Saturday, 17 May 2025
ค้นหา พบ 48168 ที่เกี่ยวข้อง

‘ซูเปอร์โพล’ เผย ผลสำรวจเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ 2 กลุ่มหนุนรัฐบาลเพิ่มขึ้น ฝ่ายค้านลดลง ชี้พลังเงียบเป็นตัวแปร

เมื่อวานนี้ (1 เม.ย. 66) สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง โพลเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ 1 (ฉบับเต็ม) กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 53,094,778 คน ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,257 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 26 - 31 มีนาคม พ.ศ.2566 โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนจากขนาดตัวอย่างบวกลบร้อยละ 5 ในช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95

เมื่อเปรียบเทียบผลสำรวจจุดยืนทางการเมืองของประชาชนระหว่าง โพลเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 พบว่า กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 34.1 เป็นร้อยละ 39.1 ในขณะที่กลุ่มผู้ไม่สนับสนุนรัฐบาลลดลงจากร้อยละ 29.6 เป็นร้อยละ 24.5 และกลุ่มพลังเงียบยังคงเป็นตัวแปรสำคัญไม่เปลี่ยนแปลงคือร้อยละ 36.3 ในการสำรวจครั้งที่ 1 และร้อยละ 36.4 ในการสำรวจครั้งที่ 2

ที่น่าสนใจคือ ความตั้งใจจะเลือกพรรคการเมือง แบ่งออกระหว่างกลุ่มแฟนคลับพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล กับ กลุ่มแฟนคลับพรรคร่วมฝ่ายค้าน เปรียบเทียบครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 พบว่า ในกลุ่มพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลรวมกันเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 51.6 ในครั้งที่ 1 มาอยู่ที่ร้อยละ 55.7 ในครั้งที่ 2 โดยพบว่าเป็นการเทคะแนนมาจากกลุ่มพลังเงียบ

ในขณะที่ พรรคร่วมฝ่ายค้านตอนนี้รวมกันลดลงจากร้อยละ 43.3 ในครั้งที่ 1 มาอยู่ที่ร้อยละ 36.3 ในการสำรวจครั้งที่ 2 โดยในกลุ่มพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล อันดับหนึ่งได้แก่ พรรคภูมิใจไทยเพิ่มจากร้อยละ 19.1 ในครั้งที่ 1 มาเป็น ร้อยละ 20.5 ในครั้งที่ 2 รองลงมาคือ พรรคประชาธิปัตย์เพิ่มจากร้อยละ 13.4 ในครั้งที่ 1 มาเป็นร้อยละ 14.2 ในครั้งที่ 2 อันดับสามได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.1 ในครั้งที่ 1 มาอยู่ที่ร้อยละ 10.9 ในครั้งที่ 2 อันดับที่สี่ ได้แก่ พรรครวมไทยสร้างชาติเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.3 ในครั้งที่ 1 มาอยู่ที่ร้อยละ 9.3 ในครั้งที่ 2 เป็นต้น

ในขณะที่ ความตั้งใจของประชาชนจะเลือก ส.ส. ในกลุ่มพรรคร่วมฝ่ายค้าน พบว่า อันดับแรก พรรคเพื่อไทย ลดลงจากร้อยละ 36.9 ในครั้งที่ 1 มาอยู่ที่ร้อยละ 29.1 ในการสำรวจครั้งที่ 2 รองลงมาคือ พรรคก้าวไกล ที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.9 ในครั้งที่ 1 มาอยู่ที่ร้อยละ 6.7 ในครั้งที่ 2 ส่วนพรรคเสรีรวมไทยยังคงเท่าเดิมคือ ร้อยละ 0.5 ในการสำรวจทั้งสองครั้ง

เชียงใหม่-ศอ.ปกป.ภาค 3 ส่งกำลังทหารสนับสนุน จ.เชียงใหม่ หลังพบไฟไหม้ป่าไหม้ลุกลามบนดอยสุเทพ

