Monday, 9 June 2025
ค้นหา พบ 48681 ที่เกี่ยวข้อง

เปิดประวัติ ‘ไฮโซเคลวิน’ หนุ่มหล่อ อินเลิฟของ ‘บอสมิน’ เป็นแค่เพื่อนมา 12 ปี ก่อนจะข้ามเฟรนด์โซน มาเป็นแฟน

(19 ต.ค. 67) จากกรณีนางเอกดัง ‘มิน พีชญา’ ผู้หญิงหนึ่งเดียว ในกลุ่มดาราคนดัง ที่ถูกจับกุมเป็นผู้ต้องหา คดี ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ ล่าสุดในโลกออนไลน์ หลายคนก็พากันพุ่งเป้าไปที่หนุ่มหล่อ ‘เคลวิน ตีรวัฒนานนท์’ หวานใจของสาวมิน พร้อมบอกขอให้รักสาวมินและเคียงข้างเธออย่าหนีไปไหน

‘เคลวิน ตีรวัฒนานนท์’ คือใคร ทำงานอะไร มีธุรกิจยิ่งใหญ่แค่ไหน กวาดรายได้ต่อปีเท่าไหร่

ประวัติ ‘เคลวิน ตีรวัฒนานนท์’
ชื่อเล่น : เค
ชื่อจริง : เคลวิน ตีรวัฒนานนท์
อายุ 34 ปี
พื้นเพเป็นคน เชียงใหม่
จบการศึกษา คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ปัจจุบันทำอาชีพ นักวิทยากร 2 ภาษาในเมืองไทย
เป็นนักธุรกิจ ตำแหน่ง 'Marketing Director (MD)' ของ SCG Home Khonkaen
ไลฟ์สไตล์ ชอบตีกอล์ฟ, ท่องเที่ยว,นักชิม โดยเฉพาะ ร้านอาหารที่ได้รับรางวัล Michelin Star

จุดเริ่มต้นความรักของหนุ่ม เคลวิน และนางเอกสาว มิน พีชญา เริ่มจากการเป็นเพื่อน ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันนานกว่า 12 ปี ก่อนที่ฝ่ายชายสามารถก้าวข้ามเฟรนด์โซนมาได้ ซึ่งเส้นทางรักก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ต้องเอาชนะใจนางเอกสาว มิน พีชญา หนักมาก

กระทั่งในที่สุดทั้งคู่ก็เปิดตัวว่าคบหาดูใจกัน ยิ่งเพิ่มดีกรีความหวานให้คู่รักคู่นี้เพิ่มขึ้นไปอีก

เปิดธุรกิจ เค เคลวิน ตีรวัฒนานนท์
ข้อมูลจาก creden data ฐานข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ผ่านระบบวิเคราะห์ข้อมูลบริษัทครบวงจร พบว่า เค เคลวิน ตีรวัฒนานนท์ เป็นกรรมการบริษัท 1 แห่ง รวมทั้งถือหุ้น 1 รายการ มูลค่าหุ้นทั้งหมด 54,459 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

บริษัท มานนา ฮาร์ทเมด จำกัด

จดทะเบียนเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2564
พบรายชื่อนายเคลวิน ตีรวัฒนานนท์ เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท ถือหุ้นจำนวน 1,000 หุ้น (50.00%) มูลค่าหุ้น 54,459 บาท และมี น.ส.มิน พีชญา เป็นกรรมการร่วมด้วย และถือหุ้นจำนวน 980 หุ้น (49.00%) มูลค่าหุ้น 53,370 บาท
ดำเนินธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น
ปัจจุบันทุนจดทะเบียน 200,000 บาท
โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

ปี 2565 รายได้ 11,575 บาท ขาดทุน 74,651 บาท
ปี 2566 รายได้ 2,398 บาท ขาดทุน 16,431 บาท
ปี 2566 สินทรัพย์รวม 141,000 บาท หนี้สินรวม 32,082 บาท

ทัวร์ลง!! ถล่มยับ ‘แม่ค้าขายปลาหมึก’ ขอซื้อไม้เดียว ไม่ยอมย่างให้ บังคับต้องซื้อ 2 ไม้ขึ้นไป ลูกค้าเผย!! แค่อยากลองชิม เป็นครั้งแรก

(19 ต.ค. 67) สมาชิก TikTok @intylertilleyโพสต์คลิป ขณะไปซื้อปลาหมึกไข่ 1 ไม้ จิ้มน้ำจิ้มเลย แต่แม่ค้ากลับบอกว่าไม้นึงไม่ย่างนะคะ เพราะมันต้องย่างใหม่คะ พี่เขาขายเป็นเจ็ดไม้ เขาไม่ขายหนึ่งไม้ สองไม้สามไม้ก็ได้ แต่ถ้าไม้นึงไม่ย่างเนาะ ด้านเจ้าของคลิปก็บอกเอาสองไม้ก็ได้ ไม้ละ 15 บาท พี่เขาไม่ขายให้หนึ่งไม้ เราก็ซื้อสองไม้ ราคา 30 บาท

