Wednesday, 21 May 2025
ค้นหา พบ 48222 ที่เกี่ยวข้อง

เชียงใหม่-มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ฯ เข้าศึกษาดูงาน CAMT

มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ฯ เข้าศึกษาดูงานระบบการจัดการความรู้ตามมาตรฐาน ISO 30401 และ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหัว TQA และ EdPEx ของ CAMT นำทีมดำเนินกิจกรรมโดยศูนย์ KIND BY CAMT วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

วันที่ 13 มีนาคม 2566 ศูนย์ KIND BY CAMT และหลักสูตรการจัดการความรู้และนวัตกรรม วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดกิจกรรมศึกษาดูงาน ณวิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี ให้แก่ทีมผู้บริหารและบุคลากร จากมหาวิทยาลัย ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ภายใต้โครงการพัฒนาองค์กรสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้”นำทีมโดย คณบดี วิทยาลัยศิลปะสื่อฯ ผศ.ดร.วรวิชญ์ จันทร์ฉาย ได้กล่าวต้อนรับและแชร์ความรู้ในหัวข้อ TQA และ EdPEx และแลกเปลี่ยนเรียนรู้สร้างความร่วมมือด้านการจัดการความรู้สู่องค์กรสู่ความเป็นเลิศ นำโดย อาจารย์ ดร.อัจฉรา คำอักษร ผู้ปฏิบัติหน้าที่ช่วยคณบดี ด้านการบริหารระบบ ISO 30401 วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมแนะนำศูนย์ KIND BY CAMT 

‘ภูมิใจไทย’ ส่ง ‘เสี่ยหนู’ คุมกระทรวงคมนาคม สกัด ‘อธิรัฐ’ รื้องานโครงการรถไฟสายสีส้ม

(14 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ที่อาจเป็นนัดสุดท้ายก่อนยุบสภาฯ พบว่ามีการเสนอวาระสำคัญหลายเรื่อง อาทิ การแต่งตั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แทนนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ทำหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมก่อนหน้านี้ หลังนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแต่งตั้งนายอนุทิน เป็นรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เนื่องจากนายอธิรัฐ จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโครงการต่าง ๆ สมัยที่นายศักดิ์สยามทำไว้ โดยเฉพาะโครงการรถไฟสายสีส้ม ที่นายอธิรัฐจะเร่งเสนอให้ ครม.อนุมัติในวันเดียวกันนี้ แต่ถูกคัดค้านในที่ประชุม ครม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว กรณีศาลรับคำร้องตรวจสอบการถือครองหุ้นห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น โดยกระทรวงคมนาคมมีคำสั่งให้ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รับตำแหน่งรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

สวธ. ขอเชิญชวนน้อง ๆ ยุวชนไทย เข้าร่วมกิจกรรม “ค่ายการ์ตูนวัฒนธรรมไทยสร้างสรรค์ยุวชน”

นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.)  เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และบริษัท ซี พี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สมาคมการ์ตูนไทย จัดกิจกรรมอบรม “ค่ายการ์ตูนวัฒนธรรมไทยสร้างสรรค์ยุวชน” รุ่นที่ ๗๗ และ ๗๘ เพื่อส่งเสริมทักษะการวาดภาพการ์ตูนของยุวชนไทยเป็นพื้นฐานงานศิลปศึกษา และยังเป็นการปลูกฝังค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม ระเบียบวินัย วัฒนธรรมไทยแก่ยุวชนให้ประพฤติปฏิบัติสิ่งที่ดีงาม ระหว่างที่ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน รวมถึงส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ระหว่างปิดภาคเรียนด้วย 

อธิบดีฯ กล่าวต่อว่า กิจกรรมดังกล่าว เปิดรับสมัครยุวชนตั้งแต่อายุ ๗-๑๖ ปี โดยแบ่งออกเป็น ๒ รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่นที่ ๗๗ “วาดจินตนาการ การ์ตูนเปลี่ยนโลก” ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ และรุ่นที่ ๗๘ “เส้นสายสีสัน การ์ตูนเล่าเรื่อง” ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐-๑๕.๓๐ น. ณ ห้องประชุม ๑ ห้องประชุม ๒ และห้องนิทรรศการหมุนเวียน ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย 

