Thursday, 15 May 2025
ค้นหา พบ 48102 ที่เกี่ยวข้อง

“อลงกรณ์”กล่าวสุนทรพจน์เวทีสหประชาชาติ  ชูแนวทางการพัฒนาภาคเกษตร 3 สูง 3 มิติ หวังขับเคลื่อนระบบอาหาร(Food System)ให้เกิดความมั่นคงอย่างยั่งยืน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายจาก ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้แทนร่วมกล่าวเปิดงานร่วมกับ
นายจองจินคิมผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) นายคาเวห์ ซาฮีดี รองผู้อำนวยการองค์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ(ESCAP)และนายสเตฟาโน โฟเธาว์ผู้ประสานงานระบบอาหารโลกของสหประชาชาติ(UN)

โดยนายอลงกรณ์กล่าวสุนทรพจน์ภายใต้หัวข้อ การปฏิรูประบบอาหารในเอเชียและแปซิฟิก : การประเมินความคืบหน้าระบบอาหารระดับภูมิภาคเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ( The Regional Food Systems Stocktaking ) ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ( the United Nations Conference Centre )กรุงเทพฯ ว่า ในนามของรัฐบาลไทยขอขอบคุณพันธมิตรนานาประเทศ ที่ร่วมกันแลกเปลี่ยนและนำเสนอแนวทางในการพลิกโฉมระบบอาหารและการเกษตร การจัดทำรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานภายหลังการประชุมสุดยอดผู้นำระบบอาหารโลก เพื่อให้โลกของเราสามารถผ่านพ้นวิกฤติและสร้างความเข้มแข็งมั่นคงและยั่งยืนให้ภาคเกษตรและอาหาร และเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ภายในปี 2030

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักในการร่วมกิจกรรมของการประชุมสุดยอดผู้นำระบบอาหารโลกมาตลอด และกำลังจัดทำรายงานความก้าวหน้า( Food and Agriculture Stocktaking )เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมFood and Agriculture Stocktaking Moment ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ และจัดเตรียมสำหรับการปะชุม สุดยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืน(SDG Summit)ในเดือนกันยายน 

อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ ได้เชิญชวนภาคีเครือข่าย พันธมิตรนานาชาติ ที่ได้ร่วมดำเนินโครงการด้านเกษตรและอาหารในประเทศไทยจัดส่งข้อมูลเพื่อรวบรวมในการจัดทำ Food and Agriculture Stocktaking ของประเทศไทย และได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อพลิกโฉมระบบเกษตรและอาหารให้ยั่งยืน ยืดหยุ่น และเป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ่านการสนับสนุนทางด้านการเงิน ข้อมูล วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งประเทศไทยได้นำนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว หรือ “โมเดลเศรษฐกิจ BCG” เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่สร้างสมดุลสู่ความยั่งยืน โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้นำมาปรับใช้เพื่อขับเคลื่อนระบบเกษตรและอาหารให้เกิดความยั่งยืนต่อไป

ส่องนโยบายเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดของ ‘ก้าวไกล’ ความไม่เข้าใจในหลักการจัดระเบียบการปกครองของไทย

วิเคราะห์นโยบายของพรรคการเมืองในการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๖๖

น่าแปลกที่พรรคการเมืองพรรคนี้ ไม่เข้าใจในหลักการจัดระเบียบการปกครองของประเทศไทย ซึ่งแบ่ง
เป็น ๓ รูปแบบได้แก่ 

๑. ส่วนกลาง โดยราชการส่วนกลางมีอำนาจการตัดสินใจและการดำเนินการต่าง ๆ ได้แก่ คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่สังกัดราชการส่วนกลาง ที่สามารถใช้อำนาจบริหารครอบคลุมทั่วประเทศ เป็นหลักที่ถือเอาสิทธิขาดในการปกครองเป็นที่ตั้ง

๒. ส่วนภูมิภาค โดยเกิดขึ้นจากข้อจำกัดของราชการส่วนกลางทำให้ล่าช้า และไม่ทั่วถึงทุกท้องที่พร้อม ๆ กัน ราชการส่วนกลางจึงแบ่งมอบอำนาจการตัดสินใจทางการบริหารในบางเรื่องให้เจ้าหน้าที่ของราชการส่วนกลางที่ส่งไปประจำปฏิบัติหน้าที่ในภูมิภาค/เขตการปกครองต่าง ๆ (Field office) สามารถปฏิบัติงานให้บรรลุ นโยบาย และเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ของราชการส่วนกลาง

