Saturday, 17 May 2025
ค้นหา พบ 48160 ที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านการดูแลและส่งเสริมการซื้อขายสินค้าออนไลน์อย่างปลอดภัยผ่านแพลตฟอร์ม Shopee

สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับบริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด ลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการดูแลและส่งเสริมการซื้อขายสินค้าออนไลน์อย่างปลอดภัยผ่านเว็บไซต์ www.shopee.co.th และ แอปพลิเคชัน Shopee ผนึกกำลังเสริมสร้างแพลตฟอร์มตลาดสินค้าออนไลน์ เพื่อให้การจับจ่ายใช้สอยปลอดภัย ไร้สิ่งผิดกฎหมาย

วันอังคารที่ 27 ก.พ. 67 เวลา 11:00 น. ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามบันทึกความร่วมมือกับบริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมี คุณมณีรัตน์  อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย) เป็นผู้แทนลงนามฯ พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) และ คุณการัน อำบานี ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามฯ 
สำหรับพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือฯ ครั้งนี้ จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์มตลาดสินค้าออนไลน์ ซึ่งได้มีการซื้อขายโดยตรงผ่านทางเว็บไซต์ www.shopee.co.th และแอปพลิเคชัน Shopee และเพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานในการป้องกันและปราบปรามผลิตภัณฑ์
ผิดกฎหมายบนช่องทางซื้อขายสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม อีกทั้งเพื่อให้ประชาชนสามารถทำธุรกรรมซื้อขายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มยอดนิยมได้อย่างปลอดภัยและได้รับผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องตามมาตรฐาน รวมถึงการลดการเข้าถึงธุรกรรมซื้อขายผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมาย ก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการบังคับใช้กฎหมายภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พุทธศักราช 2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอีกทั้งมุ่งเน้นการเสริมสร้างความตระหนักรับรู้และความเข้าใจในการป้องกันและลดเหตุอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในอนาคต

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีซึ่งมีพี่น้องประชาชนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ จนได้รับความเดือดร้อนและมีมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมาก  จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เร่งหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยให้เร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ไปยังพี่น้องประชาชน อย่าให้หลงเชื่อกลโกง กลอุบายของกลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งมาในรูปแบบต่างๆผ่านช่องทางการสื่อสารออนไลน์ จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนให้ติดตามข่าวสารการเตือนภัยออนไลน์จากหน่วยงานของทางภาครัฐอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ หากมีเบาะแสหรือต้องการขอความช่วยเหลือสามารถติดต่อมายังสายด่วน 1599 และ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ผบ.ทร. ตรวจติดตามการปรับปรุงบ้านพักข้าราชการ ทร. ในพื้นที่อำเภอสัตหีบ

วันที่ 26 ก.พ.67 พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เดินทางไปติดตามการซ่อมทำบ้านพักข้าราชการตามหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือในพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ประกอบด้วย กองเรือยุทธการ ฐานทัพเรือสัตหีบ หน่วยบัญชาชาการนาวิกโยธิน และศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ตรวจเยี่ยมการอบรมอาชีพให้กับพลทหารใหม่ ของศูนย์ฝึกทหารใหม่ฯ รวมถึงการพิจารณาปรับปรุงตลาดเช้าฐานทัพเรือสัตหีบ

ซึ่งผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบนโยบายให้ดำเนินการปรับปรุงให้เป็นตลาดสมัยใหม่ สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย ให้พร้อมในการเป็นตลาดของเมืองท่องเที่ยวในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ปรับปรุงร้านค้า ให้เป็นรูปแบบเดียวกัน และมีการปรับปรุงระบบการบำบัดและการระบายน้ำเสีย ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบนโยบาย เรื่องการยกระดับคุณภาพชีวิตและสวัสดิการของกำลังพลกองทัพเรือ โดยได้สั่งการให้หน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ดำเนินการปรับปรุงบ้านพักและสวัสดิการ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีแก่กำลังพล ตลอดจนเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ ในอันที่จะร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ซึ่งเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับนโยบายของทางรัฐบาล โดยช่วงเช้าของวันเดียวกัน (26 ก.พ.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงพื้นที่ตรวจบ้านพักข้าราชการกองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ ในพื้นที่เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 

