Monday, 30 June 2025
ค้นหา พบ 49099 ที่เกี่ยวข้อง

เปิดแผนลับเพนตากอน แม้ทรัมป์พลาดซื้อกรีนแลนด์ แต่เล็งส่งยามฝั่งคุม หวังปิดทางรัสเซียสู่อาร์กติก

(13 ม.ค. 68) การที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ สร้างความตะลึงไปทั่วโลกด้วยการป่าวประกาศว่าจะซื้อดินแดนกรีนแลนด์จากเดนมาร์กนั้น หากพิจารณาให้ลึกซึ้ง แนวคิดของทรัมป์แทบไม่ได้ต่างอะไรกับกลยุทธ์ของผู้นำสหรัฐคนก่อนหน้านี้ที่ให้ความสนใจในดินแดนกรีนแลนด์อยู่แล้ว

อิรินา สเตรลนิโควา นักวิเคราะห์ด้านการต่างประเทศจากมหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แห่งมอสโก กล่าวกับ Sputnik ตามแนวทางกลยุทธ์อาร์กติกที่เพนตากอนเผยแพร่กลางปี 2024 ระบุถึงบทบาทสำคัญของกรีนแลนด์ในแผนการของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ โดยการออกมาประกาศความสนใจซื้อดินแดนของทรัมป์ต่างเพียงบางจุดจากแผนการของเพนตากอนเพียงเท่านั้น

“กลยุทธ์ใหม่นี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการขยายศักยภาพของสหรัฐฯ สำหรับการดำเนินการในเขตอาร์กติก โดยเฉพาะด้านการสื่อสาร การข่าว การสอดแนม และความร่วมมือกับพันธมิตรและหุ้นส่วน” เธอกล่าว  

สำหรับแผนของทรัมป์นั้น “ถ้าพิจารณาว่าแผนนี้เป็นอะไรที่ใหม่หรือไม่คาดคิด คำตอบคือไม่ นี่เป็นเพียงวิธีการแสดงออกที่มีเอกลักษณ์ในแแบบเฉพาะตัวของทรัมป์เท่านั้น” สเตรลนิโควาอธิบาย  
 
นักเคราะห์จากมอสโกยังกล่าวว่า เหตุผลหลักเนื่องจากกรีนแลนด์เป็นที่ตั้งของฐานทัพสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงระบบเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับการโจมตีด้วยขีปนาวุธ ซึ่งเป็นไปตามที่ระบุในแผนกลยุทธ์แอตแลนติกเหนือที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐเผยแพร่เมื่อช่วงกลางปี 2024 โดยเพนตากอนมีแผนจะปรับปรุงยกระดับฐานทัพ Thule Air Base อย่างครอบคลุม

อย่างไรก็ตาม รัสเซียรับรู้ถึงแผนของสหรัฐฯ ล่วงหน้าก่อนที่ทรัมป์จะมีบทบาท ซึ่งมอสโกได้เตรียมมาตรการเพื่อจัดการกับความเสี่ยงต่อความมั่นคงและผลประโยชน์แห่งชาติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตแล้ว

สเตรลนิโควาเชื่อว่าทรัมป์ไม่น่าจะประสบความสำเร็จในการซื้อกรีนแลนด์ แต่หากสำเร็จ สิ่งที่รัสเซียต้องกังวลอย่างยิ่งคือการลาดตระเวนของหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ในพื้นที่ใกล้เคียงกรีนแลนด์ซึ่งจะทวีความถี่บ่อยขึ้น

“การส่งกำลังของสหรัฐฯ เพิ่มเติมในกรีนแลนด์จะลดศักยภาพการปฏิบัติการของกองเรือเหนือของรัสเซีย (Northern Fleet) และทำให้ฐานทัพเรือในเขตอาร์กติกของรัสเซียมีความเสี่ยงมากขึ้นต่อการถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธ แต่เราพร้อมรับมือ อย่างไรก็ตามที่สำคัญคือ จะไม่มีใครยอมขายกรีนแลนด์” เธอกล่าว  

สเตรลนิโควาชี้ว่า “หากสหรัฐไม่สามารถซื้อกรีนแลนด์ได้สำเร็จ สหรัฐจะใช่วิธีการส่งหน่วยยามฝั่ง (United States Coast Guard) เข้ามาลาดตระเวนในพื้นที่่แทน ซึ่งการกระทำนี้จะเป็นตัวกระตุ้นความตึงเครียดหลัก เพราะจากประสบการณ์และการกระทำของสหรัฐฯ ในทะเลจีนใต้และเอเชียตะวันออก หน่วยยามฝั่งเป็นเครื่องมือกดดันที่ถูกใช้งานบ่อยกว่ากองทัพเรือสหรัฐฯ และมีความก้าวร้าวในการสร้าง ‘พื้นที่สีเทาทางทะเล’ มากกว่า เนื่องจากมีต่อการเผชิญหน้าน้อยกว่า 

