Monday, 26 May 2025
ค้นหา พบ 48341 ที่เกี่ยวข้อง

ชะตากรรมเลือกตั้ง 66 พรรคการเมืองใหญ่ ‘ฝ่ายรัฐ-ฝ่ายค้าน’ ต้องผวา!! หลัง ‘บรรดานักร้อง’ เรียงหน้าขุดหลักฐานยื่น ‘ยุบพรรค’

เมื่อไม่นานมานี้ (9 มี.ค.66) ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมนักวิชาการ นักเคลื่อนไหวทางสังคม และอาจารย์ ได้แสดงความคิดเห็นไว้ในคลิปวิดีโอหัวข้อ ‘จับตา! กระแสยุบพรรค...ชะตากรรมเลือกตั้ง 66’ ที่เผยแพร่ทางช่องยูทูบ ‘Suriyasai Channel’ โดยระบุว่า…

เกาะติดสถานการณ์ทางการเมืองก่อนมีพระราชกิจฎีกาเลือกตั้ง ก็พบว่า มีกระแสยุบพรรคถูกจุดขึ้นมาอีก เดี๋ยวจะขอมาเรียบเรียงที่มาที่ไป ที่มันจะทำให้เกิดความวุ่นวายก่อนการเลือกตั้ง หรือความวุ่นวายช่วงเลือกตั้ง 

และหากจำกันได้ช่วงเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้วในปี 62 ก็มีพรรคใหญ่พรรคหนึ่ง ชื่อพรรคไทยรักษาชาติ หรือ ทษช. ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแค่ 23 วัน ต้องออกจากสนามเลือกตั้ง ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า คะแนนของปีกฝ่ายค้านกับปีกพรรคร่วมรัฐบาลมันไม่ได้สะท้อนข้อเท็จจริง มันกลายเป็นการโหวตเพียงเพราะว่าไม่มีพรรคที่เรารักให้โหวตเลยจะต้องไปโหวตฝั่งพรรคอื่น มันเลยเกิดความคาราคาซังอย่างที่ได้เห็นกัน 

ส่วนการเลือกตั้งในรอบนี้ ปี 2566 ก็ต้องรอนายกฯ ประกาศยุบสภาก่อน ส่วนการเลือกตั้งก็คงเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมอย่างแน่นอน และคาดว่าเป็นช่วงต้นเดือน แต่ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น กระแสความวุ่นวายที่เกิดขึ้นมาก่อนแล้วนั่นก็คือ กระแสยุบพรรคการเมือง ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่คนหยิบยกมาพูดกันอย่างล้นหลาม ส่วนความคิดเห็นก็แตกต่างกันไป ส่วนประเด็นที่เราจะยกมาพูดในวันนี้ก็คือแนวโน้มของเรื่องนี้จะเอียนไปทางไหน จะเกิดเหตุซ้ำรอยปี 62 หรือไม่? หรือมีอะไรที่น่ากังวลมากกว่าเดิมหรือไม่?

>> เริ่มที่ประเด็นที่มีการร้องเรื่องยุบพรรคใหญ่ ๆ ในขณะนี้ที่โดนกันเกือบทุกพรรค

พรรคล่าสุดที่โดนคือ ‘เพื่อไทย’ เพราะมีคนไปร้องว่า ‘คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี ถูกห้ามยุ่งเกี่ยวการเมือง คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญระบุชัดเลยว่า ห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพียงแต่ศาลไม่ได้บอกว่าห้ามไปยุ่งนั้น ห้ามขนาดไหนอย่างไร พอไม่ได้เขียนอย่างนั้น อาจทำให้คุณณัฐวุฒิ สนใจหรือไม่สนใจหรือเปล่า ภาพที่ปรากฏออกมาคือคุณณัฐวุฒิ ไปมีบทบาทผู้นำในพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่เป็นผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย การแจกแจงแถลงยุทธศาสตร์แลนสไลด์ ผมคิดว่าคุณณัฐวุฒิปราศรัยทุกครั้ง ชูเรื่องนี้มากกว่าหัวหน้าพรรค พูดมากกว่าใครอีก 

นี่เลยกลายเป็นประเด็นที่มีคนไปร้องพรรคเพื่อไทยว่าปล่อยให้คนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจกรรม หรือการดำเนินงานของพรรคเพื่อไทยนั่นเอง

