Tuesday, 20 May 2025
ค้นหา พบ 48205 ที่เกี่ยวข้อง

สะเทือนใจ!! ‘ต่างชาติกร่าง’ ทำร้ายคนไทยบนผืนแผ่นดินไทย เปรียบ!! หากเกิดขึ้นใน ‘สหรัฐฯ’ อาจลามถึงขั้นลงถนนประท้วง

จากกรณีชาวต่างชาติได้เข้าทำร้ายคุณหมอ ขณะนั่งพักอยู่ที่บันไดริมชายหาดในภูเก็ต จนกลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ภายหลังชาวต่างชาติรายดังกล่าวพร้อมภรรยาได้ออกมาขอโทษคุณหมอผู้เสียหาย แต่ทางคุณหมอยืนยันจะเอาผิดทางกฎหมายให้ถึงที่สุด

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (4 มี.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘David William’ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘ครูเดวิด วิลเลียม’ ซึ่งเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ที่รู้จักกันบนโลกโซเชียลมีเดียจากการที่เขาสามารถใช้สำเนียงการพูดได้หลากหลายเพื่อคำคอนเทนต์สนุกๆ บนโลกโซเชียล จนยอดผู้ติดตามในเพจเฟซบุ๊กสูงถึง 1.4 ล้านคน ได้ออกมาโพสต์วิดีโอแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน

ครูเดวิด กล่าวว่า คุณมาประเทศของคนอื่น มาอยู่ในบ้านของคนอื่น ซึ่งเขายินดีที่จะให้คุณอยู่ ทั้ง ๆ ที่คุณไม่มีสิทธิ์ แถมคุณยังมีโอกาสได้ทำธุรกิจ อยู่ดีกินดี แล้วมาทำอย่างนี้ได้อย่างไร? ถ้าจะมาทำตัวแบบนี้กับคนที่ให้บ้านอยู่อาศัย ก็เชิญกลับประเทศคุณไปเถอะ

ครูเดวิดกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สิ่งที่งงมากจริง ๆ คือ ที่ที่คุณหมอนั่งเป็นพื้นที่สาธารณะ และคุณหมอก็เป็นคนไทย เป็นเจ้าของประเทศ นั่งในพื้นที่ที่เป็นสาธารณะในพื้นที่ประเทศตัวเอง แล้วจะไปไล่ให้คุณหมอออกจากพื้นที่ตรงนั้น ด้วยพฤติกรรมแบบนั้นได้อย่างไร?

นอกจากนี้ครูเดวิดยังได้ยกตัวอย่างนิสัยของชาวตะวันตก โดยระบุว่า… “จะมีฝรั่งบางจำพวกที่เมื่อมาเที่ยวที่ประเทศในเอเชีย จะชอบคิดว่าตัวเองเหนือกว่าทุกคน เหนือกว่าทุกสิ่ง”

ครูเดวิดได้แสดงความคิดเห็นเตือนสติคนไทยไว้ด้วยว่า… “ก็อยากจะขอเตือนคนไทยทุกคนด้วยความเคารพอย่างยิ่ง อยากให้เลิกใจดีขนาดนี้ได้แล้ว ซึ่งจากลักษณะของคนไทยที่สังเกตได้คืออยากให้ทุกคนมาอยู่ร่วมด้วย และเป็นหนึ่งประเทศที่น่ารักกับชาวต่างชาติมาก ๆ แต่ก็ต้องแยกแยะระหว่างชาวต่างชาติที่อยู่ประเทศไทย เคารพกฎหมาย รักคนไทย ให้ความเคารพคนไทย กับฝรั่งที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด ฝรั่งที่ไม่เคยให้เกียรติคนอื่ และฝรั่งที่ชอบดูถูกคนไทย”