หน้าที่หลักของรัสเซียคือป้องกันไม่ให้หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นความตึงเครียดหลัก เข้าใกล้กรีนแลนด์ 

อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่าหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ จะมีศักยภาพในการเข้ามาในพื้นที่อาร์กติกได้เมื่อใด เนื่องจากโครงการต่อเรือตัดน้ำแข็งของหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ นั้นประสบปัญหาล่าช้ามาตลอด จึงทำให้หน่วยยามฝั่งฯ ยังไม่มีเรือที่พร้อมจะเข้ามายังพื้นที่ตอนในของกรีนแลนด์ได้

‘รองนายกประเสริฐ’ สั่งการ ‘สคส.’ ตรวจสอบสมาร์ทโฟนยี่ห้อดัง ผัง ‘แอปเงินกู้’ ในมือมือถือ - ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่ พร้อมเรียกตัวแทนบริษัทมือถือชี้แจง ‘13 ม.ค.’ นี้ทันที 

(12 ม.ค. 68) นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวสมาร์ทโฟน OPPO และ REALME ได้ติดตั้งแอพพลิเคชันเงินกู้ ‘สินเชื่อความสุข’ และ ‘Fineasy’ มาในระบบ System App โดยไม่สามารถลบออกได้แล้วยังเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ เช่น รายชื่อผู้ติดต่อและเบอร์โทรศัพท์ว่า กรณีนี้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้สั่งการให้ สคส.เร่งตรวจสอบกรณีดังกล่าว อีกทั้งตนยังได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบและกำกับดูแล พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ประสานงานกับ สกมช.และ กสทช. เพื่อแจ้งผู้แทนบริษัทมือถือและแอปดังกล่าวตรวจสอบและเข้าชี้แจงกรณีดังกล่าวโดยทันที ในวันที่ 13 มกราคม2568 ณ กสทช. เนื่องจากอาจเป็นการเข้าถึงหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้โดยมิได้รับความยินยอมและอาจสร้างความเสียหายได้ เพื่อพิจารณาถึงมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและการปกป้องและคุ้มครองสิทธิของประชาชนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 อย่างเคร่งครัดต่อไป

อย่างไรก็ตาม หากมีประชาชนเจ้าของข้อมูลได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าว สามารถใช้สิทธิร้องเรียนมายัง PDPC ผ่านทางเว็บไซต์ pdpc.or.th หรือหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์ให้คำปรึกษาและรับเรื่องร้องเรียน สคส. โทร. 02-1118800 กด 2

14 มกราคม พ.ศ. 2430 รัชกาลที่ 5 สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามบรมราชกุมาร

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 7 แรม 12 ค่ำ ปีขาล สัมฤทธิศก จ.ศ. 1240 ตรงกับวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ.2421

พระองค์ทรงมีพระอนุชาและพระขนิษฐาร่วมพระมารดา ได้แก่ สมเด็จเจ้าฟ้าอิศริยาลงกรณ์, สมเด็จเจ้าฟ้าวิจิตรจิรประภา, สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์, สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร, สมเด็จเจ้าฟ้าศิราภรณ์โสภณ และสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงสงขลานครินทร์ (ต่อมาคือสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกในรัชกาลที่ 9)

ภายหลังการเสด็จทิวงคตของกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ เมื่อพ.ศ. 2428 ไม่มีการสถาปนาผู้ใดขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลอีก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริว่า ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลไม่เหมาะสมกับกาลสมัย และอาจทำให้ชาวต่างประเทศเข้าใจสับสน

และมีพระราชดำริว่า พระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ซึ่งเรียกว่า “สมเด็จหน่อพระพุทธเจ้า” ที่ตั้งขึ้นไว้ตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 เป็นตำแหน่งสอดคล้องตามแบบอย่างการสืบสันตติวงศ์ของพระมหากษัตริย์ในนานาอารยประเทศที่มีราชประเพณี แต่งตั้งพระราชโอรสองค์ใหญ่เป็นมกุฎราชกุมารดำรงตำแหน่งรัชทายาท

ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งพระราชพิธีมหาพิไชยมงคลลงสรงสนานเฉลิมพระปรมาภิไธยสถาปนา สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2429 ( นับตามปีปฏิทินปัจจุบัน พ.ศ. 2430)

มีพระนามตามจารึกสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ อดิศวรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรสมมติเทพยวรางกูร บรมมกุฎนเรนทรสูริย์ขัตติยสันตติวงศ์ อุกฤษฐพงศ์วโรภโตสุชาต ธัญญลักษณวิลาสวิบุลยสวัสดิ์สิริวัฒนราชกุมาร

