Monday, 9 June 2025
ค้นหา พบ 48681 ที่เกี่ยวข้อง

ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม ภาคที่ 10 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้เพิ่มศักยภาพในการพัฒนาในการแข่งขันในตลาดสากล กลุ่มสาขาของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก ปี 2024

ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม ภาคที่ 10 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้ดำเนินกิจกรรมเพิ่มศักยภาพด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน สาขาของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก ในจังหวัดนครศรีธรรมราช และได้สนับสนุนเพิ่มศักยภาพของกลุ่มวิสาหกิจ โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ จำนวน 3 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งแต่ละผลิตภัณฑ์สามารถใช้งานได้หลากหลาย (Multifunction Product) ดังนี้

1. กลุ่มคีรี Kiree  >> พัฒนาผลิตภัณฑ์คลุมไหล่ ที่ยังสามารถใช้งาน ผ้าพันคอ และกระเป๋าได้อีกด้วย
2. วิสาหกิจชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงในครัวเรือน >> พัฒนาผลิตภัณฑ์เทียมหอมไล่ยุง สามารถจุดไล่ยุงได้ และช่วยในการผ่อนคลาย ช่วยในการฝึกสมาธิ และผลิตจากไขถั่วเหลือง 100% ที่ยังสามารถนำน้ำตาเทียน มาทาบนผิวหนังให้ชุ่มชื่น
3. วิสาหกิจเกษตรกรชาวสวนบ้านต้นมะม่วง >> พัฒนาผลิตภัณฑ์ถ่านดับกลิ่นจากเปลือกมังคุด เป็นรูปมโนราห์ จัดเป็นนาฏศิลป์พื้นถิ่น เพื่อขจัดกลิ่นและไล่แมลงที่ไม่พึงประสงค์ได้ ในรถ ตู้เย็น ในห้องพัก และยังสามารถวางตกแต่งเพื่อความสวยงาม

DIPromCenter10 Boosts Product Development for Global Market Competitiveness in the Home Decor and Souvenir Sectors for 2024

DIPromCenter10, under the Department of Industrial Promotion, has enhanced its efforts to boost the competitiveness of local products in the global market, focusing on home decor, accessories, and souvenir sectors in Nakhon Si Thammarat province. As part of this initiative, three multifunctional products from local enterprises have been developed, each designed for versatile use as a multifunctional product.

One of the standout products is a multipurpose shoulder wrap developed by the 'Kiree Group'. This innovative product can also be used as a scarf and includes a convenient built-in pouch.

For inquiries, please contact:
Kiree Group
Moo 10, Ban Kiriwong, Kamlon Sub-district, Lan Saka District, Nakhon Si Thammarat Province  
Tel: 086-9467786

Another noteworthy enterprise is the 'Sufficiency Economy in Household Community Enterprise', which has developed a mosquito-repellent soy wax incense. This product not only repels mosquitoes but also promotes relaxation and concentration. Made from 100% soybean wax, the melted wax can be applied to the skin as a moisturizing agent.

For inquiries, please contact:
Sufficiency Economy in Household Community Enterprise
64/1 Moo 4, Khun Thale Sub-district Municipality, Lan Saka District, Nakhon Si Thammarat Province  
Tel: 061-1679335

Lastly, the 'Baan Ton Ma-Muang Agricultural Community Enterprise' has developed a mangosteen peel charcoal deodorizer, shaped like a traditional Manora dancer. This product is both functional and decorative, designed to eliminate odors and repel unwanted insects in cars, refrigerators, and living spaces.

For inquiries, please contact:
Baan Ton Ma-Muang Agricultural Community Enterprise
159 Moo 4, Lan Saka Sub-district, Lan Saka District, Nakhon Si Thammarat Province  
Tel: 088-7608209
 

โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน สาขาอาหารและเครื่องดื่ม ด้วยแนวคิด Multi-Function  ส่งเสริม Soft Power ไทย ประจำปี 2567

ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 10 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ช่วยเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการ สู่ตลาดสากลขับเคลื่อน โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน สาขาอาหารและเครื่องดื่ม ด้วยแนวคิด Multi-Function  
ส่งเสริม Soft Power ไทย ประจำปี 2567

ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม ภาคที่ 10 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้ดำเนินกิจกรรมเพิ่มศักยภาพด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน สาขาอาหารและเครื่องดื่ม ในจังหวัดนครศรีธรรมราช  

