Saturday, 17 May 2025
ค้นหา พบ 48168 ที่เกี่ยวข้อง

‘ปชป.’ เตรียมนำทัพผู้สมัคร ยื่นสมัครทั่วประเทศ 3 เม.ย.นี้ พร้อมใช้ทุกนาทีให้คุ้มค่าเพื่อสร้างศรัทธา-พัฒนาชีวิต ปชช.

(2 เม.ย. 66) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 3 เม.ย.นี้ เวลา 5.00 น. ตนจะนำผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้ง 33 คน เดินทางไปสมัครรับเลือกตั้งที่สนามกีฬาเวสน์ 2 ซึ่งคาดว่าจะเดินทางถึงสถานที่สมัครรับเลือกตั้งเวลา 6.00 น.

หลังจากสมัครเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้สมัครจะเดินทางไปศาลหลักเมือง และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เพื่อสักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) จากนั้นจะเดินทางกลับพื้นที่เขตเลือกตั้งเพื่อเดินหน้าหาเสียงอย่างเต็มรูปแบบ หลังจากได้เบอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขณะที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 400 เขต ทั่วประเทศ จะเดินทางไปสมัครรับเลือกตั้งทุกเขตเลือกตั้งพร้อมกัน ในเช้าวันจันทร์ที่ 3 เม.ย. นี้ เช่นกัน

สมุทรปราการ-“อบต.บางพลีใหญ่” จับมือ “วัดบางพลีใหญ่กลาง” บรรพชาสามเณร 60 รูป เทิดพระเกียรติวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน

ที่วัดบางพลีใหญ่กลางได้จัดพิธีบรรพชาอุปสมบทสามเณร จำนวน 60 รูป เพื่อเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 68 พรรษา ซึ่งตรงกับวันที่ 2 เมษายน ของทุกปี

 

โดยในปี 2566 นี้ทาง อบต.บางพลีใหญ่ นำโดย ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง นายก อบต.บางพลีใหญ่ ร่วมกับทางวัดบางพลีใหญ่กลางโดยได้รับความเมตตาจาก ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ ดร. เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ร่วมกันจัดโครงการพิธีบรรพชาอุปสมบทหมู่สามเณร จำนวน 60 รูป เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน

 

โดยท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ ดร. เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง กล่าวว่า ในการบรรพชาอุปสมบทหมู่สามเณรในปี 2566 นี้ ประกอบด้วย นักเรียนโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์ โรงเรียนคลองบางกระบือ เป็นต้น ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาถึงระดับชั้นมัธยมศึกษา รวมทั้งสิ้นจำนวน 60 รูป 

 

อย่างไรก็ตาม โครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่สามเณรในปีนี้ ที่ทาง อบต.บางพลีใหญ่ ร่วมกับวัดบางพลีใหญ่กลางได้ร่วมกันจัดโครงการดังกล่าวขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมแสดงออกถึงความจงรักภักดี อีกทั้ง เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 2 เมษายน และ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 68 พรรษา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

 

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

‘ธนาคารโลก’ เชื่อ!! ศก.ไทยฟื้นตัว ดันจีดีพีปี 66 โต 3.6% ชี้!! ท่องเที่ยวยังเด่น ลุ้นโกย 27 ล้าน นทท.เข้าประเทศ

‘เวิลด์แบงก์’ เคาะจีดีพีไทยปีนี้โต 3.6% อานิสงส์บริโภคภายในประเทศ-ท่องเที่ยวหนุนเต็มสูบ ลุ้นต่างชาติทะยาน 27 ล้านคน ส่งออกโคม่าติดลบ 1.8% ซมพิษเศรษฐกิจโลก หนุนปฏิรูปเศรษฐกิจ ช่วยดันเติบโตระยะยาว

(2 เม.ย. 66) นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ประจำประเทศไทย ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) กล่าวว่า เวิลด์แบงก์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปี 2566 ยังคงขยายตัวได้ที่ระดับ 3.6% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 2.6% โดยต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวช้ากว่าหลายประเทศในภูมิภาค ที่ส่วนใหญ่เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ได้เร็วกว่าไทย โดยปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตดีขึ้นต่อเนื่อง มาจากภาคการท่องเที่ยว ที่ได้รับอานิสงส์จากการที่จีนเปิดประเทศ โดยคาดว่าปีนี้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะเพิ่มขึ้นเป็น 27 ล้านคน คิดเป็น 68% ของช่วงก่อนเกิดโควิด-19 และการบริโภคภายในประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการคลัง โดยเฉพาะการตรึงราคาพลังงาน ที่ช่วยพยุงให้การบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันเสถียรภาพทางการคลังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จากสัดส่วนหนี้สาธารณะที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยปัจจุบันอยู่ที่ราว 60% ต่อจีดีพี และคาดว่าจะลดลงเหลือราว 59% ต่อจีดีพี เนื่องจากอัตราการใช้จ่ายของภาครัฐที่ลดลง แต่ก็ยังสูงกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการตรึงราคาพลังงานเป็นหลัก ขณะที่การส่งออกไทยในรูปเงินดอลล่าร์สหรัฐ ปีนี้คาดว่าจะหดตัวที่ 1.8% โดยได้รับผลกระทบชัดเจนจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/2565 ส่วนอัตราเงินเฟ้อ อยู่ที่ 3.2%

