Tuesday, 20 May 2025
ค้นหา พบ 48205 ที่เกี่ยวข้อง

‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ อัญเชิญพระราชดำรัส ‘ในหลวง ร.9’ "ปลูกป่าในใจคน" หวังคนไทยให้ความสำคัญในแหล่ง 'ดิน-น้ำ-ป่า' สืบต่อไป

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2560 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานและเปิดการสัมมนา ‘รักษ์ป่าน่าน’ ครั้งที่ 3 ณ ศูนย์การเรียนรู้และบริการวิชาการ เครือข่ายแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต.ผาสิงห์ อ.เมือง จ.น่าน โดยโครงการ ‘รักษ์ป่าน่าน’ มีสำนักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นผู้อำนวยการโครงการ ร่วมกับกองทัพบก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดน่าน และมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยมีธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้สนับสนุนและประสานงานโครงการ โดยได้นำเสนอผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมา รวมทั้งนำเสนอแนวคิด แนวทางปฏิบัติ พร้อมทั้งหาทางฟื้นฟู จัดการให้ประชาชนชาวน่านได้ประกอบอาชีพและอยู่กินกับป่าได้โดยไม่ทำลายป่า ตลอดจนปลูกจิตสำนึกให้เด็กและเยาวชนได้รักษาธรรมชาติป่าไม้

ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงบรรยายเรื่อง ‘พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู้ทรงอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ไทย’ โดยมีความตอนหนึ่งว่า...

"พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จไปตามที่ต่างๆ ของประเทศโดยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสาขาต่างๆ ตามไปด้วย ทั้งกรมป่าไม้ กระทรวงเกษตร ชลประทาน ที่ดิน และกรมแผนที่ทหาร เพราะความผาสุกของราษฎรจะทำโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่ได้ เช่นเดียวกับป่าไม้ที่จะเจริญได้ต้องมีน้ำ มีความชุมชื้น มีดินดี มีปุ๋ย

"สมัยก่อนการทำมาหากินในป่าไม่ค่อยมีปัญหา ปัญหามาเกิดเมื่อออกลูกออกหลาน เกิดการย้ายถิ่นฐาน และโอกาสที่จะทำลายป่าไม้ก็มีมากขึ้น ในยุคต่อมามีการสัมปทานป่าไม้ มีการตัดไม้แต่ก็ปลูกทดแทน ดังนั้น 30 ปีมานี้ ป่าที่เห็นบางแห่งก็ไม่ใช่ป่าตามธรรมชาติ"

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตรัสว่า มีโอกาสฟังเรื่องราวเมื่อต้นรัชกาลในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากถ้อยคำบอกเล่าโดยนายแก้วขวัญ วัชรโรทัย อดีตเลขาธิการ สำนักพระราชวัง เรื่องจุดเริ่มต้นของการอนุรักษ์ต้นยางนาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จยังจ.ประจวบคีรีขันธ์โดยรถไฟ ระหว่างทางผ่าน อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรีซึ่งมีต้นยางจำนวนมาก จึงมีพระกระแสรับสั่งให้นำต้นยางมาไว้ในป่าสาธิตภายในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ซึ่งเป็นต้นกำเนิดการอนุรักษ์พันธุ์พืชหายากที่อาจถูกทำลายในประเทศไทย

นอกจากนี้ยังมีศูนย์ศึกษาการพัฒนา 6 แห่ง ที่เกิดจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กระจายอยู่ตามภาคต่าง ๆ ดังนี้ 1.ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดฉะเชิงเทรา 2. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี 3. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี 4. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร 5. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ 6. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส

"พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงใช้เวลาศึกษาแต่ละโครงการอย่างจริงจัง เข้าถึงปัญหาของราษฎร เช่น ทรงประทับอยู่ จ.นราธิวาสและทรงขับรถไปทรงงานด้วยพระองค์เอง เป็นการปูพรมเรื่องการรักษาป่าและดินในทุกหมู่บ้าน ทรงให้ความสำคัญกับการปลูกป่าในใจคน คือต้องสอนตั้งแต่เด็กในเรื่องการอนุรักษ์ป่า สอนว่าป่าไม้มีประโยชน์อย่างไร เมื่อเขาเข้าใจชาวบ้านก็จะช่วยกันดูแลป่าไม้"

