Sunday, 18 May 2025
ค้นหา พบ 48168 ที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน พิพัฒน์ นาที' ร่วม 'พิธีมุทิตาสักการะ' เจ้าพระคุณสมเด็จมหาวชิรมังคลาจารย์ จ.ตรัง

ที่สำนักสงฆ์พรหมประทาน ต.ในควน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รักษาการ) นายพิพัฒน์  รัชกิจประการ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเดิน ( รักษาการ ) ดร.นาที  รัชกิจประการ แม่ทัพภาคใต้พรรคภูมิใจไทย และคณะ ลงพื้นที่ เพื่อร่วมกิจกรรมวันกตัญญูผู้สูงวัยด้วยคุณธรรม ด้วยการร่วมพิธีถวายมุทิตาสักการะ เจ้าพระคุณสมเด็จมหาวชิรมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ เจ้าอาวาสวัดกะพังสุรินทร์(พระอารามหลวง) ถวายโฉนดที่ดินและเสนาสนะ เพื่อสร้างวัดในพระพุทธศาสนาต่อไป และร่วมเดินพบปะกับประชาชนที่เดินทางมาต้อนรับและร่วมพิธีจำนวนมากได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น 

นายอนุทิน กล่าวว่า ที่มั่นของพรรคภูมิใจไทยคือทั่วประเทศ พรรคของเราเป็นของคนไทยทุกคน ซึ่งเรามีหน้าที่ต้องทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน เรามี ส.ส.ทุกภาคของประเทศไทย ภาคเหนือ กลาง อีสาน ใต้ เราทำงานมา 4 ปี แล้ว มีผลงานอย่างชัดเจน เป็นพรรคที่ส่งมอบนโยบายที่เราได้สัญญากับประชาชนเมื่อปี 2562 ทำได้แทบจะครบทุกนโยบาย หวังว่าผลงานของพรรคภูมิใจไทยก็จะทำให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศเชื่อมั่นให้พรรคภูมิใจไทยเข้ามาทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนอีกครั้งหนึ่งภายหลังจากการเลือกตั้งภายในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่จะถึงนี้ ซึ่งทางพรรคภูมิใจไทยจะส่งผู้สมัครให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งตอนนี้ยังขาดอยู่ประมาณ 7 เขต แต่ไม่มีปัญหาอะไร ในส่วนที่เป็นพื้นที่เป้าหมายส่งผู้สมัครครบแล้วทุกคนผ่านไพรมารีโหวตผ่านตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งทุกประการ

นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่เราทำไว้ช่วงที่ผ่านมา ทำสะพานเชื่อมเกาะลันตา ทำสะพานที่เชื่อม จ.พัทลุง ผ่านไปยัง จ.สงขลา ได้ด้วยการร่นระยะเวลาการเดินทางกว่า 70 กม. และยังมีโครงการอื่น ๆ อีกมากมาย โครงการคมนาคมขนส่ง ขยายสนามบินในหลายๆจังหวัดในภาคใต้ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ประเทศไทยของเรากลับมาผงาดศูนย์กลางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ หมายถึงอาเซียนและเอเชียด้วย จะทำให้เกิดสภาพทางเศรษฐกิจพื้นที่ทางเศรษฐกิจขยายตัวในพื้นที่ทางภาคใต้ ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทำให้เป็นแหล่งดูแลสุขภาพ “เมดิคัล ฮับ ออฟ เดอะ เวิลด์” ที่จะอยู่ในจังหวัดภาคใต้ ตรงนี้จะทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ การสร้างรายได้ของประชาชนทั้งสังคมที่จะทำให้ประชาชนมีความสงบสุข มีการมีงาน มีโอกาส มีฐานะที่ดี

‘พงษ์ภาณุ’ แนะรัฐ เร่งปฏิรูปโครงสร้างระบบภาษี มุ่งเพิ่มสัดส่วนรายได้ นำเงินพัฒนาประเทศระยะยาว

