Tuesday, 20 May 2025
ค้นหา พบ 48202 ที่เกี่ยวข้อง

ม.สวนดุสิต จัดเสวนา  “มหัศจรรย์ตัวเลขสร้างพลังบวกดึงดูดความสำเร็จ"   

ปัจจุบันศาสตร์เรื่องตัวเลขเป็นสิ่งที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งขึ้นอยู่กับวิจารณญานของแต่ละบุคคล  ความเป็นเหตุเป็นผลนั้นโยงใยซึ่งกันและกันอยู่เสมอ  ดังนั้น มนุษย์กับสิ่งแวดล้อมก็ย่อมมีผลต่อกันเช่นกัน ตัวเลขที่รายล้อมอยู่รอบตัวของมนุษย์จึงมีผลต่อพฤติกรรมของคน ตัวเลขมักมีความเกี่ยวพันกับชีวิตของคนเราอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น วันเดือนปีเกิด, เลขบัตรประชาชน, เลขรหัสบัตรเอทีเอ็ม ตัวเลขที่มีความผูกพันกับชีวิตประจำวัน เพราะเป็นตัวเลขที่ใช้ในการสื่อสาร 

ศูนย์พัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต มีพันธกิจในด้านการบริการวิชาการสังคม พัฒนาคนและพัฒนาองค์กร โดยเล็งเห็นว่าศาสตร์พลังตัวเลข และพลังชีวิตคิดบวกเป็นอีกหนึ่งศาสตร์ที่มีความน่าสนใจ ที่จะสามารถนำมาประยุกต์ให้กับบุคคล องค์กรหรือหน่วยงานได้  จึงได้จัดโครงการ จิบกาแฟกับศูนย์พัฒนาทุนมนุษย์ หัวข้อ “มหัศจรรย์ตัวเลขสร้างพลังบวก ดึงดูดความสำเร็จ”          

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ความรู้ศาสตร์ตัวเลขเบื้องต้น นำความรู้พลังตัวเลข ไปวิเคราะห์ลักษณะดีและร้าย  และสามารถนำความรู้ศาสตร์พลังเลข และพลังชีวิตคิดบวกไปปรับใช้ในการทำงาน  เพื่อพัฒนาตนเอง และหน่วยงานให้ดีขึ้น   โดยมี ผศ.ดร.พิทักษ์ จันทร์เจริญ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เป็นประธานเปิดการเสวนา และได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานที่ปรึกษาอธิการบดี และ ดร.วรานี เวสสุนทรเทพ รองอธิการบดีฝ่ายวิทยาเขตสุพรรณบุรี ให้เกียรติร่วมรับฟังการเสนา โดยมี อ.ยอด บารมี นักพูดสร้างแรงบันดาลใจและพลังชีวิตคิดบวก เป็นวิทยากร และ ดร.ณัฏฐนิช สิริสัจจานุรักษ์  รองผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาทุนมนุษย์ ผู้ดำเนินการเสวนา 

รูปแบบการจัดเสวนาใช้  2 รูปแบบ คือ แบบ ON - SITE ณ ห้องประชุม 201 อาคาร ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน และ ON -SCREEN ถ่ายทอดสดมายังร้านกาแฟ 189 Cafe ม.สวนดุสิต  โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมเสวนา จำนวน 60 คน ประกอบด้วย  ผู้บริหาร คณาจารย์  บุคลากร  ของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต และ บุคคลทั่วไป อาทิ  สื่อมวลชน  ข้าราชการ  ทหาร/ตำรวจ   นักธุรกิจ  และชุมชนโดยรอบมหาวิทยาลัยฯ เข้าร่วมรับฟังการเสวนา ณ อาคาร ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน  

สรุปเนื้อหาสำคัญบางส่วนในการเสวนา โดย อ.ยอด บารมี  พลังบวกคือ ทัศนคติ คำพูด และการกระทำ ที่กระทบต่อวิถีการใช้ชีวิต และทำให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งดีๆ เช่น ความสุข สุขภาพ เงินทอง และ ความสำเร็จในด้านต่างๆ พลังบวกทำให้มองโลกในแง่ดี มั่นใจในตัวเอง และอยากออกไปใช้ชีวิต   คำว่า ‘บวก’ คือ ‘การเพิ่ม’ การเติมเข้าไปเพื่อให้ดีขึ้นหรือสมบูรณ์ขึ้น เมื่อใช้อธิบายพลังก็จะกลายเป็นพลังบวกช่วยให้เรามีความรู้สึกมั่นใจ กล้าหาญ และพร้อมจะรับมือกับทุกอย่างได้