ซึ่งก่อนหน้านี้เพื่อไทยก็โดนร้องกรณีที่ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ซึ่งอยู่ต่างประเทศ และถูกตัดสิทธิทางการเมือง หนีคดีด้วย ที่ดูเหมือนเล่นบทบงการพรรค หรือกระทั่งบงการว่าที่นายกคนที่ 30 ด้วยซ้ำไป กลายเป็นคนที่เหมือนชักใยอยู่แล้ว จะบอกว่าใครเหมาะไม่เหมาะ มันก็เลยทำให้ภาพดูยังมีบทบาทกับพรรคการเมืองใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทยอยู่ ซึ่งก็มีคำร้องเรียนนี้ไว้แล้ว แต่เข้าใจว่ากรรมการการเลือกตั้งยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาด

ต่อมาคือ ‘ก้าวไกล’ จำได้ว่าคุณศรีสุวรรณ จรรยา นักร้องเบอร์ 1 ก็ไปร้องยุบพรรคก้าวไกล เรื่องร้องเรียนคล้าย ๆ กับกรณีที่ คุณสนธิญา สวัสดี ที่ไปร้องพรรคเพื่อไทยล่าสุดว่า คุณปิยบุตร คุณธนาธร ซึ่งถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี แต่ไปขึ้นเวทีปราศรัย แล้วก็มีบทบาทนำในพรรคก้าวไกลอยู่ในขณะนี้ แม้จะทำในนามกลุ่มก้าวไกลก็ตาม แต่โดยเฉพาะการขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงเคียงคู่กันมันทำได้หรือไม่อย่างไร หรือเข้าข่ายไปผิดกฎหมายเลือกตั้ง จนถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่นี่ก็เป็นที่ร้องสักระยะแล้ว

ถัดไปเป็นพรรคใหญ่อย่าง ‘พลังประชารัฐ’ ของลุงป้อมในเรื่องที่ไปโยงกับทุนสีเทา ตู้ห่าว ที่บริจาคให้เงินสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ มีคนไปร้องว่าไปรับบริจาคจากคนที่ไม่มีสัญชาติไทย เป็นชาวต่างชาติ กฎหมายทำไม่ได้ บริจาคบาทเดียวก็ไม่ได้ อันนี้บริจาค 3 ล้าน เรื่องก็คาอยู่ที่คณะกรรมการเลือกตั้ง

ต่อมาพรรคลุงตู่ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ก็มีคนออกมาพูดเรื่องที่ทำการพรรค สำนักงานพรรคไปโยงกับ ส.ว. คนหนึ่ง ที่คุณโรม รังสิมันต์ โฆษกพรรคก้าวไกล บอกว่าเป็น ส.ว. ทรงเอ แล้วก็เป็นอาคารสถานที่ ที่ไปโยงของเรื่องการได้มาที่มิชอบ หรือไม่สุจริต แล้วมันเป็นที่ทำการพรรคได้อย่างไร ก็มีคนพยายามเปิดประเด็นที่ว่าจะนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ ซึ่งอันนี้ก็เป็นภาพของพรรคใหญ่

และล่าสุดตอนนี้คุณชูวิทย์ ก็เดินหน้าตรวจสอบ ‘ภูมิใจไทย’ อย่างแรง ทั้งเรื่องรถไฟสายสีส้ม เบื้องหน้าเบื้องหลังการประมูล จนกระทั่งเรื่องที่ดินรถไฟ ที่ดินเขากระโดง แล้วก็ใช้นอมินีถือหุ้นแทนเปิดโปงรายวัน ลามไปถึงขั้นประกาศว่าจะทำคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะว่าเรื่องมันไปโยงกับ ‘คุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ’ ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยด้วย

จะเห็นว่าพรรคใหญ่ 5-6 พรรคเหมือนถูกจ่อคอหอยอยู่เลยนะ แต่ความคิดเห็นบางคนบอกว่าไม่น่าถึงขั้นยุบพรรค หรือไม่น่าจะมีความผิดขนาดนั้น แต่จริง ๆ ก็ไปคาดการณ์อะไรที่มันจะร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะการเมืองไทย

ในความเห็นส่วนตัวของผม ผมไม่ถึงขั้นไปเชียร์กฎหมายยุบพรรค เพราะกว่าจะทำพรรคให้เป็นองค์กร เป็นสถาบัน มีสมาชิก มีสาขาตามเงื่อนไขมันยาก อีกทั้งพรรคการเมืองบ้านเรายังไม่มีความเป็นสถาบัน แล้วหากมีบางพรรคกำลังก่อตัวแล้วไปยุบพรรค ลางสังหรณ์ผมไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ในทางกลับกันก็ไม่อาจปล่อยให้พรรคการเมืองทำอะไรตามใจชอบจนเลยเถิด กลายเป็นกลุ่มเป็นแก็งเป็นก๊วนมาหาประโยชน์ โดยอ้างตัวแทนประชาชนไม่ได้ 

ฉะนั้นความพอดีของกฎหมายมันก็ต้องมี หรือความผิดทางกฎหมายมันก็ต้องบรรจุไว้ เรื่องยุบพรรค จึงไม่ได้ลบทิ้งไป ยังคงต้องคาไว้ ในรัฐธรรมนูญ 60 ก็เหมือนกัน ยังเห็นความจำเป็นต้องกำกับควบคุมพรรค โดยเฉพาะการกระทำที่มันทำลายความมั่นคง หรือเข้าข่ายกระทบต่อระบอบของการเมือง การปกครอง 

สำหรับเรื่องนี้บางคนอาจจะชอบ เห็นด้วยว่ามันต้องมี บางคนอาจจะมองกฎหมายว่ามันไม่ควรมี มันก็แล้วแต่คนจะตีความหมาย 

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ประเด็นนี้ถูกหยิบมาพูดหนักมาก ๆ ในช่วงนี้ และมีความออกมาชี้เป้า ออกมาเตือนให้จับตาดูว่าอาจจะทำให้การเมืองพลิกกระดานได้ ก็เพราะว่ามีบางคนใช้คำว่า กฎหมายติดเทอร์โบ หมายความว่ามันกำหนดช่วงเวลา วินิจฉัย คำร้องเรียนเรื่องยุบพรรคเร็วมาก ทำให้ไม่สามารถปล่อยทิ้งค้างไว้เป็นปีสองปี หรือจนลืมไปเลย มันทำไม่ได้ เพราะกรรมการการเลือกตั้งที่เป็นเจ้าภาพเบื้องต้นของข้อร้องเรียนเรื่องยุบพรรค กลายเป็นคนออกระเบียบมาเอง
.
ย้อนไปเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กกต. หรือกรรมการการเลือกตั้งชุดนี้ออกประกาศ ออกระเบียบ กกต. ว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน ของนายทะเบียนพรรคการเมือง พ.ศ. 2566 ว่าด้วยขั้นตอนและกระบวนการพิจารณาเรื่องร้องเรียนยุบพรรค หรือที่เรียกว่า ยุบพรรคติดเทอร์โบ 

โดยกำหนดว่าเมื่อมีคำร้อง ขั้นตอนแรกเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องต้องใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน สำหรับตรวจสอบพยานหลักฐานเอกสารดูก่อนว่ามันเข้าองค์ประกอบหรือไม่ หรือมันเป็นแค่บัตรสนเทศ ใบปลิว หรือมันมีตรรกะ มีพยานหลักฐานสมน้ำสมเนื้อควรเป็นคำร้องภายใน 7 วัน คณะทำงานชุดนี้ต้องหาข้อยุติ 

เมื่อเห็นมันเข้าข่ายที่ต้องวินิจฉัยให้เป็นกระแสความ ก็ส่งไปที่กรรมการชุดใหญ่ กรรมการชุดใหญ่ก็ต้องตั้งอนุกรรมการขึ้นมาวินิจฉัยคำร้องนี้ 30 วัน โดยต้องหาข้อยุติว่าเข้าข่ายต้องยุบพรรคหรือไม่? ถ้าหากเวลา 30 วัน ไม่พอสำหรับหาเอกสาร หรือหลักฐานที่มันยังเบาไปอยู่ แต่มีมูลจะหาต่อก็ขยายไปได้อีก 30 วัน รวมแล้วกลายเป็น 60 วัน แต่สามารถทำให้จบได้ภายใน 15 วัน แต่ไม่เกิน 30 วันในขั้นแรก 