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฮิโรชิมะ ประเทศญี่ปุ่น อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และอดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ได้ให้มุมมองถึงกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ผ่านรายการ ‘NAVY TIME เรื่องดี ๆ ประเทศไทยยามเช้า’ ออกอากาศช่วงเช้า เวลา 07.00- 08.00 น. ทางสถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือวังนันทอุทยาน (ส.ทร.วังนันทอุทยาน) FM93 เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 66 ว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ครั้งล่าสุด อีก 0.25% เพิ่มจาก 1.50% เป็น 1.75% นั้น เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับในต่างประเทศ เพื่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ก็ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน แม้ว่า ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งของสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับวิกฤตแบงก์ล้มอยู่ก็ตาม นั่นเพราะปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐฯยังเป็นปัญหาใหญ่อยู่นั่นเอง

แน่นอนว่า การขึ้นดอกเบี้ยในแต่ละครั้ง ย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะคนที่อยู่ในฐานะลูกหนี้ ที่จะมีต้นทุนทางการเงินเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันความสามารถในการขอสินเชื่อของประชาชนก็จะลดลงด้วย ยกตัวอย่าง การกู้ซื้อบ้านกับธนาคาร เมื่อดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น ธนาคารก็อาจจะพิจารณาให้เงินกู้ในสัดส่วนที่ลดลง จากเดิมกู้ได้ 2 ล้านบาท อาจจะเลือกเพียง 1.5 ล้านบาท เพราะต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่ม แต่เงินเดือนหรือรายได้ของผู้ยื่นกู้อยู่เท่าเดิม เป็นต้น

‘เพื่อไทย’ ชู การเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่าน ‘Learn to Earn’ หนุนเด็กไทยมีความรู้ มีรายได้ เข้าถึงการศึกษาได้ทุกช่วงวัย

(2 เม.ย. 66) เฟซบุ๊กแฟนเพจหลักของ ‘พรรคเพื่อไทย’ ได้ออกมาโพสต์ข้อความ โดยมีเนื้อหาระบุว่า…

“ทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้ทุกช่วงวัย หางานทำสร้างรายได้ทุกช่วงชีวิต พรรคเพื่อไทยส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านขั้นตอน Learn to Earn เรียนรู้มีรายได้ เรียนรู้ง่ายตลอดชีวิต”

ณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรค และผู้ดูแลนโยบายการศึกษา พรรคเพื่อไทย ร่วมตอบคำถามสดในรายการตอบโจทย์ ศึกประชันวิสัยทัศน์นโยบายด้านการศึกษา สถานีโทรทัศน์ Thai PBS โดยได้กล่าวโดยรวมถึงระบบการศึกษาในปัจจุบันว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาให้รองรับต่อความเปลี่ยนแปลง ความแตกต่างหลากหลาย และตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนแต่ละช่วงวัย แต่ละช่วงชั้นที่แตกต่างกัน โดยส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ต้องเป็นการศึกษาที่กินได้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเสมอภาคด้านการศึกษา

ณหทัย ทิวไผ่งาม กล่าวว่า ด้วยเพราะสังคมทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว การส่งเสริมการเรียนรู้ เด็กเข้าโรงเรียนผ่านไป 4 ปี กลับออกมาปรากฏว่าสิ่งที่เรียนไปล้าสมัยแล้ว เราจึงต้องส่งเสริมให้ทุกคนไม่ใช่แค่เด็กนักเรียน “ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านขั้นตอน Learn to Earn” หมายถึงว่า ต้องเรียนด้วยและนำความรู้มาสร้างรายได้ด้วย และสามารถเรียนรู้ตลอดชีวิตได้ เข้าถึงความรู้ได้ทุกช่วงวัย เพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเองตลอดเวลา แม้แต่ในวัยทำงานแล้วหากต้องการเพิ่มความรู้ก็จะมีสถาบันการศึกษา สถาบันวิชาชีพที่จะเสริมสร้างทักษะความรู้เฉพาะทางให้ศึกษาได้ และยิ่งทุกวันนี้เทคโนโลยีเจริญขึ้น สามารถเรียนได้โดยไม่ต้องไปมหาวิทยาลัยแต่เรียนผ่านคอร์สออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันนี้มีหลายหมื่นหลักสูตรของแทบทุกสถาบันที่รองรับ ตรงนี้จะทำอย่างไรให้เป็นประโยชน์แก่การเรียนรู้ตลอดชีวิต

ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา เราเห็นความเหลื่อมล้ำได้ชัดเจนเพราะเด็กนักเรียนต้องเรียนออนไลน์ เด็กที่พ่อแม่มีกำลังทรัพย์ ก็พอมีเงินซื้อโน๊ตบุ๊ก มือถือ เพื่อใช้เรียนออนไลน์ได้ แต่สำหรับเด็กยากจนก็ไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาได้ เราจะลดความเหลื่อมล้ำให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษาได้อย่างไร สมัยรัฐบาลนายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เราเคยมีโครงการ One Tablet per Child ซึ่งตอนนั้นน่าเสียดายที่เราทำยังไม่สำเร็จดี ก็ถูกยกเลิกไป ทั้งที่ต่อมาจะเห็นว่า เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาด Tablet ที่เราเคยแจกไปได้นำกลับมาใช้ประโยชน์ รวมถึงทั้งปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กที่ขาดครู Tablet นี้ก็จะช่วยให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็กที่ขาดแคลนครู สามารถเข้าถึงความรู้ เชื่อมการเรียนการสอนและหลักสูตรกับโรงเรียนหรือสถานศึกษาอื่นในเมืองได้โดยไม่ขาดโอกาสอีกต่อไป ดังนั้น พรรคเพื่อไทย จะนำโครงการนี้กลับมา ไม่ใช่ให้ Tablet แค่เด็กนักเรียน แต่จะต้องให้คุณครูได้ด้วยเพื่อใช้สอนเด็ก พร้อมกับสัญญาณอินเทอร์เนตฟรี เพื่อให้ทั้งเด็กนักเรียนและครูได้ใช้ประโยชน์สูงสุดจากสื่อการเรียนการสอนชิ้นนี้

‘ชัยวุฒิ’ เตือน ป่วนเวทีหาเสียงผิด กม.เลือกตั้ง วอนเคารพกติกา ชี้ ไม่ใช่เวลาคุยเรื่องขัดแย้ง

‘ชัยวุฒิ’ เตือน ป่วนเวทีหาเสียงผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขอร้องเวทีใครเวทีมัน ชี้ ไม่ใช่เวลาคุยเรื่องขัดแย้ง บอก เตรียมเพิ่มการ์ดผู้หญิง 

(2 เม.ย. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณี ‘ตะวัน’ ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ ‘แบม’ อรวรรณ ภู่พงษ์ นักกิจกรรมอิสระ พร้อมพวกที่มาทำกิจกรรม เวทีปราศรัยย่อยพลังประชารัฐ ที่สวนสาธารณะใต้สะพานพระราม 8 เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า มีน้อง ๆ บางกลุ่มเข้ามาแจกใบปลิว และจะเข้ามาป่วนเวทีพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งทำไม่ได้ เพราะนี่เป็นเวทีหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเราขออนุญาตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ตามกฎหมาย ที่เป็นกระบวนการตามประชาธิปไตย ซึ่งไม่ควรมาร่วมเวที และเท่าที่ตนทราบก็สุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย อย่าไปทำเลย ประชาธิปไตยก็ต่างคนต่างหาเสียง เวทีใครเวทีมัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับเวทีอื่นอีกหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ก็น่าเป็นห่วง ถ้าสมมุติว่าฝ่ายนี้มาโจมตีเวทีพรรคนี้ เดี๋ยวฝั่งนี้ไปโจมตีเวทีพรรคอื่นบ้างก็ไม่จบ ประชาธิปไตยก็เดินหน้าไม่ได้ เราถึงบอกว่า อยากให้ทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้ง เราหาเสียงกันตรงไปตรงมา ไม่มีใครเอาเปรียบกันหรอก ทำตามกฎหมายตรงๆ ทุกคน ก็อย่ามาป่วนกัน ทำแบบนี้ถือว่าเขาเอาเปรียบเรา เพราะเขามาป่วนเวทีเรา ถ้าฝั่งเราแค้นเคืองไปเอาคืนก็วุ่นวายไปอีก ขอว่าอย่าไปทำเลย เวทีใครเวทีมัน ถ้าเขาอยากแสดงออกในเรื่องที่เขาข้องใจ เขาก็ไปจัดเวทีของเขา ซึ่งก็จัดกันตลอดอยู่แล้ว เห็นออกสื่อตลอด มีโซเชียลมีเดียก็ไปทำของตัวเอง ไม่ต้องมายุ่งกับเราหรอก แต่เลือกตั้งเสร็จแล้วค่อยมาคุยกัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยกันเรื่องความขัดแย้งของเขามันไม่เหมาะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top