Monday, 29 April 2024
พิธา

‘พิธา’ ยัน ‘ก้าวไกล’ ส่งชิงผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หวั่นผู้สมัครที่มียังโอนอ่อน ‘นายทุน-ศักดินา’

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์คลิปวิดีโอผ่านเฟซบุ๊ก ส่งสารสวัสดีปีใหม่พี่น้องประชาชน และตั้งเป้าปีหน้าว่าพรรคต้องทำงานให้เข้มข้นขึ้นยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับระบุข้อความด้วยว่า…

2565: ปีแห่งความหวังและโอกาสเปลี่ยนประเทศผ่านการเลือกตั้ง

สวัสดีปีใหม่พี่น้องประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ

ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ 2 ของพรรคก้าวไกล เป็นปีที่เรายังคงมุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อเป็นปากเสียงให้กับผู้ถูกกดขี่ เป็นมือเท้าให้กับผู้ถูกละเลยจากรัฐ เข้าไม่ถึงโอกาส ผมในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล อดรู้สึกภาคภูมิใจไม่ได้กับผลการทำงานของส.ส. ทุกคน

แต่เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่จะเปลี่ยนประเทศไทยแล้ว เราต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเรายังทำงานหนักไม่พอ

ด้านการสื่อสาร
เราสื่อสารได้ไม่ดีพอที่จะทำให้คนรอบข้างเข้าใจได้ว่าการแก้ไขปัญหาที่สะสมมาอย่างยาวนานของประเทศนี้ ไม่สามารถสำเร็จได้ผ่านการแก้ไขอย่างฉาบฉวย แต่จำเป็นต้องแก้โครงสร้างที่ผิดเพี้ยนอันเป็นรากฐานของปัญหาทั้งปวง และหนึ่งในรากฐานของปัญหานั้นคือคำถามที่ว่า อำนาจสูงสุดในประเทศนี้เป็นของใคร

ด้านการทำงานในรัฐสภา
เรามีเสียงไม่มากพอ ทั้งยังโดดเดี่ยวในการต่อสู้เรียกร้องในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจที่ทุนใหญ่กำลังเดินหน้ากินรวบทั้งตลาด ไม่เปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการขนาดเล็ก ไม่เหลือทางเลือกในการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการให้กับผู้บริโภค

หรือแม้กระทั่งเรื่องเรียบง่ายที่สุดอย่างการตัดสินใจโดยยึดถือประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นที่ตั้ง รวมทั้งการยืนยันว่าอำนาจสูงสุดของประเทศเป็นของประชาชน เราก็ไม่สามารถโน้มน้าวชักชวนเพื่อนสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ให้เห็นร่วมกันกับเราได้ ผลประโยชน์และอำนาจในรัฐสภายังคงกระจุกตัวอยู่ที่เครือข่ายของเหล่านายทุน ขุนศึก ศักดินา เช่นเดิม

ผมในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ต้องขอโทษพี่น้องประชาชนทุกคนมา ณ ที่นี้ ปีหน้าเราสัญญาว่าเราจะพยายามให้มากและทุ่มเททำงานให้หนักกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อให้เรามีเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนและสมาชิกรัฐสภามากพอที่จะเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นประเทศของประชาชนอย่างแท้จริง

นอกจากนี้เรายังมีอีกหนึ่งภารกิจสำคัญในปีหน้าที่ต้องขอแรงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน นั่นก็คือ "การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร"

พรรคก้าวไกลเชื่อมั่นว่าทุกการเลือกตั้ง คือ โอกาสของการเปลี่ยนแปลง หากประชาชนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่มีโอกาสไหนที่ดีไปกว่าการเข้าคูหาเลือกตั้ง 

‘พิธา’ ปลุกชาวจตุจักร-หลักสี่ ส่ง ‘เพชร’ เข้าสภาฯ ให้คำมั่นเปลี่ยนงบฯ กองทัพเป็นสวัสดิการปชช.

