Thursday, 19 June 2025
ค้นหา พบ 48906 ที่เกี่ยวข้อง

รมว.กระทรวงแรงงาน "สุชาติ ชมกลิ้น" ยันงาน Job Expo ประสบความสำเร็จ หลัง 3เดือน จ้างงานแล้วเกือบ 4 แสนตำแหน่ง พร้อมแจงตัวเลขจ้างเด็กจบใหม่น้อย เพราะเพียงเสี้ยวเดียวของการจ้างงานทั้งระบบ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการจ้างงานภายหลังการจัดมหกรรม Job Expo Thailand 2020 ว่า สำหรับการจัดงานดังกล่าวจำนวน 1 ล้านตำแหน่ง ถือเป็นนโยบายที่ยิ่งใหญ่ของรัฐบาล

ซึ่งตัวเลขบรรจุงานล่าสุด คือ 399,072 อัตรา หรือประมาณร้อยละ 40 โดยเป็นการจ้างงานของภาครัฐ 2 แสนอัตรา เอกชน 1 แสนตำแหน่ง และส่งแรงงานไปต่างประเทศ 3 หมื่นอัตรา เป็นต้น โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนหลังการจัดงานจ็อบเอ็กซ์โป ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก

แต่จากข้อมูลของบางสื่อได้วิเคราะห์ อาจโฟกัสไปที่นักศึกษาจบใหม่ ซึ่งถือเป็นเสี้ยวหนึ่งของการจัดงานดังกล่าว มีการจ้างงาน 4 กลุ่ม และนักศึกษาจบใหม่เป็น 1 กลุ่มเท่านั้น

"เราตั้งเป้าจ้างนักศึกษาจบใหม่ 2.6 แสนอัตราก็จริง แต่การจ้างงานนักศึกษาจบใหม่ตั้งแต่เดือน เม.ย.-ต.ค. มีจำนวน 182,000 คน และ ภายหลังการจัดงานจ็อบเอ็กซ์โปเมื่อปลายเดือนกันยายน ซึ่งเป็นตัวเลขระหว่างวันที่ 1 ต.ค.-31 ต.ค. มีการจ้างงานคนที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปีลงมา 2 หมื่นกว่าอัตรา แต่เข้าระบบ Co-payment หรือจ้างงานเด็กจบใหม่ ที่มีบางสื่อ ระบุว่า จ้างงาน 2,000 อัตราเท่านั้น

ทั้งนี้ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพบว่า มีหลายบริษัทที่ไม่เข้าร่วมโครงการจ้างนักศึกษาจบใหม่ เพราะอยู่ในภาคธุรกิจที่ยังแข็งแรงอยู่แล้ว และต้องการสร้างความมั่นคงในชีวิตให้พนักงาน เช่น ธุรกิจยานยนต์ อุตสากรรมรถยนต์ สิ่งทอ ซึ่งขณะนี้ฟื้นตัวแล้ว

ดังนั้นหากจ้างนักศึกษาจบใหม่ เข้าโครงการนี้ อาจจะไม่ได้รับความมั่นคงในชีวิต เนื่องจากเป็นการจ้างงานระยะเวลาเพียงปีเดียว ซึ่งบริษัทต่าง ๆ มีความแข็งแรง จึงสามารถจ้างแรงงานปกติได้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังมีงบประมาณเพื่อรับนักศึกษาที่จบใหม่ในเดือน เม.ย. ปี 2564 แน่นอน"

สำหรับโครงการ Co-payment รัฐบาลทำขึ้นเนื่องจากมีความเป็นห่วงธุรกิจสตาร์ทอัพ ธุรกิจ SME ที่มีกำลังเม็ดเงินจำนวนน้อย และถือเป็น 1 ใน 4 ของงานจ็อบเอ็กซ์โปเท่านั้นเอง

“ซิโก้” อดีตนักฟุตบอล และหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย เดินทางไปคุมสโมสรดังในเวียดนามแล้ว

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ได้ออกเดินทางสู่ประเทศเวียดนาม โดยได้โพสต์เฟซบุ๊กอำลาครอบครัว ทั้งนี้ถือเป็นการกลับไปที่สโมสรฮองอันห์ยาลายแห่งนี้อีกครั้งเป็นครั้งที่ 3 หลังจากก่อนหน้านี้เคยไปทำหน้าที่ทั้งนักฟุตบอล และเป็นโค้ชให้กับยอดทีมแห่งวีลีกมาแล้ว

โดย "ซิโก้" กล่าวถึงการไปคุมทัพฮองอันห์ยาลายครั้งนี้ ว่า "ส่วนตัวนั้นก็หวังพาทีมไปเล่นเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ให้ได้ เพราะว่าสมัยที่มาค้าแข้งที่นี่เคยไปลุยบอลเอเชียมาแล้ว 2 ครั้ง"

"การมาเป็นโค้ชก็อยากพาทีมกลับไปเล่นเอเอฟซี แชมป์เปี้ยนส์ลีก ให้ได้เหมือนกัน"