โดยสรุปคือ ทรงเน้นย้ำถึงความสำคัญของแหล่งดินแหล่งน้ำ พัฒนาคนในประเทศให้สุขภาพดี มีการศึกษา ประชาชนก็มีกำลังเพื่อพัฒนาประเทศชาติสืบไป

5 นักมวยไทย ที่มียอดผู้ติดตามทางโซเชียลมากที่สุด

สำหรับนักมวยไทยในปัจจุบัน ถือได้ว่าเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง มีแฟนคลับหลากหลายกลุ่ม โดยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่คนที่ชื่นชอบกีฬามวยไทยเท่านั้น ยิ่งปัจจุบันเมื่อมีโลกโซเชียลมีเดียเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยนักกีฬาแต่ละคนสามารถติดต่อสื่อสารกับเหล่าแฟนคลับได้ง่ายขึ้น รวดเร็วทันที และไปไกลยังต่างประเทศได้อีกด้วย

ขณะที่คอนเทนต์ที่นักมวยไทยต่างนำเสนอต่อแฟน ๆ บนโซเชียลส่วนใหญ่จะเป็นการให้ความรู้ด้านมวยไทยและเทคนิคต่าง ๆ ที่น่าสนใจ รวมถึงคอนเทนต์แนวตลก เฮฮา เรียกรอยยิ้ม

และต่อไปนี้…คือ ‘5 อันดับนักมวยไทย’ ที่มียอดผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียยอดฮิต ทั้งเฟซบุ๊ก ไอจี และติ๊กต็อกมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ จะมีใครบ้างไปดูกันเล้ย!! ✨🇹🇭

เปิดไทม์ไลน์ 'กะเทยไทย' รวมพล ซ.สุขุมวิท 11 แก้แค้นกะเทยปินส์ หลังกะเทยไทยโดนรุมตบ แถมถูกไลฟ์สดทั่วฟิลิปปินส์ หยามศักดิ์ศรีขั้นสุด

(5 มี.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘World Forum ข่าวสารต่างประเทศ’ ได้โพสต์ข้อความไล่ไทม์ไลน์ประเด็นร้อน ‘กะเทยไทย รวมตัวกันที่สุขุมวิท 11 หลังมีคลิปถูกกะเทยฟิลิปปินส์รุมตบ 20:2’ โดยระบุว่า…

“ไทย 🇹🇭 : เหตุการณ์ สุขุมวิท11 

🕓 เวลา 04.00 น. 5/03/2024 นาทีตำรวจนำตัว 2 สาว กระเทยฟิลิปปินส์ ไปสถานีตำรวจในเหตุทะเลาะวิวาท ถูกประชาทัณฑ์

🕓ไทม์ไลน์ 4/03/204
*เหตุทะเลาะวิวาท กระเทยฟิลิปปินส์ถือพาสปอร์ตนักท่องเที่ยว (จากคำบอกเล่า อาจแอบแฝงทำงาน) มีปัญหามาช้านาน รุ่นสู่รุ่นกับกระเทยไทย ในย่านสุขุมวิท 11

*จากคลิป กระเทยฟิลิปปินส์ หาเรื่องเพื่อให้สาวสองไทยเปิดก่อน ยั่วยุ ให้นิ้วกลางยั่วยุ ใช้คำหยาบมาก  เนื่องจากฝั่งฟิลิปปินส์มีหลายคน และถ่ายทอดสด บันทึกคลิป เผยแพร่ไปยังฟิลิปปินส์ ต่อมามีการเคลียร์กันและจบ 

*เวลาประมาณ 05.00 น. 4/03 กระเทยไทย 5-6 คน ถูกกระเทยฟิลิปปินส์เกือบ 20 รุมตบ ละแวกที่ทำงาน และที่พักในซอยสุขุมวิท 11 (จากคำบอกเล่า รุมตบ และชิงทรัพย์กระเป๋าแอร์เมสของแท้ และ กระเป๋าเงินหายขณะมีเรื่อง) มีหลักฐานกล้องวงจรปิดทั้งหมด และการบันทึกคลิปจากมือถือ เผยแพร่จากฝั่งฟิลิปปินส์