๓. ส่วนท้องถิ่น โดยราชการส่วนกลาง โอนอำนาจการปกครอง หรือ การบริหารบางส่วนบางเรื่องที่เกี่ยวกับการให้บริการสาธารณะให้องค์กรหรือนิติบุคคลอื่นรับไปดำเนินการแทน ภายในอาณาเขตตามแต่ละท้องถิ่น ด้วยงบประมาณและเจ้าหน้าที่ของท้องถิ่น โดยมีอิสระพอสมควร มีราชการส่วนกลางทำหน้าที่เพียงกำกับดูแลและสนับสนุน (มิใช่การบังคับบัญชา) เป็นหลักที่ถือเอาเสรีภาพของประชาชนที่จะปกครองตนเองเป็นที่ตั้ง

รูปแบบของหน่วยงานปกครองท้องถิ่น แม้จะมีความหลากหลายในการจัดองค์กร/รูปแบบของหน่วยการปกครองท้องถิ่น แต่โดยทั่วไปอาจสรุปได้ว่า มีหน่วยการปกครองท้องถิ่นอยู่ ๓ รูปแบบ คือ...

(๑) หน่วยการปกครองท้องถิ่นประเภทมหานคร ได้แก่การบริหารมหานครต่าง ๆ อาทิ กรุงโตเกียว นครนิวยอร์ก กรุงลอนดอน สำหรับบ้านเราได้แก่ กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา (ทั้งสองแห่งถูกจัดให้เป็นหน่วยการปกครองท้องถิ่นแบบพิเศษ) และองค์การบริหารส่วนจังหวัด ฯลฯ

(๒) หน่วยการปกครองท้องถิ่นของชุมชนที่เป็นเมือง อาทิ เทศบาล (บ้านเรามี ๓ ประเภทตามความหนาแน่นของประชากรได้แก่ นคร เมือง และตำบล) หรือ ในสหรัฐอเมริกา เรียกว่า เทศมณฑล (County)

(๓) หน่วยการปกครองท้องถิ่นของชุมชนขนาดเล็ก / ชุมชนชนบท อาทิ เมืองขนาดเล็ก/หมู่บ้าน (Village) ของสหรัฐอเมริกา หรือ องค์การบริหารส่วนตำบลของไทย

ในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ประเทศไทยมีการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดครบทุกจังหวัด โดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๔๙๘ เพื่อทำหน้าที่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วย สภาจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด โดยสภาจังหวัดประกอบด้วยสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ทำหน้าที่ทางนิติบัญญัติ กำหนดนโยบายการบริหารและควบคุมฝ่ายบริหาร อันมีหัวหน้าฝ่ายบริหาร คือ ผู้ว่าราชการจังหวัด (ปัจจุบันหัวหน้าฝ่ายบริหารคือ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง) เป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารงาน ด้วยการนำมติหรือนโยบายของสภาจังหวัดไปพิจารณาดำเนินการ โดยมีพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดได้แก่พื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ของเทศบาลและสุขาภิบาล (ซึ่งยกเลิกไปแล้ว หลังจากการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลจนครบทั่วประเทศ)

ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้มีพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ ซึ่งกำหนดให้สภาตำบลซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดที่มีรายได้เฉลี่ยย้อนหลัง ๓ ปีตั้งแต่ ๑๕๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป จัดตั้งเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล มีฐานะเป็นราชการส่วนท้องถิ่น และเป็นนิติบุคคล ทำให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดไม่มีพื้นที่ในการดำเนินกิจการ จึงสมควรปรับปรุงบทบาทและอำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดให้สอดคล้องกันและปรับปรุงโครงสร้างขององค์การบริหารส่วนจังหวัดให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ได้มีการตราพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ โดยกำหนดให้พื้นที่จังหวัดเป็นพื้นที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด มีผู้บริหารสูงสูด คือ ตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด มาจากการเลือกตั้งของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดโดยความเห็นชอบของสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ปัจจุบันมาจากการเลือกตั้งโดยตรงแล้ว) เป็นผู้ปกครองและบังคับบัญชาข้าราชการส่วนจังหวัด และดำเนินกิจการส่วนจังหวัดควบคู่ไปกับสภาจังหวัด  

‘ตำรวจ สอท.’ จับกุม ‘เมฆ รามา’ เอี่ยวเว็บพนัน-ฟอกเงิน เตรียมเรียก ‘หยาดทิพย์’ สอบปากคำเพิ่มเติม