ขอบคุณภาพเฟซบุ๊ก Kiatisuk Senamuang

ไม่ไหวอย่าฝืน! เปิดภาพโรงแรมสี่ดาว ย่านธุรกิจใจกลางเมืองกัวลาลัมเปอร์ ต้องปิดตัวลง เหตุนักท่องเที่ยวหดหายเพราะโควิด-19

คอลัมน์ "สายตรงจากเคแอล"

ขายโรงแรมถูก ๆ เมื่อท่องเที่ยวแดนเสือเหลืองอาการโคม่า โควิด -19 ยังพุ่งไม่หยุด

ไม่ไหวอย่าฝืน! ภาพโรงแรมสี่ดาว ขนาด 20 ชั้นที่ตั้งอยู่ย่านธุรกิจใจกลางเมืองกัวลาลัมเปอร์ (KL) ประเทศมาเลเซียต้องปิดตัวลงอย่างเงียบๆ เหตุนักท่องเที่ยวหดหาย มีการสั่งปิดประเทศและล็อคดาวน์เข้มงวดทั่วทั้งประเทศจากสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม 2020

ในส่วนของโรงแรมนี้เป็นบริษัททุนจากฮ่องกง ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮแอนด์และมีโรงแรมบูติกระดับ 4 - 5 ดาว อยู่ในฮ่องกง ประเทศจีน เซียงไฮ้ ปักกิ่ง สิงคโปร์และกัวลาลัมเปอร์ ภายใต้แบรนด์ Lanson Place และนี่ไม่ใช่ธุรกิจโรงแรมรายแรกและรายสุดท้ายที่ต้องปิดตัวลงเพราะภาวะเศรษฐกิจขาลงจากฤทธิ์โควิดพ่นพิษในมาเลเซีย

แต่ก็มีข่าวดีสำหรับผู้ที่กำลังเดินทางเข้ามาเลเซียเพราะเมื่อวันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา อธิบดีสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข Dr. Noor Hisham ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ทางรัฐบาลลงมติลดจำนวนวันกักตัวในมาเลเซีย จากเดิม 14 วัน เหลือแค่ 10 วัน ยกเว้นรัฐ Sarawak โดยการตัดสินใจเชิงนโยบายนี้เกิดขึ้นหลังจากตรวจสอบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนค่ากักตัวที่ผู้เดินทางจะต้องเป็นคนเสียค่าใช้จ่ายเองนั้นจะลดลงไปจากเดิม 4 วัน ค่ากักตัวเฉลี่ย $1,550 หรือ 4,700 ริงกิต หรือราวๆ 35,000 บาทต่อคน ส่วนค่าตรวจ Covid-19 ยังคงเท่าเดิมคือ 250 ริงกิต

ทั้งนี้ผู้ที่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้นั้นจะต้องมีประเภทวีซ่าหรือสถานะที่อยู่ในกลุ่มที่ได้รับอนุญาตเข้าประเทศเท่านั้น


"ผิงกั่ว"

สาวเมืองชล ตั้งรกรากอยู่ชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ ตามสามีชาวจีนมาเลย์ ชีวิตท่ามกลางคนจีน แขกมาเลย์ และแขกอินเดีย พหุวัฒนธรรม ส่องมุมมองจากประเทศเพื่อนบ้านด้านล่างแผ่นดินแม่ มาเล่าสู่กันฟัง

Huawei บริษัทเทเลคอมส์ อภิมหายักษ์ใหญ่ของจีน ตัดสินใจทุกกระปุก สร้างโรงงานเต็มรูปแบบนอกบ้านตัวเองเป็นแห่งแรกของโลก

โดยเลือกเมืองบรูแมธ ที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของฝรั่งเศส ใกล้กับรอยต่อพรมแดนของประเทศเยอรมันเป็นฐานการผลิต

ซึ่งการเปิดโรงงานในยุโรปครั้งนี้ไม่ได้มาเล่นๆ เหริน เจิ้งเฟย ประธานบริษัท Huawei ทุ่มเม็ดเงินลงทุนถึง 200 ล้านยูโร (ประมาณ 7.3 พันล้านบาท) สร้างโรงงาน Huawei เป็นฐานการผลิตของบริษัท และสร้างตลาดผลิตภัณฑ์ 5G เพื่อป้อนสู่ตลาดทั่วทั้งยุโรป คาดว่าสามารถสร้างงานให้คนในท้องถิ่นได้ไม่น้อยกว่า 300 อัตรา

นอกจากนี้ ยังทำงานร่วมกับศูนย์วิจัยพัฒนา 23 แห่ง และมหาวิทยาลัยในยุโรปอีกกว่า 100 แห่ง เพื่อร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึง ซัพพลายเออร์อีกกว่า 3,100 เจ้า โดยตั้งเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้า 5G ในยุโรป ที่อาจมีมูลค่าสูงถึง 1 พันล้านยูโรต่อปี