🌈 4 มีนาคม 2024 จากคลิปที่กระเทยฟิลิปปินส์ เผยแพร่ในฟิลิปปินส์ แชร์เข้ากลุ่ม ทำนองสะใจ และเป็นไวรัล แชร์จำนวนมากในกลุ่มสาวสอง กลุ่มนางงาม

🌈 ช่วงเย็น 4/03 เกิดการรวมตัว กระเทยไทย โดยไม่ได้นัดหมาย ต่างคนต่างไม่รู้จักกัน เดินทางไปเต็มซอย ไปที่โรงแรมที่กระเทยฟิลิปปินส์พัก ซอยสุขุมวิท 11 จากหลักร้อยอาจสูงถึง 2,000 คน 
ประเด็นนี้ มองได้ว่า เมื่อดูคลิปการเย้ยหยัน กร่าง สะใจ ทำให้มีอารมณ์ และก่อเหตุในไทยซึ่งเป็นเจ้าบ้าน / คลิปในความเห็น

1.ปัญหามีมาช้านาน กระเทยฟิลิปปินส์มารวมตัวกันแฝงทำงาน จนเกิดเป็นมาเฟียย่อม ๆ และทำร้าย คนไทย และโพสต์ประจานด้วยความสะใจ ซึ่งก่อนหน้าทราบว่าพวกกระเทยฟิลิปปินส์มาทำอะไร ต่างคนต่างอยู่ จนมีปัญหาทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น ฝั่งกระเทยไทยมีคนไม่ครบ 32 ทางร่างกาย เป็นผู้บาดเจ็บ 

2.ขณะที่กระเทยไทยรวมตัวกัน กระเทยฟิลิปปินส์มีการยั่วยุทางหน้าต่างโรงแรม
3.กระเทย ฟิลิปปินส์ไม่สามารถออกจากโรงแรมได้ ถูกล้อมไว้หมดแล้ว 
4.กระเทยฟิลิปปินส์ถูกรุม 1 คน ขณะลงมาเอาข้าวจากการสั่งหน้าลิฟต์ 

5.ตำรวจไม่สามารถนำกระกระเทยฟิลิปปินส์ไปสถานีตำรวจได้ และขอกำลังเสริมมาจำนวนมาก ยิ่งดึกกระเทยไทยยิ่งมาเยอะ เกินกำลังตำรวจที่จะควบคุมได้ (ตำรวจนำกระเทยฟิลิปปินส์ ไปสน. รอบแรก 2 คน รอบสอง 2 คน เฉพาะหัวโจก ที่เหลือยังอยู่ในโรงแรม)

*การถ่ายทอดสดในช่องทางต่าง ๆ คนฟิลิปปินส์มาดูจำนวนมาก กระแสขึ้นเทรนในทวิตเตอร์ x และแพลตฟอร์มอื่น ๆ  

*ฝั่งกระเทยไทยต้องการให้ตำรวจ ดำเนินคดี ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด หรือแบนหนังสือเดินทาง 

‘ปวิน’ เตือนสติ!! ศึก ‘กะเทยไทย-กะเทยฟิลิปปินส์’ ชี้ ถ้าไฟชาตินิยมถูกจุด ดับยาก แล้วจะพังทุกฝ่าย

(5 มี.ค.67) จากกรณีเหตุการณ์ ‘กะเทยไทย’ จำนวนมากนัดรวมตัวกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในซอยสุขุมวิท 11 เพื่อเข้าไปทำร้าย ‘กะเทยฟิลิปปินส์’ ที่ยกพวกรุมทำร้ายกะเทยไทย จนได้รับบาดเจ็บ จนตำรวจ สน.ลุมพินี เข้ามาตรึงกำลัง พร้อมเจรจาให้เปิดทางหน้าโรงแรม เพื่อนำกลุ่มชาวฟิลิปปินส์ไปโรงพัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนำกะเทยฟิลิปปินส์คนแรกออกมา เกิดเหตุการณ์ชุลมุน กลุ่มกะเทยไทยระดมปาขวดเข้าไปใส่กะเทยฟิลิปปินส์ท่ามกลางตำรวจที่ตรึงกำลังอยู่