ครูเดวิดได้เปรียบเทียบหากเหตุการณ์คล้าย ๆ กันนี้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตนว่า… “ผมขอการันตีเลยว่าหากเหตุการณ์คล้าย ๆ กันนี้เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ที่ผู้คนที่นั่นเป็นคนที่รักชาติบ้านเกิด และภูมิใจในประเทศของตัวเองแบบสุด ๆ แต่เขาก็สามารถอยู่กับชาวต่างชาติได้ แต่ชาวต่างชาติก็ต้องพิสูจน์ตัวเองเยอะมาก ๆ ว่ารักสหรัฐอเมริกาแบบแท้จริง”

“และแน่นอนว่า หากมีชาวต่างชาติ ทำร้ายคนสหรัฐฯ เหมือนที่เกิดขึ้นในประเทศไทย คนสหรัฐฯ จะไล่ชาวต่างชาติคนนั้นออกจากประเทศ ไม่เท่านั้นนะ ทุกอย่างจะลุกเป็นไฟ จะมีการลงถนนประท้วงด้วยซ้ำ”

ครูเดวิดได้สรุปทิ้งท้ายไว้ว่า “ขอคนไทยอย่าปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ อย่าปล่อยให้เรื่องนี้เงียบไป เพื่อให้ชาวโลกรู้ เพื่อให้ชาวโลกเห็นว่าคนไทยจะไม่ยอมโดนดูถูกในประเทศตัวเอง และพวกเรามีสิทธิในการปกป้องศักดิ์ศรีของพวกเราอย่างแน่นอน”

'รมว.ปุ้ย' รับลูก!! 'เศรษฐา' เร่งออกมาตรฐาน 'บันไดเลื่อน-ทางเลื่อน'  จ่อบังคับใช้โดยเร็ว เพิ่มความปลอดภัย ปิดทางอุบัติเหตุซ้ำรอย

(5 มี.ค.67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เร่งรัดให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดมาตรฐานบันไดเลื่อน และทางเลื่อนอัตโนมัติให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและป้องกันอุบัติเหตุซ้ำรอยนั้น คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (บอร์ด สมอ.) เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบร่างมาตรฐานดังกล่าวแล้ว โดยอ้างอิงข้อกำหนดด้านความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล พร้อมกันนี้ได้กำชับให้ สมอ. เร่งดำเนินการประกาศให้เป็นสินค้าควบคุมโดยเร็วที่สุด 

นายบรรจง สุกรีฑา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) กล่าวว่า คณะกรรมการได้พิจารณาร่างมาตรฐานบันไดเลื่อน และทางเลื่อนอัตโนมัติที่ สมอ. เสนอ ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบแล้ว รวมทั้งยังได้เห็นชอบร่างมาตรฐานอื่นๆ อีก จำนวน 111 เรื่อง เช่น กลอนสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ, ท่อยางและท่อพลาสติกสำหรับใช้กับก๊าซหุงต้ม, ฟิล์มติดกระจกรถยนต์, เต้ารับเต้าเสียบที่ใช้ในรถยนต์, หม้อแปลงไฟฟ้ากำลัง, ระบบอากาศยานไร้คนขับ และกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้า รวมทั้งมาตรฐานเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนที่ทำหน้าที่ให้ความร้อนแก่ของเหลวที่นำมาทบทวนใหม่ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีการผลิตในปัจจุบัน เพื่อให้มีความปลอดภัยในการใช้งานมากขึ้น เช่น กาต้มน้ำไฟฟ้า, กระติกน้ำร้อนไฟฟ้า และหม้อหุงข้าว เป็นต้น 