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2566 เวลา 13.00 น. ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ภาค 3 (ศอ.ปกป.ภาค3) ได้สนับสนุนชุดปฏิบัติการลาดตระเวนและดับไฟป่า กองทัพภาคที่ 3 ให้กับจังหวัดเชียงใหม่ 2 ชุดปฏิบัติการ จำนวน 30 นาย พร้อมอุปกรณ์ดับไฟ สนธิกำลังร่วมกับ ชุดปฏิบัติการพิเศษดับไฟป่า ของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จำนวน 100 นาย หลังจากเกิดเหตุไปไหม้ป่าบนพื้นที่ป่าภูเขาสูง ของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ในพื้นที่ของ อ.สะเมิง , อ.หางดง และ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยจะจัดชุดเดินเท้าทางภาคพื้นดินเข้าไปดับไฟและสร้างแนวกันไฟ ไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่ของประชาชนโดยรอบ พร้อมกันนี้ ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จัดรถบรรทุกน้ำจำนวน 3 คัน จากเทศบาลตำบลสุเทพและเทศบาลเมืองแม่เหียะ เตรียมความพร้อม หากลุกลามเข้ามาในพื้นชุมชนและหมู่บ้าน

นอกจากนี้ยังได้ประสานขอเฮลิคอปเตอร์ขี้นบินสนับสนุนด้วยการบรรทุกน้ำจากแหล่งน้ำที่ใกล้ที่สุดขึ้น บินโปรยน้ำดับไฟเพื่อจำกัดวงของไฟไม่ให้ลุกลามขยายเป็นวงกว้าง จำนวน 18 เที่ยว ปริมาณ 9,000 ลิตร ซึ่งคาดว่าจากการปฏิบัติทางภาคพื้นและอากาศยาน สามารถควบคุมจุดไฟป่าส่วนใหญ่ได้แล้ว ยังคงปฏิบัติการพร้อมเฝ้าระวัง ป้องกัน ต่อเนื่อง

นภาพร/เชียงใหม่

ผู้ช่วยรัฐมนตรีแรงงาน มอบรางวัลองค์กรสร้างชาติดีเด่นแก่สถานประกอบการต้นแบบ มุ่งดูแลสุขภาพพนักงาน ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี

วันที่ 1 เมษายน 2566 นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล "องค์กรสุขสภาพเพื่อการสร้างชาติ โดยมี นายสัตวแพทย์ วีรพล เหมรัตนากรณ์ ประธานกรรมการบริหารคณะทำงานองค์กรสร้างชาติ รุ่นที่ 1 กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันการสร้างชาติ พร้อมด้วย นางสาวอรัญญา สกุลโกศล
กรรมการรุ่นที่ 1 ผู้นำการประกอบการ WeIlness เพื่อการสร้างชาติ ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรผู้รับรางวัล ร่วมให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุม Grand Ballroom คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC) ถนนประดิษฐ์มนูธรรม กรุงเทพฯ

นายสุรชัย กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของสุขภาพและสุขภาวะของลูกจ้าง
ที่ทำงานในสถานประกอบกิจการเป็นอย่างมาก โดยเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 ได้ร่วมกับสถาบันการสร้างชาติ 
ลงนามบันทึกความร่วมมือเพื่อสนับสนุนโครงการ Wellness CNB นอกจากนี้ กระทรวงแรงงาน ได้ให้สำนักงานประกันสังคม จัดทำโครงการดูแลสุขภาพผู้ประกันตนเชิงรุกในสถานประกอบการ เพื่อค้นหาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและหัวใจ นำร่องพร้อมกันในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี สมุทรปราการ ระยอง พระนครศรีอยุธยา สมุทรสาคร ปทุมธานี และชลบุรี อีกทั้ง กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ยังได้ปรับปรุงกฎหมายเรื่องลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์ให้ได้รับการดูแล คุ้มครองสิทธิและสวัสดิการต่างๆ ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายเรื่องความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานในสถานประกอบกิจการอย่างจริงจัง เพื่อมุ่งหวังให้ลูกจ้างมีสุขภาพและสุขภาวะที่ดี และมีความปลอดภัยในการทำงาน

‘หนุ่มกัมพูชา’ โปรโมตอาหาร ผ่านรายการดังของอเมริกา เจอพิธีกรทัก ‘นี่มันคล้ายอาหารไทยทั้งหมดเลยนะ’