โดยระบุข้อความว่า หมึกไข่แท้ไม้ละ 15 บาท เกือบไม่ได้กินแล้ว ต้องซื้อสองไม้ขึ้นไปพี่เขาจะขายให้ อินไม่รู้จริง ๆ ค่ะ อยากลองกินไม่เคยกินหมึกไข่ นี่เป็นครั้งแรก ซื้อเยอะก็กลัวกินไม่หมดเพราะไทเลอร์ไม่กินด้วย หมึกไข่อร่อยค่ะ

ขณะที่ชาวเน็ตแห่เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ แม่ค้าวีนอะไรคะ, แม่ค้าควรพูดว่า สัก2ไม้ มั้ยลูก อร่อยนะ, ไม่แปลกใจทำไมยังเต็มถาดอยู่, ไม้เดียวไม่ขาย มีเหตุผลอะไรทำไมไม่ขาย, เข้าใจทั้งสอง ในมุมแม่ค้า1ไม้ไหนจะค่าถุงค่าน้ำจิ้มค่าถ่าน แทบไม่ได้อะไร ในมุมลูกค้าอยากลองแค่ไม้เดียวพอ แต่เป็นเรา ๆ จะซื้อ2ไม้เกรงใจ5555 เป็นต้น ซึ่งคลิปดังกล่าวมีคนเข้าไปดูแล้วกว่า 7.1 ล้านครั้ง

ช่างแต่งหน้าที่อินโดนีเซีย เนรมิตเพื่อนสาว ให้กลายเป็น ‘หมูเด้ง’ ถอดแบบมาเป๊ะเวอร์ ‘จมูก-ปาก-ใบหู’ น่ารักน่าเอ็นดู เรียกเสียงฮือฮา

(19 ต.ค. 67) ‘ฮาเบล’ (Habel) อาร์ตติส-ช่างแต่งหน้าฝีมือยอดเยี่ยมจากประเทศอินโดนีเซีย เนรมิตเพื่อนสาวสุดน่ารักให้กลายเป็น ‘หมูเด้ง’

งานนี้ทำเอาโซเชียลฮือฮา เพราะฝีมือการแต่งหน้าของเธอขั้นเทพจริง ๆ ถอดแบบ ‘หมูเด้ง’ มาเป๊ะเวอร์ ไม่ว่าจะช่วงจมูก ปาก และใบหูที่เธอเนรมิตขึ้นใหม่ รวมทั้งลงสีผิว ออกมาน่ารัก น่าเอ็นดูสุด ๆ เรียกเสียงชมอย่างล้นหลาม

ฮาเบล เล่าถึงลุกส์นี้ว่า “ฉันเลือก หมูเด้ง เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งหน้าครั้งนี้ เพราะฉันเห็นหน้าเจ้าหมูเด้งเยอะมาก ๆ ในโซเชียลมีเดีย และนางแบบที่ฉันเลือกมาแต่งหน้าในครั้งนี้ ก็มีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบซึ่งเหมาะกับการออกแบบลุกส์แต่งหน้าของฉัน”

พร้อมเสริมว่า “การแต่งหน้าทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง ส่วนที่ยากที่สุดในการแต่งลุกส์นี้ก็คือ การติดกาวและเกลี่ยวัสดุโฟมลาเท็กซ์บนใบหน้าของนางแบบ”

ทั้งนี้เธอทิ้งท้ายถึงแฟน ๆ ชาวไทยว่า “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ ฮาเบล ฉันเป็นช่างแต่งหน้าจากอินโดนีเซีย ฉันชอบออกแบบลุกส์แต่งหน้าที่ดูตลกและน่ารัก บางครั้งฉันก็แต่งหน้าแบบจริงจัง-สมจริงด้วย ฮ่า ๆ และขอบคุณที่ชอบการแต่งหน้าของฉันนะคะ”

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์คดี The Icon Group พร้อมกันทั่วประเทศวันนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้เสียหาย และลดความยุ่งยากในการแจ้งความ โดยไม่ต้องเดินทางมายัง บก.ปคบ. 