นายฌอง ร็อตเนอร์ ประธานแคว้นกร็องแต็สต์ ทางภาคตะวันออกของฝรั่งเศสให้ความเห็นว่า การลงทุนของ Huawei ถือเป็นข่าวที่วิเศษมาก ซึ่งเขาเชื่อมั่นว่าการลงทุนในครั้งนี้จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจข้ามพรมแดนได้เลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าการรุกตลาดยุโรปในครั้งนี้ มีความเสี่ยงจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ที่ยังคงคุกรุ่นตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมพ์ ที่บีบให้ประเทศพันธมิตรให้ร่วมกันคว่ำบาตร Huawei โดยการยกเลิกสัญญาการใช้ระบบ 5G ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยของข้อมูลด้านความมั่นคง และมีบางประเทศในยุโรปที่แสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่าจะไม่ใช้ระบบเทคโนโลยีของ Huawei อย่างแน่นอน เช่น อังกฤษ และ สวีเดน

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ตลาดยุโรปถือเป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของ Huawei และหลายประเทศยังคงอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาสัญญา 5G ของบริษัท รวมทั้งรัฐบาลฝรั่งเศสยังไม่ได้แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าจะร่วมแบน Huawei กับสหรัฐอเมริกาหรือไม่

การแถลงข่าวเปิดโรงงานใหม่นอกประเทศครั้งแรกของ Huawei จึงเป็นการรุกตลาดยุโรปอย่างเต็มตัว ซึ่งทาง Huawei มั่นใจว่าน่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า แต่ต้องแบกรับความเสี่ยงที่ยังคาดเดาไม่ได้ หลังจากที่สหรัฐอเมริกากำลังจะเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ในปีหน้า ว่าจะมีมาตรการกดดันจีนอย่างไร เพื่อไม่ให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าตลาดด้านเทคโนโลยี 5G เบอร์ 1 ของโลก


แหล่งข่าว

https://www.france24.news/en/2020/12/huawei-to-set-up-its-first-factory-outside-china-in-eastern-france-2.html

https://today.rtl.lu/news/business-and-tech/a/1631954.html

http://www.xinhuanet.com/english/2020-12/18/c_139598602.htm

วายแอลจี ชี้ราคาทองคำยังไปต่อ หลังเฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0-0.25% พร้อมส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำยาวต่อเนื่องถึงปี 2566 หนุนราคาทองคำพุ่ง

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.00 – 0.25% ในการประชุมประจำเดือน ธ.ค.

พร้อมทั้งยืนยันการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มหากมีความจำเป็น เพราะถึงแม้ว่าวัคซีนต้านโควิด-19 จะเป็นปัจจัยบวกแต่ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะยอดผู้ติดเชื้อยังพุ่งขึ้น ทำให้ยังไม่สามารถคาดการณ์ผลกระทบต่อเศรษฐกิจได้ในขณะนี้ ซึ่งผลของการประกาศนโยบายดังกล่าวส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากนี้ เฟดยัง ส่งสัญญาณว่าจะยังคงใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยใกล้ศูนย์ไปจนถึงปี 2566 เนื่องจากเฟดยังคงต้องใช้เครื่องมือสนับสนุนเศรษฐกิจให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งตราบใดที่ทั่วโลกยังคงดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำก็จะยังคงทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดทองคำ อีกทั้งการที่เฟดมีนโยบายยังคงซื้อสินทรัพย์ (QE) อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือนจนกว่าจะมีความคืบหน้าอย่างมากไปสู่การบรรลุเป้าหมายการจ้างงานเต็มประสิทธิภาพและเสถียรภาพด้านราคา ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลให้มีเงินไหลเข้าตลาดทองคำเช่นกัน

อย่างไรก็ดี ในส่วนของการเคลื่อนไหวของราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นมารับข่าวการประชุมของเฟดนั้น มองว่าในระยะสั้นราคามีทิศทางค่อยๆปรับตัวขึ้น แต่ยังต้องระวังแรงขายที่อาจสลับออกมาเป็นระยะ แต่ภาพในระยะยาวมองว่ายังคงเป็นขาขึ้นอยู่ตราบใดที่ราคายังคงสามารถทรงตัวเหนือระดับแนวรับสำคัญบริเวณ 1,750-1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ส่วนนักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น แนะนำหาจังหวะซื้อหากราคาไม่หลุดบริเวณ 1,839 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อหวังขายทำกำไรบางส่วนเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไปไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,887-1,899 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ทั้งนี้ ในส่วนของราคาทองคำในรูปเงินบาทนั้น ปัจจุบันถือว่าได้รับแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้ราคาทองคำในประเทศปรับขึ้นน้อยกว่าราคาทองคำในตลาดโลก ดังนั้น นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนทองคำในตลาด TFEX ผ่านการลงทุนโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส(Gold Online Futures) ที่เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐ กับ บ.วายแอลจี ฟิวเจอร์ส เพื่อลดความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงินบาทได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนการลงทุน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top