุนการพัฒนา AI และพลังงานสะอาด เพื่อรักษาความเป็นผู้นำของประเทศในเวทีโลก “ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่ให้ความสำคัญกับสองประเด็นนี้ ซึ่งเป็นหัวใจของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของผม และจะเป็นสิ่งที่กำหนดอนาคตของเรา” ไบเดนกล่าวปิดท้าย

ข่าวดีการท่องเที่ยวไทย!! กรุงเทพมหานคร ติด 10 อันดับแรก ปลายทางการท่องเที่ยวดีที่สุดในโลก

TripAdvisor แพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลก จัดอันดับ 10 เมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก โดยเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยว-นักเดินทางจากทั่วโลก ร่วมโหวตและรีวิว ในด้านต่าง ๆ ของการท่องเที่ยว 

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ได้รับการจัดอันดับในใจนักท่องเที่ยวอยู่ที่อันดับที่ 10 ส่วนอันดับอื่น ๆ จะมีเมืองใดบ้าง ไปติดตามกันเลย

รถไฟความเร็วสูงสายแรก กรุงเทพ-โคราช-หนองคาย ใช้เวลาวิ่งเพียง 3 ชั่วโมงครึ่ง คาดสร้างเสร็จทั้งเส้นทางปี 72

เมื่อวันที่ (13 ม.ค. 68) เพจโครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure ได้โพสต์ข้อความว่า ทำความรู้จักกับ รถไฟความเร็วสูงสายแรกของไทย กรุงเทพ-โคราช-หนองคาย ระยะทาง 607 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงครึ่ง!!! กับราคาเพียง 1,170 บาท!!!

โดยทางเพจ ระบุว่า วันนี้ขอเอาภาพรวมโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-โคราช-หนองคาย ซึ่งจะไปเชื่อมโยงกับ โครงการรถไฟ ลาว-จีน มาฝาก โดยอ้างอิงข้อมูลจากกรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม 

แนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพมหานคร - หนองคาย เชื่อมต่อ ไทย ลาว จีน

โครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร จำนวน 6 สถานี มีจุดเริ่มต้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ผ่านสถานีดอนเมือง สถานีอยุธยา สถานีสระบุรี สถานีปากช่อง และสิ้นสุดที่สถานีนครราชสีมา โดยจะใช้เวลาเดินทางจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ไปยังสถานีนครราชสีมาเพียง 1 ชั่วโมง 40 นาที และมีอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ 530 บาท

นอกจากนี้ยังมีแผนดำเนินการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ช่วงนครราชสีมา - หนองคาย เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางจากไทยไปลาว และจีน โดยช่วงนครราชสีมา - หนองคาย มีระยะทางประมาณ 357 กิโลเมตร จำนวน 5 สถานี โดยจะเป็นการเดินทางต่อจากสถานีนครราชสีมา ผ่านสถานีบัวใหญ่ สถานีบ้านไผ่ สถานีขอนแก่น สถานีอุดรธานี และสิ้นสุดที่สถานีหนองคาย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติดำเนินโครงการ

และเมื่อโครงการรถไฟความเร็วสูงก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งเส้นทางภายในปี 2572 จะทำให้ประชาชนสามารถเดินทางจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ไปยังสถานีหนองคาย โดยใช้ระยะเวลาเดินทางเพียง 3 ชั่วโมง 30 นาที และมีอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ 1,170 บาท

สามารถติดตามข่าวสารระบบรางได้ที่ https://www.facebook.com/DRT.OfficialFanpage

‘สุชาติ’ เร่งเครื่อง! แพลตฟอร์ม 'ITD Expert Anywhere' ตั้งเป้าพา SMEs ไทยฝ่าอุปสรรค สู่ความสำเร็จระดับโลก

(14 ม.ค.68) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณย์ เปิดเผยว่า “กระทรวงพาณิชย์ โดยสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ITD เตรียมจัดงานสัมมนา 'เสริมแกร่ง SMEs ในยุคดิจิทัล ผ่านแพลตฟอร์ม ITD Expert Anywhere' ภายใต้แนวคิด “เติบใหญ่ ไปไกลกว่าเดิม Grow Thrive” ในวันที่ 22 มกราคม 2568 ณ โรงแรมกราฟ โฮลเทล กรุงเทพฯ ซึ่งจะจัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยเข้าถึงคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ได้รับการพัฒนาต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งจะเป็นการขยายผลจากความสำเร็จของการให้คำปรึกษาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มุ่งเน้นการช่วยผู้ประกอบการ SMEs โดยเฉพาะในด้านการส่งออก การพัฒนา และการปรับตัวหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและระบบออนไลน์ เพื่อให้ SMEs ไทยสามารถเติบโตและพัฒนาธุรกิจได้ในยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน”

นายสุชาติ กล่าวต่ออีกว่า “ทาง ITD ได้ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นพัฒนาเครื่องมือนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะยกระดับศักยภาพของ SMEs ไทย โดยในการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดสากล ช่วยเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญระดับภูมิภาคและระดับโลกได้ โดยสำหรับปีที่ 2 นี้ มีการพัฒนาให้ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ระบบ Metaverse เพื่อจำลองการดำเนินธุรกิจในโลกเสมือนจริง และจัดกิจกรรมออนไลน์ ให้คำปรึกษาที่เข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ผู้ประกอบการจะสามารถเข้าถึงคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆได้  โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่น่าสนใจมาก” 

“และนอกจากนี้ แพลตฟอร์ม ยังได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ การสัมมนาครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมแกร่งให้กับ SMEs ไทยให้สามารถเติบโตและแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว เพื่อเป็นการเสริมประสิทธิภาพให้กับตนเองและธุรกิจให้มีความพัฒนาอย่างยั่งยืน” นายสุชาติ กล่าวทิ้งท้าย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top