ยังไม่ละสายตาจากเป้าหมาย! ‘พิธา’ ลุยโค้งสุดท้ายเลือกตั้งซ่อมจตุจักร-หลักสี่ ปลุกทุกองคาพยพช่วยส่ง ‘เพชร กรุณพล’ เข้าสภา - เดินหน้าเปลี่ยนงบฯ กองทัพเป็นสวัสดิการประชาชน

(24 ม.ค. 65) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางรณรงค์หาเสียงให้กับ ‘เพชร - กรุณพล เทียนสุวรรณ’ เบอร์ 6 ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขตจตุจักร-หลักสี่ ที่บริเวณตลาดเมืองทองนิเวศน์ (ตลาดริมบึง) ถ.แจ้งวัฒนะ 14 โดยนอกจากจะมีการปราศรัยย่อยบริเวณด้านหน้าตลาดแล้ว ยังเดินพบปะกับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในตลาดด้วย

พิธา กล่าวถึง กรณีการเปิดตัวแคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคก้าวไกลและการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ที่จะมีขึ้นว่า มีความสัมพันธ์เกื้อหนุนไปด้วยกัน และมองว่าผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล คือ ‘เพชร กรุณพล’ จะสามารถชนะใจพี่น้องประชาชนในพื้นที่เขตจตุจักร-หลักสี่ได้ โดยการร่วมมือทำงานแบบไร้รอยต่อทั้งของแคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม., ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อย่าง เพชร กรุณพล จะช่วยส่งให้เขาได้เข้าไปเป็นผู้แทนในสภาได้ และความเชี่ยวชาญในฐานะคนในพื้นที่ของ เพชร กรุณพล เชื่อว่าจะทำให้เขาสามารถนำปัญหาของพี่น้องไปสะท้อนให้เกิดการแก้ไขได้ 

'พิธา' โพสต์ตัดพ้อ!! "ไทยไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้อีกแล้ว" หลัง 'อานนท์-เพนกวิน' อดประกันตัว แม้ระดมเงินได้ร่วมสิบล้าน

24 ก.พ. 65 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ว่า "ประชาชนได้แสดงเจตจำนง ด้วยการระดมทุนเงินประกันกว่าสิบล้านในเวลาไม่นาน แต่ศาลอาญากรุงเทพใต้กลับไม่ยอมคืนสิทธิการประกันตัวให้เพนกวินและอานนท์

เป็นอีกครั้งที่ผมไม่สามารถเข้าใจเหตุผลทางกฎหมายของศาลได้

ถ้ากระบวนการยุติธรรมยังเป็นแบบนี้ ประเทศของเราคงไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้ครับ"

'อดีตบิ๊ก ศรภ.' ชี้!! เหตุผลที่นานาชาติต้องมีเรือดำน้ำ กำลังทางทหาร = อำนาจการต่อรองในรูปแบบหนึ่ง

พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์  อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า... 

การที่คุณ พิธา จะสามารถพูดประโยคนี้ได้ แล้วทำให้รัสเซียรับฟัง นั่นหมายความว่า คุณพิธา จะต้องมี อาวุธ ไม่ว่าจะเป็น นิวเคลียร์ เครื่องบินรบ เรือรบ ทหาร ที่มากกว่า อเมริกานะครับ เพราะขนาด โจ ไบเดน พูด ปูติน เขายังไม่ฟังเลย 

‘พิธา’ ยัน!! อภิปรายงบสถาบันฯ เป็นหน้าที่ ส.ส. พร้อมปัด ‘ก้าวไกล’ ไม่มีเอี่ยวคดีฉาวคาวโลกีย์