ซึ่งการเดินทางมาตรวจบ้านพักข้าราชการกองทัพเรือของนายกรัฐมนตรี ในวันนี้ เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการยกระดับความเป็นอยู่ของทหารชั้นผู้น้อย โดยจะปรับปรุงที่พักให้กับข้าราชการชั้นผู้น้อยเป็นอันดับแรกและในระดับสูงขึ้นในโอกาสต่อไป 

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

การปฏิบัติการค้นหาและปลดวัตถุอันตรายเรือหลวงสุโขทัย วันที่ 5 ยังไม่พบร่างกำลังพลที่สูญหาย

วันที่ 26 ก.พ.67 เป็นการปฏิบัติการ ค้นหาและปลดวัตถุอันตราย เรือหลวงสุโขทัย วันที่ 5 โดยชุดปฏิบัติการร่วมของกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือสหรัฐ ฯ บนเรือ Ocean Valor ที่ลอยลำใกล้จุดที่เรือหลวงสุโขทัยอับปาง ในพื้นที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีการดำน้ำ จำนวน 4 เที่ยว 

โดยมีภารกิจค้นหาผู้สูญหาย และตรวจสอบหลักฐานประกอบการสอบสวน บริเวณต่างๆ  ภายในตัวเรือ 
ดังนี้

เที่ยวที่ 1 บริเวณทางเข้าประตูทางเข้าห้องเครื่องจักรใหญ่จากทางท้ายเรือ 
เที่ยวที่ 2  บริเวณภายในห้องเครื่องจักรใหญ่
เที่ยวที่ 3 บริเวณภายในห้องเมสจ่า
เที่ยวที่ 4 บริเวณภายในห้องเสมียนพลาธิการ
(เที่ยวที่ 5 ได้ถูกยกเลิกเนื่องจากติดสภาพอากาศ)

โดยผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กำลังพลทุกนายปลอดภัย จากการปฏิบัติการจนถึงปัจจุบัน ยังไม่พบผู้สูญหายติดอยู่ในเรือ สำหรับการปฏิบัติการวันรุ่งขึ้น จะมีการปฏิบัติการดำน้ำร่วมกัน จำนวน 5 เที่ยว โดยเป็นการปลดวัตถุอันตราย ระบบอาวุธปล่อยนำวิถี Harpoon และระบบตอร์ปิโด ของเรือหลวงสุโขทัย  
ทั้งนี้ กองทัพเรือ ได้เผยแพร่ภาพล่าสุดของเรือหลวงสุโขทัย ภายในห้องเครื่องจักรใหญ่ เพื่อค้นหาร่างของผู้เสียชีวิต แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่ปรากฏว่ามีการพบร่างผู้สูญหายในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว

พลเรือตรี วีรุดม  ม่วงจีน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า การปฏิบัติร่วมฯ ระหว่างกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือสหรัฐฯ ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ คือ สำรวจ ตรวจสอบวัตถุพยานและหลักฐานมาประกอบผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของเหตุการณ์เรืออัปปาง การค้นหาผู้สูญหายที่อาจติดอยู่ในเรือ การทำให้ยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ หมดความสามารถที่จะใช้งานต่อไป และการนำอุปกรณ์และยุทโธปกรณ์บางอย่าง รวมถึงการเก็บกู้สิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจของกำลังพล สำหรับการปฎิบัติการร่วมกับสหรัฐฯ ในครั้งนี้จะยังไม่มีการกู้เรือทั้งลำขึ้นมาจากใต้น้ำ  

โดยการดำเนินการปัจจุบัน ยังเป็นไปตามแผนที่ได้หารือร่วมกับฝ่ายสหรัฐฯ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือข้อขัดข้องในการปฏิบัติแต่อย่างใด ทั้งนี้ กองทัพเรือ จะรายงานผลการปฏิบัติให้ทราบในโอกาสต่อไป
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

**สำนักงานโฆษกกองทัพเรือ 

'รถตุ๊กตุ๊ก' แจง!! ราคาเหมาคัน 'รถตุ๊กตุ๊ก' 1,200 บาท ทั่วกรุงเก่า ยัน!! ราคาเหมาท่องเที่ยว 'โอปป้าฮง' ตามมาตรฐาน ชม.ละ 300