โดยกลุ่มที่ผ่านการคัดเลือกเข้าโครงการจำนวน 7 กลุ่มวิสาหกิจ ได้แก่
1. ศูนย์การเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ  (ไร่สวัสดิ์สุข)  
2. วิสาหกิจชุมชนสวนสักการเกษตร  
3. วิสาหกิจชุมชนคนสร้างสุขวังมโนห์รา
4. วิสาหกิจชุมชนปลาใส่อวนแม่แกวดสูตรโบราณ
5. วิสาหกิจชุมชนปลาดุกร้าท่าซัก  
6. วิสาหกิจชุมชนกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านแหลมโฮมสเตย์  
และ 7. วิสาหกิจชุมชนเกษตรบางขี้หมูตำบลการะเกด 

พร้อมเข้าร่วมการพัฒนาใน 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 
1. ถ่ายทอดความรู้ ในด้านการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบ Multifunction Product  
2. ศึกษาดูงานเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้
3. การให้คำแนะนำเชิงลึกในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ 
4. การจัดกิจกรรมสร้างการรับรู้ เชื่อมโยงกับ Soft Power นำเสนอสินค้าผ่านช่องทางต่างๆ ในสื่อออนไลน์

โดยเป้าหมายหลักในการจัดโครงการนี้ 
โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยแนวคิดการใช้งานได้หลากหลาย (Multi-Function) เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการในการผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ตลาดระดับสากล ไม่ใช่แค่อาหารและเครื่องดื่มเพียงอย่างเดียว แต่มุ่งเน้นคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้หลากหลายหน้าที่ หรือเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบให้ใช้งานได้หลากหลายแบบ
การใช้วัตถุดิบในชุมชน อัตลักษณ์ ภูมิปัญญา วัฒนธรรมพื้นถิ่น ผสมผสานนวัตกรรม เทคโนโลยี เรื่องเล่า (Storytelling) ออกแบบและพัฒนา เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่  อีกทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริม Soft Power ของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าและบริการของไทย 

เพื่อพัฒนาและยกระดับผู้ประกอบการชุมชนให้สามารถผลิต ผลิตภัณฑ์ให้มีคุณค่า มีคุณประโยชน์เพิ่มขึ้น และ/หรือมีบริการหลังการขาย (Services) ที่ทันกับยุคสมัย (Trend) มีคุณภาพมาตรฐานสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ตอบโจทย์ผู้บริโภคเป้าหมาย และพร้อมเติบโตมุ่งสู่การแข่งขันในระดับสากล

สำหรับกิจกรรมนี้จะช่วยให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ จำนวน 7 ผลิตภัณฑ์ ที่แต่ละผลิตภัณฑ์สามารถใช้งานได้หลากหลาย(Multifunction Product) และยังเชื่อว่าการเติบโตของกลุ่มวิสาหกิจต้องขยายในท้องตลาด ละยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก

1.ศูนย์การเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ  (ไร่สวัสดิ์สุข) พัฒนาผลิตภัณฑ์แยมจากส้มโอทับทิมสยาม

เกิดจากความต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกษตรท้องถิ่น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการปลูกส้มโอทับทิมสยามอย่างแพร่หลาย ส้มโอทับทิมสยามถือเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเป็นที่รู้จักในตลาดผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ แนวคิดการพัฒนาแยมจากส้มโอทับทิมสยามนี้ไม่เพียงตอบสนองต่อความต้องการของตลาด แต่ยังเป็นการส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจที่ยั่งยืนตามแนวทางของ BCG Economy ช่วยให้ธุรกิจในชุมชนมีความมั่นคงในระยะยาว 

ศูนย์การเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ ไร่สวัสดิ์สุข “ส้มโอทับทิมสยาม”  
เลขที่ 39 ม.15 ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช
โทร.089-605-4388 Facebook:ส้มโอทับทิมสยามไร่สวัสดิ์สุข 

2.วิสาหกิจชุมชนสวนสักการเกษตร  พัฒนากระเทียมโทนในน้ำผึ้งพร้อมไซเดอร์มังคุด
เป็นการนำคุณค่าของทั้งสามวัตถุดิบมาผสมผสานกัน โดยน้ำผึ้งทำหน้าที่เป็นสารกันเสียตามธรรมชาติ และยังช่วยเพิ่มรสชาติความหวานที่กลมกล่อม ในขณะที่ไซเดอร์มังคุดช่วยเสริมความสดชื่นและคุณค่าทางโภชนาการ ผลิตภัณฑ์นี้เป็นเสมือนการส่งต่อภูมิปัญญาจากอดีตสู่อนาคต โดยใช้สมุนไพรและผลไม้ท้องถิ่นที่มีในทุกครัวเรือน ผสมผสานกับวิทยาการสมัยใหม่เพื่อสร้างเครื่องดื่มสุขภาพที่ทั้งมีประโยชน์และอร่อย พร้อมให้คุณค่าต่อร่างกายอย่างเต็มที่

