Tuesday, 20 May 2025
ค้นหา พบ 48202 ที่เกี่ยวข้อง

ผบ.ตร.ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ก.ตร. ตาม พ.ร.บ.ตำรวจใหม่ นับเป็นครั้งแรกของตำรวจ โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งระดับ รอง ผกก.ขึ้นไป บรรยายกาศภาพรวมทั่วประเทศ คึกคัก เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

วันนี้ (15 มี.ค.66 ) ณ สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.เดินทางมาเลือกตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ มาทำหน้าที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 พร้อมข้าราชการตำรวจที่มีสิทธิเลือกตั้ง โดยมีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  และเจ้าหน้าประจำหน่วยเลือกตั้ง คอยควบคุมการเลือกตั้ง

 
ทั้งนี้การเลือกตั้ง ก.ตร.ครั้งแรกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ กำหนดวันเลือกตั้งพร้อมกัน คือในวันนี้ (15 มี.ค.66) เวลา 08.30-16.30 น. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  กำหนดให้ ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ตามต่างจังหวัดให้เลือก ณ สถานที่ประจำจังหวัดนั้นๆ ที่กกต.กำหนด  ส่วนตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ใน กทม.หรือส่วนกลาง ใช้สโมสรตำรวจ


โดยบรรยายกาศการเลือกตั้ง ก.ตร.ของข้าราชการตำรวจเป็นไปด้วยคึกคัก ตำรวจต่างตื่นตัวมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 


ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จะเป็นข้าราชการตำรวจตั้งแต่รอง ผกก. หรือเทียบเท่าขึ้นไปมีประมาณ 13,000 กว่าคน กำหนดให้ 1 บัตร เลือกได้ไม่เกิน 6 คน แบ่งเป็นเลือกผู้สมัครผู้ทรงวุฒิประเภท (ก) ได้ไม่เกิน 3 คน และ เลือกผู้สมัครผู้ทรงวุฒิประเภท (ข) ได้ไม่เกิน 3 คน 


สำหรับผู้สมัครผู้ทรงวุฒิประเภท (ก) คุณสมบัติ ต้องเคยเป็นข้าราชการตำรวจระดับ ผบช.ขึ้นไป และพ้นจากความเป็นข้าราชการตำรวจเกิน 1 ปี มีผู้สมัคร 23 คน ต้องเลือกให้เหลือ 3 คนประเภท ข. ผู้ได้รับการเสนอชื่อ 6 คน เลือกได้ 3 คน 
   

‘ผบช.ภ.7’ แถลง จับยาไอซ์ล็อตใหญ่ มูลค่ากว่า 100 ล้าน ลั่น!! รับจ๊อบ ส่งให้เครือข่ายใหญ่ในภาคใต้

(15 มี.ค. 66) พล.ต.ต.ธนายุติม์ วุฒิจรัสธรรมรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย นายปิยะพงษ์ ชูวงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เป็นประธานแถลงข่าวผลการจับกุมตัวนายนิวัฒน์ บุญเรือง ประทุมดวง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 ม.15 ต.ปางมะค่า อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร และผู้ต้องหาตามหมายจับ ประกอบด้วย นายอ๊ะหมัด บังคม อายุ 35 ปี, นายริดูวาน บูแล อายุ 22 ปี, น.ส.ซารีนา โต๊ะนอ อายุ44 ปี, น.ส.นอรีชา บูละ อายุ34 ปี และ น.ส.กอมีละ แวหะมะ อายุ 39 ปี 6 ผู้ต้องหาร่วมกัน ลักลอบขนยาเสพติดประเภท 1 ยาไอซ์ 2 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 100 ก.ก. พร้อมรถของกลางยี่ห้อ เซฟโลเล็ตสีขาว หมายเลขทะเบียน ฒว.2737 กทม. รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ หมายเลขทะเบียน 2 กผ 8721 กทม ที่ สภ. ชะอำ

สำหรับคดีจับกุมยาไอช์ล็อตใหญ่ดังกล่าว พล.ต.ต.ธนายุติม์ เผยว่า สืบเนื่องจาก พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผกก.สภ.ชะอำ ได้รับแจ้งจากสายลับ เมื่อวันที่12 มี.ค.ว่าจะมีการลักลอบขนส่งยาเสพติดจำนวนมากประปนมากับเสื้อผ้าจากต้นทางจังหวัดนนทบุรีเพื่อลำเลียงลงสู่จังหวัดนราธิวาส ผ่านจังหวัดเพชรบุรี จึงรายงานให้ พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี ทราบ และทำการตั้งด่านตรวจสกัดจับที่บริเวณจุดสกัด ถ.เพชรเกษมขาล่องใต้ บ้านนิคม ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 00.30 น ของวันถัดมา เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นรถกระตู้ทึบสีขาวตามที่สายลับแจ้งลักษณะมา จึงส่งสัญญาณให้หยุดรถและสังเกตเห็นนายวิวัฒน์ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว มีท่าทางลุกลี้ลุกลนอย่างมีพิรุธ จึงขอตรวจค้นจนพบของกลางเป็นยาไอช์จำนวน 2 กระสอบรวม น้ำหนัก 100 กิโลกรัม ซุกซ่อนปะปนมากับกระสอบเสื้อผ้าเพื่ออำพรางอีก 5 กระสอบ