(27 ก.พ.67) จากกรณี โอปป้าฮง หรือ พี่ฮง แร็ปเปอร์และยูทูบเบอร์ ชื่อดังชาวเกาหลี ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอผ่าน youtube : Oppa Hong พาเที่ยวจังหวัด พระนครศรีอยุธยา โดยมีการว่าจ้างรถตุ๊กตุ๊ก ไปส่งร้านอาหารและท่องเที่ยว และมีการเรียกเก็บค่าโดยสาร 1,200 อ้างตำรวจการันตีในราคานี้ จนมีการวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นโซเชียล ถึงการทีมีการโก่งราคาค่าโดยสารที่แพงเกินไป และไม่เหมาะสม

ทั้งนี้ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทีมข่าวจึงได้เดินทางลงพื้นที่ ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่บริเวณวินรถตุ๊กตุ๊ก หน้าสถานีรถไฟที่ปรากฏในคลิป โดยได้พบกับ พ.ต.ท ธนากร ธรรม เมธา สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจท่องเที่ยวพระนครศรีอยุธยา กำลังสอบถาม กับ นางสมจิตร อายุ 59 ปี ภรรยาคนขับรถตุ๊กตุ๊ก ที่ปรากฏอยู่ในคลิป โดย พ.ต.ท.ธนากร ได้ให้คนขับรถตุ๊กตุ๊ก ชี้แจงการติดป้ายแสดงราคาที่ติดเอาไว้ ที่มีการโลโก้ของตำรวจทางหลวง ไปติดเอาไว้ จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด พร้อมกับแนะนำให้เอา โลโก้ ตำรวจท่องเที่ยว ออกจากป้าย เนื่องจากไม่ได้มีการ อนุญาตให้นำมาติด 

ส่วนเรื่องราคาจะถูก หรือแพงนั้น ต้องรอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอาจจะมีการเซ็น MOU เพื่อทำข้อตกลงกันไว้ และจะให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ หากพบว่ามีความผิดก็จะมีบทลงโทษ

ขณะที่ นางสมจิตร เปิดเผยว่านักท่องเที่ยว 2 คน ทราบภายหลังว่า เป็นชาวเกาหลี ได้มาเที่ยวที่อยุธยาประมาณสัปดาห์ ที่ผ่านมา ได้เข้ามาติดต่อสอบถาม หาร้านอาหาร จึงได้มีการแนะนำร้านอาหาร พร้อมกับราคาค่าโดยสาร โดยจะพาไปร้านอาหารและท่องเที่ยว แบบเหมา 4 ชั่วโมง1,200 บาท เท่ากับว่าหารกันคนละ 600 บาท ซึ่งนักท่องเที่ยวมีการเช็คราคาเปรียบ กับแกร็บคาร์ และพบว่ามีราคาที่แพงกว่า ตนเองจึงแนะนำไปว่า ถ้าจะใช้บริการ แกร็บคาร์ ต้องเดินออกไปเรียกให้ห่างจากวิน รถตุ๊กตุ๊ก แต่นักท่องเที่ยวทั้ง 2 ก็ไม่ได้ไป 

จากนั้น นักท่องเที่ยวจึงได้มีการมาตกลงให้พาไปส่งที่ร้านอาหาร และท่องเที่ยว ตนเองยืนยันว่า ตนเองกับสามี มีอาชีพขับรถตุ๊กตุ๊ก มาเกือบ 40 ปี ไม่เคยถูกร้องเรียนและไม่เคยถูกตำหนิ และขอยืนยันว่า ไม่ได้มีการชาร์จราคานักท่องเที่ยวแต่อย่างใด แต่เป็นราคามาตรฐานที่มีการทำข้อตกลงกันกับทาง ขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ด้าน นาย สิทธิชัย  49 ปี คนขับรถตุ๊กตุ๊ก ซึ่งเป็นตัวแทนคนขับรถตุ๊กตุ๊ก เปิดเผยว่า หลังจากที่เกิดกระแสดราม่า จนมีคนเข้าไปคอมเม้นต์ และวิพากษ์วิจารณ์ ว่ามีการคิดราคาค่าโดยสารตุ๊กตุ๊กแพงเกินจริง ซึ่งตนเองยืนยันว่า ราคาดังกล่าวเป็นราคามาตรฐาน และมีการติดป้ายแสดงราคากันอย่างชัดเจน การพุดคุยสื่อสารอาจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และคลาดเคลื่อน เนื่องจากว่าอาจจะอธิบายให้นักท่องเที่ยวฟัง แล้วเกิดความไม่เข้าใจ ซึ่งในราคาเหมารถตุ๊กตุ๊กท่องเที่ยว ในอัตราคนไทย จะอยู่ที่ชั่วโมงละ 200 บาท และหากเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะอยู่ในราคาชั่วโมงละ 300 บาท โดยจะเป็นลักษณะเช่าเหมาคัน

