Monday, 26 May 2025
ค้นหา พบ 48341 ที่เกี่ยวข้อง

เศรษฐกิจไทยฟื้น ‘กสิกรไทย’ เผยความกังวลค่าใช้จ่าย ของครัวเรือนไทยลดลง พบบางกลุ่มยังคงระมัดระวัง ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

ดัชนี KR-ECI เดือนก.พ. 66 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันครัวเรือนไทยมีความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและราคาสินค้าลดลง

(12 มี.ค. 66) ในเดือนก.พ. 66 ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนในปัจจุบันและดัชนี 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องที่ 36.6 และ 38.6 จาก 35.1 และ 37.8 ในเดือนม.ค. 66 โดยครัวเรือนยังคงความกังวลแต่มีระดับลดลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าจากมุมมองที่ดีขึ้นเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและราคาสินค้าที่ชะลอลงสอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อไทยเดือนก.พ. 66 อยู่ที่ระดับ 3.79%YoY เป็นผลจากราคาสินค้าหมวดอาหารสดที่ลดลง เช่น เนื้อสัตว์ ผักสดและผลไม้ และราคาพลังงานที่ชะลอลงตามตลาดโลก

นอกจากนี้ ในเดือนมี.ค. 66 ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลปรับลดลงมาอยู่ที่ 34 บาทต่อลิตร หลังจากถูกตรึงให้อยู่ระดับ 35 บาทต่อลิตรมานาน 7 เดือน อีกทั้ง ภาครัฐยังคงให้การอุดหนุนราคาน้ำมันดังกล่าว เช่น การขยายเวลาลดภาษีน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาทออกไปถึงเดือนพ.ค. 66 สำหรับภาคการท่องเที่ยวที่ถือได้ว่าเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังคงสะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งและหนุนให้ครัวเรือนมีมุมมองที่ดีเกี่ยวรายได้และการจ้างงานโดยอัตราการว่างงานเดือนม.ค.66 อยู่ที่ 1.2%YoY ขณะที่สาขาที่มีจำนวนผู้ทำงานเพิ่มขึ้น เช่น การขายส่งและขายปลีก ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร ทั้งนี้ ในเดือนม.ค. 66 นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยมีจำนวนมากกว่า 2 ล้านคนเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศก็สามารถขยายตัวได้แข็งแกร่ง โดยเดือนม.ค.66 การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของชาวไทยมีจำนวน 15.84 ล้านคน-ครั้ง (64.9%YoY) และสร้างรายได้กว่า 70,328.9 ล้านบาท (47.3%YoY)

อย่างไรก็ตาม ครัวเรือนมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาระหนี้ในระยะข้างหน้า สอดคล้องกับทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นในประเทศจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยขณะนี้มีอัตราอยู่ที่ 1.50% ต่อปี ซึ่งเป็นต้นทุนทางการเงินของครัวเรือนจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีมุมมองว่า หนี้ครัวเรือนต่อ GDP ในปี 2566 อาจชะลอตัวลงมาที่กรอบ 84.0-86.5% แต่ภาระหนี้ที่ยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูงอาจเป็นข้อจำกัดในการเติบโตของการบริโภคภาคครัวเรือนในอนาคต

หมดความเชื่อมั่น นทท. โวย โดนหมาจรจัดกัด ที่หาดอ่าวนาง เสียค่ารักษากว่า 2 หมื่นบาท ร้องแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

นักท่องเที่ยวโวย ถูกสุนัขจรจัดไล่กัดได้รับบาดเจ็บขณะเดินออกกำลังกาย หน้าหาดอ่าวนาง ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล กว่า 2 หมื่นบาท เรียกร้องให้หน่วยงานเกี่ยวข้องแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อความปลอดภัยนักท่องเที่ยว

กลับมาอีกแล้วปัญหาสุนัขจรจัดทำร้ายนักท่องเที่ยวที่หาดอ่าวนาง ล่าสุด เกิดเหตุสุนัขจรจัดบริเวณหน้าหาดอ่าวนาง ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ไล่กัดนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ และต้องเสียค่ารักษาพยาบาลเป็นเงินกว่า 20,000 บาท สร้างความไม่พอใจแก่นักท่องเที่ยวรายดังกล่าวเป็นอย่างมาก และเกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัย

เบื้องต้น ทราบว่านักท่องเที่ยวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ คือ นายแดเนียล สุดใจ (Daniel Sudjai Kutrakun) อายุประมาณ 60 ปี เป็นคนไทยที่มีภรรยาเป็นชาวอเมริกันและทำงานอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และจะกลับมาเที่ยวที่หาดอ่าวนางทุกปี โดยพักอยู่โรงแรมแห่งหนึ่ง หน้าหาดอ่าวนาง ทั้งสองเป็นแขกวีไอพีของโรงแรม