วิสาหกิจชุมชนสวนสักการเกษตร
เลขที่ 245 ม.1 ต.พิปูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช 80270
Facebook: สุ กระเทียมโทนดอง  Tel:081-6139919

3.วิสาหกิจชุมชนคนสร้างสุขวังมโนห์รา  พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ทอฟฟี่หมากผสมมะพร้าว 
ทอฟฟี่หมากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานระหว่างมะพร้าวและหมาก ซึ่งทั้งสองอย่างเป็นวัตถุดิบธรรมชาติที่ได้รับความนิยมในท้องถิ่นของหลายภูมิภาคในประเทศไทย ไม่เพียงแต่มีรสชาติหวานหอมจากมะพร้าว แต่ยังได้รับคุณค่าทางสมุนไพรจากหมาก ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ต้องการทอฟฟี่ที่มีคุณประโยชน์ และยังสามารถทำเมนูได้หลากหลายเช่น ชาชงผสมทอฟฟี่หมาก  เครื่องดื่มทอฟฟี่หมาก เป็นต้น  เป็นการผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ทันสมัย 

“วิสาหกิจชุมชนคนสร้างสุขวังมโนห์รา” 
เลขที่ 168/2 ม.6 ต.ทุ่งใส อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช 80330
Facebook: วิสาหกิจชุมชนคนสร้างสุขวังมโนห์รา  Tel:081-9701665

‘เคทีซี’ เผยตัวเลข 9 เดือน กำไรกว่า 5 พันล้านบาท ชี้!! มีการปรับตัว รับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลง

(19 ต.ค. 67) นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ‘เคทีซี’ หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากสภาพเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน ทำให้การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัว อีกทั้งความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนกลุ่มเปราะบางที่ปรับลดลงจากรายได้ที่ฟื้นตัวช้า ล้วนส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงอุตสาหกรรมสินเชื่อผู้บริโภคโดยภาพรวม อย่างไรก็ตาม เคทีซียังคงรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อให้อยู่ภายใต้กรอบเป้าหมายที่วางไว้ได้ พอร์ตลูกหนี้บัตรเครดิตจะชะลอตัวลงบ้าง ส่วนหนึ่งจากผลของการปรับอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรยังเติบโตดีต่อเนื่อง สำหรับพอร์ตสินเชื่อบุคคลยังขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่ NPL Coverage Ratio อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยเคทีซีได้ปรับกระบวนการทำงานให้ยืดหยุ่นพร้อมรับมือกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลง และมุ่งรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อที่ดีเสมอ ซึ่งเป็นรากฐานในการทำธุรกิจของเคทีซีมาโดยตลอด ทำให้สามารถสร้างผลการดำเนินงานให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากอัตราส่วนของหนี้ด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อยังอยู่ภายใต้กรอบเป้าหมายที่กำหนด และเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

“เคทีซียังร่วมมือกับภาครัฐ ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งหลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending: RL) โดยการพิจารณาให้สินเชื่อสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ และต้องไม่ทำให้ลูกหนี้มีภาระหนี้เพิ่มขึ้นจากภาระหนี้เดิมเกินสมควร รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นหนี้เรื้อรัง (Severe Persistent Debt: SPD) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 จนถึงปัจจุบันมีลูกหนี้เคทีซีสมัครเข้าร่วมโครงการฯ คิดเป็นผลกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยจริงที่ 1.7% ของผลกระทบที่เคยประมาณการไว้ 18 ล้านบาทต่อเดือน หากลูกหนี้ที่เข้าเกณฑ์ทุกรายเข้าร่วมโครงการฯ นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่ประกาศเป็นเขตประสบสาธารณภัย โดยกลุ่มลูกหนี้ที่มีสถานะปกติ หรือไม่ค้างชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยเกินกว่า 30 วัน นับแต่วันที่แจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการ สามารถแจ้งความประสงค์ได้ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 โดยเคทีซีคาดว่าการช่วยเหลือลูกหนี้ตามมาตรการข้างต้น จะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภาพรวมการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท”