พิธา พบ ก.ก.ต.ตามนัด กรณีอภิปรายงบสถาบันกษัตริย์ ส่อล้มล้างการปกครองหรือไม่ ยืนยันเจตจำนงก้าวไกล อภิปรายงบฯ ตามรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่ผู้แทนเคียงข้างประชาชน 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้อภิปรายงบส่วนราชการในพระองค์ และทีมกฎหมายพรรคก้าวไกล เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ประเด็นที่มีผู้ยื่นคำร้อง กล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์และการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืน พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ตามมาตรา 92(2) เป็นปฏิปักษ์การปกครองฯ จากกรณี ส.ส. พรรคก้าวไกล อภิปรายงบประมาณสถาบันฯ ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี 2565

พิธา กล่าวว่า ในวันนี้ตนมาให้ถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ก.ก.ต.) ว่า การอภิปรายของพรรคก้าวไกล เป็นการกระทำที่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ได้เป็นปรปักษ์ต่อการปกครองอย่างที่ถูกกล่าวหา

พิธา กล่าวต่อไปว่า ส่วนตัวไม่กังวลในข้อกล่าวหานี้ เนื่องจากส่วนราชการในพระองค์ เป็นหน่วยรับงบประมาณเหมือนหน่วยงานอื่นๆ ตามพระราชบัญญัติวิธีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ตามมาตรา 4 ซึ่งจัดอยู่ในส่วนราชการที่ถูกเรียกให้มาชี้แจงในการขอรับงบประมาณจากสภาผู้แทนราษฎร เป็นหน้าที่ของส.ส.ที่มีหน้าที่ตรวจสอบงบประมาณ เพื่อความโปร่งใสและประสิทธิภาพจากการใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชน และเป็นการดำรงพระราชสถานะของพระมหากษัตริย์ ที่อยู่เหนือการเมือง ใต้รัฐธรรมนูญ

'สามารถ' ฉะกลับ 'พิธา' ย้อนดูลูกพรรคตัวเอง ยัน!! 'ประวิตร' ประวัติใสสะอาด เหมาะสมเป็นนายกฯ

วานนี้ (30 เม.ย.) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล​ กล่าวพาดพิง พล.อ.ประวิตร วงษ์​สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่า ให้ชี้แจงเรื่องฉาวให้เสร็จก่อนจะมาเป็นผู้นำประเทศ ส่วนตัวรู้สึกผิดหวังกับ นายพิธา ซึ่งถือเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ การที่นายพิธาพูดแบบนั้นไม่ใช่เรื่องจริง และ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ถูกศาลตัดสินโทษอย่างที่นายพิธาพูดแม้แต่เรื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมูลนิธิป่าร้อยต่อ 5 จังหวัดนั้น ตนเคยชี้แจงไปแล้วว่า คนที่ก่อตั้งมูลนิธิเป็นคนที่ใหญ่กว่า พล.อ.ประวิตร มาก โดยส่วนตัวเชื่อว่า คนทั้งประเทศรู้ และมองว่า การที่ นายพิธา พยายามโจมตีนั้นหวังอะไรเชื่อว่าชาวบ้านรู้ดี อย่าลืมว่าประเทศไทยมีกฎหมายอาญา ซึ่งหน้าแปลกใจที่นายพิธา กลับเพิกเฉยต่อ ส.ส.ในพรรคของตัวเองที่กระทำผิด จึงเหมือนเป็นการให้ท้าย ส.ส. คนดังกล่าว

ส่วนเรื่องการค้ามนุษย์ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้เกี่ยวข้อง จึงไม่จำเป็นต้องชี้แจงใดๆ ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร มีแต่ถูกใส่ร้ายป้ายสี และประเด็นที่นายพิธา บอกว่า นายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส. นั้นไม่ทราบว่านายพิธา ไปแก้รัฐธรรมนูญมาตรา​ 158 วรรค 3 แล้วหรืออย่างไร​ ถ้ายังไม่แก้ ขอเตือน นายพิธา ให้ทำตามกฎหมายบ้านเมือง อย่าทำตามใจตัวเองเพราะมันจะทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม​