ทั้งนี้ มองไปข้างหน้า เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวที่ 3.7% และปี 2568 ที่ระดับ 3.5% โดยประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือการเติบโตของเศรษฐกิจไทยไม่ได้สูงมากนัก นั่นเพราะในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาการปฏิรูปเศรษฐกิจไทยค่อนข้างช้า แต่มองว่ายังมีโอกาสที่ไทยจะเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจให้ดีขึ้นในหลาย ๆ ด้าน เนื่องจากยังมีศักยภาพและเสถียรภาพด้านการเงิน และการคลัง ที่จะสามารถนำสิ่งนี้มาใช้ในการปฏิรูปเศรษฐกิจได้อย่างจริงจัง

“ประเด็นสำคัญในการเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจของไทย เพื่อเพิ่มรายได้จากภาษี โดยเฉพาะภาคบริการ เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง รายได้ดี และใช้แรงงานที่มีทักษะสูง แต่ที่ผ่านมาประเทศไทยมีกฎเกณฑ์ กติกาในภาคบริการที่ค่อนข้างเยอะ ถือเป็นอันดับ 2 รองจากอินโดนีเซีย ทำให้การลงทุนในส่วนนี้ยังมีข้อจำกัด ส่วนภาคการท่องเที่ยว ก็ต้องมีการเพิ่มมูลค่า เพิ่มการลงทุนด้านการท่องเที่ยวไม่ใช่เฉพาะในเมืองหลัก อย่างกรุงเทพฯ เชียงใหม่ หรือภูเก็ต เท่านั้น รวมทั้งต้องยกระดับมาตรการการให้บริการด้านการท่องเที่ยว เราคิดว่าภาคการท่องเที่ยวอาจจะยังไม่ใช่เครื่องมือหลักที่จะทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีรายได้สูงขึ้น แต่ก็ยังเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญรวมถึงต้องเร่งปฏิรูปการลงทุนของภาครัฐ ที่ต้องเน้นคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น ตลอดจนประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ดังนั้น ต้องมีการปฏิรูปเรื่องสวัสดิการที่พุ่งเป้า เจาะจงกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และคนจนให้มากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันเรื่องระบบการศึกษาก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องมีการปฏิรูปในวงกว้าง เพื่อเสริมทักษะให้กับเยาวชน หรือคนที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน เรื่องนี้ที่ผ่านมาไทยไม่ได้มีการดำเนินการอย่างจริงจัง” นายเกียรติพงศ์ กล่าว

‘พิธา’ กร้าว!! กาก้าวไกลได้ประโยชน์ถึง 3 เด้ง 1. ‘ประยุทธ์’ ออก 2. ‘ประวิตร’ ออก 3. ได้คนใหม่ ‘เปลี่ยนประเทศ’

เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นปราศรัยปิดเวทีปราศรัยใหญ่และแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ที่สวนชมน่าน จังหวัดพิษณุโลก โดยนายพิธาเริ่มต้นด้วยการกล่าวว่า ตน และ ส.ส.ปดิพัทธ์ มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ‘ความเป็นพ่อคน’ พวกเราทำงานการเมือง เพราะเราไม่สามารถส่งต่อสังคมแบบนี้ให้กับลูกของเรา ตนและพรรคก้าวไกลมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนประเทศนี้ให้มีความเท่าเทียมกัน มีความเปิดกว้างหลายหลายให้กับคนทุกคนอย่างเสมอภาค และเอาระบบอำนาจนิยมออกไป

นายพิธา กล่าวต่อไปอีกว่า การเมืองที่ตนอยากเห็นในฐานะคนเป็นพ่อ คือ ประเทศที่มีการศึกษาที่เท่าเทียมกัน เด็กที่มาจากครอบครัวร่ำรวยสามารถพูดได้ 3 ภาษา การศึกษาในประเทศนี้ก็ต้องมีศักยภาพทำให้เด็กทุกคนพูดได้ 3 ภาษา ตนต้องการที่จะสร้างสังคมที่เท่าเทียม หลากหลาย ปราศจากอำนาจนิยมและปิตาธิปไตยให้กับคนรุ่นต่อไป