ก่อนที่กะเทยไทยหลายคนกรูเข้าไปทำร้ายกะเทยฟิลิปปินส์ ทั้งยังกระโดดทิ้งตัวเข้าใส่กลางวงตำรวจและกระหน่ำทุบกะเทยฟิลิปปินส์ไม่ยั้ง ก่อนลากออกมารุมทำร้ายหน้าโรงแรม จนตำรวจเข้าไประงับเหตุจากนั้นควบคุมตัวทั้งกะเทยไทยที่ก่อเหตุทำร้ายและกะเทยฟิลิปปินส์ที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บไปยัง สน.ลุมพินี

ด้าน ‘ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์’ รองศาสตราจารย์ประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยเกียวโต แสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวได้อย่างน่าสนใจ ความว่า แว็บแรกอาจจะอ่านดูแล้วขำๆ กะเทยไทยยกทัพรุมตบกะเทยปินส์ หลังถูกกะเทยปินส์หยามก่อนที่พาพวกรุมตบกะเทยไทย

แต่ถ้าเราอ่านอย่างมีวุฒิภาวะ เหตุการณ์เกินขอบเขตไปมาก เหมือนกรณีชาวภูเก็ตยกพวกไล่ฝรั่งสวิส ทั้งสองกรณี มีการโหมไฟแห่งชาตินิยม เราเป็นไทยต้องไม่ให้ต่างชาติมาย่ำยี แม้ว่าความจริง ทั้งสองกรณีสามารถใช้มาตรการทางด้านกฎหมายแก้ไขได้โดยไม่ต้องมีใครเจ็บตัวอีก

เอาละค่ะ คำแนะนำของดิชั้นอาจเป็นคำแนะนำแบบนางงาม แต่จากการสอนหนังสือเรื่องชาตินิยมมาหลายปี ถ้าไฟชาตินิยมมันถูกจุดแล้ว ดับยาก แล้วจะพังทุกฝ่าย นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องการต้องอยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านอย่างสันติ โดยเฉพาะเพื่อนบ้านในอาเซียน เราต้องรักกันไม่ใช่หรอ แล้วไอ้ความพยายามสร้างอัตลักษณ์ภูมิภาคร่วมกันหละ หรือวันนี้ ถูกกองทัพกะเทยไทยบดขยี้หมดแล้ว?

‘ยูทูบเบอร์สาว’ ร้อง!! ถูกเดนนรก 7 คน บุกขืนใจถึงในเต็นท์ แถมทำร้ายร่างกายสามีจนอ่วม ขณะตระเวนเที่ยวที่ ‘อินเดีย’

(5 มี.ค.67) ยูทูบเบอร์สาวชาวสเปน ได้โพสต์คลิปเล่าประสบการณ์สุดแย่ ถูกชายฉกรรจ์ 7 คนบุกรุมโทรมถึงเต็นท์ และยังทำร้ายสามีจนบาดเจ็บระหว่างที่ทั้งคู่เดินทางท่องเที่ยวในอินเดีย กลายเป็นข่าวใหญ่สะเทือนขวัญที่ทำให้สังคมแดนภารตะโกรธกริ้ว และนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัยแล้วอย่างน้อย 3 คน

หญิงสาวซึ่งถือสัญชาติบราซิล-สเปน ได้แชร์เรื่องราวลงบนอินสตาแกรมของเธอซึ่งมีผู้ติดตามหลายแสนคน เนื่องจากเธอและสามีเป็นยูทูบเบอร์สายเที่ยวซึ่งขับขี่มอเตอร์ไซค์ตระเวนเที่ยวหลายประเทศในเอเชีย

ตำรวจรัฐฌาร์ขัณฑ์ (Jharkhand) ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุยืนยันว่า มีการจับกุมชายต้องสงสัยได้แล้ว 3 คน และอยู่ระหว่างล่าตัวผู้กระทำผิดที่เหลืออีก 4 คน