การเปลี่ยนพลังชีวิตจากร้ายกลายเป็นดีโดยอาศัยพลังตัวเลข ง่าย...รวดเร็ว...เห็นผลทันตา...ศาตร์แห่งตัวเลข... เป็นการนำความหมายอันลึกล้ำของตัวเลขมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อความเป็นสิริมงคล เสริมดวงให้เจริญรุ่งเรือง  ความรักเกี่ยวกับตัวเลขเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่มีมาตั้งแต่โบราณ  ตัวเลขสามารถบ่งชี้เรื่องต่างๆของธรรมชาติได้มากมาย อาทิ   การงาน   ธุรกิจ   นิสัยใจคอ  ความรัก  สุขภาพ อำนาจบารมี   การศึกษา เสน่ห์ ฯลฯ

จะมีกี่คนที่รู้จริงเรื่องสถิติของศาสตร์เบอร์มือถือเป็นเรื่องที่ยาก และสิ่งที่ยากมากกว่านั้นก็คือการวางตัวเลขให้เหมาะสมกับผู้ใช้  แต่ที่สุดของความยากทั้งปวงคือการหาซิมที่มีตัวเลขตามที่ต้องการ ถ้าคิดจะสร้างอาณาจักรของตนเอง ลองสังเกตรอบๆตัวให้ดีว่า  แต่ละคนมีรายได้แค่ไหน.... หาเงินกันอย่างไร เช่น  ผู้ก่อตั้งธุรกิจเจ้าของร้านค้า พนักงานที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ชำระเงิน หรือแม้แต่ รปภ.ที่รักษาความปลอดภัย ตัวเลขแต่ละคู่ในเบอร์มือถือควรร้อยเรียงตัวเลขให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่ใช่มีเลขดีแล้วจะจัดให้อยู่ตรงไหนก็ได้  หรือแม้แต่ซิมใน iPad ก็ส่งผลต่อชีวิตของคุณเช่นกัน....

‘ศาลสงขลา’ ตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ‘บังหมัด กงหรา’ คดีฆ่าชิงทรัพย์นักเรียน ม. 5 ชดใช้เหยื่อ 2.1 ล้าน

(15 มี.ค. 66) จากกรณีที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 สมัยนั้น พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสงขลา ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายประถม (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี หรือ ‘บังหมัด กงหรา’ ที่อยู่ หมู่ 6 ตำบลคลองทรายขาว อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง ตามหมายจับของศาลจังหวัดสงขลาที่ จ.68/2564 ลงวันที่ 28 ก.พ. 64 โดยถูกตำรวจชุดสืบสวน นำโดย พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส. ภ.9, พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผกก.สส.ภ.จว.สงขลา, พ.ต.อ.บรรพต เดชมา ผกก.สส.2 บก.สส. ภ.9, พ.ต.ท.เอกภพ มุสิกปักษ์ รอง ผกก. สส.ภ.จว.สงขลา ตามไปจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลคลองทรายขาว อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง เมื่อ 28 ก.พ. 64 หลังใช้เวลาสืบสวนเพียง 26 ชั่วโมง จนได้ตัวผู้ก่อเหตุ พร้อมตรวจยึดของกลางรวม 6 รายการ

ประกอบด้วย รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรล่า สีเทา ป้ายทะเบียนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 1 คัน ซึ่งใช้ขับติดตามและเฉี่ยวชนให้ผู้ตายตกข้างทาง, เงินสด จำนวน 1,300 บาท ของผู้ตาย, เหล็กขันเปลี่ยนล้อรถ ยาวประมาณ 10 นิ้ว จำนวน 1 อัน ที่ใช้ทุบตีผู้ตาย, กางเกงขาสั้น แบบสามส่วนมีกระเป๋าด้านข้างขา สีครีม จำนวน 1 ตัว, กางเกงกีฬาสีน้ำเงินแถบขาวแดง จำนวน 1 ตัว ซึ่งเป็นชุดสวมใส่ขณะก่อเหตุ และเสื้อคลุมแขนยาว แบบมีฮู้ดคลุมศีรษะ สีแดง จำนวน 1 ตัว ซึ่งเป็นเสื้อของน้องนิหน่าที่สวมใส่ในคืนเกิดเหตุและได้ลักเอาไปเช็ดคราบอสุจิและนำไปทิ้งริมถนนตรงข้าม รร.ศิริวรรณวลี รัตภูมิ โดยแจ้งดำเนินคดี 3 ข้อหาคือ "ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายและเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือรับของโจร, และฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้"

พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภาค 9 (ขณะนั้น) เปิดเผยว่า ในชั้นการจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่าน้องนิหน่าเพียงคนเดียว โดยการขับรถเก๋งเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ของน้องนิหน่า จนตกคูน้ำกลางถนน แล้วลงไปชกหน้าท้อง 3 ครั้ง ก่อนลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง แล้วชิงเอากระเป๋าสะพายของน้องนิหน่าพร้อมเงินสด 1,300 บาท จากนั้นได้ใช้เหล็กสำหรับใช้เปลี่ยนล้อรถที่เตรียมมา ตีที่ใบหน้าของน้องนิหน่า 2-3 ครั้ง จนเสียชีวิต แล้วได้นำรถจักรยานยนต์ของน้องนิหน่า มาทับศพของผู้ตายบริเวณใบหน้าและลำตัวท่อนบน เพื่อทำให้ดูว่า เป็นการเกิดอุบัติเหตุรถตกคูเสียชีวิต และยังได้ถอดเสื้อแจ็คแก็ตสีน้ำตาลของน้องนิหน่าที่สวมใส่อยู่ เอามาเช็ดน้ำอสุจิของตนเอง แล้วนำไปทิ้งในพื้นที่ ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา และล้างคราบเหล็กที่ใช้ตีเก็บไว้ในช่องเก็บของหลังเบาะนั่งข้างคนขับ

การสืบสวนคลี่คลายคดีนี้ พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง รอง ผบก.สส.ภ.9 พร้อมด้วย ชุดสืบสวนจาก 3 หน่วยทั้งชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา ชุดสืบสวนกองบังคับการสืบสวนภาค 9 และชุดสืบสวน สภ.บางกล่ำ กว่า 30 นาย ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะการแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดทำให้ทราบเบาะแสของรถต้องสงสัยและคนร้าย เริ่มจากเบาะแสสำคัญของคดีนี้ เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดภายในปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง ริมถนนสายเอเชีย พื้นที่ ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ ซึ่งอยู่ก่อนถึงจุดเกิดเหตุราว 3 กิโลเมตร โดยรถเก๋งคันนี้เป็นรถยี่ห้อโตโยต้า โคโรล่า สีบรอน ทะเบียน ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งขับเข้ามาจอดเติมน้ำมันในปั้ม ในเวลา 00.22 น. คืนวันที่ 27 ก.พ. และน้องนิหน่าก็แวะเติมน้ำมันที่ปั้มนี้เช่นกัน ซึ่งตอนนั้นยังสวมใส่เสื้อฮู้ดและล้วงเงินในกระเป๋ามาจ่ายค่าน้ำมัน โดยรถเก๋งคันนี้ขับออกไปก่อนเล็กน้อยและน่าจะไปดักรอ รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดที่เลยจุดเกิดเหตุมาเล็กน้อย พบว่ามีเพียงรถเก๋งคันนี้ขับมาคันเดียวโดยไม่มีรถจักรยานยนต์ของน้องนิหน่า ขับตามมาแต่อย่างใด

หากเทียบเวลารถเก๋งคันนี้ก็ขับช้าผิดปกติมาก เพราะจากปั้มน้ำมันมาถึงจุดที่มีกล้องวงจรปิดเลยมาอีกตัวใช้เวลาแค่ประมาณ 2 นาที แต่รถเก๋งคันนี้ใช้เวลาถึง 20 นาที จึงเป็นที่มาของขยายผลติดตามจับกุม เมื่อเปรียบเทียบภาพชายที่ขับรถยนต์เก๋งคันนี้ จากภาพในกล้องวงจรปิด กับภาพบัตรประชาชนของนายประถม พบว่ามีลักษณะตำหนิรูปพรรณ หน้าตาเหมือนกันทุกประการ จึงเชื่อว่านายประถม เป็นคนร้ายในคดีนี้ รวมทั้งผลการตรวจ DNA จากซอกเล็บของผู้ตาย พบว่าตรงกับ DNA ของนายประถม ด้วยอย่างชัดเจน รวมทั้งรองเท้าแตะสีน้ำเงินที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 คู่ ก็ตรงกับรองเท้าแตะในภาพกล้องวงจรปิดที่ชายขับรถเก๋งสวมใส่เหมือนกัน