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกชื่อ back.rose1975 บันทึกภาพรายการ Morning News รายการดังของอเมริกาช่วงหนึ่ง ซึ่งได้เชิญเจ้าของร้านอาหารต่างๆ มาร่วมรายการเพื่อโปรโมตร้านอาหารของตัวเอง

ปรากฎว่าถึงคิวมีเจ้าของร้านอาหารกัมพูชารายหนึ่ง ชื่อ ‘Phnom Penh Noodle Shack’ ได้นำจานเด็ดของที่ร้านมาโปรโมต พร้อมอธิบายชื่อเมนูต่าง ๆ เช่น บาบา (ข้าวต้มไก่) และ จาโก้ย

ทว่า พิธีกรชายกลับถามเขาว่า “อะไรคือความพิเศษที่คุณมี นี่มันเหมือนกับอาหารไทยเกือบทั้งหมดเลยนะ” เมื่อเจ้าของร้านอาหารกัมพูชาได้ยิน จึงตอบกลับไปว่า “มันก็คล้าย ๆ กัน”

งานนี้ทำเอาทั้งชาวเน็ตไทยและกัมพูชาเข้าไปแสดงความคิดเห็นให้พรึบ เช่นว่า

“ขอบคุณที่โปรโมทอาหารไทย”
“หน้าตาเหมือนกัน”
“ผัดแขมร์”
“ดีนะไม่มีส้มตำ”
“กุมขมับเลย”
“ลุงโรเจอร์ ไฮหย่า”


ที่มา : https://www.matichon.co.th/social/news_3905463

‘สาวไทย’ โพสต์ติ๊กต๊อก โต้!! ข่าวเที่ยวเมืองไทยแพง หลังโลกออนไลน์ของจีนวิจารณ์ค่าครองชีพในไทยสนั่น

(2 เม.ย. 66) เมื่อไม่นานมานี้ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการมาเที่ยวที่ประเทศไทย ซึ่งกำลังเป็นประเด็นร้อนในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีนอยู่ ณ ขณะนี้ โดยชาวเน็ตจีนได้ออกาแสดงความคิดเห็นเชิงลบเป็นส่วนใหญ่ เกี่ยวกับค่าครองชีพในไทยที่สูงขึ้น ทำให้มีผู้ใช้ติ๊กต็อก ชื่อ ‘chinbebe’ ได้โพสต์วิดีโอพูดความในใจเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า…

“ประเทศไทย ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีค่าครองชีพสูง ซึ่งช่วงนี้ทางอินฟลูเอนเซอร์จีนหลายคน ได้ออกมาพูดว่า “ไทยไม่ใช่ไทยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ในตอนนี้เงิน 100 หยวน ไม่สามารถกินได้แบบตามใจอย่างเมื่อก่อน” ซึ่งตัวฉันเอง ในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง จึงขอพูดทวงความยุติธรรมให้กับเมืองไทย ขอฝากถึงชาวจีนที่คิดว่าประเทศไทยที่คุณมาเที่ยวนั้น เที่ยวไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่คุณต้องเสีย ฉันคิดว่าถ้าอย่างนั้น คุณก็ไม่ต้องไปเที่ยวที่อื่นแล้วค่ะ เพราะไม่อย่างนั้นคุณจะต้องหนักใจแน่นอน”

 

นอกจากนี้ ผู้ใช้งานติ๊กต็อกรายนี้ยังกล่าวถึงเรื่องของการใช้เงินซื้ออาหาร หรือเครื่องดื่มในร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยอีกว่า…

“ที่ประเทศไทยคุณสามารถใช้เงินไม่ถึง 100 หยวน เพื่อซื้อของในร้านสะดวกซื้อ คุณจะสามารถได้ของกินอร่อย ๆ เต็มถุงใหญ่ ๆ เลยทีเดียว ซึ่งถือว่าได้ของเยอะกว่า แถมเสียเงินน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับการที่คุณไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น หรือประเทศเกาหลี ไม่ต้องพูดถึงยุโรปเลย”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top