Saturday, 17 May 2025
ค้นหา พบ 48168 ที่เกี่ยวข้อง

อดไม่ได้!! เมื่อ 'เด็กสามนิ้ว' ต้องหมดอนาคตในคุกตาราง แล้วใครกันที่ควรร่วมรับผิดชอบชีวิตที่แหลกสลายนี้?

ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แม้จะเอือมระอากับพฤติกรรมของ 'เด็กสามนิ้ว' ที่ดาหน้ากันออกมาก่อกวนสังคม และจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงไม่หยุดหย่อน ราวกับว่าสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของคนไทย เป็นสิ่งที่ต้องล้มล้างทำลายให้หายไป

แต่เมื่อเราเห็นเด็กหนุ่มเด็กสาวต้องโดนคดี 112 ต้องเข้าไปใช้ชีวิตในเรือนจำ ต้องหมดอนาคตลงทันทีอย่างน่าเสียดาย บางอารมณ์ก็คงจะอดสงสารไม่ได้ และคงมีคำถามผุดขึ้นในใจมากมายว่าใครกันบ้างที่ใจอำมหิต มีส่วนทำให้ 'เด็กหนุ่มเด็กสาวสามนิ้ว' เหล่านี้ ต้องลงเอยที่คุกตาราง?

1.) พ่อ แม่ ที่ไม่เคยห้ามปรามลูก ไม่เคยสั่งสอนให้ลูกของตัวเองตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ใช้ชีวิตอยู่ในกรอบสังคมที่ดีงาม หากพ่อแม่มีความละเอียดอ่อนในการดำเนินชีวิต คิดดี คิดเป็น ลูกของตัวเองจะไม่มีทางตกเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองที่นิยมการล้างสมองเด็ก ให้ออกหน้ามากระทำการอันชั่วร้ายแทน พ่อแม่ที่ดีจะสั่งสอนอบรมลูกไม่ให้จาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันกษัตริย์ และไม่กระทำการใด ๆ ที่เสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายทั้งปวง 

2.) พรรคการเมืองที่มีความคิดอยากล้มล้างสถาบัน พรรคการเมืองพรรคนี้ถนัดแต่ 'ซุกกระโปรงเด็ก' เลือกหลอกใช้เด็กที่มีความกล้า ปนความคิดที่อยากได้รับการยอมรับในแบบที่แตกต่างจากเด็กรุ่นเดียวกันมาเป็นเครื่องมือ เพื่อจะบรรลุเป้าหมายชั่ว ๆ ของตัวเอง แต่เมื่อถึงคราวที่เด็กถูกดำเนินคดี สังคมคนส่วนใหญ่ลุกฮือขึ้นมาปกป้องสถาบัน พรรคการเมืองพรรคนี้ก็ทอดทิ้งชีวิตของ 'เด็กสามนิ้ว' ให้ไปเผชิญชะตากรรมร้ายในคุกโดยลำพัง

3.) สื่อที่มีแนวคิดเป็นลบกับสถาบัน มีซุกซ่อนอยู่ในสังคมไทยยุคสมัยนี้ไม่น้อย ถือเป็น 'สื่ออีแอบ' ที่มักจะสนับสนุน 'เด็กสามนิ้ว' ให้ดูเป็นฮีโร่ของสังคม เชิดชูและยกย่องเวลาที่เด็กสามนิ้วแสดงความใจกล้าในทางที่ผิด แต่ในเวลาที่เด็กสามนิ้วต้องถูกดำเนินคดี ก็จะใช้วิธีเขียนข่าวว่าเด็กถูกกลั่นแกล้งจากมาตรา 112 ทั้ง ๆ ที่กฎหมายอยู่ของมันเฉย ๆ 

4.) ผู้คนในสังคมที่ไม่ลงลึกกับที่มาที่ไป มักนิยมสิ่งที่ถูกใจมากกว่าจะรักษาสิ่งที่ถูกต้อง โหมใช้สื่อโซเชียลในแต่ละวันของตัวเองสนับสนุนการกระทำของ 'เด็กสามนิ้ว' จนกลายเป็นเด็กที่มีตัวตน เป็น 'ไอดอลกลวง ๆ กาก ๆ' ของเด็กรุ่นใหม่ จนมีความกล้าออกมาทำสิ่งที่ท้าทายอำนาจรัฐ 

ถ้า 'เด็กสามนิ้ว' สักคนต้องจบชีวิตลงในคุก คนในข่าย 4 ข้อนี้แหละครับสมควรต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ความผิดของกฎหมายมาตราใดเลย