“อีก 10 ปี อาจเป็นลูกของผมหรือลูกของท่าน ที่ไปเรียกร้องเพื่อความเท่าเทียม ทำไมเรื่องเหล่านี้ต้องให้คนหนุ่มสาวออกมาพูด ไม่ใช่ผู้แทนราษฎรที่มีกระดูกสันหลังในสภาฯ ที่พูด ทำให้คนหนุ่มสาวออกไปตามหาความฝันของเขาไม่ได้ ชีวิตลูกของผม ลูกของหมออ๋อง และลูกของเราทุกคนจะดีขึ้น เมื่อพวกเราอยู่ในสังคมที่เท่าเทียมกัน” นายพิธา กล่าว

นายพิธา ยังเสนอว่า สังคมที่เท่าเทียมกันต้องมีโอกาสที่เท่าเทียมกันระหว่างคนที่มีความพิการและคนอื่น ๆ ในสังคม โดยพรรคก้าวไกล 1.) จะเพิ่มเบี้ยผู้พิการ 3,000 บาท 2.) จะผลักดันนโยบายการออกแบบเพื่อคนทุกคนให้สามารถกำหนดชีวิตประจำวันในการเดินทางให้ได้ 3.) คือการสร้างงาน จากปัจจุบันที่รัฐฯ บังคับเฉพาะบริษัทเอกชนให้จ้างงานคนพิการ แต่ในรัฐบาลพรรคก้าวไกลจะจ้างงานคนพิการเป็นข้าราชการทันที 20,000 ตำแหน่ง และ 4.) สร้างอุตสาหกรรมเพื่อผู้พิการ เช่น รถเข็นของคนพิการ จากที่นำเข้ามีราคาแพง ให้สามารถผลิตได้ในประเทศ

นายพิธา ยังเสนออีกว่า ตนและพรรคก้าวไกลต้องการให้คนรุ่นต่อไปได้อากาศสะอาดไว้หายใจ นี่คือสาเหตุให้พรรคก้าวไกลผลักดันกฎหมายอากาศสะอาด ซึ่งกฎหมายอากาศสะอาดของพรรคก้าวไกลต้องไม่ใช่แค่มีผลในประเทศ แต่จะไปเจรจากับต่างประเทศให้มีมาตรฐานคุณภาพอากาศเดียวกันทั้งอาเซียน ไม่ใช่ปล่อยให้กลุ่มทุนภาคเกษตรหนีจากประเทศที่มีมาตรฐานสินค้าเกษตรสูงแล้วไปทำไร่ข้าวโพดในลาวและเมียนมา

ปทุมธานี ภัยแล้งมาแล้วนายกแจ๊สจับมือทุกฝ่ายบูรณาการ แก้ไขปัญหาช่วยเกษตรกรอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2566 ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอหนองเสือ ตำบลบึงบา อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานในการประชุมแก้ไขปัญหาภัยแล้งในเขตพื้นที่อำเภอหนองเสือ เพื่อป้องกันและแก้ไขภัยแล้งอย่างยั่งยืน โดยมีคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.ปทุมธานี ผู้นำชุมชน และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ว่าที่ร้อยตรีธีระพล โชคนำชัย นายอำเภอหนองเสือ , นายมานพ แจ่มมี ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ , นายเฉลิมพล ทองน้อย ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 11 เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ โดยมีชาวบ้านนำผลผลิตทางการเกษตร พืชผักผลไม้ที่ชาวบ้านปลูกมามอบให้นายกแจ๊สและทีมงานเพื่อขอบคุณที่ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้เกษตรชาวหนองเสือ


โดยมี นายพิษณุ พลธี อดีต ส.ส.เขต.6 ปทุมธานี พรรคภูมิใจไทย (นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดปทุมธานี) และผู้นำชุมชนได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในคลองส่งน้ำที่เก้า เนื่องจากเป็นคลองที่มีสภาพตื้นเขินทีสุด หากระดับน้ำในคลองระพีพัฒน์ลดน้ำในคลองส่งน้ำหลักจะแห้งอย่างรวดเร็ว ทำให้น้ำไหลเข้าคลองย่อยหรือคลองซอยตามธรรมชาติไม่ได้ จึงต้องใช้เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ เบื้องต้น ทาง อบจ.ปทุมธานีได้นำเครื่องสูบน้ำจำนวน 8 เครื่องมาตั้งเครื่องที่บริเวณประตูระบายน้ำคลองย่อยต่าง ๆ เพื่อสูบน้ำให้เกษตรกรใช้น้ำได้อย่างปกติ


ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า วันนี้ได้ประสานชลประทาน ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. ท่านนายอำเภอฯ ทุกฝ่ายมาร่วมกันระดมรับฟังปัญหาเพื่อแก้ไขปัญหาที่ถูกจุด วันนี้เกิดประโยชน์มากที่ทางกำนันผู้ใหญ่บ้าน นายกอบต.ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เมื่อรับทราบปัญหาทางชลประทานจะมีการเติมน้ำเข้ามาในคลองส่งน้ำคลองหลัก เพื่อให้เราได้สูบน้ำเข้าไปยังคลองย่อยคลองซอย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top