Friday, 20 June 2025
ค้นหา พบ 48906 ที่เกี่ยวข้อง

‘เอฟเวอร์ตัน vs อาร์เซน่อล’ เมื่อทีมฟอร์มแรงกับทีมฟอร์มหล่นมาพบกัน!

พรีเมียร์ลีกค่ำคืนวันเสาร์นี้ คงต้องโฟกัสไปที่คู่ ‘เอฟเวอร์ตัน’ เปิดบ้านพบ ‘อาร์เซน่อล’ ทั้งสองทีมนี้โคจรมาเจอกันในช่วงเวลาที่น่าสนใจ คือก่อนคริสต์มาส เอ้ย! ใช่ที่ไหนเล่า! โคจรมาเจอกันในช่วงเวลาที่ ‘สวนทาง’ กันต่างหาก

 

เอฟเวอร์ตัน เปิดตัวต้นฤดูกาลมาได้สวยๆ ชนะรวดจนเคยขึ้นไปรั้งจ่าฝูงมาแล้ว แต่มาออกอาการเป๋ๆ ในช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา ล่าสุดเริ่มกลับมาตั้งลำใหม่ เก็บชัยชนะได้อีกครั้ง ซึ่งสวนทางกับอาร์เซน่อล ที่ทรงๆ ทรุดๆ และล่าสุด รั้งอันดับที่ 15 ของตาราง มีคะแนนห่างจากโซนตกชั้นอยู่แค่ 5 คะแนนเท่านั้น

 

นัดนี้อาร์เซน่อลจะต้องยกพลมาเยือนถิ่นกูดิสัน พาร์ค ของเอฟเวอร์ตัน ซึ่งหากว่ากันในภาพรวม ทรงการเล่นของทั้งสองทีมนี้คล้ายๆ กัน คือเล่นบอลกับพื้น ต่อบอลหาพื้นที่ และใช้กราบสองข้างในการเข้าทำ เอฟเวอร์ตันยุคหลังๆ พอได้เฮดโค้ชอย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ มาคุมทีม สไตล์เปลี่ยนไปจากเดิมเยอะ เป็นบอลที่กลางแน่น เล่นกันเข้มข้น ตัดเกมได้เมื่อไรก็ขึ้นบอลจากกราบสองข้าง ซึ่งมีทีเด็ดเพียบ ทั้งฮาเมส โรดิเกวซ ลูก้าส์ ดีญ และ อเล็กซ์ อิโวบี้ ที่ฟอร์มกำลังเข้าฝัก ส่วนกองหน้าปีนี้เขาก็มาจริงๆ นั่นคือ โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน ร้อนแรงเกินห้ามใจ

 

 

หันมาดูขุนพลอาร์เซน่อลกันบ้าง หมดสิทธิ์ใช้งาน กาเบรียล มากัลเญส ที่ติดโทษแบน ส่วนโธมัส ปาร์เตย์ กองกลางความหวังใหม่ก็บาดเจ็บซะอีก แผงกลางยังมี โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ และ ดานี่ เซบายอส จับคู่กัน เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ขี้เหร่นัก กองหน้าก็มีครบทั้ง ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมย็อง บูคาโย่ ซาก้า และ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ปัญหาที่ต้องเร่งจัดการก็คือ ผู้จัดการทีมอย่าง มิเกล อาร์เตต้า จะปลุกขวัญลูกทีมจากสภาพจิตตก ฟอร์มหล่นได้อย่างไร เพราะถ้าทำไม่ได้ ก็คงเป็นอาร์เตต้านั่นแหละ ที่อาจจะต้องบ๊ายบายยยย

 

 

สถิติของทั้งสองทีมที่เคยพบกันมากว่า 202 ครั้ง เป็นอาร์เซน่อลที่ชนะไปแค่ 57 ครั้ง เอฟเวอร์ตันเอาชนะไป 102 ครั้ง เสมอกันไป 47 ครั้ง ที่สำคัญ เอฟเวอร์ตันสามารถเอาชนะในบ้านตัวเองไปได้ถึง 70 ครั้งด้วยกัน