หมายความว่าทำให้จบภายใน 30 วันได้ จากเดิมเริ่มที่ 7 วัน เป็น 30 วัน ก็ใช้เวลาแค่ 37 วัน แต่ถ้ามีเรื่องที่จะต้องสืบเพิ่ม ก็สามารถขยายได้อีก 30 วัน รวมเป็น 67 วัน สรุปคือ กกต. ใช้เวลาได้ไม่เกิน 67 วัน หรือสองเดือนกว่า ๆ ขยายยังไงก็ได้ไม่เกิน 67 วัน และสามารถทำให้จบก่อนหน้านั้นได้ 

ดังนั้นหากเรื่องตกไปตั้งแต่ขั้นตอนคณะทำงานรับเรื่อง ก็ไม่ต้องลุ้น ไม่ต้องกังวล แต่หากมันมีมูลต้องสอบ ก็ต้องไปรอคำวินิจฉัยของ กกต. ชุดใหม่ ก็จะทำให้พรรคการเมืองที่ถูกร้อง ต้องอยู่ในภาวะหวาดระแวง ทำการหาเสียงไป ชำเลืองมองไปว่า จะถูกวินิจฉัยว่าอย่างไร จะได้หาเสียงแบบสบายใจหรือต้องเอามือก่ายหน้าผาก

อย่างไรก็ตามเมื่อครบ 60 วัน คณะทำงานไม่เกิน 7 วัน กกต. ชุดใหญ่พิจารณาชี้ขาดไม่เกิน 30 วัน ขยายได้ไม่เกิน 30 วัน รวมเป็น 67 วัน ถ้าชุดใหญ่ กกต. เห็นว่ามีมูล สมควรวินิจฉัยว่าการกระทำนั้นใช้คนนอกพรรค ไม่ได้เป็นสมาชิกมาบงการพรรค ทำได้หรือทำไม่ได้แค่ไหนอย่างไร ก็ต้องส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเรื่องนี้ กกต. ไม่มีอำนาจวินิจฉัย 

ฟาดเดือด! ‘ณัฐวุฒิ’ สับ ‘ชูศักดิ์’ ศึกษาข้อกฎหมายให้ชัดเจน ท้าดีเบตข้อกฎหมาย ลั่น!! เกิดก่อนไม่ได้แปลว่าเก่งกว่า

ฟาดเดือด! มือกฎหมายมหาชนสอนมวยนักกฎหมายเพื่อไทย

(12 มี.ค. 66) ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน กล่าวว่า ตามที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง นายณัฐวุฒิ วงศ์เนียม ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญกฎหมายมหาชนให้ความเห็น กรณีที่พรรคเพื่อไทยแต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เป็นผู้ช่วยหาเสียงไม่อาจทำได้และการติดป้ายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย มีแต่รูปของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร โดยไม่มีนโยบายของพรรคเพื่อไทย อาจเข้าข่ายถูกยุบพรรคนั้นว่าเป็นการให้ความเห็นทางวิชาการนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้และเคารพทุกความเห็น แต่ผู้ให้ความเห็นควรศึกษาข้อกฎหมายให้ชัดเจนและต้องอยู่บนพื้นฐานของไม่มีอคติ กรณีให้ความเห็นนั้น ชัดเจนว่ามีความคลาดเคลื่อนต่อข้อกฎหมายมาก โดยโต้แย้งใน 2 ประเด็น