'ผู้ประกาศข่าวไทยรัฐทีวี' เผยภาพเครื่องแต่งกาย ยืนยันไม่ได้ 'แต่งชุดดำ' ชี้!! ข้อกล่าวหา 'กบฏนักข่าว' ร้ายแรง ไม่เคยคิดข้องเกี่ยวทางการเมือง

เมื่อวานนี้ (26 ก.พ.67) จากกรณีที่นายวีรพงษ์ กาศรี ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด และ น.ส.นัฏฐนันท์ เต็มโบติโกศล ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี เอชดี ช่อง 32 เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ให้ดำเนินคดีต่อบัญชีเฟซบุ๊ก 3 ราย และบัญชี TikTok 1 ราย หลังกล่าวหาว่านักข่าวของไทยรัฐทีวีนั้นใส่เสื้อผ้าชุดดำ ไม่จงรักภักดี ซึ่งไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ ทางบัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่งยังได้กล่าวหาว่าผู้บริหารช่องไทยรัฐทีวี...ไปแล้ว ผู้เสียหายจึงได้มอบอำนาจให้ผู้แจ้งมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีต่อบุคคลซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ให้ได้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 15 ก.พ.มีการรวมตัวกันของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า จุฬาฯ รักพระเทพ ของศิษย์เก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย นางวิรังรอง ทัพพะรังสี และตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการนัดรวมตัวกันสวมเสื้อสีม่วงทั่วประเทศ เพื่อถวายกำลังใจแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ปรากฏว่ารายการข่าวเที่ยงไทยรัฐ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี ที่ออกอากาศในวันดังกล่าว ผู้ประกาศข่าว 3 คนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีเข้ม ที่ผู้ชมทางบ้านเข้าใจว่าเป็นสีดำ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว แม้หนึ่งในผู้ประกาศข่าวโพสต์ข้อความยืนยันถึงความจงรักภักดี และรายการในวันถัดมาจะสวมเสื้อโทนสีม่วงก็ตาม

ล่าสุดเฟซบุ๊ก Suebsakul Pundee ของนายสืบสกุล พันธุ์ดี ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี เอชดี ช่อง 32 โพสต์ภาพเครื่องแต่งกายที่ผู้ประกาศข่าวทั้งสามคนได้ใส่เมื่อวันที่ 15 ก.พ. พร้อมข้อความระบุว่า "ถึงเวลาแล้วที่ต้องชี้แจงเรื่องสีเสื้อ ... อยากให้ช่วยแชร์ ให้ขึ้นฟีด ... วันนี้เอาภาพเสื้อจริงที่ใส่ในวันดังกล่าวมาให้ทุกคนดู

‘กบฏนักข่าว’ พร้อมใจแต่งกายชุดดำ.. นี่คือการกล่าวหาร้ายแรง

• กรณีการที่มีบุคคลบางคนในโลกโซเชียลนำภาพการแต่งกายของผู้ประกาศและระบุข้อความในลักษณะทำให้เกิดความเข้าใจผิดร้ายแรง จนมีการกล่าวหาเลยเถิดว่าเป็น ‘กบฏนักข่าว’ ที่ ‘พร้อมใจ’ กันแต่งกายด้วยชุดสีดำ แชร์ออกไปในวงกว้างนั้น

• ไทยรัฐได้ดำเนินการฟ้องเอาผิดต่อบุคคลที่ดำเนินการหมิ่นประมาทด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ ส่วนการแชร์หรือแสดงความคิดเห็นต่อ ถือว่าเป็นสิทธิที่ท่านทำได้ แต่หากการแชร์นั้นย่อมเกิดความเสียหายทวีคูณ และแม้ว่าผู้ประกาศที่ตกเป็นบุคคลที่ถูกนำไปวิพากษ์วิจารณ์มิได้ออกมาชี้แจงใด ๆ เพื่อมุ่งหวังว่าจะป็นการลดภาวะทางอารมณ์ของคนในสังคม แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีการแชร์ต่อและคอมเมนต์ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ลุกลาม ขยายวงกว้าง และยังมีคำถามว่าเหตุใดถึงพร้อมใจกัน ‘แต่งชุดดำ’