สวธ.ปฐมนิเทศน้องๆเยาวชน สมาชิกวงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย และวงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

น้องๆเยาวชน  ที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิ เข้ารับการปฐมนิเทศ สมาชิกวงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์  คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทยและวงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนไทย ประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2566 โดยมี นางสาววราพรรณ  ชัยชนะศิริ  รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธาน โอกาสนี้  นายสาโรจน์  เล้าเจริญสมบัติ  ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิปัญญา  นายกสมาคมดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทสากล วาทยกร คณะผู้เชี่ยวชาญ และคณะนักดนตรี ร่วมงาน ณ ห้องแกลลอรี่ ๕ ชั้น ๑ หอศิลป์แห่งชาติ   
  
วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๐.๐๐ น. นางสาววราพรรณ  ชัยชนะศิริ  รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม  รับมอบหมายจากท่านอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธานการปฐมนิเทศสมาชิกวงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย และวงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ซึ่งมีน้องๆเยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการ รวม 475 คน ร่วมฟังการปฐมนิเทศ  โอกาสนี้ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้กล่าวแสดงความยินดีกับน้องๆเยาวชนที่ผ่านการคัดเลือก และขอเป็นกำลังใจให้กับเยาวชนทุกคนในวันนี้ ขอขอบคุณท่านวาทยากร คณะผู้เชี่ยวชาญและผู้ปกครองทุกท่าน ที่มีส่วนผลักดันและร่วมกันนำพาคณะนักดนตรี นักร้องของเราไปสู่ความสำเร็จในทุกๆด้านดังที่หวังไว้ทุกประการ  จากนั้นได้กล่าวให้โอวาทว่า  “วงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือ Thai  Youth  Orchestra (TYO)  คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย หรือ Thai  Youth  Chio (TYC) และวงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนไทย หรือ Thai Youth Winds (TYW)  ถือว่าเป็นตัวแทนของคณะเยาวชน ระดับชาติ ที่เข้าร่วมกิจกรรมการแสดงในโอกาสต่างๆ ของรัฐบาลและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคณะนักดนตรี นักร้อง จะมีผลงานดีมากน้อยเพียงใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเยาวชนทุกคนที่ผ่านการสอบคัดเลือกในที่นี้  จะต้องหมั่นฝึกฝน มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ เพื่อพัฒนาตนเองและพัฒนาศักยภาพ ให้ทัดเทียมนานาประเทศต่อไป”
 
จากนั้น นางณัฐภา บุญงาม  ผู้อำนวยการศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้ดำเนินโครงการพัฒนา วงดุริยางค์เยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย  วงดุริยางค์เครื่องลมเยาวชนไทย  มาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี การดำเนินโครงการดังกล่าว กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้บูรณาการร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมดนตรีสากลเยาวชน  สมาคมขับร้องประสานเสียงแห่งประเทศไทย  สมาคมดนตรีและ มาร์ชชิ่งอาร์ทสากล  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเยาวชนด้านดนตรีสากลและขับร้องประสานเสียง ที่มีอายุไม่เกิน ๒๕ ปี  ให้ได้รับการถ่ายทอดทักษะความรู้ด้านดนตรีสากล และขับร้องประสานเสียงจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน  ซึ่งจะทำให้เยาวชนได้พัฒนาทักษะ สร้างเสริมประสบการณ์  

ประชาธิปัตย์ทันสมัย พูดคุยกับ ‘อลงกรณ์’ ในบริบทใหม่ของ ศก.ไทย ใต้ ‘6 ระบบเศรษฐกิจ-18 ฐานการพัฒนา’