ทั้งนี้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล เคยเป็นอดีตอธิการบดีและอดีตคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง สอนลูกศิษย์ ให้มี ความรู้คู่คุณธรรม แต่วันนี้มาอยู่ฝ่ายการเมือง กลับลืมทั้งความรู้และคุณธรรม นักกฎหมายที่ดี จะต้องมีความรู้และคุณธรรม ตนเรียนจบปริญญาเอกปรัชญาสาขาการเมือง มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโททางกฎหมายมหาชน ที่รั้วพ่อขุน ยังจดจำคำสอนได้ดี ส่วนปริญญาเอกทางกฎหมายมหาชน เขียนดุษฎีนิพนธ์ด้านกฎหมายมหาชนเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญโดยตรง ในหัวข้อดุษฎีนิพนธ์ "บทบาทคณะกรรมการการเลือกตั้งในการอำนวยความยุติธรรมกระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร" คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สอนพิเศษด้านกฎหมายมหาชนมายาวนาน คร่ำหวอดกับภาคปฏิบัติทางกฎหมายร่วมเกือบ 30 ปี ผลงานเชิงประจักษ์ ไม่เห็นจำต้องอ้างเลยว่า เชี่ยวชาญกฎหมายมหาชน อ้างอย่างเดียว คือ “ตัวบทกฎหมาย” และแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือคำพิพากษาของศาลฎีกา ที่ออกมาพูดเพื่อประโยชน์แก่บ้านเมือง เป็นเครื่องเตือนสติ อันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติโดยรวม ไม่ใช่เพื่อผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ

ดร.ณัฐวุฒิ ระบุว่า เพราะที่ผ่านมาการรัฐประหาร วันที่ 22 พ.ค.2557 เกิดจากสาเหตุอะไร นายชูศักดิ์ ย่อมทราบรายละเอียดเชิงลึกเป็นอย่างดี หากไม่ทราบให้ไปถามนายจตุพร พรหมพันธ์ หรือ “ตู่ ศรัทธาธรรม” อดีตประธาน นปช. ตนไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด “ไม่มีพรรค มีแต่พวก” มีหลายพรรคการเมืองมาเทียบเชิญ แต่ปฏิเสธทุกพรรค หากวันไหนจะสังกัดพรรคการเมือง นายชูศักดิ์ มาดีเบตข้อกฎหมายกับตนในประเด็นไหนก็ได้ ที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง นัดมาได้เลยช่องไหน วันเวลาใด อย่างไร อย่ามาสร้างราคาให้ตนเอง บุคคลที่กลับไปอ่านทบทวนกฎหมายใหม่ คือ นายชูศักดิ์ ไม่ใช่ตนแน่นอน คนที่เกิดก่อน ไม่ได้หมายความมีความรู้กฎหมายมากกว่า

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวว่าส่วนประเด็นตั้งข้อสังเกตป้ายหาเสียงที่มีป้ายตามริมถนนสาธารณะมีแต่ป้ายของ อุ๊งอิ๊ง นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร ไม่มีภาพของนายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย สาเหตุที่ตั้งข้อสังเกตจากข้อสงสัยเพราะทุกพรรคการเมืองยกเว้นพรรคเพื่อไทย ขึ้นป้ายหัวหน้าพรรคและนโยบายพรรค ไม่มีพรรคการเมืองไหนเอาสมาชิกพรรค มาขึ้นป้ายหาเสียง ถือว่าแปลกดี เลยตั้งคำถาม ไม่มีข้อความใดระบุว่าผิดกฎหมายเลือกตั้ง ถามนายชูศักดิ์ ว่า ตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย มีกฎหมายพรรคการเมืองรับรองหรือไม่ ทั้งสองตำแหน่งนี้ ได้เขียนระบุไว้ในข้อบังคับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ อย่างไร เอาหลักฐานมาแสดงด้วย

“คุณชูศักดิ์ ต้องมาตอบด้วย ประชาชนจะได้หูตาสว่างเพราะประชาชนเขาไม่ได้กินหญ้า ผมไม่ได้โต้แย้งในระเบียบการหาเสียงว่า ติดป้ายนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร สามารถกระทำได้หรือไม่ คนละประเด็น อย่าหน้ามืดตามัว โชว์พาวเวอร์ข่มนักกฎหมายรุ่นน้อง ผิดคนแล้ว ประเด็นที่สงสัยว่า นายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ไม่เห็นมีแผ่นป้ายหาเสียง” ดร.ณัฐวุฒิ กล่าว