‘พิธา’ นำทีม ‘แรงงานก้าวไกล’ ร่วมขบวนหน้าทำเนียบ ชี้!! 136 ปีมีเเต่ความล้าหลัง คุณภาพชีวิตเเรงงานไม่คืบ

‘พิธา’ นำทีม ส.ส.สัดส่วนแรงงาน พรรคก้าวไกล ร่วมเดินขบวนหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องสิทธิ ‘วันเเรงงานสากล’ ประกาศ ‘ก้าวไกล’ พร้อมต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิของผู้ใช้เเรงงานและผลักดันรัฐสวัสดิการ พร้อมเชิญชวนร่วมแสดงความเห็นร่างกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ ฉบับก้าวไกล เพื่อสนับสนุนสิทธิการรวมตัว ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ใช้เเรงงานทุกระบบ  

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค พร้อมด้วย สุเทพ อู่อ้น, ทวีศักดิ์ ทักษิณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และ จรัส คุ้มไข่น้ำ ส.ส.ชลบุรี เขต 6 ซึ่งทั้งหมดเป็น ส.ส.ที่ขับเคลื่อนเรื่องสิทธิเเรงงาน พรรคก้าวไกล ร่วมกันเดินขบวนไปพร้อมกับกลุ่มสหภาพแรงงานที่มารวมตัวกันหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องสิทธิ เนื่องในวันเเรงงานแห่งชาติ และวันเเรงงานสากล 1 พฤษภาคม 2565 

พิธา กล่าวว่า ถึงเวลาที่พวกเราต้องสู้ในเรื่องรัฐสวัสดิการ ซึ่งจะไปสู่จุดนั้นได้ต้องเริ่มจากการลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นลง ไม่ว่างบประมาณด้านความมั่นคง หรืองบที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ตรวจสอบไม่ได้ เพื่อนำมาสร้างรัฐสวัสดิการให้กับประเทศไทย พรรคก้าวไกล เสนอให้มีเบี้ยบำนาญเพื่อคนหลังวัยเกษียณถ้วนหน้า 3,000 บาท เสนอให้มีการจ้างงานและระบบพัฒนาคนทำงานเพื่อไปดูเเลผู้สูงอายุ เพราะด้วยงบประมาณก้อนนี้ ทำให้คนอีกจำนวนมากที่ต้องยอมออกจากงานไปดูแลพ่อแม่หรือผู้สูงอายุที่บ้านได้รับศักยภาพของเขากลับคืนมาแล้วออกไปทำงานได้อีกครั้ง 

'พิธา' ยกทีมก้าวไกล เยี่ยมคารวะ ฯพณฯ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ถกความร่วมมือ 'ไทย - เกาหลีใต้' Hard - Soft Power 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Pita Limjaroenrat – พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หลังได้เข้าเยี่ยมเพื่อคารวะ ฯพณฯ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ประจำประเทศไทย Moon Seoung-hyun ว่า...

ผมและคณะจากพรรคก้าวไกลได้เข้าเยี่ยมเพื่อคารวะ ฯพณฯ เอกอัครราชทูต Moon Seoung-hyun ครับ เราได้หารือกันถึงความร่วมมือระหว่างไทยและเกาหลีใต้ทั้งในมิติ Hard และ Soft Power 

เราได้พูดคุยกันถึงความร่วมมือทางการทหารที่มีประวัติศาสตร์ย้อนไปตั้งแต่ในสมัยสงครามเกาหลี (ค.ศ. 1950-1953) ที่ประเทศไทยร่วมส่งทหารรวม 11,786 เข้าร่วมกับกองกำลังของสหประชาชาติไปช่วยเกาหลีใต้ ซึ่งเกาหลีใต้มีความรู้สึกขอบคุณวีรกรรมของกองพันพยัคฆ์น้อยของไทยที่ไปช่วยรบในสงครามเกาหลีมากครับ ปธน. คนก่อนตอนมาเยือนไทยก็ขอเข้าเยี่ยมทหารผ่านศึกสงครามเกาหลี และจับมือขอบคุณทุกคนด้วยตัวเอง และในปัจจุบันเรือรบที่ทันสมัยที่สุดของกองทัพเรือไทยเองก็มาจากเกาหลีใต้ครับ 