จากการตรวจสอบประวัติของนายประถม พบว่า เคยต้องโทษคดีพรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี เพื่อการอนาจารฯ เมื่อปี 2545 ในพื้นที่ สภ.บางกล่ำ จ.สงขลา ศาลตัดสินจำคุก 1 ปี โทษให้รองลงอาญา 2 ปี ปรับเงิน 5,000 บาท และจากการสอบสวนแรงจูงใจการก่อเหตุ นายประถม บอกว่า ตอนเกิดเหตุได้ไปดื่มเหล้ากับเพื่อนที่ อ.หาดใหญ่ ขากลับแวะเติมน้ำมันที่ปั้มและเห็นหญิงสาวคนนี้ขับรถเข้ามาเติมน้ำมัน จึงมีอารมณ์จึงก่อเหตุขึ้น

จากนั้น พ.ต.อ.ศักดาฯ ได้คุมตัวนายประถม ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณจุดเกิดเหตุ โดยมีการวางกำลังตำรวจนับร้อยนายมารักษาความเรียบร้อย เนื่องจากมีทั้งพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อน และแฟนหนุ่มของน้องนิหน่า รวมทั้งชาวบ้านมารอดูการทำแผนเกือบ 200 คน ซึ่งการทำแผนเริ่มจากนายประถม ขับรถเบียดรถจักรยานยนต์ของน้องนิหน่า และชนจนตกร่องน้ำกลางถนน จากนั้นได้ลงไปชกหน้าท้อง ลงมือข่มขืน ใช้เหล็กตี และเอารถจักรยานยนต์ทับร่าง อำพรางว่าเป็นอุบัติเหตุ

‘บิ๊กป้อม’ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมประชุมด้านสิ่งแวดล้อม 10 โครงการ จี้!! ทุกหน่วย เร่งแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ปกป้องสุขภาพ ปชช.

(15 มี.ค. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

คณะกรรมการฯ ได้รับทราบ รายงานผลการประชุม สมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วย พื้นที่ชุมน้ำสมัยที่ 14 จัดขึ้นภายใต้ หัวข้อ ‘Wetlands Action for People and Nature’ โดยมีพิธีมอบรางวัล Wetland City Accreditation ซึ่งประเทศไทยได้รับมอบรางวัล การรับรอง อำเภอศรีสงคราม จีงหวัดนครพนม ให้เป็นเมืองแห่งพื้นที่ชุมน้ำภายใต้อนุสัญญาว่าด้วย พื้นที่ชุมน้ำ

จากนั้น ที่ประชุมได้เห็นชอบ รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) 10 โครงการสำคัญ เพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่ทั่วประเทศ ได้แก่
1.) โครงการประตูระบายน้ำกรงปินัง จ.ยะลา ของกรมชลประทาน
2.) โครงการบ้านเคหะกตัญญู คลองหลวง 2 จ.ปทุมธานี ของการเคหะแห่งชาติ
3.) โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองน่าน ของกรมทางหลวง

4.) โครงการทางเลี่ยงเมืองสกลนคร (ด้านทิศตะวันออก) ของกรมทางหลวง
5.) โครงการทางหลวงหมายเลข 103 อ.ร้องกวาง-อ.งาว ของกรมทางหลวง.
6.) โครงการทางขนานสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ของกรมทางหลวง
7.) แผนงานขยายเขตไฟฟ้าให้หมู่บ้านในโครงการหมู่บ้านพัฒนาเพื่อความมั่นคง พื้นที่ชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ปาย และอ.บางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน (กลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

‘Meta’ ประกาศปลดพนักงานกว่า 10,000 ตำแหน่ง สนองเจตนารมณ์ Mark “ปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่ผลกำไร”

เมื่อวานนี้ (14 มี.ค.66) World Maker รายงานว่า หลายสื่อรายงานว่า Meta หรือ Facebook เก่าจะปลดพนักงานเพิ่มอีกมากถึง -10,000 ตำแหน่งจากที่ปลดไปก่อนหน้านี้แล้ว -11,000 ตำแหน่ง !!! ทำให้ปลดพนักงานรวมกันภายในไม่กี่เดือนมานี้เป็น -21,000 ตำแหน่งข้าไปแล้ว ! หรือคิดเป็น -20% ของพนักงานทั้งหมดราว 80,000 คน

ข่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากไม่กี่สัปดาห์มานี้ มีรายงานเบื้องต้นแล้วว่า Meta จะปลดพนักงานรอบ 2 อีกหลายคน แต่ไม่มีใครคิดว่าจะมากถึงขนาดนี้ !