ผลการดำเนินงานของเคทีซีและกลุ่มบริษัทเทียบจากงวดเดียวกันของปี 2566 มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2567 เท่ากับ 1,919 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3.4%) รายได้รวมเท่ากับ 6,890 ล้านบาท เติบโต 6.6% จากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ และหนี้สูญได้รับคืนที่เพิ่มขึ้นจากการตัดหนี้สูญได้เร็วขึ้น  ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 4,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% ส่วนใหญ่จากค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายที่สูงขึ้นตามปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้นจากการจัดโปรโมชันส่งเสริมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต รวมถึงผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) สูงขึ้น จากการตั้งสำรองตามคุณภาพของลูกหนี้ และการตัดหนี้สูญเร็วขึ้นตามการปรับใช้นโยบายหนี้สูญใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 อีกทั้งต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินที่ปรับสูงขึ้น

ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 เคทีซีมีฐานสมาชิกรวม 3,445,286 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 106,183 ล้านบาท (ลดลง 0.5%) อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) 1.93% แบ่งเป็นสมาชิกบัตรเครดิต 2,758,150 บัตร (เพิ่มขึ้น 5.4%) เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม 69,093 ล้านบาท (ลดลง 0.2%) NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ 1.30% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตร 9 เดือนของปี 2567 เท่ากับ 211,459 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 10.0%) สมาชิกสินเชื่อบุคคลเคทีซี 687,136 บัญชี (ลดลง 3.9%) เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลและดอกเบี้ยค้างรับรวม 34,806 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2.1%) NPL สินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 2.21% โดยเป็นยอดสินเชื่อ 'เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน' จำนวน 2,959 ล้านบาท ในส่วนของลูกหนี้ตามสัญญาเช่าในบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด (KTBL) มีมูลค่า 2,284 ล้านบาท (ลดลง 32.2%) ซึ่งเคทีซีได้หยุดปล่อยสินเชื่อประเภทนี้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 และปัจจุบันมุ่งเน้นการติดตามหนี้และบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตสินเชื่อที่มีอยู่ 

ในส่วนของแหล่งเงินทุน กลุ่มบริษัทมีเงินกู้ยืมทั้งสิ้น 60,054 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น (รวมส่วนของเงินกู้ยืมและหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระภายใน 1 ปี) 35% และเงินกู้ยืมระยะยาว 65% อัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.78 เท่า ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 2.07 เท่า ซึ่งต่ำกว่าภาระผูกพัน (Debt Covenants) ที่กำหนดไว้ 10 เท่า และมีวงเงินกู้ยืมคงเหลือ (Available Credit Line) 28,201 ล้านบาท (ระยะสั้น 23,201 ล้านบาท และระยะยาว 5,000 ล้านบาท) โดยกลุ่มบริษัทมีหุ้นกู้และเงินกู้ยืมระยะยาวที่จะครบกำหนดในไตรมาส 4/2567 ทั้งสิ้น 5,245 ล้านบาท สำหรับงวด 9 เดือนของปี 2567 ต้นทุนการเงินอยู่ที่ 2.9% เพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินที่สูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 2.7%

ประเด็นร้อน คลิปฉาว!! จาก ‘ดิไอคอน’ ‘ลุงป้อม’ สั่งเด้ง!! ‘ส.’ พ้นรองโฆษกฯ

(19 ต.ค. 67) ใช่หรือไม่ว่า..มหากาพย์ ดิไอคอน กรุ๊ป เป็นอีกกรณีหนึ่งที่ทำให้เห็นถึงการทำธุรกิจที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนฉ้อฉล จากการบูรณาการความชั่วร้ายสามฝ่าย..นักธุรกิจ  ข้าราชการ และนักการเมือง..?

เพจดัง2-3เพจนำคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง ‘บอสพอล’ วรัตน์พล วรัทย์วรกุล กับบุคคลนิรนามที่คอข่าวการเมืองคุ้นน้ำเสียง คาดเดากันเบื้องต้นว่าน่าจะชื่อ ‘ส.’ แต่ไม่รู้ส.ไหน...เบื้องต้น ‘บอสพอล’ ยอมรับเป็นเสียงของตนเองจริงแต่ไม่ยอมบอกชื่อบุรุษนิรนามในคลิปเสียง แม้กระทั่งชื่อย่อ.

แต่ต่อมาวันที่ 15 ต.ค. ‘บอสพอส’ ได้โพสต์ข้อความขอให้ทุกสื่อลบคลิปเสียงทุกคลิป พร้อมกราบเท้าขอโทษนักการส.และยืนยันไม่เคยให้เงินท่านส.แม้แต่บาทเดียว..

