Wednesday, 21 May 2025
ค้นหา พบ 48229 ที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ จัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “การรับแจ้งความร้องทุกข์ต่างท้องที่”

ตามที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด 16 การปฏิรูปประเทศ ได้กำหนดเป้าหมายหลักของการปฏิรูปประเทศ พร้อมทั้งได้กำหนดหลักการและแนวทางการปฏิรูปประเทศ รวมถึงมีพระราชบัญญัติ
แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2560  และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การประกาศแผนการปฏิรูปประเทศ เพื่อมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนในเชิงโครงสร้าง วิธีการ และกระบวนการ หรือกฎระเบียบ
ที่สำคัญเพื่อให้การดำเนินงานของทุกภาคส่วนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุผลอันพึงประสงค์
ตามรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดให้วุฒิสภามีหน้าที่และอำนาจในการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ นั้น 


โดยเมื่อวันที่ 10 ก.ย.62  ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติตั้งแต่งคณะกรรมาธิการการกฎหมาย 
การยุติธรรม และการตำรวจ วุฒิสภาขึ้น โดยให้มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ กระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามนโยบายด้านกฎหมาย 
การบริหารงานยุติธรรม กระบวนการยุติธรรม การตำรวจ อัยการ และราชทัณฑ์ การปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย ป้องกัน และรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ การสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม การพัฒนากลไกและวิธีการปฏิบัติงานกิจการตำรวจให้มีประสิทธิภาพ ร่วมถึงการพิจารณาศึกษา ติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ


โดยในส่วนของคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการขับเคลื่อนและผลักดันการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในเรื่องของการแจ้งความร้องทุกข์ต่างท้องที่ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาแจ้งความ ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงกำหนดให้มีการจัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ในหัวเรื่อง “การรับแจ้งความร้องทุกข์ต่างท้องที่” ขึ้น ในวันอังคาร ที่ 14 มี.ค.66 ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น. ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.ชัชวาลย์  สุขสมจิตร์ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาฯ พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมพิธีฯ 

'ป้าเจี๊ยบ' ยกกรณีป้านา หากผู้นำที่มีสติปัญญา จะมีวิธีการรับมือผู้เห็นต่างอย่างเหมาะสม

'อมรัตน์' ชี้กรณีป้านา หากผู้นำที่มีสติปัญญาจะมีวิธีการรับมือผู้เห็นต่างอย่างเหมาะสม ซัดประยุทธ์ ไร้วุฒิภาวะ ไม่เหมาะสมแคนดิเดตนายก 

(14 มี.ค.66) อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่ตำรวจเข้าจับกุม ‘ป้านา’ วันทนา โอทอง โดยใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ขัดขวางการแสดงออกทางการเมืองและมีการตั้ง 3 ข้อหาหนัก โดยอมรัตน์กล่าวว่า ตนเข้าใจความจำเป็นในหน้าที่รักษาความปลอดภัยผู้นำ แต่การใช้กำลังรุนแรงปิดปากฉุดกระชากลากถูกับหญิงผู้สูงอายุคนเดียว ต้องถามว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่

ทั้งนี้หากประยุทธ์เป็นผู้นำที่มีสติปัญญาควรมีการซักซ้อมทำความเข้าใจกับทีมตนเองว่าเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินควรมีแนวปฏิบัติอย่างไร ต้องมีการเจรจาพูดคุยทำความเข้าใจ และใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักอย่างเหมาะสมไม่ใช่ใช้มุมมองแบบทหาร มองเพื่อนร่วมชาติที่มีจุดยืนการเมืองคนละขั้วเป็นอริราชศัตรู แบบที่มองภัยจากภายนอกประเทศ” อมรัตน์กล่าว


