Saturday, 17 May 2025
ค้นหา พบ 48168 ที่เกี่ยวข้อง

‘สมเด็จพระสังฆราช’ ขอบิณฑบาตคนไทย ไม่ทิ้งลักษณะพิเศษ ช่วยกันรักษาเอกลักษณ์ของชาติ ให้คงไว้ซึ่งเมืองแห่งรอยยิ้ม

(22 มิ.ย. 66) เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประทานพระวโรกาสให้นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้แทนคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก 26 มิถุนายน 2566 เฝ้าถวายสักการะ ขอประทานอาราธนาให้ทรงประพรมน้ำพระพุทธมนต์และทรงโปรยดอกไม้บนเข็มที่ระลึกส่วนที่ได้มีการผลิตเพิ่มเติมอันเป็นส่วนครบจำนวนผลิต เพื่อเป็นสวัสดิมงคลแก่ผู้ได้บริจาคบูชา และเฝ้าถวายปัจจัยหลังหักค่าใช้จ่ายจากการจำหน่ายเข็มที่ระลึกเพื่อโดยเสด็จพระกุศลตามพระอัธยาศัย เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา

โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า “อาตมภาพขออนุโมทนาสาธุการ ที่ท่านปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและท่านสาธุชนทุกท่าน มีเมตตามาแสดงมุทิตาจิตในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของอาตมภาพ และยังนำเข็มที่ระลึก และปัจจัยมามอบให้ ขอแจ้งให้ทราบว่าปัจจัยเหล่านี้ที่ถวายมาทั้งหมด จะให้ไว้เป็นของส่วนรวม เพื่อประโยชน์ในการสร้างสถานปฏิบัติธรรม และการกุศลต่างๆ ไม่ใช่ของส่วนตัว ซึ่งก็ได้ทำเช่นนี้ตลอดมา

คนไทยเรามีลักษณะพิเศษ คือ ‘รอยยิ้ม’ เวลาเรามอง เราก็มองกันตรงๆ ด้วยความปรารถนาดี เสียดายที่สมัยนี้คนชอบมองกันแบบไม่เป็นมิตร จ้องจะหาเรื่องกัน มองด้วยหางตา มองอย่างตาขวาง อาตมาขอบิณฑบาตเถิด อย่าได้มองกันและกันด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ขอให้ยิ้มแย้มแจ่มใสให้กัน หัวเราะสนุกสนานกัน ด้วยสายตาที่เป็นมิตร ถ้าจะมองก็มองตรงๆ อย่างตรงไปตรงมา จะไม่ทะเลาะกัน ช่วยกันรักษาเอกลักษณ์ของชาติไทย คือความปรารถนาดี ไมตรีจิต และรอยยิ้มไว้ให้ได้ตลอดไป ให้เด็กรุ่นต่อๆ ไปได้มีคุณสมบัติของความปรารถนาดีในแววตา ให้แผ่นดินไทยเป็นแผ่นดินแห่งรอยยิ้ม

อย่างที่เรามาพบกันนี้ ทุกคนก็ยิ้มแย้มแจ่มใส นี่คือลักษณะคนไทย อาตมาเคยเดินทางไปมาหลายที่ทั่วโลก ทั้งใกล้และไกล บางทีเห็นผู้คนมองกันอย่างหวาดระแวง เป็นพวกเขา เป็นพวกเรา เป็นกลุ่มนั้น เป็นกลุ่มนี้ ไม่ไว้ใจกัน อยู่กันอย่างอึดอัดไม่สบายใจ ไม่มองกันด้วยท่าทีเป็นมิตรแบบตรงไปตรงมา ขออย่าให้ลักษณะแบบนั้นเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราเลย ขอบิณฑบาต และขอให้ทุกท่านซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ใหญ่ มีหน้าที่สำคัญกันทั้งนั้น ช่วยกันทำให้บ้านเมืองของเราเป็นเมืองยิ้มต่อไป อย่าให้เปลี่ยนแปลงไป”