 

 

ฟอร์มในลีก 5 นัดหลังสุด อย่างที่บอกว่า เอฟเวอร์ตันเริ่มกลับมาสู่เส้นทางที่ดีขึ้นอีกครั้ง ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1 รั้งอันดับที่ 5 ในเวลานี้ ส่วนอาร์เซน่อล แพ้ 3 เสมอ 2 อยู่อันดับที่ 15 แต่หากดูจากเฮดทูเฮดหรือผลงานที่เจอกัน 6 นัดหลังสุด อาร์เซน่อลกลับทำผลงานได้ดีกว่า เอาชนะไปได้ถึง 4 นัด เอฟเวอร์ตันชนะได้แค่ครั้งเดียว ส่วนอีกนัดเสมอกันไป

 

 

ผลลัพธ์ที่น่าจะเป็น เอฟเวอร์ตันน่าจะปิดจ็อบในบ้านตัวเองได้ เพราะสภาพอาร์เซน่อลในเวลานี้ น่าเหนื่อยใจแทน แถมยังเป็นช่วงเวลาที่ขุนพลทอฟฟี่กำลังทำผลงานได้ดี กำลังใจนักเตะก็ดีกว่า ทีนี้ก็อยู่ที่ขุนพลเดอะกันเนอร์แล้วล่ะ ว่าจะ #เซฟอาร์เตต้า กันหรือไม่ ถ้าฮึดกันจริงๆ จังๆ ก็มีโอกาสคว้าคะแนนออกไปจากรังของทอฟฟี่สีน้ำเงินได้นะ คุณภาพบอลไม่ได้ห่างอะไรกันมากมาย ที่เหลือก็อยู่ที่ระบบระเบียบในการเล่น และสภาพจิตใจของนักเตะทั้งหมดนี่เอง #รักอาร์เตต้าแค่ไหนถามใจพวกเธอดูวว์ และแฟนๆ ก็เตรียมรอดูกันได้ คืนนี้ 00.30 น. หรือเที่ยงคืนครึ่ง ตามเวลาในบ้านเรา แล้วเจอกันนะ ปู๊นๆ

 

 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สุดปลื้ม หลัง Bloomberg ยกให้ไทยอยู่ในอันดับ 1 ของประเทศที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจดีสุดปี 64 ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่สำนักข่าว Bloomberg ประกาศให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 1 ของประเทศที่มีแนวโน้มจะเป็นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ที่มีภาพรวมทางเศรษฐกิจดีที่สุดในปี 2564

แสดงถึงความสามารถในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นในเรื่องการค้าและการลงทุนในปี 2564

จากรายงานใน หัวข้อ China Lags as Thailand, Russia Rank Top Emerging Market Picks เปิดเผยรายงานการศึกษาแนวโน้มทางเศรษฐกิจในปี 2564 ของ 17 ประเทศ อาทิ ไทย รัสเซีย จีน เกาหลีใต้ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เป็นต้น โดยมีตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจและการเงิน 11 ข้อ ซึ่งประเทศไทยได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 1 ในฐานะประเทศที่มีเงินทุนสำรองที่แข็งแกร่ง และมีศักยภาพสูงจากการไหลเข้าของเงินลงทุน (Portfolio Inflows)

แม้ในรายงานดังกล่าว จะมีความห่วงกังวลเรื่องการกระจายวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโรคโควิด-19 ของประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงประเทศไทย ซึ่งพึ่งพารายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลได้เตรียมการรับมือกับประเด็นดังกล่าวเป็นอย่างดี

โดยทางด้านสาธารณสุข รัฐบาลส่งเสริมการดำเนินการควบคุมโรค ป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้างอย่างเข้มงวด ควบคู่ไปกับส่งเสริมความร่วมมือทางด้านสาธารณสุขกับหุ้นส่วนและมิตรประเทศ เพื่อวิจัยและพัฒนา รวมถึงเตรียมผลิตวัคซีนและยกระดับการพัฒนาทางด้านสาธารณสุขไทย รวมทั้งส่งเสริมให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เป็นสินค้าสาธารณะ และประชาชนสามารถได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง

ส่วนทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รัฐบาลได้เตรียมพร้อมและได้ดำเนินนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 อาทิ โครงการคนละครึ่งเฟส 1 เฟส 2 เราเที่ยวด้วยกัน และ ช้อปดีมีคืน เป็นต้น

นอกจากนี้ รัฐบาลดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ด้านคมนาคม ด้านพลังงาน ด้านการจัดการน้ำ ด้านการสื่อสาร รวมถึงการเร่งแผนส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นต้น

รัฐบาล เดินหน้าสร้างบุคลากรรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เน้นย้ำพัฒนาทักษะให้ตรงความต้องการภาคเอกชน ระบุมีตำแหน่งงานรองรับกว่า 4 แสนอัตรา ภายใน 5 ปี

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและติดตามการขับเคลื่อนโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีเป้าหมายเพื่อยกระดับการพัฒนาให้เป็นประเทศที่มีรายได้สูง โดยเรื่องการพัฒนาทรัพยากรบุคคลเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งของโครงการดังกล่าว

ซึ่งกระทรวงแรงงานได้จัดตั้งศูนย์บริหารแรงงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC Labour Administration Center) ณ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 3 จ.ชลบุรี โดยร่วมมือกับหลายภาคส่วน

ล่าสุด กระทรวงฯรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบว่า ในปีงบประมาณพ.ศ.2563 ได้ให้บริการจัดหางานแก่กลุ่มอุตสาหกรรมดั้งเดิม และอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (S-Curve) (อาทิ หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร) จากที่ตั้งเป้าไว้ 28,000 คน แต่เมื่อดำเนินงานจริงสามารถจัดหางานได้มากถึง 40,464 คน คิดเป็น 144.51% ส่วนงานบริการแนะแนวอาชีพให้นักเรียน นักศึกษา ตั้งเป้าไว้ที่ 48,838 คน ผลการดำเนินงานเกินเป้าหมายเช่นกัน โดยมีจำนวน 70,401 คน คิดเป็น 144.15%

สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้ประมาณการณ์ว่า ในระยะเวลา 5 ปี (2562-2566) จะมี 4 แสนกว่าอัตรา ทั้งในระดับอาชีวะและปริญญาตรี ที่เป็นความต้องการของภาคเอกชนต่อบุคลากรไทยในพื้นที่อีอีซี

ที่ผ่านมา สกพอ.ได้ร่วมมือกับกระทรวงแรงงานและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม สร้างหลักสูตรพัฒนาทักษะบุคลากรให้ตรงความต้องการภาคเอกชน (EEC Model) ควบคู่กับการสร้างแรงจูงใจแก่เอกชนที่รับนักศึกษาที่จบหลักสูตรนี้ คือจะได้รับการลดหย่อนภาษีด้วย

ส่วนการเตรียมพร้อมในระยะยาว กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ร่วมกับสถาบันส่งเสริมการสอน วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (สสวท.) ขับเคลื่อนการเรียนการสอนภาษาคอมพิวเตอร์ (Coding) อย่างต่อเนื่อง

ทั้งการจัดอบรมพัฒนาครูสำหรับการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียน และการส่งเสริมเด็กให้เรียนภาษาคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ทั้งนี้ เป็นการสร้างทรัพยากรบุคคลให้ตรงกับความต้องการของภาคเอกชนในอนาคต

ทีมคนละครึ่งอัพเดทตัวเลขโครงการล่าสุด ยอดร้านค้าพุ่งแตะล้าน สร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 45,000 ล้านบาท เป็นการการันตีได้ถึงนโยบายภาครัฐชิ้นเอกที่ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก

จากเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Chao Jiranuntarat’ หรือ สมคิด จิรานันตรัตน์ ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หนึ่งในทีมดูแลระบบการลงทะเบียนให้กับโครงการของรัฐบาลหลายโครงการ เช่น เราไม่ทิ้งกัน, วอลเล็ต สบม. รวมทั้งโครงการคนละครึ่ง ได้มีการอัพเดทตัวเลขของโครงการนี้ ไว้ว่า…

