‘จุดยืนดังเดิม!! พิธา’ ลั่น!! พร้อมจับมือ พท. จัดตั้งรัฐบาล พร้อมย้ำ!! ไม่มีวันจับมือ ‘พรรคทหารจำแลง’

(15 มี.ค.66) ที่โรงแรมเอเชียแอร์พอร์ต ดอนเมือง พรรคก้าวไกล (ก.ก.) จัดประชุมใหญ่พรรคเตรียมพร้อมก่อบการยุบสภาฯ มีแกนนำพรรคและว่าที่ผู้สมัครส.ส.ครบทุกเขต เข้าร่วมประชุม

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุว่าสามารถร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลได้แต่มีเงื่อนไขคือการไม่แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า เราไม่มีเจตจำนงในการรวมกับพรรคทหารจำแลงคือพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นพรรคที่ทำรัฐประหาร และตอนนี้ยังจะรักษาอำนาจต่อ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะร่วมมือกัน

เมื่อถามถึงกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดจดหมายเสนอตัวเชื่อมประสานระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมและฝ่ายเสรีนิยม ที่ล้มเหลวทั้งคู่ นายพิธา กล่าวว่า เราไม่สามารถก้าวข้ามความขัดแย้งที่ตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องได้ การจะก้าวข้ามความขัดแย้งและก่อให้เกิดการปรองดองได้จะต้องมีระบบความยุติธรรม และการเสาะหาข้อเท็จจริงก่อน ต้องทำให้วัฒนธรรมคนผิดลอยนวลหมดไปก่อน จึงจะทำให้เกิดการปรองดองที่แท้จริงได้

ส่วนจดหมายของพล.อ.ประวิตรฉบับที่ 4 ทั้งเรื่องการตั้งคณะกรรมการมากรองนโยบาย ตนขอเรียนพล.อ.ประวิตรให้เข้าใจว่านโยบายของตัวเองตั้งแต่พรรคพลังประชารัฐ และในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ยังทำไม่ได้ตั้งเยอะตั้งแยะ จึงขอให้ไปทำนโยบายที่เคยสัญญากับประชาชนไว้เมื่อ 4 ปีที่แล้วให้เสร็จก่อน การที่จะเอานโยบายนโยบายหนึ่งมาผลิตมีกระบวนการของมัน

นายพิธา กล่าวว่า สำหรับกระบวนการทำนโยบายของพรรคก้าวไกลคือการลงพื้นที่พบพี่น้องประชาชนหาปัญหาให้เจอว่าอยู่ที่กฎหมาย งบประมาณ หรือระบบราชการ แล้วค่อยนำมาปฏิบัติ ฉะนั้นคนที่จะนำนโยบายที่เป็นของแต่ละพรรคและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงต้องเป็นคนที่คลุกคลีกับปัญหา ไม่ใช่ว่าตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งแล้วจะสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างในประเทศไทยได้ ถ้าอยากจะปรองดอง ก็ตั้งคณะกรรมการปรองดอง ถ้าอยากจะตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายก็ตั้งคณะกรรมการ ประเทศไทยไม่ได้ขับเคลื่อนง่ายขนาดนั้น

เมื่อถามว่าหากเสียงไม่พอก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นรัฐบาลจะมีประโยชน์กับประชาชนมากกว่า เราจะหาเสียงให้เต็มที่ ถ้าไปถึงตามเป้าหมาย เรามั่นใจว่าจะมีน้ำหนักทางการเมืองพอที่จะได้เป็นรัฐบาล

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เดินเกมรุก นำส.ส.บ้านใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตรที่ออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ แล้วจะทำให้มีปัญหาในการจับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า เราไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้และกระบวนการทำงานของพรรคก็แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามเรื่องนโยบายและจุดยืนของพรรคเพื่อไทยจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร

ตนจึงคิดว่าจะยังร่วมมือกันได้ ส่วนนี้เป็นเรื่องภายในของพรรคเพื่อไทย กับกลุ่มสามมิตร ทั้งนี้ ตนไม่มีวิธีการทำงานทางการเมืองในลักษณะนั้น และจะพยายามโฟกัสในสิ่งที่พรรคก้าวไกลพยายามอยากจะนำเสนอพี่น้องประชาชนทั้งเรื่องนโยบายและว่าที่ผู้สมัครส.ส.

เมื่อถาม ว่าสามารถทำงานกับคนที่อยู่ในคณะรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ต้องดูแยกเป็นคนคนไป แต่หากใครที่มาจากพรรคทหารจำแลงก็น่าจะทำงานด้วยกันยาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมองไปข้างหน้าวันนโยบายและจุดยืนทางประชาธิปไตยเข้มแข็งมากเพียงใด

เมื่อถามว่า เพื่อจะจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เป็นไปได้หรือไม่ หากจำเป็นต้องนำปฏิบัติการมาเป็นอุดมการณ์ นายพิธา กล่าวว่า ตนคิดว่าคำถามนี้เป็นคำถามที่ไม่ถูกต้องสำหรับการเมืองไทยในปัจจุบัน เพราะการจะปฏิบัติได้จะต้องมีอุดมการณ์ไปด้วยกัน ตนจึงเน้นกับว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคก้าวไกลเสมอว่าต้องมีอุดมการณ์ และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงและทำให้ประชาชนไว้ใจ ถ้ามีประสิทธิภาพปฏิบัติได้ แต่เป็นการเรียนลัดหรือหาทางลัดทางอ้อม จนไม่มีระบบเหลืออยู่

ถึงเวลาครั้งนี้สำเร็จ ครั้งหน้าก็อาจจะไม่สำเร็จ เราจึงต้องนำเรื่องของระบบและอุดมการณ์มาเป็นตัวตั้ง แต่ความยากคือการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อเป็นเรื่องของระบบ ทำให้ไม่ว่าใครจะเข้ามาก็สามารถแก้ไขปัญหาได้และเกิดความยั่งยืนในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยอย่างแท้จริง

 

เมื่อถามว่าหากพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐส่งคนมาเจรจากับพรรคก้าวไกลจะยอมคุยด้วย หรือมีข้อตกลงหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีและคงไม่มีวันที่จะได้คุยกัน เมื่อถามย้ำว่าเท่ากับปิดประตูเลยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า แน่นอนเพราะเราตั้งพรรคมาเพื่อปิดสวิตช์ 3 ป. และเปิดแสงสว่างให้กับประเทศไทย เลิกแช่แข็งประเทศไทยเพื่อไปสู่อนาคต

เมื่อถามถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีระบุว่าพรรคก้าวไกลเริ่มมีความเป็นสถาบันทางการเมืองมากขึ้นเหมือนที่พรรคประชาธิปัตย์เคยเป็นมาในครั้งหนึ่ง มองว่าเป็นผลบวกต่อพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนคิดว่าสิ่งที่ตนพยายามทำกับพรรคก้าวไกลคือการทำให้เป็นสถาบันทางการเมือง แต่การเป็นแค่สถาบันทางการเมืองเป็นเพียงเรื่องขององค์กร เพราะอุดมการณ์ วิธีการทำงานและวิสัยทัศน์ก็อาจจะแตกต่างกัน ตนต้องการจะเห็นสถาบันทางการเมืองอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ต้องการเห็นนิติรัฐนิติธรรมอยู่กันอย่างเสมอภาคภายใต้กฎหมาย ตนอยากเห็นความเท่าเทียมในการทำ มาหากิน นี่เป็นอัตลักษณ์ของพรรคก้าวไกลที่ไม่เหมือนใคร ก้าวไกลก็คือก้าวไกล


ที่มา: https://www.matichon.co.th/election66/news_3874342