ตร.เผยสืบสวนทางลับ จนพบเส้นทางการเงินจากเว็บพนันไปยัง “เมฆ รามา” สามี “หยาดทิพย์” แต่คนละเครือข่าวกับมาเก๊า 888 เตรียมเรียกหยาด สอบปากคำ รู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ชม “ดิว อริสรา” ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์

(30 มี.ค.66) เวลา 12.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตำรวจ สอท.ได้เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นปฏิบัติการรวม 17 จุด สามารถจับผู้ต้องหาตามหมายจับความผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์และฟอกเงิน 8 ราย ในจำนวนนี้มี นายเมฆ รามา รัศมีรามา สามี ‘หยาดทิพย์ ราชปาล’ นางเอกชื่อดัง ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าว สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจาก ‘นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์’ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมและ ‘ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์’

ดารานักแสดงชื่อดัง ที่ให้ข้อมูลซึ่งตำรวจได้มีการสืบสวนสอบสวนทางลับ จนพบความผิดชัดเจนโดยเฉพาะเส้นทางการเงินจากเว็บพนันไปยัง เมฆ รามา สามีของนางเอกดัง ซึ่งตำรวจจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยตนเองยังไม่ได้มีการพูดคุยกับผู้ต้องหาแต่ทางพนักงานสอบสวนจะต้องดำเนินการสอบปากคำก่อนแจ้งข้อหา พร้อมกับยืนยันว่าจากการสอบสวนเครือข่ายเว็บพนันของเมฆ รามา เป็นคนละเครือข่ายกับเครือข่ายมาเก๊า 888 ส่วนนางเอกดัง ภรรยาของเมฆ รามา เบื้องต้น ยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องแต่ตามหลักของกฎหมายในฐานะสามีภรรยา พนักงานสอบสวนจะต้องเชิญภรรยาซึ่งเป็นนางเอกดังมาให้ปากคำว่ามีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ เนื่องจากความผิดดังกล่าวเข้ามูลฐานการฟอกเงิน ดังนั้นต้องตรวจสอบรายละเอียดทรัพย์สินและบุคคลใกล้ชิดทั้งหมด เพื่อดำเนินการให้สิ้นกระแสความเพราะมิฉะนั้นการรวบรวมหลักฐานที่จะยื่นในชั้นอัยการและศาลจะสมบูรณ์ส่งผลคดี ทำให้ประชาชนมองว่าเป็นมวยล้มต้มคนดู เพราะตนเองได้สั่งกำชับในการทำงานของพนักงานสอบสวนไซเบอร์ไปแล้ว ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่ามีบุคคลพยายามเข้ามาแทรกแซงแลกกับไม่ดำเนินคดีเมฆ รามา และเครือข่าย ส่วนตัวยืนยันไม่มี และยืนยันว่าใครที่ไปอ้างว่ารับเคลียร์จะเสียเงินเปล่าเพราะตนเองไม่รับเคลียร์อย่างแน่นอน

รองผบ.ตร.กล่าาวชื่นชม ดิว อริสรา ที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของตำรวจจนสามารถขยายผลจับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ทั้งมาเก๊า 888 และเครือข่าย เมฆ รามา ซึ่งทราบว่ามีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย ซึ่งได้ให้ความมั่นใจว่าตำรวจจะดูแลอย่างเต็มที่


ที่มา : https://mgronline.com/entertainment/detail/9660000029647

‘ทอม เครือโสภณ’ ยอมโพสต์ขอโทษหมิ่น ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ ยอมรับ พูดลอย ๆ ขึ้นมาเอง ขาดความรอบคอบ-ไม่เช็กก่อนพูด

(30 มี.ค.66) นายจุลภาศ เครือโสภณ ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Tom Krues’ โดยระบุว่า…

วันที่ 30 มีนาคม 2566
เรื่อง ขอโทษคุณสนธิ ลิ้มทองกุล
เรียน คุณสนธิ ลิ้มทองกุล

ตามที่ข้าพเจ้านายจุลภาศ เครือโสภณ ได้ถ่ายทอดสดกล่าวพาดพิงคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผ่านทางเฟสบุ๊ค (Facebook) ที่ใช้ชื่อว่า ‘Tom Julpas Kruesopon’ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2563 มีความคลาดเคลื่อนในประเด็นดังต่อไปนี้

1. การออกใบอนุญาต (license) ทีวี ขณะนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีข้าพเจ้าขอเรียนว่า ในขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่เคยมี license (ใบอนุญาต) ทีวีใหม่ ๆ ออกมาแต่อย่างใด คุณสนธิฯ ไม่เคยได้รับผลประโยชน์จากการออกใบอนุญาตทีวี
2. คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ไปเลี้ยงฉลองแชมเปญกับนายทักษิณ ชินวัตร ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น
หรืออนันตรา และยกแก้วและพูดว่า ‘ทักษิณจงเจริญ ทักษิณ จงเจริญ’