• ได้เวลาชี้แจงและแสดงภาพหลักฐาน ดังนี้

• การแต่งกายของ ผปก.ในวันดังกล่าว มีการออกแบบโดยเน้นโทนสีน้ำเงิน ฟ้าอมเทา ซึ่งไม่อิงเหตุการณ์หรือสถานการณ์ใด ๆ ถือเป็นโทนสีกลาง ๆ โทนสีสุภาพ โทนสีที่สามารถสวมใส่ได้ในทุกโอกาส ทุกสถานการณ์และทุกกาลเทศะ...จะมีการแต่งกายของผู้ประกาศชายเท่านั้น ที่มีการสวมใส่เสื้อยืดคอกลมสีดำด้านใน เหตุผลดังนี้ เพราะเป็นเสื้อคอกลมที่ใส่แล้ว สวมสูทสีใดทับได้ง่าย และโดยหลักสากลการแต่งกายผู้ชาย หากมองเรื่องโทนสีหลักของการสวมใส่นั้น จะดูสีของสูทเป็นสีหลัก ซึ่งการใส่สูทในวันนั้นคือสูท ‘สีฟ้าอมเทา’ ดังนั้นจึงมิได้มีเจตนาใส่ ‘สีดำ’ ทั้งชุด หรือให้สีดำเป็นสีหลักของการแต่งกายแต่อย่างใด โดยการสวมเสื้อยืดคอกลมสีดำนั้น จะได้รับการตำหนิจากบุคคลบางท่าน ขอน้อมรับคำ ‘ติเพื่อก่อ’ ในกรณีที่มีการหยิบเสื้อยืดคอกลมสีดำ ตัวที่ "คิดว่าสวมใส่ได้โดยง่าย และเข้ากับสีสูททุกสี" มาสวมใส่ แต่เจตนาที่แท้จริงมิได้เป็นเจตนาที่จะใส่ชุดดำ

• ส่วนสีเสื้อของ ผปก.หญิงทั้ง 2 คน ขอให้ดูตามภาพ และคงไม่ต้องอธิบายว่าคือสีอะไร ที่แน่ๆ คือ ‘ไม่ใช่สีดำ’ ดังที่มีบุคคลวิพากษ์วิจารณ์ว่า ‘นักข่าวพร้อมใจกันใส่ชุดดำ’, ‘กบฏนักข่าวสวมสีดำ’ ซึ่งทำให้คนในสังคมเกิดความเข้าใจผิด

• จึงเรียนทุกท่านให้ทราบ ด้วยเรามิได้มีเจตนาที่ไม่ดี และเราในฐานะผู้ประกาศ มิได้มีความคิดที่จะยุ่งเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมือง การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หรือการแสดงออกทางความคิดที่แตกต่าง เรา..ทำหน้าที่ตรงกลางในฐานะคนอ่านข่าว และเราก็เป็นบุคคลธรรมดาทั่วไป ที่ไม่อาจก้าวล่วงความคิด หรือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มคนในสังคม

• ดังนั้น ด้วยความเคารพ โปรดอย่านำเรื่องที่เกิดขึ้นไปเป็นเครื่องมือใดๆ ในการกล่าวอ้างให้เกิดความเสียหายและความเข้าใจผิดต่อสังคม จะด้วยเจตนาใดๆ ของท่านก็ตาม ขอขอบพระคุณ ที่ทุกท่านได้อ่านข้อความนี้ ....

• หมายเหตุ (ที่ควรอ่าน) ..คำชี้แจงนี้ มิได้มุ่งหวังที่จะเอาผิด คิดร้าย หรือต้องการให้เกิดความขัดแย้งเพิ่ม เพียงแต่ต้องการสะท้อนว่า "ความเป็นธรรม" คือพื้นฐานของสังคม เพื่อให้สังคมเกิดความสงบสุข และเป็นกรณีตัวอย่าง ที่ควรนำไปเป็นกรณีศึกษา ในภาวะที่สังคมมีความละเอียดอ่อน

• ด้วยความเคารพและนับถือ"

ด้าน นายนพดล พรหมภาสิต แกนนำกลุ่มปกป้องสถาบัน และอดีตผู้ก่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิดบนโลกออนไลน์ (ศชอ.) โพสต์คอมเมนต์ว่า "ในเมื่อชี้แจงแล้ว (ถึงจะมาช้า) ก็สุดแต่ใครจะรับฟัง

ถ้าคิดว่าการใช้สิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมายจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นก็ทำไป แต่การต่อความยาวสาวความยืดรังแต่จะทำให้เกิดรอยปริร้าว

ถ้าศาลรับฟ้องก็เอาเหตุผลแต่ละฝ่ายพร้อมพยานไปชี้แจงให้ศาลฟัง ซึ่งก็น่าแปลกใจ ทำไมคนจำนวนมากถึงคิดไปในทางเดียวกันได้"