อนึ่ง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม จะเปิดให้สาธุชนเข้าถวายเครื่องสักการะและลงนามถวายสักการะหน้าพระรูปเจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ในวันจันทร์ ที่ 19 ถึงวันอาทิตย์ ที่ 25 มิถุนายน 2566 เวลา 09.00 ถึง 16.00 น. ณ พระวิหาร พร้อมทั้งมีโต๊ะให้ร่วมบริจาคเพื่อรับเข็มที่ระลึกดังกล่าว สำหรับผู้โดยเสด็จพระกุศลเข็มละ 300 บาท หรือร่วมบริจาคโดยเสด็จพระกุศล และรับเข็มที่ระลึกได้ที่ห้างบิ๊กซีทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

และวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ยังเปิดให้เข้าบริจาคโดยเสด็จพระกุศล บูชาพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ ‘อายุวัฒน์’ ณ อาคารภุชงค์ประทานวิทยาสิทธิ์ 1 ทุกวันตั้งแต่วันที่ 19 ถึง 30 มิถุนายน 2566 และทุกวันเสาร์-อาทิตย์ของเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2566 เวลา 13.00 ถึง 17.00 น.

PTTEP ผนึก 5 พันธมิตรเดินเครื่องผลิตกรีนไฮโดรเจนในโอมาน  ตั้งเป้าแหล่งพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ คาด!! เริ่มผลิตปี 73

(22 มิ.ย. 66) บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ ปตท.สผ. ร่วมมือกับ 5 บริษัทชั้นนำของโลก ผลักดันโครงการผลิตกรีนไฮโดรเจนขนาดใหญ่ในรัฐสุลต่านโอมาน เพื่อเป็นแหล่งพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายการเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำและการเติบโตอย่างยั่งยืนตามแผนกลยุทธ์ ตั้งเป้าเริ่มการผลิตกรีนไฮโดรเจนในปี 2573

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTEP เปิดเผยว่า ปตท.สผ. โดยบริษัท ฟิวเจอร์เทค เอนเนอร์ยี่ เวนเจอร์ส จำกัด (FTEV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย พร้อมด้วย 5 บริษัทพันธมิตรชั้นนำจากประเทศเกาหลีใต้ และประเทศฝรั่งเศส ได้ชนะการประมูลแปลงสัมปทานและลงนามสัญญาพัฒนาโครงการ (Project Development Agreement) และสัญญาเช่าแปลงสัมปทาน (Sub-usufruct Agreement) กับบริษัท ไฮโดรเจน โอมาน หรือ Hydrom ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลโอมาน เพื่อเข้ารับสิทธิในการพัฒนาโครงการผลิตกรีนไฮโดรเจน ในแปลงสัมปทาน Z1-02 เป็นระยะเวลา 47 ปี

แปลงสัมปทาน Z1-02 ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 340 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ในจังหวัดดูคุม ประเทศโอมาน

การเข้าร่วมในการพัฒนาโครงการผลิตกรีนไฮโดรเจนขนาดใหญ่ครั้งนี้ นับเป็นความสำเร็จของ ปตท.สผ. ที่มุ่งขยายธุรกิจไปสู่พลังงานสะอาด โดยตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตกรีนไฮโดรเจนประมาณ 2.2 แสนตันต่อปี

หลังจากนี้ กลุ่มผู้ร่วมทุนจะทำการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility study) และการศึกษาเชิงเทคนิค (Technical study) ของโครงการดังกล่าว และจะประเมินมูลค่าการลงทุนต่อไป

โดยกลุ่มผู้ร่วมทุนประกอบด้วย FTEV, กลุ่มบริษัทจากประเทศเกาหลีใต้ ประกอบด้วยบริษัท POSCO Holdings บริษัท Samsung Engineering Co., Ltd. บริษัท Korea East-West Power Co., Ltd และบริษัท Korea Southern Power Co., Ltd และบริษัท MESCAT Middle East DMCC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ENGIE จากประเทศฝรั่งเศส ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของโลก

โครงการผลิตกรีนไฮโดรเจนในประเทศโอมานครั้งนี้ ครอบคลุมกระบวนการผลิตไฮโดรเจนแบบครบวงจร (Hydrogen Value Chain) ตั้งแต่การพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) กำลังการผลิตรวมประมาณ 5 กิกะวัตต์ (GW), การพัฒนาโรงงานผลิตกรีนไฮโดรเจนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าดังกล่าวในกระบวนการผลิต ซึ่งทั้ง 2 ส่วนจะตั้งอยู่ในแปลงสัมปทาน Z1-02 และการพัฒนาโรงงานที่เปลี่ยนสถานะไฮโดรเจนให้เป็นกรีนแอมโมเนียซึ่งเป็นของเหลว เพื่อสะดวกในการขนส่ง จะตั้งอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษที่จังหวัดดูคุม โดยคาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างในปี 2570 และเริ่มการผลิต (Commercial Operations Date) กรีนแอมโมเนียได้ในปี 2573 ในอัตราประมาณ 1.2 ล้านตันต่อปี โดยจะส่งออกกรีนแอมโมเนียไปยังประเทศเกาหลีใต้ซึ่งเป็นผู้ซื้อ ส่วนกรีนไฮโดรเจนส่วนที่เหลือ จะใช้ภายในประเทศโอมาน

“ประเทศโอมานเป็นหนึ่งในประเทศอันดับต้น ๆ ของโลก ที่มีศักยภาพด้านพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม และมีความคืบหน้าในการผลักดันให้มีการพัฒนาโครงการไฮโดรเจนอย่างเป็นรูปธรรม การที่ ปตท.สผ. และบริษัทพันธมิตรได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาโครงการกรีนไฮโดรเจนขนาดใหญ่ครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จและเป็นก้าวที่สำคัญในการขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดในพื้นที่ที่มีศักยภาพของโลก ซึ่ง ปตท.สผ. จะนำประสบการณ์และความเข้าใจในการดำเนินธุรกิจในประเทศโอมานที่มีมากว่า 20 ปี มาช่วยเสริมให้การพัฒนาโครงการกรีนไฮโดรเจนครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่ต่าง ๆ ที่จะเป็นพลังงานแห่งอนาคตต่อไป รวมทั้ง ยังเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเป้าหมายองค์กรคาร์บอนต่ำ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย” นายมนตรี กล่าว

ปัจจุบัน ปตท.สผ. มีการลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศโอมาน ทั้งธุรกิจขั้นต้น (Upstream) และธุรกิจขั้นกลาง (Midstream) ได้แก่ โครงการโอมาน แปลง 61 ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติบนบกขนาดใหญ่ของประเทศ โครงการพีดีโอ (แปลง 6) โครงการมุคไคซนา (แปลง 53) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันดิบบนบกขนาดใหญ่ โครงการโอมาน ออนชอร์ แปลง 12 และโครงการโอมาน แอลเอ็นจี ซึ่งเป็นโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวแห่งเดียวในโอมาน

Artificial Intelligence : AI ‘ปัญญาประดิษฐ์’

Artificial Intelligence : AI หรือชื่อเต็ม ๆ ภาษาไทยว่า ‘ปัญญาประดิษฐ์’ เป็นเทคโนโลยีที่กำลังมาแรง นั่นเพราะแทบจะทุกอุตสาหกรรมล้วนต้องพึ่งพา AI ในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะงานด้านการวิเคราะห์และประมวลผล ที่ทำงานแทนมนุษย์ได้

ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยเฉพาะใน Wall Street มีหุ้นกลุ่ม AI ที่กำลังเติบโตและน่าสนใจหลายตัว และวันนี้นักลงทุนไทย สามารถลงทุนหุ้นกลุ่มดังกล่าวได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Microsoft (MSFT), Alphabet (GOOGL), Amazon (AMZN), Nvidia (NVDA) ผ่านตลาดหุ้นไทย ด้วยการซื้อขาย DR ซึ่งสามารถซื้อขายด้วยเงินบาท และเทรดผ่าน Streaming

นักลงทุนที่สนใจ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.setinvestnow.com/ อาจจะได้เจอทางออกทางการลงทุน ในจังหวะที่ตลาดหุ้นไทยยังรอความชัดเจนทางการเมืองไปอีกสักระยะ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ สั่งดำเนินคดีครูฝึกสอนกระทำอนาจารเด็ก 6 ขวบในโรงเรียน

จากกรณีเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 66 ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 6 ปี พร้อมผู้ปกครอง ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ด่านทับตะโก ภ.จว.ราชบุรี กรณีถูก นายวัชรพล หรือครูเรด ซึ่งเป็นครูฝึกสอนที่โรงเรียนด่านทับตะโก ได้พาไปกระทำอนาจารในห้องน้ำของโรงเรียน ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น 

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ควบคุมสั่งการในการดำเนินคดีกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ ผกก.สภ.ด่านทับตะโก รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุโดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ

กรณีดังกล่าว หลังจากได้ส่งตัว ด.ช.เอ ตรวจร่างกายและสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพแล้วทราบว่า ผู้ต้องหาซึ่งเป็นครูฝึกสอน ได้หลอกพา ด.ช.เอ ไปเข้าห้องน้ำ แล้วกระทำอนาจารในสถานที่ดังกล่าว จากนั้นได้ข่มขู่มิให้บอกผู้อื่น พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดราชบุรี และสามารถจับกุมตัว นายวัชรพล หรือครูเรด ส่ง สภ.ด่านทับตะโก ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจะดำเนินคดีในความผิดฐาน ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีโดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม กระทำอนาจารแก่ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล โดยใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม พาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร แม้เด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยปราศจากเหตุอันสมควร พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือดูแลเพื่อการอนาจาร และกระทำหรือละเว้นการกระทำอันเป็นการทารุณกรรม ต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นคดีที่เด็กซึ่งอายุเพียง 6 ขวบ ถูกครูที่โรงเรียน ซึ่งถือเป็นบุคคลใกล้ชิดที่เด็กไว้วางใจ พาไปกระทำอนาจาร ภายในห้องน้ำของโรงเรียน ซึ่งเป็นสถานที่ที่เด็กควรอยู่อย่างปลอดภัยและได้รับความคุ้มครอง

หลังทราบเหตุได้กำชับให้พนักงานสอบสวนเก็บรวบรวมพยานหลักฐานโดยละเอียดเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้โดยเด็ดขาด และขอประชาสัมพันธ์แจ้งไปยังพี่น้องประชาชน ให้ช่วยกันดูแลบุตรหลาน หมั่นสอบถามและให้ความสนใจต่อการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมของเด็ก และระมัดระวังคนร้ายที่อาจแอบแฝงมาในรูปแบบของคนที่น่าไว้วางใจ หากมีเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าวสามารถแจ้งผ่านหมายเลข 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

“สร้างอาชีพ สร้างชีวิต”

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “สร้างอาชีพ สร้างชีวิต” ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาสในพื้นที่ จ.ลำพูน ในโครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี

วานนี้ (วันที่ 21  มิถุนายน 2566) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดลำพูน

มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่มีรายได้น้อย มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม จำนวน 19 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 285,340 บาท (สองแสนแปดหมื่นห้าพันสามร้อยสี่สิบบาทถ้วน ) เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน โดยมี  นางจินตนา จันทร์บำรุง อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว นายชาตรี กิตติธนดิตถ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย คณะศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวฯ จังหวัดลำพูน และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชินีนาถ จังหวัดลำพูน

พร้อมกันนี้ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมหน่วยแพทย์ฯ ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น ฯลฯ โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก

นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ เปิดเผยว่า สำหรับโครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยมูลนิธิฯ กำหนดมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อย มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ รวม 8 ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัว

ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี สงขลา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และจังหวัดพิษณุโลก ให้ได้มีวัสดุอุปกรณ์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว เพื่อเป็นการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป โดยนับตั้งแต่เริ่มดำเนินการลงพื้นที่ในเดือนเมษายนจนถึงในวันนี้ มูลนิธิฯ มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพรวมจำนวน 7 แห่ง 40  ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 662,290 บาท (หกแสนหกหมื่นสองพันสองร้อยเก้าสิบบาทถ้วน)

ตลอดระยะเวลากว่า 113 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top