คนละครึ่งจนถึง 17/12/20มียอดการลงทะเบียนร้านค้าเกินกว่า 1 ล้านร้านค้า และมีการใช้จ่ายไปแล้วกว่า 45,000 ล้านบาท เป็นจำนวนกว่า 260 ล้านรายการ

ทั้งนี้กลุ่มที่ใช้คนละครึ่งแบ่งออกได้ตามอายุ ดังนี้

- 18-21 ปี = 8%

- 22-30 ปี = 22%

- 31-45 ปี = 40% (ใช้จ่ายมากที่สุด)

- 46-60 ปี = 23%

- 61-80 ปี = 7%

โดยจังหวัดที่มีการใช้งานสูงสุด 10 อันดับแรกได้แก่

1.กรุงเทพมหานคร

2.สงขลา

3.นนทบุรี

4.สมุทรปราการ

5.ชลบุรี

6.เชียงใหม่

7.ปทุมธานี

8.สุราษฎร์ธานี

9.นครศรีธรรมราช

10.ภูเก็ต

เป็นโครงการที่มีการกระจายรายได้สู่ร้านค้าเล็กๆ ทั่วประเทศ และก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี

งานดีๆ ที่ไม่ควรพลาด ‘The Cat Society รวมพลคนรักแมว’ @มิวเซียมสยาม

จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี สำหรับเทศกาลท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน Night at The Museum ที่ทางมิวเซียมสยามเป็นเจ้าภาพ โดยหนล่าสุดนี้เป็นครั้งที่ 10 แถมยังมีความพิเศษเข้าไปอีก เพราะงานนี้มีชื่อตอนว่า The Cat Society “รวมพลคนหลงแมว”

ซึ่งที่มาของคอนเซ็ปนี้ เพราะน้องเหมียวเป็นสัตว์ยอดนิยมในช่วงเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่คู่กับมนุษย์มายาวนาน ทางผู้จัดงานจึงนำแนวคิดนี้มาต่อยอด จัดเป็นกิจกรรมเพื่อเป็นพื้นที่ให้คนแรกแมวและบุคคลทั่วไปมารวมตัวกันทำกิจกรรมดีๆ รวมทั้งปลุกกระแสการท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

แน่นอนว่า ภายในงานจะได้พบกับน้องแมวหลากสายพันธุ์ ที่มาโชว์ความน่ารักมากมาย นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนุกๆ อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นการออกร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และฐานกิจกรรมต่างๆ อาทิ Cat Playground เปิดพื้นที่ให้เหล่าบรรดาน้องเหมียวได้มาสนุกกัน Catory Displays เรื่องเล่า แมว แมว แบบที่เราจะได้เรียนรู้ รู้จักเจ้าเหมียวมากขึ้น Catbrary ห้องคลังความรู้ที่จะมาเล่าเรื่องสนุกเกี่ยวกับแมว มุม Cat Charity บูทย้อมแมวขาย by Muse Shop ที่ขนของที่ระลึกแบบชิคๆ มาให้จับจ่าย พร้อม Workshop ระบายสีเสื้อ สร้างน้องแมวในแบบของตัวเอง และกาชาปองจากญี่ปุ่นกว่า 20 คอลเลกชัน

โดยรายได้ส่วนหนึ่งของกิจกรรมหลังจากหักค่าใช้จ่ายมิวเซียมสยามจะมอบให้แก่มูลนิธิรักษ์แมว ปันใจให้แมวจร มูลนิธิรักษ์ และเพจแมวต่างๆ

งานจัดตั้งแต่วันที่ 18 – 20 ธันวาคมนี้ อากาศดีๆ ควรไปอย่างมาก หรือสามารถเข้าไปดูรายละเอียดของงานได้เพิ่มเติมที่ www.facebook.com/museumsiamfan และเว็บไซต์ www.museumsiam.org


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top