สรุป 4 สถานการณ์เด่นการเมืองไทยฉบับ 'เล็ก เลียบด่วน' 'บิ๊กโจ๊กลุ้นเละ-บิ๊กแดงโรครุม-เศรษฐาใจชื้น-คปท.ฝืนต่อไม่ไหว'

นาทีนี้สถานการณ์เหตุบ้านการเมือง...ชี้เป็นชี้ตายมากมายหลายเรื่อง จนไม่รู้ว่าจะนำเสนออย่างไรในพื้นที่จำกัด...เพราะอยากให้มิตรรักแฟนข่าวได้...ทะลุคนทะลุข่าวกันในหลาย ๆ กรณี

วันนี้เลยขอเด็ดยอดข่าวมานำเสนอสัก 4 ประเด็น...

>> กรณีบิ๊กโจ๊ก - ขณะเขียน (สาย 27 ก.พ.) คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ตั้งวงประชุมพิจารณากรณีพนักงานสอบสวน กล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล 'บิ๊กโจ๊ก' รองผบ.ตร.กับพวกรวม 5 คน พัวพันเว็บพนันมินนี่...ราคาต่อรองก่อนประชุมแนวโน้มสูงที่ ป.ป.ช.จะขอดำเนินการเอง ไม่ส่งคืนให้พนักงานสอบสวน...ถ้าหวยออกอย่างนี้ 'บิ๊กโจ๊ก' โล่ง...กว่าคดีจะจบอีกนานแสนนาน...แต่ถ้าหวยพลิกส่งให้พนักงานสอบสวนที่ พล.ต.อ.ธนา ชูวงษ์, พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว 'บิ๊กเต่า' เป็นเจ้าภาพ...รับรองโจ๊กเละในเวลาไม่นานนัก...

>> ข่าวร้อน ๆ กรณี 'บิ๊กแดง' พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่บางรายการทางช่อง 9 อสมท. ระบุว่า...จะกราบบังคมทูลลาออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการพระราชวัง และรองผอ.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพราะมีปัญหาสุขภาพ เกรงจะถวายงานได้ไม่สมบูรณ์ นั้น...'เล็ก' วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหารที่ใกล้ชิด 'บิ๊กแดง' ยืนยันผ่านรายการวิทยุ อสมท. และยูทูบว่า...บิ๊กแดงป่วยจริง ป่วยหลายโรคแต่ที่หนักคือ เส้นเลือดตีบ 2 เส้น จัดว่าอันตราย...

ทั้งหลายทั้งปวงข่าวนี้ต้องรอ ถ้ามีการทำหนังสือกราบบังคมทูลลาออกแล้วจริง ก็อยู่ที่พระบรมราชวินิจฉัย...

>> ที่ยังร้อนเป็นผัดฉ่าปลาหมึก...ก็เรื่อง 'ดีลลับ' ชุดข้อมูลความเชื่อของ 'ตู่' จตุพร พรหมพันธุ์ นาทีนี้เจ้าตัวยังยืนยันนั่งยันว่า...ถ้าไม่เบี้ยวดีลลับทักษิณกลับบ้าน...ภายใน เม.ย.นี้ นายกฯ ต้องเปลี่ยนตัวเป็นคนใดคนหนึ่งใน 3 แคนดิเดต... อนุทิน ชาญวีรกูล, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค...  

ดีลลับดีลลึก อาจจะมีอยู่พอประมาณ...แต่ข่าวของ 'เล็ก เลียบด่วน' ยังเชื่อว่าจะไม่ไปถึงขนาดนั้น...เม.ย.นี้ นายกฯ สูงยาวเข่าดี 'เศรษฐา ทวีสิน' จะลากยาวประเทศไทยต่อไป เพราะภารกิจตรวจแฟลตตรวจที่พักทหาร-ตำรวจ ข้าราชการพลเรือนอีกหลายกระทรวงยังไม่แล้วเสร็จ...มีอีกหลายประเทศที่ยังจะต้องเดินทางไปขายของ อีกทั้งปัญหาหลักคือคุณหนู 'อุ๊งอิ๊ง' แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยยังไม่พร้อมที่จะรับช่วง...เธอยังอยู่ในโหมดครอบครัวอบอุ่น...วันก่อนยังโพสต์ดัง ๆ ว่าอยากจะมีน้องอีกสักคน...