ข้าพเจ้าขอเรียนว่าข้าพเจ้าไม่เคยพบเจอคุณสนธิ ลิ้มทองกุล โรงแรมโฟร์ซีซั่น หรือ อนันตรา คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่เคยไปเลี้ยงฉลองแชมเปญกับนายทักษิณ ชินวัตร ที่โรงแรม โฟร์ซีซั่นหรืออนันตรา และไม่เคยยกแก้วและพูดว่า ‘ทักษิณจงเจริญ ทักษิณ จงเจริญ’ เหตุการณ์ดังกล่าว ไม่เป็นความจริง ข้าพเจ้าเป็นผู้กล่าวลอยๆ ขึ้นมาเอง คุณสนธิฯ ไม่เคยมีเรื่องผลประโยชน์ มาเกี่ยวข้องระหว่างคุณสนธิฯ และนายทักษิณฯ

ข้าพเจ้าขอเรียนว่า ข้อความที่ข้าพเจ้าเคยกล่าวพาดพิงคุณสนธิฯ ผ่านทางเฟสบุ๊ค (Facebook)
ที่ใช้ชื่อว่า ‘Tom Julpas Kruesopon’ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2563 นั้นไม่เป็นความจริง 

เนื่องจาก คุณสนธิฯ ไม่เคยมีสัญญาหรือมีข้อตกลงว่าจะต้องได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากการทุจริตคอรัปชั่นของนายทักษิณ ชินวัตร และในขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่เคยมี license (ใบอนุญาต) ทีวีใหม่ ๆ ออกมาแต่อย่างใดและคุณสนธิฯ ไม่เคยไปเลี้ยงฉลองแชมเปญกับนายทักษิณ ชินวัตร ที่โรงแรม โฟร์ซีซั่น หรืออนันตรา และไม่เคยยกแก้วและพูดว่า ‘ทักษิณจงเจริญ ทักษิณจงเจริญ’ เกี่ยวกับการปลดหนี้แบงค์กรุงไทยนั้นนายทักษิณ ชินวัตร ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ

ชมภาพ ‘หลวงพ่อโสธร’ หลังบูรณะเสร็จสมบูรณ์ เตรียมสมโภชครบ 253 ปี ตามพิธีโบราณ 2 -6 เม.ย.นี้

วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา เตรียมพิธีสมโภชครั้งใหญ่ หลังบูรณะองค์หลวงพ่อโสธรเสร็จสิ้น ตั้งแต่วันที่ 2-6 เม.ย. 2566 นี้ โดยในปีนี้ จะเป็นการสมโภช 253 ปี องค์หลวงพ่อโสธร จะมีความพิเศษในการอัญเชิญหลวงพ่อขึ้นจากแม่น้ำบางปะกง เป็นประเพณีโบราณที่ทำติดต่อกันมาทุกปี แต่พอมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงต้องหยุดไป และกลับมามีขบวนแห่ทางน้ำในปีนี้ 

ขบวนแห่หลวงพ่อโสธรทางน้ำ จัดขึ้นวันที่ 4 เม.ย. เริ่มตั้งแต่เวลา 14.00 น. มีการอัญเชิญหลวงพ่อโสธรจำลองขึ้นจากแม่น้ำ บริเวณท่าเรือวัดโสธรวรารามวรวิหาร ตามตำนานองค์หลวงพ่อลอยน้ำมา และชาวบ้านได้ใช้เชือกดึงขึ้นฝั่ง แต่เชือกขาด แล้วองค์หลวงพ่อจมน้ำหายไป จนมีการพบองค์หลวงพ่อโสธรลอยน้ำมาอีกครั้ง จึงมีผู้รู้แนะนำว่า ให้ตั้งศาลเพียงตา และทำพิธีบวงสรวงอัญเชิญองค์หลวงพ่อโสธรขึ้นมาบนฝั่ง จึงสำเร็จ และตั้งประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถตั้งแต่ครั้งนั้น

สำหรับประชาชนที่มาร่วมขบวนแห่ทางน้ำ ควรมาที่วัดประมาณเที่ยง โดยแต่งกายสุภาพ เตรียมร่างกายให้พร้อม เมื่อนำองค์หลวงพ่อโสธร ขึ้นจากท่าน้ำ ประชาชนทั่วไปสามารถเดินตามขบวนแห่เข้าไปในพระอุโบสถ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top