ส่วนประเด็นการตั้งข้อกล่าวหาหนักต่อป้านา ว่าขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ตนอยากถามว่าการที่พล.อ.ประยุทธ์ไปตรวจราชการที่ อ.บ้านโป่งครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี หรือใช้ตำแหน่งนายกฯ เป็นข้ออ้างไปติดตามงานเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง เพราะรู้กันอยู่ว่าบ้านโป่งเป็นเขตพื้นที่ส.ส.ย้ายพรรคจากปชป.ไปซบพรรครวมไทยสร้างชาติ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ส่วนประเด็นที่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงคนที่ชู 3 นิ้วว่าให้ไปหาหมอป่วย และมาเพราะต้องการอะไรสักอย่าง 
อมรัตน์ให้ความเห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ก็รู้นี่ว่าประชาชนที่มารอพบท่านมาเพราะต้องการอะไรบางอย่าง
เลยต้องถามว่าเมื่อทราบแล้วในฐานะผู้นำเคยออกมารับฟังพวกเขาไหม
และนี่ขนาดกำลังจะเข้าสู่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังไม่เปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำ ทั้งที่มีบทเรียนอยู่แล้ว 

ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมต.ผู้ปราบการกระทำผิดไซเบอร์ แห่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

อยู่ในตำแหน่ง ส.ส. ครบ 4 ปี และแม้จะเป็นรัฐมนตรีไม่นานมากนัก แต่ต้องยอมรับว่า "ชัยวุฒิ  ธนาคมานุสรณ์ มีบทบาทในการขับเคลื่อนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส  รวมถึงการทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร ที่มีจุดยืนชัดเจนในการปกป้องสถาบันหลักของชาติ เรียกได้ว่า "พร้อมชน" ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งการจัดการกับ "ข่าวปลอม" ต่างๆ  การอภิปรายในสภา หรือให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเพื่อตอบโต้การเคลื่อนไหวหรือการทำกิจกรรมใดๆ ที่สุ่มเสี่ยงหรือเข้าข่ายกระทบสถาบัน

หากย้อนมองเส้นทางการเมืองของ "ชัยวุฒิ" ที่ครั้งหนึ่งเคยใฝ่ฝันอยากเป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาทำงานการเมือง เริ่มต้นจากการเป็น ส.ส. สิงห์บุรี กับพรรคประชาธิปัตย์ ในปี 2544  และขยับไปเป็น ส.ส.สิงห์บุรีอีกสมัยกับพรรคชาติไทย ในปี 2550 คล้อยหลังมา 1ปี เจ้าตัวจำต้องเว้นวรรค ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี  เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคชาติไทยซึ่งถูกยุบ ในคดียุบพรรคการเมือง ปี 2551

จากนั้นก็ผันตัวไปทำงานอื่นอยู่พักใหญ่ก่อนหวนกลับมาสู่การเมืองอีกครั้ง เมื่อถูกทาบทามให้เข้ามาช่วยปลุกปั้นพรรค "พลังประชารัฐ" สู้ศึกเลือกตั้งในปี 2562 ได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 10 และมีบทบาทสำคัญในการบริหารขับเคลื่อนพรรค ต่อมาเมื่อถึงช่วงเวลาปรับ ครม. เดือนมีนาคม 2564  "ชัยวุฒิ" จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

"ที่ผมเข้ามาทำงานในกระทรวงดิจิทัล ภารกิจหลักของผมคือปกป้องสถาบันหลักของชาติ"

ประโยคสั้นๆ จากบางช่วงบางตอน ที่ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ในฐานะ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3 กันยายน 2564 หลังถูกตั้งคำถามเรื่องการใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์และศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เพื่อประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่

วันนั้น เขาขยายความเหตุที่ต้อง ‘ปกป้อง’ สถาบันหลักของชาติ เพราะกำลังถูกบ่อนทำลาย โดยการใช้โซเชียลมีเดีย ใช้คอมพิวเตอร์ สื่อสารข้อมูลเท็จ บิดเบือน สร้างความเกลียดชัง เพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างในประเทศ

‘เมืองผูเอ่อร์’ แหล่งปลูกเมล็ดกาแฟชั้นเยี่ยม รวมมูลค่า ส่งออกกาแฟสดสีเขียวกว่า 2 พันล้านบาท

ปักกิ่ง, 14 มี.ค. (ซินหัว) — สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ในปี 2022 มูลค่าการส่งออกเมล็ดกาแฟสดสีเขียว (green coffee beans) ที่ผลิตในเมืองผูเอ่อร์ของจีนสูงถึง 462 ล้านหยวน (ราว 2.32 พันล้านบาท) โตขึ้นร้อยละ 296.4 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยผูเอ่อร์เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) และเป็นที่รู้จักด้านการเป็นแหล่งผลิตชาผูเอ่อร์ของจีน