>> ม็อบของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และกองทัพธรรม...ที่ปักหลัก SAVE กระบวนการยุติธรรม กรณีนักโทษเทวดามาตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ. แม้จิตใจยังเปี่ยมสู้ แต่ก็มีล้า...ถึงที่สุดบวกลบคูณหาร ก็คงต้องพักรบ เดินหน้าต่อโดยไม่ต้องตั้งเวที สายข่าวแจ้งว่าไม่น่าเกินกลางเดือน มี.ค. ถ้าไม่มีอะไรร้อนแรง เลวร้ายไปมากกว่านี้ก็คงปิดเวที...

สถานการณ์ตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.ก็จะย้ายไปร้อนฉ่าที่เวทีรัฐสภาเป็นหลัก...25 มี.ค.สมาชิกวุฒิสภาจะอภิปรายทั่วไปรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายค้านนำโดยก้าวไกล ก็คงจะจอดป้ายที่อภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ (ตามรธน.มาตรา 152) เหมือนกัน...แบบว่าหาแสงหาเสียงตุนคะแนนกันไป...

ส่วนทำเนียบบ้านจันทร์ส่องหล้า ก็คงสำแดงความเป็นศูนย์กลางจักรวาลการเมืองไทยให้เห็นโดยชัดเจน และชัดเจนขึ้น...ก็ได้แต่หวังว่าภายใต้ความชัดเจนดังว่า...จะได้มีปฏิบัติการไถ่บาป ไม่เผลอไปทำบาปใหม่...สาธุ!!

28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ’ในหลวง ร.10‘ ทรงมีพระราชดำริให้ ‘จัดฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน’ หวังส่งมอบความรู้เบื้องต้นแก่ ‘ข้าราชการ-ประชาชน-จิตอาสา’

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยสุขภาพและพลานามัยของประชาชน จึงทรงมีพระราชดำริให้หน่วยราชการในพระองค์ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรภาคเอกชน จัดฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (Basic Life Support) แก่ประชาชนทั่วไป ที่โรงละคร สำนักพระราชวัง สนามเสือป่า โดยมีพลอากาศโท ภักดี แสง-ชูโต ผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับมอบอุปกรณ์ฝึกสอนการช่วยเหลือชีวิตขั้นพื้นฐาน จำนวน 220 ชุด ซึ่งประกอบด้วย

- หุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่ - แบบครึ่งตัวมีไฟแสดง จำนวน 100 ชุด
- หุ่นจำลองเด็ก จำนวน 100 ชุด
- ชุดฝึกสอนการสำลัก Anti Choking ( Choking Training Vest) จำนวน 20 ชุด

จากบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) โดยแพทย์หญิง ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ เป็นผู้ส่งมอบ ซึ่งอุปกรณ์ฝึกสอนฯ ดังกล่าว บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล สำหรับพระราชทานไปใช้ในกิจกรรมการฝึกอบรมการช่วยเหลือชีวิตขั้นพื้นฐานเบื้องต้นให้กับ ข้าราชการ ประชาชน และจิตอาสา โดยมีหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนการฝึกอบรม อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กองบัญชาการกองทัพไทย บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์(CP) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น

‘สุริยะ’ เผยความคืบหน้าปรับปรุง ‘หมอชิต 2’ คาด!! เมษายนนี้ดีขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างรีโนเวท

(27 ก.พ.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้าการปรับปรุงสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ หรือ หมอชิต 2 ว่า ขณะนี้ได้นำบันไดเลื่อนที่เชื่อมจากอาคารผู้โดยสารไปยังชานชาลาออก พร้อมปรับปรุงเรื่องความปลอดภัยต่างๆ คาดว่าในช่วงเดือนเมษายนนี้จะดีขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรีโนเวท และกำลังจะจ้างที่ปรึกษา คาดว่าจะภายใน 1 ปีครึ่งจะสามารถทำให้แล้วเสร็จได้ 

นายสุริยะ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะย้ายหมอชิต 2 และสถานีขนส่งภาคตะวันออกกรุงเทพฯ (เอกมัย) ไปรวมกันที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) โดยจะสร้างเป็นตึกสูง และแต่ละชั้นจะแบ่งโซนภาคให้ชัดเจน รวมถึงจะทำศูนย์อาหารติดแอร์บริเวณโถงกลาง ซึ่งการเดินทางไปยังสถานีกลางบางซื่อนั้นสะดวก สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ทั้งหมดนี้คือแผนที่จะดำเนินการต่อไป 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top