ชื่อย่อส.เสือค่อยชัดเจนขึ้นเมื่อ..ทีมทนายอเวนเจอร์นำโดย ‘ทนายตั้ม’ ษิทรา เบี้ยบังเกิด ไปยื่นหนังสือให้พล.องประวิตร วงษ์สุวรรณ ‘ลุงป้อม’ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ตรวจสอบว่าคลิปเสียงดังกล่าวเป็น ‘นายสามารถ เจนชัยจิตวนิช’รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐหรือไม่..ถ้าใช่ขอให้ขับออกจากสมาชิกพรรค..!!

มีกระแสกดดันภายในพรรคพลังประชารัฐ กระทั่งนายไพบูลย์ เลขาธิการพรรคเสนอให้หัวหน้าพรรค พล.อ.ประวิตร ออกคำสั่งให้นายสามารถพ้นจากตำแหน่งรองโฆษกพรรค มีผลตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค. พร้อมกับส่งสัญญาณให้นายสามารถลาออกจากพรรค แต่มีสัญญาณตอบกลับว่า..ไม่ลาออก

เป็นที่มาของข่าวที่ว่า วันที่ 29 ต.ค.จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อขับนายสามารถ...ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะเป็นการขับรอบสองเลยทีเดียว..

กล่าวถึงนายสามารถ ชัยเจนจิตรวนิช ต้องยอมรับว่าชีวิต-บทบาทของเขาไม่ธรรมดา

ปี 2557 ลงสมัครสส.เขตที่ 32 กทม.ในนามพรรคเครือข่ายประชาชน..แต่เลือกตั้งเป็นโมฆะ

ช่วงปี2559-60 มีขบวนการแชร์ลูกโซ่หลอกลวงประชาชนเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง  ‘สามารถ’ โดดเข้าช่วยเหลือผู้เดือดร้อน ก่อตั้งสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย ในขณะนี้รัฐบาลลุงตู่ประกาศให้ปัญหาร์ลูกโซ่เป็นวาระแห่งชาติ มอบหมายให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ‘บิ๊กป้อม’ รองนายกฯ เป็นประธาน..

ช่วงปี2560-61 นั่นเองทำให้ส.สามารถหนุ่มปริญาโท..ที่พาชาวบ้านไปร้องขอให้รัฐบาลบาลช่วยเหลือ ได้สัมผัสและเข้าถึงกลไกอำนาจรัฐผ่านพรรคพลังประชารัฐในฐานะผู้รอบรู้ปัญหาแชร์ลูกโซ่ และไม่กี่พริบตาเขาก็กลมกลืนเป็นพลังประชารัฐ..

หลังเลือกตั้งปี 2562 ได้ลงสมัครสส.บัญชีรายชื่อลำดับ 48 ของพรรคพลังประชารัฐ แต่ไม่ได้รับเลือก  

ที่ต้องขีดเส้นใต้..ปี 2562 แม้ไม่ได้เป็นสส.แต่ได้รับบำเหน็จเป็น ‘กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรมว.ยุติธรรม (สมศักดิ์  เทพสุทิน)’  ที่มีบทบาทโดดเด่น...แน่นอนว่าไม่พลาดที่จะเป็นมือทำงานใน ‘คณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดฉ้อโกงประชาชนในลักษณะแชร์ลูกโซ่’ ด้วย..

อย่างไรก็ตามปี 2564 ส.สามารถถูกร้องเรียนกล่าวหาว่าส่งคนเข้าไปสอบแทนตัวเองในการศึกษาระดับป.เอก ของม.รามตำแหน่ง ทางพรรคตรวจสอบและให้เขาพ้นจากตำแหน่งทั้งหมด แต่เรื่องราวก็ยุติไป และปี2565-66 เขาก็ย่างสามขุมกลับสู่พรรคพปชร.อีกครั้ง..

นัยว่า..’ลุงป้อม’ และใครต่อใครในพรรคพปชร.ที่กำลังมีไฟสุมขอนช่วงปี2566 ได้ให้โอกาสแก้ตัวแก้มือ...และบทบาทการตอบโต้ของนายสามารถก็เผ็ดร้อน..

แต่ความเผ็ดร้อนที่ว่าอาจจะเป็นคนละบริบทกับปัญหาเก่า ๆ ของเขาที่กำลังถูกตั้งคำถาม..

แน่นอน..จากนี้ไปก็อยู่ที่ส.สามารถจะพิสูจน์ได้หรือไม่ว่า เขาไม่ใช่ของเสียงในคลิปฉาวโฉ่  และเขาไม่มีพฤติการณ์รีดไถอย่างที่ใครต่อใครกำลังตั้งคำถามหรือกล่าวหา..!?


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top