ในห้วงเวลาที่นโยบายหลากพรรคต่างช่วงชิงกระแส ‘ตัวเลข’ ออกมาปั้นเป็นวิสัยทัศน์กันอย่างไวว่อง ในฟากของประชาธิปัตย์ก็มิได้ตกขบวนแต่อย่างใด หากแต่ตัวเลขของ ปชป. อาจจะไม่ใช่ตัวเลขหรือหวาเชิงประชานิยม แต่กลับเป็นตัวเลขภายใต้บริบทที่เรียกว่า ‘6 ระบบเศรษฐกิจใหม่ - 18 ฐานการพัฒนาใหม่’ ซึ่งทางพรรควางไว้เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนประเทศไทยตัวใหม่ภายใต้แพลตฟอร์มที่ประชาธิปัตย์ได้ดีไซน์เพื่อความเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศไทยในวันนี้

บริบทจาก ‘6 ระบบเศรษฐกิจใหม่ - 18 ฐานการพัฒนาใหม่’ ที่ว่านั้น ทาง THE STATES TIMES ได้รับความกระจ่างผ่านมุมมองของ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ / อดีต ส.ส.6สมัย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)

เมื่อถามถึงบริบทดังกล่าว นายอลงกรณ์ ก็ได้เริ่มเกริ่นนำว่า “ในมุมมองของผม โจทย์ใหญ่ของประเทศไทย คือ  อัตราการเติบโดทางเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่หนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รายได้ต่อหัวของประชาชนขยายตัวในอัตราต่ำเมื่อเทียบกับศักยภาพของประเทศ การคอร์รัปชันสูงเกินไป การกระจายรายได้ต่ำ ทำให้ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมสูงมากในลำดับต้นๆ ของโลก

“สรุปคือระบบเศรษฐกิจและระบบภาครัฐดั้งเดิมของประเทศไทยเหมือนเครื่องยนต์เก่าที่กำลังไม่พอต่อการยกระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องสร้าง ‘เครื่องยนต์ตัวใหม่’ ที่ทันต่อการแข่งขันและความท้าทายใหม่ๆ เช่น ปัญหาโลกร้อน, ปัญหาสังคมสูงวัย, ปัญหาความยากจนและหนี้สิน, ปัญหาความเหลื่อมล้ำปัญหาการผูกขาดทางเศรษฐกิจ, ปัญหาการคอร์รัปชัน, ปัญหาคุณภาพการศึกษา และปัญหาโรคระบาดและฝุ่นพิษ รวมถึงปัญหาUrbanization และปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฯลฯ”

นายอลงกรณ์ เผยต่อว่า “ถ้าจะยกระดับอัพเกรดให้ก้าวพ้นประเทศรายได้ปานกลางสู่ประเทศรายได้สูง เราต้องมีแพลตฟอร์มใหม่และสร้าง”พิมพ์เขียวปฏิรูปเศรษฐกิจและการพัฒนา”ที่มีเป้าหมายชัดเจนเป็นตัวชี้วัด (Benchmark) บนโครงสร้างและระบบเศรษฐกิจใหม่ 6 ระบบได้แก่ 1.เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) 2.เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) 3.เศรษฐกิจอุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) 4.เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) 5.เศรษฐกิจเพื่อสังคม (Social Economy) และ 6.เศรษฐกิจสูงวัย (Silver Economy)

“โดยทั้ง 6 ระบบนี้ คือ เครื่องยนต์ใหม่ที่จะตอนโจทย์ต่ออนาคตของประเทศไทย ซึ่งมีเป้าหมายที่จะต้องทำให้ได้ดังนี้...1.การเติบโตทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 5 %ใน 4 ปีแรกและ 7 %ในปีที่ 5 / 2.สร้างมูลค่าGDPเป็น 20 ล้านล้านบาทภายใน 4 ปี / 3.สร้างความสมดุลหนี้สาธารณะและงบประมาณสมดุลภายใน 8 ปี / 4.เกิดการจ้างงานใหม่ไม่น้อยกว่า 1 ล้านตำแหน่งภายใน 8 ปี  และ 5. เพิ่มรายได้ประชากรสู่ระดับ 12,000 ดอลลาร์สหรัฐภายใน 10 ปี...นี่คือในส่วนของ ‘6 ระบบเศรษฐกิจใหม่’ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top