‘พิธา’ เปรียบงบ 66 เหมือน ‘ช้างป่วยที่เต้นระบำไม่ได้’ ยัน!! ควรทำให้ดี เพื่อชี้ชะตาไทยใน 10 ปีข้างหน้า

(31 พ.ค.65) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วงเงินงบประมาณ 3,185,000 ล้านบาท ว่า ครั้งนี้คือ การอภิปรายงบประมาณครั้งสุดท้ายของการจัดสรรงบประมาณ โดยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งงบประมาณคือภาพสะท้อนว่า ประเทศของเราให้ความสำคัญกับอะไร ทุ่มทรัพยากรลงทุนไปกับเรื่องไหน และจากการลงทุนในวันนี้ อนาคตของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร

“พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญกับการจัดทำงบประมาณอย่างมาก เรานำเทคโนโลยีมาใช้แปลงเล่มงบประมาณ 2 ลัง 20,000 หน้า ให้กลายเป็นไฟล์ CSV เพื่อง่ายต่อการนำข้อมูลมาใช้ เราใช้การมีส่วนร่วมจากประชาชนมาร่วมกันวิเคราะห์ มีตั้งแต่ข้าราชการไปจนถึงน้อง ม.5 ที่มาช่วยกันถอดงบตั้งแต่ในด้านการศึกษา สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ทำให้พบว่าประเทศไทยนี้เป็นประเทศเจ้ายศเจ้าอย่าง เป็นประเทศแห่งการประชุม หากลองใส่ keyword ลงไปในไฟล์ คำว่า ‘รับรอง’ ขึ้นมา 380 ล้านบาท ใส่คำว่า ‘เบี้ยประชุม’ ขึ้นมา 940 ล้านบาท ใส่คำว่า ‘สัมมนา’ ขึ้นมา 4,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่าประเทศไทยยังเป็นรัฐของผู้รับเหมาด้วย ซึ่งสะท้อนจากงบก่อสร้างที่มีอยู่ในงบประมาณหลายแสนล้านบาท”

พิธา ยังย้ำว่า ปีนี้คือจุดตัดสำคัญและเป็นปีแห่งการฟื้นฟู เพราะวิกฤต Covid ทั่วโลกกำลังคลี่คลาย เราเพิ่งมีการเลือกตั้งที่กรุงเทพมหานครที่ทำให้ประชาชนมีความหวังผ่านการเลือกตั้ง และที่สำคัญก็คือกำลังจะครบ 8 ปีการดำรงค์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่อาจจะทำให้ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป การจัดงบประมาณในปีนี้ จึงมีความสำคัญมาก ต้องมียุทธศาสตร์มากกว่าปกติ ต้องสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการฟื้นฟูประเทศ เพราะถ้าเราจัดได้ดีประเทศก็จะไปได้ดีในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่ถ้าเราไม่ปรับตัวอีกหลังจากทศวรรษที่สูญหายเพราะการมีผู้นำประเทศอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ และระบอบ คสช. แล้วยังจัดงบประมาณแบบเดิมๆ ความหายนะที่เกิดขึ้นกับประชาชนจะตามมาและลูกหลานอนาคตก็จะพัฒนาไม่ได้