เมื่อวานนี้ (18 ต.ค.67)  เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ในคดี The Icon Group โดยมี พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,  พล.ต.ท.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผบช.สงป. , พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. , พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และประชุมทางไกลกองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1-9 

ผบ.ตร.ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยกองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 และตำรวจภูธรภาค 1-9 จัดตั้งศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ในคดี The Icon Group ที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นวงกว้าง เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับแจ้งความของผู้เสียหายที่อยู่ต่างจังหวัด โดยไม่ต้องเดินทางมายังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ) โดยวันนี้เป็นการเปิดศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ในคดี The Icon Group พร้อมกันทั่วประเทศ 

สำหรับศูนย์แจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว มอบหมายให้ ผกก.(สอบสวน) และพนักงานสอบสวนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการ โดยจัดพนักงานสอบสวนอย่างเหมาะสมและเพียงพอ ไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมให้หน่วยต่างๆ รายงานผลการปฏิบัติในแต่ละวันให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ หากพบว่ามีการปฏิเสธการรับแจ้งความ ให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบและรายงานเหตุการณ์ต่อ ผบ.ตร. ทันที พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงแนวทางการอำนวยความสะดวกผ่านช่องทางต่าง ๆ 

นอกจากนี้ ผบ.ตร. กล่าวว่า เนื่องจากคดี The Icon Group มีผู้เสียหายจำนวนมาก ซึ่งเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ที่ บก.ปคบ. เฉลี่ยวันละ 300 – 500 คน แม้จะมีการจัดพนักงานสอบสวนเพื่อรองรับการปฏิบัติ แต่ยังไม่สอดคล้องกับจำนวนพนักงาน จึงได้สั่งการให้เปิดศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์คดีดังกล่าวทั่วประเทศ โดยจัดทำเป็นโมเดลแนวทางเดียวกันกับรูปแบบที่ บก.ปคบ.ดำเนินการในการบริหารการรับแจ้งความ จากนั้นเป็นการบริหารคดีของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ต่อไป และจากนี้ต่อไปแนวทางในการทำงานนี้จะเป็นโมเดลการปฏิบัติ ในการบริหารคดี และบริหารการสื่อสาร หากมีกรณีลักษณะคดีเช่นนี้ในอนาคต โดยในการเปิดศูนย์รับแจ้งความคดีนี้จะทำให้ตำรวจเห็นภาพในการจัดการเรื่องรับแจ้งความ วิเคราะห์ บริหารคดี ให้เกิดความรวดเร็วต่อไป

หนุนบทความประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ไฟฟ้าและขอความร่วมมือเหล่าเซเลป-คนดัง อย่าสูบบุหรี่ไฟฟ้าออกสื่อ อาจจะเกิดการเลียนแบบจาก 'เด็ก-เยาวชน'

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ไฟฟ้า ได้เขียนกล่าวถึงลิงค์ วีดีโอรายการทีวี ที่ผู้ร่วมออกรายการท่านหนึ่ง สูบบุหรี่ไฟฟ้าระหว่างการเสวนาพร้อมเขียนว่า “มีใครเตือนแกหน่อยดีมั้ยครับ” จึงเห็นว่า บทความนี้ดีมีประโยชน์ต่อสังคมโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนจึงอยากนำมาเสนอเพื่อเตือนสติและขอความร่วมมือ ผู้มีที่มีอิทธิพลทางสังคมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเซเลป ดาราหรือคนดังในแวดวงต่างๆตลอดจนรายการทางสื่อหลักและสื่อออนไลน์ อยากให้มาช่วยกันจรรโลงสังคม โดยเฉพาะการไม่สูบบุหรีไฟฟ้าออกสื่อฯซึ่งเป็นตัวอย่างไม่ดี เยาวชนและอาจจะทำให้เด็กและเยาวชนเลียนแบบได้ โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้

“ขอความกรุณา อย่าสูบบุหรี่ไฟฟ้าออกสื่อเลยนะครับ”

มีสื่อมวลชนอาวุโสท่านหนึ่ง ส่งลิงก์วิดีโอรายการทีวี ที่ผู้ร่วมออกรายการท่านหนึ่ง สูบบุหรี่ไฟฟ้าระหว่างการเสวนา พร้อมเขียนว่า “มีใครเตือนแกหน่อยดีมั้ยครับ”

ที่ผมเขียนนี่ ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปเตือนท่านที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าออกสื่อนะครับ เพราะคนที่ทำอาจจะไม่ทราบเหตุผลว่า ทำไมสื่อมวลชนอาวุโสที่ส่งลิงก์มาจึงมีความ 'กังวล' ที่เห็นภาพคนที่มีชื่อเสียงสูบบุหรี่ไฟฟ้าขณะออกสื่อ