ด้าน นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรฐาน 'บันไดเลื่อนและทางเลื่อนอัตโนมัติ' เป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยและระบบไฟฟ้า ที่อ้างอิงตามมาตรฐานระหว่างประเทศ (มาตรฐาน ISO) ซึ่งมีความปลอดภัยสูง เป็นที่ยอมรับของสากล และทั่วโลกได้นำไปใช้ โดยมีข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่สำคัญ ได้แก่ การป้องกันความผิดพลาดที่เกิดจากวงจรควบคุม การป้องกันอันตรายที่เกิดจากการแตกหักระหว่างทำงาน การป้องกันการรับน้ำหนักและบรรทุกเกิน และจะมีเซนเซอร์ตรวจจับความผิดปกติต่างๆ ในขณะทำงาน เช่น เมื่อบันไดเลื่อนหรือทางเลื่อนมีความเร็วผิดปกติ ระบบเบรกไม่ทำงาน มีขั้นบันไดหรือแผ่นพื้นเลื่อนที่แอ่น มีชิ้นส่วนอุปกรณ์ใดๆ หลุดหายไป หรือหากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปติดในซี่หวีบันไดเลื่อนหรือทางลาดเลื่อน เซนเซอร์จะตรวจจับความผิดปกติดังกล่าว และจะหยุดการทำงานทันที เพื่อป้องกันอันตรายขณะมีผู้ใช้งานได้ ทั้งนี้ สมอ. จะเร่งดำเนินการประกาศรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อกำหนดให้เป็นสินค้าควบคุมโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะมีผลให้ผู้ประกอบการทุกรายต้องทำ และนำเข้าเฉพาะสินค้าที่ได้มาตรฐานเท่านั้น หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามฏหมาย โดยหลังจากนี้ สมอ. จะแจ้งให้ผู้ประกอบการที่เป็นผู้นำเข้าบันไดเลื่อนและทางเลื่อนอัตโนมัติทุกราย ให้เตรียมยื่นขออนุญาตให้ถูกต้อง ทันตามกำหนดเวลาที่มาตรฐานดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ต่อไป

‘กะเทยฟิลิปปินส์’ โพสต์คลิปร่ำไห้ วอนขอให้ช่วยเพื่อนๆ แต่เจอชาวเน็ตปินส์ สวด!! หัดเรียนรู้ที่จะ ‘ถ่อมตัว-ยอมจำนน’

(5 มี.ค.67) กลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วโซเชียลเลยจริง ๆ กับกระแสวันกะเทยผ่านศึก ตำนานศึกกู้ชาติกะเทยไทย VS กะเทยฟิลิปปินส์ ซึ่งจบลงเป็นที่เรียบร้อยหลังผ่านไป 10 ชั่วโมง

ล่าสุด มีหนึ่งในชาวฟิลิปปินส์ได้ออกมาลงคลิปวิดีโอร้องไห้ เช็ดน้ำตาลงโซเชียล พร้อมระบุว่า “ได้โปรดช่วยเพื่อนฉันด้วย”

งานนี้ ชาวโซเชียลไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ตามเจอคลิปวิดีโอดังกล่าวจึงแห่เข้าไปคอมเมนต์เป็นภาษาอังกฤษ ชี้แจงให้คนฟิลิปปินส์รู้ว่าเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะอะไร ทำไมเจ้าของโพสต์ถึงขอให้ช่วยทั้ง ๆ ที่พรรคพวกตัวเองเป็นคนไปทำคนไทยก่อน

“พวกคุณรู้ใช่ไหมว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน” , “เป็นพวกคุณที่เข้ามาทำร้ายร่างกายกันก่อน คุณจะให้คนอื่นมอบดอกไม้ให้เหรอฟิลิปปินส์”, “มันปกติใช่มั้ย? กะเทยปินส์ 20 คนรุมกะเทยไทย”

ทั้งนี้ มีชาวฟิลิปปินส์เข้ามาคอมเมนต์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวอีกด้วย “ให้ความเคารพคนอื่นก่อน แล้วจะได้ความเคารพกลับคืน” , “มาสำนึกผิดทีหลังเหรอ ไม่ว่าใครจะเริ่มต่อสู้ก่อนกับความจริงที่ว่าคุณอยู่ต่างประเทศ จงเรียนรู้ที่จะถ่อมตัวหรือยอมจำนน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น คุณจะออกจากโรงแรมไม่ได้”