พิธา กล่าวต่อไปว่า ภาพรวมของงบประมาณปี 66 เป็นเหมือน ‘ช้างป่วยที่เต้นระบำไม่ได้’ ในขณะที่เรากำลังเจอสถานการณ์รายได้ผันผวน รายจ่ายแข็งตัว การกู้ที่จะมีต้นทุนมากขึ้น ในเรื่องของรายจ่าย ส่วนใหญ่ยังใช้งบไปเพื่อเป็นรายจ่ายบุคลากรที่สูงถึง 40% อีกส่วนเป็นงบที่เอาไว้ชำระหนี้ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นงบบุคลากร ใช้หนี้สาธารณะ ใช้หนี้นโยบาย หนี้ ธกส. สุดท้ายเหลือจริงๆ แค่ 1 ใน 3 เพื่อเอาไว้รับมือกับปัญหาปีต่อปีและความท้าทายในอนาคต

ต่อมา เรื่องรายได้ มีปัญหาว่าเก็บภาษีต่ำกว่าเป้า 2-3 แสนล้านบาท ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเค้าโครงเศรษฐกิจของเราเน้นแต่การท่องเที่ยวในเชิงปริมาณไม่ใช่เชิงคุณภาพ และเน้นอุตสาหกรรมส่งออกรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ยังไม่สามารถจัดเก็บรายได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะมีเศรษฐกิจที่อยู่นอกระบบการเก็บภาษีสูงถึง 40% และระบบภาษีแบบ 1 คนเลี้ยง 9 คน มีจำนวนผู้เสียภาษีเพียง 4 ล้านคนจากแรงงาน 40 ล้านคน

“เมื่อรายได้ผันผวนลดลงได้แต่รายจ่ายแข็งตัว ก็ต้องกู้มากขึ้น ซึ่งในขณะนี้มีวิกฤตเงินเฟ้อทั่วโลก ธนาคารกลางในประเทศพัฒนาแล้วต่างขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ถึงธนาคารแห่งประเทศไทยจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้รัฐบาลก็ต้องกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น” พิธา ระบุ
 

‘พิธา’ ตอบจดหมายตัวแทน ‘ข้าราชการบำนาญ’ ยืนยัน ไม่ตัด ไม่ลด บำนาญ

‘งบช้างป่วย’ หมายถึง วิธีการจัดการงบประมาณประเทศของประยุทธ์ ชี้ หากการหารายได้ไม่สอดคล้องรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหาอาจย้อนกลับและกระทบถึงสวัสดิการข้าราชการในอนาคตด้วย เผย รู้ว่าเสี่ยง แต่ถ้าไม่พูดตั้งแต่ตอนนี้ สถานการณ์วิกฤติขึ้นมาจริงอาจสายเกินแก้ 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตอบจดหมาย ศรศักดิ์ อ้วนล้วน ประธานศูนย์พิทักษ์สิทธิและสวัสดิการข้าราชการบำนาญแห่งประเทศไทย ที่มีคำถามต่อกรณีการอภิปรายงบประมาณปี 66 เกี่ยวกับผลกระทบต่อข้าราชการบำนาญ ว่า เป็นการตอบจดหมายตามสัญญาเพื่อตอบข้อสงสัยที่มีต่อการอภิปรายงบประมาณของตนในสภา 3 ประเด็น

ประเด็นที่ 1 มีอคติกับข้าราชการบำนาญหรือไม่ ? อะไรคือความหมายของ ‘งบช้างป่วย’ 

พิธา ตอบว่า  ‘งบช้างป่วย’ ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง ‘ข้าราชการบำนาญ’ แต่หมายถึง ‘วิธีในการจัดงบประมาณประเทศของรัฐบาล’ ที่รวมถึง รายได้ รายจ่าย การกู้ชดเชยขาดดุล ซึ่งจะไม่สามารถทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้อย่างยั่งยืน

“ผมต้องเรียนท่านว่าผมมีคนในครอบครัวเป็นข้าราชการบำนาญ ตัวผมเองก็เคยทำงานที่กระทรวงพาณิชย์มาก่อน เข้าใจหัวอกข้าราชการเรื่องค่าตอบแทนที่น้อยกว่าเอกชนและปัญหาของข้าราชการไทยในการดูแลประชาชนไม่มากก็น้อย จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะมีอคติต่อข้าราชการครับ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top