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (11 มี.ค.) ขณะที่นายแดเนียล และภรรยา กำลังเดินออกกำลังกายบริเวณหน้าหาดอ่าวนาง ห่างจากที่พักประมาณ 300 เมตร ระหว่างที่เดินอยู่นั้นพบฝูงสุนัขประมาณ 5 ตัว กำลังรวมตัวกันที่ชายหาด และมีตัวผู้ตัวเมียคู่หนึ่งกำลังผสมพันธุ์กัน เมื่อเห็นนายแดเนียลและภรรยา สุนัขตัวสีน้ำตาลได้วิ่งเข้ามากัดขาซ้าย นายแดเนียล จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ท่ามกลางความตกใจกลัวของภรรยานายแดเนียล

ซึ่งนายแดเนียล จึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือมา บันทึกภาพฝูงสุนัขดังกล่าวเอาไว้เพื่อแชร์ในโลกออนไลน์ ก่อนจะเดินทางไปรักษาตัวที่คลินิก ซึ่งทั้งค่าตรวจรักษา และยาค่ายาเป็นเงินจำนวนกว่า 2 หมื่นบาท

โดยนายแดเนียล บอกว่า ตนมาเที่ยวที่อ่าวนางทุกปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทำให้รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลนั้นตนไม่ติดใจอะไร แต่ไม่อยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดกับนักท่องเที่ยวคนอื่นอีก

อย่าหลงเชื่อ!! ‘ตำรวจไซเบอร์’ แนะ 10 แนวทางระวังภัย ‘เพจปลอม’ สวมรอยเฟซบุ๊กจริง ลวงขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์

โฆษก บช.สอท. เตือนภัยระวังมิจฉาชีพหลอกลวงขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ระวังเจอเพจเฟซบุ๊กปลอม สวมรอยลอกเลียนแบบเพจเฟซบุ๊กจริง อย่าหลงเชื่อ

(12 มี.ค.66) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัย กรณีการหลอกลวงขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ระวังเจอเพจในเฟซบุ๊กปลอม ลอกเลียนแบบของเพจในเฟซบุ๊กจริง ดังนี้

ที่ผ่านมาได้รับรายงานจากกองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ตอท.) พบว่ามีประชาชนตกเป็นเหยื่อจากการซื้อสินค้าแต่ไม่ได้รับสินค้าเฉลี่ยกว่า 1,900 รายต่อสัปดาห์ ส่วนใหญ่สินค้าที่มักถูกหลอกลวง ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ ผลไม้ บัตรคอนเสิร์ต รถจักรยานยนต์มือสอง และปลาแซลมอน เป็นต้น

โดยภัยจากการซื้อขายสินค้าออนไลน์มีหลากหลายรูปแบบ เริ่มตั้งแต่การซื้อสินค้าแต่ไม่ได้รับสินค้า หรือซื้อสินค้าแต่ได้รับสินค้าไม่ตรงกับที่สั่งซื้อ หรือได้ไม่ตรงปก หรือซื้อสินค้าแต่ได้รับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ ไปจนถึงการใช้หลักฐานการโอนเงินปลอมเพื่อหลอกลวงผู้ขาย เป็นต้น โดยส่วนใหญ่มิจฉาชีพมักจะสร้างความน่าเชื่อถือของร้านค้า การการันตีสินค้า การรีวิวสินค้าปลอม รวมไปถึงการโฆษณาสรรพคุณเกินจริง

นอกจากนี้ยังมีการสร้างเพจในเฟซบุ๊กปลอมตั้งชื่อลอกเลียนแบบให้เหมือน หรือคล้ายคลึงกับเพจในเฟซบุ๊กที่มีการซื้อขายสินค้าจริง โดยการคัดลอกรูปภาพสินค้า และเนื้อหาจากเพจจริงมาใช้ เมื่อหลอกลวงผู้เสียหายได้หลายรายก็จะเปลี่ยนชื่อเพจ หรือสินค้าไปเรื่อยๆ หรือสร้างเพจปลอมขึ้นมาใหม่ ยกตัวอย่างเช่น มีผู้เสียหายถูกหลอกลวงซื้อโทรศัพท์มือถือโทรศัพท์ซิมเน็ตรายปี ผ่านเพจปลอม Moblie2you ซึ่งเพจจริงคือ Mobile2youmbk หรือกรณีปลอมเพจหลายเพจขายทุเรียนของดาราท่านหนึ่ง เป็นต้น

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานในด้านการป้องกันปราบปราม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง

ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา บช.สอท. ได้เร่งปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง มีปฏิบัติการสำคัญเมื่อต้นเดือน มี.ค.66 ระดมตรวจค้นกว่า 40 จุด ทั่วประเทศภายใต้ยุทธการ “ ปิด Job - Shop ทิพย์ ” หลอกขายสินค้าและบริการผ่านโลกออนไลน์ มีประชาชนหลายรายได้ความเสียหายหลายล้านบาท สามารถทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับกว่า 30 ราย ตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตามการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ถึงแม้จะมีข้อดีหลายๆ ประการ ไม่ว่าจะสะดวกสบาย มีให้เลือกหลากหลาย สามารถเปรียบเทียบราคาสินค้าแต่ละแหล่งได้ ติดตามโปรโมชันต่าง ๆ ได้ ที่สำคัญสามารถสั่งซื้อได้ตลอดเวลา แต่ก็เป็นช่องทางหนึ่งให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ หลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชนโดยมิชอบ

สงสารผู้บริโภค!! ‘แพรรี่ ไพรวัลย์’ คาใจฉากเซ็นเซอร์ ‘หุ่นพยนต์’ ลั่น!! ทำไมต้องฝากการแยกถูกผิด ไว้กับคนคร่ำครึ

‘แพรรี่’ สงสารผู้บริโภค คาใจปมเซ็นเซอร์ ‘หุ่นพยนต์’ เทียบละครทองเนื้อเก้า งง เณร = กอดแม่ไม่ได้ กอดผู้ชายอาบัติเล็กน้อย?


สืบเนื่องกรณี ภาพยนตร์แนวสยองขวัญเรื่อง “หุ่นพยนต์” ที่ต้องเลื่อนฉายออกไปไม่มีกำหนด หลังคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ มีมติให้เป็นภาพยนตร์เรต ฉ.20+ ห้ามผู้ชมที่อายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าชม และให้ตัดฉากที่มีเนื้อหากระทบศาสนาออก ล่าสุด ไมค์ ภณธฤต ผู้กำกับหนังหุ่นพยนต์ ก็ได้ออกมาโพสต์อธิบายเขียนถึงฉากเณรกอดแม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในฉากที่มีคำสั่งให้ตัดออก โดยบอกว่า ‘ผู้หญิงที่เณรกอดคือแม่ แม่ผู้ให้กำเนิด แม่อยู่ในอาการหวาดกลัวร้องไห้ และตกใจ ที่ลูกสาว (พี่สาวเณร) โดนผีเข้า สิ่งที่เณรทำคือเข้าไปดูแลและปกป้องแม่ตัวเอง เพราะเณรก็ตกใจในอาการที่แม่เป็น แต่ต้องเข้าไปดูแม่ตัวเอง นั้น

เมื่อเวลา 21.52 น. วันที่ 11 มีนาคม “แพรรี่” หรือ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร ระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า

“พระจริงกอดผู้ชาย ไม่มีปัญญาจัดการ เณรกอดแม่ในหนังให้ตัดออก ดอก(ไม้)สีทอง จริงๆ”
ต่อมา แพรรี่ได้โพสต์ภาพซีนดังกล่าวในภาพยนตร์ที่ถูกตัดออก พร้อมข้อความว่า “กรี๊ดดดดดดออกมาค่ะ กรี๊ดดดดดดออกมา” โดยยังได้คอมเมนต์โพสต์ดังกล่าวด้วยภาพจากละครทองเนื้อเก้า ที่มีฉากเณรกอด “ลำยอง” นางเอกในเรื่องที่นำแสดงโดย วรนุช ภิรมย์ภักดี หรือ นุ่น พร้อมระบุข้อความว่า “น้ำลายฟูมปากหรือยังคะ”

เสี่ยงถูกเท!! ‘ไพศาล’ ฟัน!! ถ้าไม่ยุบสภา รทสช. กระทบสุด ชี้!! หมดวันกำหนดสังกัดพรรค ‘รทสช.’ ยังมีไม่ถึง 15 คน

ฟันเปรี้ยง! ถ้าไม่ยุบสภา พรรคไหนกระทบมากสุด แคนดิเดตนายกฯ เสี่ยงถูกเท

(12 มี.ค.66) นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมายและอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นส่วนตัวทางการเมือง ผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol มีเนื้อหาดังนี้...
 

จับตา ครม.จะให้ยุบสภาหรือไม่?

1.รัฐธรรมนูญบัญญัติว่า พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจอธิปไตย "โดยทางคณะรัฐมนตรี" ดังนั้นในการตราพระราชกฤษฎีกา คณะรัฐมนตรี จึงต้องมีมติให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อขอรับพระบรมราชโองการให้ทรงตราพระราชกฤษฎีกา 

2.การเสนอร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภา ต้อง "ระบุเหตุที่เสนอยุบสภา" ตามรัฐธรรมนูญมาตรา103

เหตุที่จะขอเสนอยุบสภา ต้องเป็นเหตุขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารกับสภาผู้แทนราษฎร จะไปอ้างเหตุอื่นเช่น ตกปลาในอ่างไม่ทัน หรือ กกต. กำหนดการเลือกตั้งไม่ถูกใจ หรือศาลตัดสินให้รัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้ เพราะไม่ใช่เหตุตามรัฐธรรมนูญมาตรา103
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top