ก่อนเจ้าของโพสต์จะมาตอบคอมเมนต์ดังกล่าวว่า “คือแม่ อย่าแสดงความคิดเห็นแบบนั้น!!!!” ทางด้านคอมเมนต์ดังกล่าวจึงมาตอบกลับอีกทีว่า “ไม่มีอะไรผิดกับสิ่งที่ฉันพูด ฉันแค่พูดความจริง ความเห็นอกเห็นใจชาวฟิลิปปินส์ก็จริงอยู่ แต่เมืองไทยไม่ใช่บ้านเรา ไม่รู้ว่าไส้รู้พุงขนาดนั้นว่า ประเทศไทยเหมือนบ้านเราไหม”

‘จิรายุ’ เคลียร์ปม ‘หนองวัวซอ’ อุดแรงปั่น ‘แด๊ดดี้’ ชี้!! ที่ดินราชพัสดุไม่ใช่ ‘กรรมสิทธิ’ แต่ต่อสิทธิได้

จากรายการ ‘คุยจบครบกระแส’ เมื่อวันที่ 4 มี.ค.67 ดำเนินรายการโดย ‘นายหัวไทร’ เฉลียว คงตุก / จาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ ได้สัมภาษณ์พิเศษ ‘นายจิรายุ ห่วงทรัพย์’ โฆษกกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยเรื่อง การนำที่ดินทหารมาให้ชาวบ้านที่บุกรุกเช่าในอัตราราคาถูก แต่กลับถูก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ติงว่าการให้เช่า 3 ปี เป็นระยะเวลาที่สั้นไป ไม่มั่นคง ทาสีไม่ทันแห้งก็ถูกเอาคืน ซึ่งเรื่องนี้ นายจิรายุ ได้แจงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ไว้อย่างชัดเจน ว่า...

“เรื่องของการเช่าที่ดินทหารไม่น่าจะเป็นประเด็นทางการเมือง แต่ก็กลับมาเป็นประเด็นจนได้ เมื่อคุณพิธา ไปย้อนรอยรัฐบาลถึงโครงการมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ ‘หนองวัวซอโมเดล’ ให้ผู้เช่าชาวจังหวัดอุดรธานี ว่า เป็นการออกเอกสารให้ชาวบ้านเช่าแค่ระยะสั้นๆ แค่ 3ปีคนที่จะลงทุนจะไปทำอะไร โดยเปรียบเปรยว่า 3 ปี วางแผนเพาะปลูกอะไรก็ไม่ได้เลย เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวยังหม้อยังไม่ทันได้ดำ เปิดร้านทาสีก็ยังไม่แห้ง ผลผลิตยังไม่ออกผล สัญญาก็จะหมดแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าหากคนที่ไม่เข้าใจ พอได้ฟังเช่นนี้ ก็อาจจะเข้าใจผิดได้...

“ทั้งนี้ หากย้อนความกลับไปเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัย คสช. ยึดอำนาจ ที่ดินของทหารซึ่งมีจำนวนมาก มิได้มีเส้นแบ่งเขตชัดเจน แล้วก็ทำให้เกิดการบุกรุกของประชาชน แล้วพอมีผู้บุกรุกแล้วเจ้าหน้าที่ไปตรวจพบ ก็สามารถไล่ออกได้ทุกเวลา แต่เนื่องจากรัฐบาลต้องการทำให้พื้นที่ซึ่งมีโอกาสต่อประโยชน์ในการทำมาหากินอยู่ในระบบที่ถูกต้อง ทางกรมธนารักษ์ จึงได้ให้สิทธิ์กลับไปยังส่วนราชการในทุกกระทรวง-ทบวง-กรม ได้นำไปต่อยอดใช้ประโยชน์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดี เพราะเป็นการนำพื้นที่ไปสร้างประโยชน์แก่ประชาชน...

“อย่างไรก็ตาม ที่ดินเหล่านี้ ซึ่งคุณพิธาอาจจะไม่ทราบ คือ มีการต่อสัญญาเมื่อหมดสัญญาทั้งสิ้น โดยท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง คุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ท่านก็เคยได้ออกชี้แจงข้อเท็จจริงมาแล้วว่า หลังจาก 3 ปีก็มีการต่อสัญญาให้ทุกปี หรือทุกครั้งที่หมดสัญญา...