ขณะนี้บุหรี่ไฟฟ้ากำลังระบาด เข้าไปในเด็กนักเรียนเล็กลงไปถึงชั้นประถมศึกษาทั่วประเทศ และฝ่ายต่างๆพยายามช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ให้เด็กๆเข้าไปริลองจนเกิดการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า

มีการเรียกร้องให้ผู้ปกครอง ครู คนที่มีชื่อเสียง มีตำแหน่งฐานะในสังคม ขอให้เป็นแบบอย่างที่ดีที่ไม่สูบบุหรี่มวน บุหรี่ไฟฟ้า ท่านที่สูบบุหรี่มวน บุหรี่ไฟฟ้า ก็ขอความกรุณาไม่สูบในที่สาธารณะ โดยเฉพาะในที่ที่มีเด็กๆอยู่ด้วย

ตั้งแต่เมื่อ 50 ปีก่อน ก็มีการรณรงค์ เรียกร้องให้แพทย์ที่ยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ ขออย่าสูบให้คนเห็น “หมอหนึ่งคนที่สูบบุหรี่ มีค่าเท่ากับบิลบอร์ดโฆษณาบุหรี่ขนาดใหญ่” คำกล่าวของเซอร์ จอห์น ครอฟตัน ศาสตราจารย์โรคระบบทางเดินหายใจ สก็อตแลนด์มีหลักฐานว่าบริษัทบุหรี่ จ่ายเงินให้พระเอก นางเอกหนังฮอลลีวู้ด สูบบุหรี่ระหว่างออกงานสังคม ระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อ ในหนังที่แสดง ด้วยค่าจ้างคิดเป็นเงิน 105.6 ล้านบาทตามค่าเงินในปีพ.ศ.2542

บริษัทบุหรี่ใช้ศิลปินดาราเป็น 'สื่อบุคคล' ในการโฆษณาส่งเสริมให้คนสูบบุหรี่ นักวิชาการบางคนมีความเห็นว่า โรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่เป็น 'โรคติดต่อทางสังคม' (ที่แตกต่างจากโรคติดต่อจากเชื้อโรค) จากการโฆษณาส่งเสริมการขายโดยบริษัทบุหรี่ ผ่านช่องทางและรูปแบบต่าง ๆ และ 'สื่อบุคคล' 

การสูบบุหรี่มวน บุหรี่ไฟฟ้าอย่างเปิดเผย จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามมีอิทธิพลสูงมาก ในการนำไปสู่การเกิดนักสูบหน้าใหม่ โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า ที่เด็ก ๆ เริ่มสูบตามแบบอย่างผู้ใหญ่

ต้องขอบคุณคุณกร ทัพพะรังสี ที่คณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข เป็นผู้ริเริ่มผลักดันให้มีการออกกฏกระทรวง ห้ามการแสดงที่มีการใช้ยาสูบ (ฉากสูบบุหรี่) ในวิทยุ-โทรทัศน์ เมื่อพ.ศ.2545

ดังนั้น การสูบบุหรี่ไฟฟ้าให้ปรากฏในสื่อ ขณะออกสื่อสาธารณะ จึงเป็นเรื่องที่กฏหมายห้ามทำ สมควรที่จะหลีกเลี่ยง เพื่อไม่ให้เป็นการสนับสนุน 'ค่านิยมการสูบบุหรี่ไฟฟ้า' ซึ่งจะส่งผลให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบในเด็กและเยาวชน ทำให้เกิดนักสูบบุหรี่ไฟฟ้าหน้าใหม่ ที่เสพติดไปตลอดชีวิต

โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งยังเป็นสินค้าที่ผิดกฏหมาย ถ้าเป็นในสิงค์โปร์ เขาจะเอาผิดคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า 'คุณซื้อมาจากไหน' เพื่อสาวต่อไปจับคนที่ขาย

อย่างที่ผมพูดแล้ว คนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าในลิงก์ที่ส่งมา อาจจะไม่รู้ถึงผลเสียที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าขณะออกสื่อ และเมื่อรู้แล้ว ก็คงจะไม่ทำอีกนะครับ

ช่วยกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้แก่สังคม ด้วยการเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่สูบบุหรี่มวน บุหรี่ไฟฟ้า ในที่สาธารณะ รวมทั้งสูบให้เห็นในสื่อ

ดีที่สุดก็คือไม่สูบอะไรเลย ตามธรรมชาติที่ 'เป็นปกติ' ของสิ่งมีชีวิต ที่ปอดมีไว้สำหรับหายใจเท่านั้น ขอย่ำ 'เท่านั้น' อะไรที่ผิดจากนี้ เป็นเรื่อง 'ผิดปกติ-ฝืนธรรมชาติ' ไม่ดีต่อสุขภาพ ครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top