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น Facebook ดีดมากกว่า +5% คืนนี้ หลังจาก Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งกล่าวว่าปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่ผลกำไร! ซึ่งการปลดพนักงานออกอาจเป็นส่วนสำคัญที่จะลดค่าใช้จ่ายและทำให้ผลกำไรของบริษัทพุ่งสูงขึ้น (แม้ว่าจะดูเหมือนข่าวร้ายแต่สำหรับผู้ถือหุ้นอาจเป็นข่าวดี ?)

การปลดพนักงานของ Meta เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งทั่วโลกที่ไล่ออกกันยับ ๆ ในปีนี้ ! ซึ่งก็น่าติดตามต่อไปว่าการปลดพนักงานครั้งมหากาพย์จะส่งผลกระทบต่อตัวเลขเศรษฐกิจในอนาคตหรือไม่ ? 

📌 เพราะแม้ว่าจะมีการปลดไปในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ แต่ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ยังคงแข็งแกร่งผิดคาด โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่ดูตึงตัวจน FED ต้องประกาศขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกต่อไป (ก่อนจะเกิดวิกฤต SVB ทำให้ตลาดเริ่มเปลี่ยนคาดการณ์)

ทั้งนี้ ดูเหมือนว่าหุ้นของบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่หลายแห่งจะเริ่มดีดตัวขึ้นเช่นกันหลังจากมีข่าว Lay off ออกมา เพราะนักลงทุนมองว่าจะส่งผลดีต่อกำไร แม้จะเป็นเรื่องแย่ต่อตัวเลขเศรษฐกิจก็ตาม

และการปลดพนักงานออกอาจช่วยเรื่องเงินเฟ้อได้ไม่มากก็น้อย ดังนั้นให้รอดูตัวเลข CPI ในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ? ขณะที่โดยรวมแล้วบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกน่าจะมีการปลดพนักงานรวมกันกว่า -100,000 คนเข้าไปแล้วในไตรมาสแรกปีนี้

เชียงใหม่-เปิดกิจกรรม “TED Youth Startup Road Show 2023” ครั้งที่ 3 ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่

เมื่อ​วันที่​ 15 มีนา​คม 2566 ที่ Auditorium อาคารศูนย์นวัตกรรมการสื่อสารคณะสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  จังหวัดเชียงใหม่ ดร.ชาญวิทย์ ตรีเดช ผู้จัดการกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม เปิดกล่าวเปิดกิจกรรม และการบรรยาย “บทบาทและภารกิจของกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) ในการสนับสนุน SMEs และ Startups” พร้อมได้บรรยาย “บทบาทและภารกิจของ TED Fund ในการสนับสนุน SMEs และ Startups” โดย ผู้บริหารจาก TED Fund กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) ได้ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ผ่านโครงการยุววิสาหกิจเริ่มต้น หรือ TED Youth Startup มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนสู่การเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) และสนับสนุนสถาบันการศึกษาสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการประกอบการ (Entrepreneurial University) โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายนักศึกษาและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ต้องการพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพ กองทุนฯ จึงจัดให้มีกิจกรรมเดินสายโรดโชว์ที่ชื่อว่า “TED Youth Startup Road Show 2023” ครั้งที่ 3 ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้แนวคิด “Fund for Future - STARTUP for Young Gen” ไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อสร้างการรับรู้ แนะแนว และเชิญชวนกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมขอรับทุน TED Youth Startup โดยได้มีการเตรียมทุนไว้ 160  ทุน ดร.ชาญวิทย์ ตรีเดช กล่าว

หลังจากนั้น คุณเอกธัช ภัทระโภคพัฐ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาโครงการ
กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้ขึ้น เสวนาพิเศษ “การเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วมโครงการ TED Youth Startup” โดย เจ้าหน้าที่จาก TED Fund และตัวแทน TED Fellow คุณเอกธัช ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาโครงการ กล่าวว่า “กองทุนฯ ได้กำหนดนโยบายที่จะดำเนินโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 เราได้วางแผนการจัดสรรเงินสนับสนุนทุนให้แก่ผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรมผ่านโครงการ TED Youth Startup โดยตั้งเป้าจะสนับสนุนผู้ประกอบการจำนวน 200 โครงการ รวมมูลค่าการสนับสนุนทุนกว่า 160 ล้านบาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top