“ฉะนั้น ประเด็นที่คุณพิธา พูดถึงกรรมสิทธิผิดความหมาย และการให้สิทธิประชาชนเช่าที่ราชพัสดุ 3 ปีแล้วมีการเรียกคืนนั้น ก็เหมือนกับการเล่นการเมืองที่ภายใต้การให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน จนอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดของประชาชนได้ เพราะที่ผ่านมา การจัดสรรที่ดินทำกิน ในกลุ่มพื้นที่ราชพัสดุ เช่น หนองวัวซอโมเดล เป็นการ ‘มอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ’ ไม่ใช่ ‘กรรมสิทธิ์’ ตามที่นายพิธากล่าวอ้างอยู่แล้ว” (พิธาพลิกลิ้น ไม่ได้บอกว่าให้ประชาชนเป็นที่อยู่อาศัย คอยจ่ายค่าเช่าให้กับรัฐบาล ไม่ใช่แบบนั้น แต่ต้องเป็นสิทธิในการบริหารอนาคตของตัวเอง สิทธิในการมอบที่ดินให้กับลูกหลาน การมีกรรมสิทธิ์ในการจะเอาที่ดินเข้าธนาคาร นำเงินออกมาแก้ปัญหา ช่วยทำให้ จ.อุดรธานี น่าอยู่)

สำหรับกรณีที่ราชพัสดุ ‘หนองวัวซอโมเดล’ นายจิรายุ กล่าวว่า เป็นระบบสิทธิการเช่า 3 ปี ประชาชนที่เช่าอยู่เดิม ต่อสัญญาได้ตลอดและต่อเนื่อง หากจะเช่าเกิน 3 ปีก็ทำได้ แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิการเช่าจำนวนมาก การต่อสัญญา 3 ปีครั้งเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับประชาชน

“รัฐบาลนายเศรษฐา เพิ่งลงพื้นที่มอบสัญญาเช่าที่ดินในโครงการหนองวัวซอโมเดลไปเมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา และรัฐบาลจะเดินหน้าเพิ่มที่ดินทำกินให้ประชาชนต่อเนื่อง ในหลายวิธีการ ซึ่งหนองวัวซอโมเดล รัฐบาลทำมาระยะหนึ่งแล้ว และนายกฯ ก็มีความตั้งใจในเรื่องนี้มาก” นายจิรายุ ย้ำชัด

เมื่อถามว่า แล้วถ้าจะต่อสัญญาแบบระยะยาวให้แก่ผู้เช่าได้หรือไม่ นายจิรายุ เผยว่า โดยส่วนใหญ่ระเบียบการให้เช่าที่ของกรมธนารักษ์ มักจะยืนพื้นการให้เช่าไว้ที่ 3 ปี แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นมาตรฐานแบบเหมารวม เนื่องจากบางพื้นที่และบางกิจกรรมที่แตกต่าง ก็ทำให้ไม่สามารถกำหนด เป็น 3 ปี 5 ปี หรือกี่ปีแบบเดียวกันได้ เช่น บางพื้นที่ใช้ปลูกข้าว เลี้ยงสัตว์ การให้สัญญาเช่า 3ปีก็เยอะไปสำหรับบางผู้เช่า หรือบางกรณีมีที่ให้เช่าแถวสถานีขนส่ง บางคนก็อยากประกอบกิจการอื่นๆ โดยมองว่าควรได้ทำระยะยาว ซึ่งตรงนี้มันเป็นเรื่องของความเหมาะสมในพื้นที่ 

แต่โดยสรุปแล้ว นี่ถือว่าเป็นเจตนาที่ดี ที่ทางรัฐบาลต้องการมอบโอกาสในการทำมาหากินผ่านที่ดินทำกินให้กับประชาชนนั่นเอง