แต่ในกรณีนี้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากันสองคน และมีการหารกัน จึงตกคิดอัตราค่าโดยสารหัวละ 600 บาท จนทำให้ดูว่าราคาแพง และมีการโก่งราคา ทั้งนี้ ส่วนตัวอยากให้มองในมุมกลับกันว่า หากนักท่องเที่ยวมากัน 6-8 และเช่าเป็นชั่วโมงในลักษณะเช่าเหมาคันชั่วโมงละ 300 บาท 4 ชั่วโมงก็จะคิดไปหลายหัวในลักษณะหากันเหลือเพียง 200 ถึง 150 เท่านั้น

ต่อมาทีมข่าวสอบถามไปยัง สำนักงานขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้ให้ข้อมูลในเบื้องต้นว่า ราคาเหมารถตุ๊กตุ๊กท่องเที่ยว ที่มีการทำข้อตกลงกันเอาไว้ ชาวต่างชาติจะคิดราคาชั่วโมงละ 300 บาท ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีการส่งเจ้าหน้าที่ฯ เข้าไปตรวจสอบ และพุดคุย พร้อมกับสอบสวนสาเหตุกับทางวินรถตุ๊กตุ๊ก และคนขับรถตุ๊กตุ๊ก เพื่อให้ระมัดระวังการใช้คำพูด การอธิบายความต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด หรือในลักษณะของการบีบบังคับให้ใช้บริการ และขอดูรายละเอียดภายคลิปที่ปรากฏอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายต่อไป

'ตลท.' เตือนนักลงทุนเทรด 'หุ้นมิสแกรนด์' หลังถูกพักซื้อขายไปเมื่อ 23 ก.พ. ชี้!! หากจะลงทุน ต้องศึกษาข้อมูลเท็จจริง ที่สอดรับกับปัจจัยพื้นฐานก่อน

(27 ก.พ. 67) รายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภายหลังหลักทรัพย์บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ถูกหยุดพักการซื้อขายเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นเวลา 1 วัน เนื่องจากมีสภาพการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปไม่สอดรับปัจจัยพื้นฐาน โดยกลับมาซื้อขายได้ตั้งแต่ในภาคเช้าของวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไปนั้น

ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลโดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงและมีพื้นฐานประกอบ (material information) ก่อนเข้าซื้อ MGI เนื่องจากปัจจุบันค่า P/E และ P/BV อยู่ในระดับ 88.05 เท่า และ 22.64 เท่า ตามลำดับ (ปรับด้วยผลการดำเนินงานงวดปี 2566 แล้ว) โดยเช้าวันนี้ MGI แจ้งสารสนเทศการเปิดตัวงานแกรนด์คอนเสิร์ต อิน ยูเอสเอ ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจปกติของบริษัทที่ดำเนินการอยู่แล้วในส่วนของธุรกิจสื่อและบันเทิง

สำหรับสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ หากพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงไม่สอดรับปัจจัยพื้นฐานอีก หลักทรัพย์ MGI จะถูกหยุดพักการซื้อขายอีกเป็นเวลา 1 วัน ตามหลักการของมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3 (ระดับสูงสุด) ซึ่งในปัจจุบัน MGI ยังคงอยู่ในมาตรการระดับนี้

สรุปสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ MGI โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 6-22 กุมภาพันธ์ 2567 (13 วันทำการ)

- การซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในเวลาอันสั้น เกินปัจจัยพื้นฐานของบริษัท แม้จะอยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขาย
- ราคาเพิ่มขึ้น 74% จาก 28.75 บาท มาเป็น 50 บาท (All Time New High)
- มูลค่าการซื้อขายในช่วงก่อนเข้ามาตรการระดับสูงสุด สูงอยู่ใน 3 ลำดับแรกของ mai
- เข้ามาตรการกำกับการซื้อขาย 3 ครั้ง (เข้ามาตรการระดับสูงสุด 2 ครั้ง)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top