เมืองผูเอ่อร์ตั้งอยู่ที่ละติจูด 24 องศาเหนือ และพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับความสูงตั้งแต่ 1,000 – 2,000 เมตร ที่นี่มีสภาพอากาศค่อนข้างร้อนชื้น ดินมีความอุดมสมบูรณ์ มีแสงแดดที่เพียงพอ มีปริมาณน้ำฝนอุดมสมบูรณ์ ทั้งยังมีสภาพแวดล้อมทางนิเวศที่ดี นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องปลูกชาแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งปลูกเมล็ดกาแฟชั้นเยี่ยม กระทั่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “นครหลวงแห่งกาแฟ” ของจีน

เมล็ดกาแฟผูเอ่อร์ให้รสชาติที่มีความสมดุล ไม่เปรี้ยวหรือขมเกินไป กลมกล่อมด้วยกลิ่นหอมแบบผลไม้ และมีเนื้อเนียนละเอียด เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคทั่วโลก เห็นได้จากยอดการส่งออกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

รายงานระบุว่าปลายทางการส่งออกเมล็ดกาแฟสีเขียวของเมืองผูเอ่อร์ได้แก่ ยุโรป อาเซียน อเมริกา ตะวันออกกลาง และภูมิภาคอื่น ๆ

ในปี 2022 เมืองผูเอ่อร์มีพื้นที่ปลูกกาแฟราว 45,267 เฮกตาร์ (ราว 2.28 แสนไร่) และมีผลผลิต 55,700 ตัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในจีน

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมืองผูเอ่อร์ได้เพิ่มความพยายามหลายด้านเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมกาแฟ เช่น ผลักดันการปลูกกาแฟ การวิจัยและพัฒนา การแปรรูป การขาย และการจัดเก็บกาแฟ

เมืองผูเอ่อร์ยังเปิดตัวโครงการนำร่องด้านประกันสินค้าในปี 2019 เพื่อการกำหนดราคาเมล็ดกาแฟสีเขียวของเมือง โดยมุ่งลดภาระของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้ปลูกกาแฟ ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมให้ยั่งยืน

ผลที่ได้รับคือ ผลิตภัณฑ์กาแฟผูเอ๋อร์หลายชนิด เช่น กาแฟสำเร็จรูป เมล็ดกาแฟอบ ถุงกาแฟหูห้อย และกาแฟแคปซูล ต่างได้รับความนิยมและเป็นหนึ่งในสินค้าขายดีทางออนไลน์
 

ภารกิจต่างดาว ‘เพนตากอน’ ชี้!! วัตถุประหลาด อาจเป็นยานแม่ต่างดาว ทำหน้าที่ปล่อยยานสำรวจขนาดเล็ก ระหว่างเคลื่อนที่ผ่านโลก

(14 มี.ค. 66) มีความเป็นไปได้ที่ย่านแม่ของสิ่งมีชีวิตนอกโลกและยานสำรวจ อาจเดินทางเยือนดาวเคราะห์ต่าง ๆ ในระบบสุริยะของเรา จากความเห็นของหัวหน้าสำนักงานวิจัยปรากฏการณ์ทางอากาศที่ไม่สามารถระบุเอกลักษณ์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) เผยในร่างรายงานฉบับหนึ่ง ซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

“วัตถุระหว่างดวงดาวไม่เป็นไปตามธรรมชาติอันหนึ่ง มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นยานแม่ที่ปล่อยยานสำรวจขนาดเล็กมากมาย ระหว่างที่มันเคลื่อนผ่านโลกในระยะใกล้ รูปแบบของปฏิบัติการ ไม่ต่างจากภารกิจของนาซาเท่าไหร่” ฌอน เคิร์กแพทริก ผู้อำนวยการสำนักงาน All-domain Anomaly Resolution Office (AARO) ของเพนตากอน เขียนในรายงานการวิจัยร่วมกับ อับราฮัม อาวี โลบ ประธานคณะดาราศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

ทั้งนี้ สำนักงาน AARO มีหน้าที่ตรวจสอบ สืบสวน และระบุวัตถุที่ไม่สามารถระบุได้ รวมถึงวัตถุบินเหนืออากาศและใต้น้ำ ที่อาจเป็นภัยคุกคาม เพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงของชาติสหรัฐฯ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top