'บิ๊กฮั่น' รับ!! กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ซึ้งใจ 'มาดามแป้ง' รับฟังปัญหา-ทำงานโปร่งใส ขออนุมัติเงิน 40.5 ลบ. หนุนไทยลีก 2-3 ช่วยประคองหยาดเหงื่อทุกทีม

(5 มี.ค. 67) 'บิ๊กฮั่น' มิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Miti Tiyapairat' ยอมรับว่าตนถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อ 'มาดามแป้ง' นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ คนใหม่ ขออนุมัติเงินจำนวน 40.5 ล้านบาท เพื่อนำไปจ่ายให้กับเหล่าบรรดาทีมในศึกไทยลีก 2 และ ไทยลีก 3

โดย 'มาดามแป้ง' ยืนยันในที่ประชุมสภากรรมการ ว่า ทีมจาก ไทยลีก 3 ทางสมาคมฯ ได้อนุมัติเงินสนับสนุนงวดที่ 2-4 (ครบ) จำนวน 72 ทีม ๆ ละ 375,000 บาท รวมเป็นเงิน 27,000,000 บาท ขณะที่ทีมจาก ไทยลีก 2 อนุมัติเงินสนับสนุน งวดที่ 2-3 จำนวน 18 ทีมๆ ละ 750,000บาท รวมเป็นเงิน 13,500,000 บาท

"วันนี้เป็นการประชุมสภากรรมการครั้งแรก ที่มีพี่แป้งเป็นนายกสมาคม

"สิ่งที่ผมรู้สึกและรู้สึกประทับใจมาก ๆ คือความรวดเร็วในการทำงาน ความโปร่งใสในการนำข้อมูลทุกอย่างมาวางบนโต๊ะ และที่สำคัญคือการเปิดรับฟังความคิดเห็น ที่สภากรรมการได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

"เราได้เห็นปัญหา เราได้รับฟังข้อเท็จจริง จำนวนตัวเลขทั้งรายรับ รายจ่าย รวมไปถึงเงินคงเหลือในแต่ละบัญชีของทั้งสมาคมและบริษัทไทยลีก

"เราได้รับรู้สัญญาของคู่สัญญาของสมาคมและไทยลีก เนื้อหาของสัญญาเป็นอย่างไร ปัญหาคืออะไร หักค่าหัวคิวเท่าไหร่

"โดยท่านนายกนวลพรรณ ได้นำมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะตัวเลขในบัญชีที่คงเหลือเงินอยู่จำนวนหนึ่ง แล้วก็เป็นการนำเสนอของนายกสมาคม คุณนวลพรรณ ที่ได้ขออนุมัติในที่ประชุมถึงการขอมติให้นำเงินออกมาจ่ายให้กับทีมสโมสรในระดับ T2 และ T3 จำนวน 40.5 ล้านบาท

"ในแว่บแรกที่ท่านนายกได้นำเสนอตัวเลข 40.5 ล้านบาทและขออนุมัติสั่งจ่าย ผมปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เพราะนี่คือหยาดเหงื่อของทุกทีม ประธานสโมสร นักเตะ สตาฟฟ์ คนดู ที่ถูกหมางเมินมานาน ในที่สุดทุกทีมก็ได้รับซักที

"นอกจากนี้อาจจะยังมีหลายเรื่องที่กำลังอยู่ในช่วงพิจารณาดังนั้นผมจึงขอเล่าคร่าว ๆ เท่านี้ก่อน

"ผมขอขอบพระคุณท่านนายกนวลพรรณ ล่ำซำ ที่ได้เล็งเห็นทุกหยาดเหงื่อของคนฟุตบอลมีค่าเป็นลำดับแรก ซึ้งใจมาก ๆ 40.5 ล้านก้อนนี้จะต่อชีวิตให้อีกหลายร้อยชีวิตได้มีกำลังใจในการทำอาชีพฟุตบอลต่อไปครับ

"รักฟุตบอลไทย ให้กำลังคนฟุตบอลไทยทุกคน

"เราจะสู้ไปด้วยกันครับ"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top