จากนั้นได้นำตัวนายนิวัฒน์มาทำการสอบสวนขยายผลทันที โดยนายนิวัฒน์สารภาพว่า ยาไอช์ดังกล่าว ตนเองพร้อมพวกอีก 5 คน ได้เช่ารถกระบะตูทึบกับรถเก๋งเพื่อรับจ้างจากเอเย่นต์รายหนึ่งในราคาสามแสนบาทลำเลียงมาจากจังหวัดนนทบุรี โดยนำยาไอซ์ซุกมาพร้อมกระสอบเสื้อผ้าในรถกระบะทึบ ส่วนรถเก๋งจะใช้เป็นรถวิ่งสังเกตเส้นทางล่วงหน้า เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำยาเสพติดไปส่งให้กับเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส กระทั่งรถกระบะตู้ทึบวิ่งมาถึงด่านตรวจนิคมจึงตรวจพบของกลางดังกล่าว

‘ชทพ.’ เปิดตัว ‘สมเกียรติ’ อดีต ส.ส.ก้าวไกล ลงเขตบางนา เจ้าตัวเผย เวลาบอกว่าอยู่พรรคของ ‘วราวุธ’ มีแต่คนยิ้มรับ

(15 มี.ค.66) ที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรค ชทพ. พร้อมด้วยนายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการอำนวยการพรรค ร่วมกันแถลงเปิดตัวนายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตบางนา ของพรรค ชทพ. โดยนายวราวุธ กล่าวว่า นายสมเกียรติทำงานในพื้นที่บางนามาโดยตลอด ทำงานหนัก ลงพื้นที่ รวมทั้งนำเรื่องมาหารือกับกระทวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ตนได้ลาออกจาก ส.ส. กับคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา ตนรู้สึกโล่งใจ ขณะนี้คนในพื้นที่บางนารับทราบแล้วว่าตนจะลงสมัครในนามพรรค ชทพ. เขารู้ว่าพรรคเดิมของตนเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ในเขตเดิมของตนแล้ว ซึ่งเป็นหัวหน้าการ์ดผู้ชุมนุม ทั้งนี้ ชทพ.เป็นพรรคที่เหมาะกับตน เชื่อมต่อกับผู้ที่อายุเยอะกว่าได้เป็นอย่างดี

‘คนเพื่อไทย’ ขอบคุณ ‘โรม’ ตีแผ่คดี ‘ส.ว.ทรงเอ’ พร้อมจี้!! ‘บิ๊กตู่’ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง

(15 มี.ค.66) นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการดำเนินคดีกับ ส.ว. ชื่อดัง หรือ ส.ว.ทรงเอ กรณีตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีเครือข่ายยาเสพติดว่า ต้องขอบคุณตำรวจชุดสืบสวนจับกุมในคดีนี้ ที่กล้าออกมาเปิดเผยข้อมูลให้สังคมได้รับรู้ จนเป็นข่าวใหญ่โตที่คนทั้งประเทศจับตามอง และต้องขอบคุณ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่เอาข้อมูลมาอภิปรายและติดตามความคืบหน้าของคดีแบบกัดไม่ปล่อย แต่ก็ยังเกิดคำถามขึ้นในหลายประเด็นกับคดีนี้ที่สังคมยังคงติดใจอยู่

นายก่อแก้ว กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนแปลกใจคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทั้งที่เป็นคดียาเสพติดเป็นที่รังเกียจของทั้งสังคมไทยและนานาชาติเกี่ยวพันกับขบวนการข้ามชาติใหญ่โต ต้องไม่ลืมว่า คนที่ตั้ง ส.ว.คนนี้มา คือ พล.อ.ประยุทธ์และคณะ และคนที่เลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี คือ ส.ว.คนนี้ด้วย แถมสังคมยังได้รับทราบว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เช่าที่ทำการพรรคจาก ส.ว.คนนี้อีกด้วย สังคมเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ และพรรค รทสช. มีความสัมพันธ์ กับ ส.ว.คนนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งหรือไม่ และการที่ พล.อ.ประยุทธ์ นิ่งเฉยกับคดีนี้ จึงเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมคลางแคลงใจสงสัยเป็นอย่างยิ่ง

นายก่อแก้ว กล่าวด้วยว่า จากเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริง ของพนักงานสืบสวน มีการระบุว่ามีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ สั่งให้ดำเนินการตัดพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึง ส.ว.คนดังกล่าวออกให้หมด การสั่งการดังกล่าว ในคดียาเสพติดปกติแล้วจะไม่มีใครกล้าทำ เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมายร้ายแรง และสร้างความเสียหายต่อสังคม และความเชื่อมั่นต่อผู้ใต้บังคับบัญชา