พีทัมเบอร์ ซิงห์ เคอร์วา ผู้กำกับการตำรวจเขตดุมการ์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันอาทิตย์ (3 มี.ค.) ตำรวจสายตรวจไปพบนักท่องเที่ยวทั้งสองอยู่ริมถนนสายหนึ่งเมื่อค่ำวันศุกร์ที่แล้ว (1) โดยทั้งคู่มีร่องรอยเหมือนถูกทำร้ายร่างกาย จึงได้ช่วยนำส่งโรงพยาบาลใกล้ๆ และต่อมาแพทย์ยืนยันว่าฝ่ายหญิงถูกรุมโทรม

เคอร์วา ระบุว่า ชายต้องสงสัย 3 คนถูกจับกุมเมื่อวันอาทิตย์ (3 มี.ค.) และพนักงานสอบสวนทราบแล้วว่าอีก 4 คนที่เหลือเป็นใคร จึงคาดว่าจะได้ตัวครบทุกคน “เร็วๆ นี้”

“สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือต้องเอาตัวพวกเขามาลงโทษขั้นสูงสุด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก” เคอร์วา กล่าว พร้อมระบุว่าเหยื่อทั้ง 2 คนจะได้รับเงินชดเชยเยียวยาสูงสุด 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ

คณะกรรมาธิการสตรีแห่งชาติอินเดียเรียกร้องให้ตำรวจตั้งข้อหารุมโทรมกับชายทั้ง 7 คน ซึ่งจะมีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี

ยูทูบเบอร์สาวรายนี้กล่าวผ่านคลิปวิดีโอในเพจอินสตาแกรมของเธอว่า “มีบางอย่างเกิดขึ้นกับพวกเรา ซึ่งเราหวังว่ามันคงจะไม่เกิดขึ้นกับใครอีก”

“ฉันถูกผู้ชาย 7 คนรุมโทรม พวกมันทุบตีและปล้นทรัพย์สินของเรา” เธอกล่าว ก่อนที่คลิปนี้จะถูกลบทิ้งไป

ต่อมาในวันอาทิตย์ (3 มี.ค.) ทั้งคู่ได้โพสต์คลิปลงในเพจอินสตาแกรมร่วมซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 250,000 คน โดยเล่าว่า “ตำรวจกำลังพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจับกุมพวกมัน พวกเขารู้แล้วว่าพวกมันเป็นใคร”

“เราอยากทวงความยุติธรรม ไม่ใช่แค่สำหรับเราสองคน แต่เพื่อผู้หญิงและเด็กสาวอีกหลายคนที่เคยผ่านเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้มา”

ในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Antena 3 ของสเปน ยูทูบเบอร์สาวและสามีเล่าว่า ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้รุมขืนใจเธอ และทำร้ายร่างกายสามีของเธอซ้ำๆ หลายครั้ง

“พวกเขาข่มขืนฉัน ผลัดกันทำผลัดกันดูอย่างนั้นประมาณ 2 ชั่วโมง”

หญิงสาวให้สัมภาษณ์ พร้อมอธิบายว่าที่เธอและสามีตัดสินใจตั้งแคมป์พักแรม ก็เพราะแถวนั้นไม่มีโรงแรมเลยสักแห่งเดียว

สถานทูตบราซิลประจำกรุงนิวเดลีให้สัมภาษณ์กับ NBC News ว่า ทางสถานทูตได้ยื่นประท้วง “การก่ออาชญากรรมสุดป่าเถื่อน” ต่อสามีภรรยาคู่นี้ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศเปนก็ยืนยันว่า สถานทูตประจำกรุงนิวเดลีได้ติดต่อกับผู้เสียหายทั้งสองคนและพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านกงสุลอย่างเต็มที่

ยูทูบเบอร์สาว และสามีของเธอได้แชร์คลิปประสบการณ์การเดินทางทั้งในศรีลังกาและปากีสถาน และเผยว่าเคยตั้งแคมป์มาแล้วใน 66 ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกมองว่าเป็นพื้นที่ “อันตราย”

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติอาชญากรรมแห่งชาติอินเดียพบว่า มีผู้แจ้งความคดีรุมโทรมเฉลี่ยถึง 86 กรณีต่อวันในปี 2022 ทว่าในความเป็นจริงยังมีผู้หญิงอินเดียอีกจำนวนมากที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงทางเพศ แต่ไม่กล้าไปแจ้งตำรวจ เนื่องจากเกรงว่าจะสร้างความเสื่อมเสียให้ครอบครัว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top