นับเป็นครั้งแรกสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ที่มีตำแหน่งสยามมกุฎราชกุมาร เป็นตำแหน่งรัชทายาท แทนตำแหน่งพระมหาอุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือวังหน้า ที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ประชวรด้วยพระโรคไข้รากสาดน้อย เสด็จสวรรคตเมื่อวันศุกร์ เดือน 2 ขึ้น 9 ค่ำ ปีมะเมียฉศก จ.ศ. 1256 ตรงกับวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2437

ขณะมีพระชนมายุ 15 พรรษา 6 เดือน กับ 7 วัน

16 มกราคม ของทุกปี วันครูแห่งชาติ กับคำขวัญประจำปี 68 'ครูจุดประกายความฝัน ผลักดันให้กล้าคิด สร้างโอกาสในชีวิตให้เด็กไทย'

วันครูมีความสำคัญเพื่อให้นักเรียนได้ระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ที่เป็นแม่พิมพ์พ่อพิมพ์ของชาติ ซึ่งได้อบรมสั่งสอนเรามาตั้งแต่เยาว์วัย ทำให้เราเติบโตขึ้นเป็นคนดีและมีความรู้ ดังนั้น ครูจึงเป็นบุคคลสำคัญในวงการการศึกษาทั้งด้านวิชาการและประสบการณ์ และถือเป็นอาชีพที่เต็มไปด้วยความเสียสละเพื่อส่วนรวม

การกำหนดวันที่ 16 มกราคมของทุกปีเป็นวันครูมีที่มาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในปี พ.ศ. 2488 ซึ่งได้ถูกตีพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา ทำให้มีการกำหนดให้วันที่ 16 มกราคมเป็นวันครูตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา ในวันนี้จะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อระลึกถึงพระคุณของครูอาจารย์

สำหรับคำขวัญวันครูในประจำปี 2568 นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้มอบคำขวัญไว้ว่า “ครูจุดประกายความฝัน ผลักดันให้กล้าคิด สร้างโอกาสในชีวิตให้เด็กไทย”

17 มกราคม 2376 วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช รัชกาลที่ 4 ทรงพบศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงหลักที่ 1

เจ้าฟ้ามงกุฎ (ซึ่งภายหลังได้รับพระราชทานพระราชานุญาตเป็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ขณะอยู่ในสมณเพศได้ทรงค้นพบจารึกในปีมะเส็ง เบญจศก จุลศักราช 1195 ซึ่งตรงกับวันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2376 ณ เนินปราสาทเมืองเก่าสุโขทัย อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย โดยจารึกนี้มีลักษณะเป็นก้อนหินสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดสูง 111 เซนติเมตร และหนา 35 เซนติเมตร ทำจากหินทรายแป้งเนื้อละเอียด มีจารึกอยู่ทั้งสี่ด้าน และปัจจุบันได้เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร

เนื้อหาของจารึกแบ่งออกเป็นสามตอน ตอนแรก ตั้งแต่บรรทัดที่ 1 ถึง 18 กล่าวถึงพระราชประวัติของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ตั้งแต่การประสูติจนถึงการเสวยราชย์ โดยใช้คำว่า "กู" เป็นหลัก ตอนที่สอง ใช้คำว่า "พ่อขุนรามคำแหง" และบรรยายเหตุการณ์และธรรมเนียมต่างๆ ในกรุงสุโขทัย ขณะที่ตอนที่สาม ตั้งแต่บรรทัดที่ 12 ของด้านที่ 4 จนถึงบรรทัดสุดท้าย มีลักษณะตัวหนังสือที่แตกต่างจากตอนแรกและตอนที่สอง ซึ่งอาจจะเป็นการจารึกภายหลัง เพื่อสรรเสริญและยกย่องพ่อขุนรามคำแหง พร้อมทั้งกล่าวถึงอาณาเขตราชอาณาจักรสุโขทัย

จารึกนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำแห่งโลกโดยยูเนสโกในปี พ.ศ. 2546 ซึ่งยูเนสโกได้กล่าวถึงจารึกนี้ว่าเป็นมรดกเอกสารที่มีความสำคัญระดับโลก เนื่องจากมันให้ข้อมูลอันล้ำค่าหลายประการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของโลก นอกจากนี้ยังบันทึกการประดิษฐ์อักษรไทย ซึ่งเป็นรากฐานของอักษรที่ใช้ในประเทศไทยที่ถูกใช้โดยผู้คนกว่า 60 ล้านคนในปัจจุบัน เป็นหลักฐานสำคัญว่า ชนชาวไทยได้มีศิลปวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามมาแต่โบราณกาล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top