‘จุดยืนดังเดิม!! พิธา’ ลั่น!! พร้อมจับมือ พท. จัดตั้งรัฐบาล พร้อมย้ำ!! ไม่มีวันจับมือ ‘พรรคทหารจำแลง’

(15 มี.ค.66) ที่โรงแรมเอเชียแอร์พอร์ต ดอนเมือง พรรคก้าวไกล (ก.ก.) จัดประชุมใหญ่พรรคเตรียมพร้อมก่อบการยุบสภาฯ มีแกนนำพรรคและว่าที่ผู้สมัครส.ส.ครบทุกเขต เข้าร่วมประชุม

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุว่าสามารถร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลได้แต่มีเงื่อนไขคือการไม่แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า เราไม่มีเจตจำนงในการรวมกับพรรคทหารจำแลงคือพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นพรรคที่ทำรัฐประหาร และตอนนี้ยังจะรักษาอำนาจต่อ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะร่วมมือกัน

เมื่อถามถึงกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดจดหมายเสนอตัวเชื่อมประสานระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมและฝ่ายเสรีนิยม ที่ล้มเหลวทั้งคู่ นายพิธา กล่าวว่า เราไม่สามารถก้าวข้ามความขัดแย้งที่ตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องได้ การจะก้าวข้ามความขัดแย้งและก่อให้เกิดการปรองดองได้จะต้องมีระบบความยุติธรรม และการเสาะหาข้อเท็จจริงก่อน ต้องทำให้วัฒนธรรมคนผิดลอยนวลหมดไปก่อน จึงจะทำให้เกิดการปรองดองที่แท้จริงได้

ส่วนจดหมายของพล.อ.ประวิตรฉบับที่ 4 ทั้งเรื่องการตั้งคณะกรรมการมากรองนโยบาย ตนขอเรียนพล.อ.ประวิตรให้เข้าใจว่านโยบายของตัวเองตั้งแต่พรรคพลังประชารัฐ และในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ยังทำไม่ได้ตั้งเยอะตั้งแยะ จึงขอให้ไปทำนโยบายที่เคยสัญญากับประชาชนไว้เมื่อ 4 ปีที่แล้วให้เสร็จก่อน การที่จะเอานโยบายนโยบายหนึ่งมาผลิตมีกระบวนการของมัน

นายพิธา กล่าวว่า สำหรับกระบวนการทำนโยบายของพรรคก้าวไกลคือการลงพื้นที่พบพี่น้องประชาชนหาปัญหาให้เจอว่าอยู่ที่กฎหมาย งบประมาณ หรือระบบราชการ แล้วค่อยนำมาปฏิบัติ ฉะนั้นคนที่จะนำนโยบายที่เป็นของแต่ละพรรคและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงต้องเป็นคนที่คลุกคลีกับปัญหา ไม่ใช่ว่าตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งแล้วจะสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างในประเทศไทยได้ ถ้าอยากจะปรองดอง ก็ตั้งคณะกรรมการปรองดอง ถ้าอยากจะตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายก็ตั้งคณะกรรมการ ประเทศไทยไม่ได้ขับเคลื่อนง่ายขนาดนั้น

เมื่อถามว่าหากเสียงไม่พอก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นรัฐบาลจะมีประโยชน์กับประชาชนมากกว่า เราจะหาเสียงให้เต็มที่ ถ้าไปถึงตามเป้าหมาย เรามั่นใจว่าจะมีน้ำหนักทางการเมืองพอที่จะได้เป็นรัฐบาล

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เดินเกมรุก นำส.ส.บ้านใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตรที่ออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ แล้วจะทำให้มีปัญหาในการจับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า เราไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้และกระบวนการทำงานของพรรคก็แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามเรื่องนโยบายและจุดยืนของพรรคเพื่อไทยจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร

ตนจึงคิดว่าจะยังร่วมมือกันได้ ส่วนนี้เป็นเรื่องภายในของพรรคเพื่อไทย กับกลุ่มสามมิตร ทั้งนี้ ตนไม่มีวิธีการทำงานทางการเมืองในลักษณะนั้น และจะพยายามโฟกัสในสิ่งที่พรรคก้าวไกลพยายามอยากจะนำเสนอพี่น้องประชาชนทั้งเรื่องนโยบายและว่าที่ผู้สมัครส.ส.

เมื่อถาม ว่าสามารถทำงานกับคนที่อยู่ในคณะรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ต้องดูแยกเป็นคนคนไป แต่หากใครที่มาจากพรรคทหารจำแลงก็น่าจะทำงานด้วยกันยาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมองไปข้างหน้าวันนโยบายและจุดยืนทางประชาธิปไตยเข้มแข็งมากเพียงใด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top