ทั้งนี้ เพราะพรรคการเมือง คือ สถาบันทางการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 หมวด 2 การดำเนินกิจกรรมพรรคการเมือง มาตรา 21 วรรคสอง ระบุ กก.บห.พรรค ประกอบด้วย หัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการพรรคการเมือง เหรัญญิกพรรคการเมือง นายทะเบียนสมาชิกและกรรมการบริหารอื่นตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยกับหัวหน้าพรรคการเมือง ใครมีอำนาจมากกว่ากันและประชาชนฝากถามมาว่า สองตำแหน่งนี้ ใครใหญ่กว่ากัน มีอำนาจตัดสินใจมากกว่ากัน แต่ผมว่าประชาชนเจ้าของอำนาจใหญ่กว่า แม้จะใช้เทคนิคให้นางสาวแพรทองธาร เป็นสมาชิกพรรค เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย คือ หากพรรคเพื่อไทยถูกยุบพรรค นางสาวแพรทองธาร ไม่ได้เป็น กก.บห.ทำให้รอดถูกตัดสิทธิการเมือง

อีกประการหนึ่ง มาตรา 28 บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคครองงำพรรคการเมืองไม่ได้ เป็นเหตุในการยุบพรรคมาตรา 92(2) หากนางสาวแพรทองธาร เป็นสมาชิกพรรค จะไม่ถูกข้อหาครอบงำพรรคนำไปสู่การยุบพรรค"

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่าส่วนประเด็นตำแหน่งผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยของนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ บุคคลที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ถามกลับ นายชูศักดิ์ ว่า นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยหรือไม่ หากเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เอาหลักฐานมาแสดงต่อสื่อมวลชนด้วย ตามกฎหมายพรรคการเมือง ให้ถือสมาชิกพรรค ณ ปัจจุบัน ไม่ใช่สมาชิกพรรคในอดีต ดั่งเช่นนายทักษิณหรือนางสาวยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยบุคคลที่จะเป็นสมาชิกพรรคจะต้องเข้าเงื่อนไข หลักเกณฑ์มาตรา 27 แห่ง พรป.พรรคการเมือง

“ผมชี้ช่องข้อกฎหมายเลยว่า กฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 29 ห้ามเด็ดขาดกับบุคคลที่มิให้สมาชิกพรรคยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมือง โดยมาตรา 28 ห้ามพรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการใดทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกพรรคยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมือง โดยกำหนดพฤติการณ์การกระทำ ได้แก่ ควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิก ขาดอิสระ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เป็นหลักเกณฑ์ที่จะนำไปสู่การยุบพรรคตามมาตรา 92(3) เจตนารมณ์ให้เป็นพรรคการเมืองของประชาชน ไม่ใช่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง นายชูศักดิ์ ไม่เห็นอธิบายให้ประชาชนทราบเลย”

เยือนถิ่นพิษณุโลก ‘อุ๊งอิ๊ง’ ชี้!! รัฐประหารพรากโอกาสพัฒนาชีวิตปชช. ลั่น!! สานต่อ ‘อาปู’ เดินหน้าดัน ‘บางระกำโมเดล’

‘อุ๊งอิ๊ง’ ลุยพิษณุโลก โวยรัฐประหารพรากโอกาส ลั่นสานต่อ ‘อาปู’ ดันบางระกำโมเดล

(12 มี.ค. 66) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัย ณ อาคารเป็ดร่วมใจ วัดวังเป็ด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เมื่อมาถึงพิษณุโลกก็อดกล่าวถึงคุณอา (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ไม่ได้ เพราะครั้งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เคยคิดไว้ว่าจะพัฒนา ‘บางระกำ โมเดล’ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม-น้ำแล้งให้พี่น้องประชาชน แต่ถูกรัฐประหารไปก่อน พี่น้องประชาชนจึงถูกพรากโอกาสได้พัฒนาชีวิตไป

“ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง พรรคเพื่อไทยจึงจะนำ ‘บางระกำ โมเดล’ กลับให้พี่น้องชาวพิษณุโลกอีกครั้ง เพื่อคืนชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชาชนอีกครั้งโดย อย่างแรกคือ การขยายคลอง เพื่อระบายน้ำจากแม่น้ำน่านลงสู่แม่น้ำยม ไม่ให้น้ำค้างอยู่ในที่นาของประชาชนนานเกินไป อย่างที่สองคือการทำแก้มลิงขนาดใหญ่ เพื่อดักน้ำที่ไหลหลากให้พี่น้อง และอย่างที่สามคือ การปรับปรุงอ่างเก็บน้ำชุมชนให้พี่น้องได้มีใช้ในหน้าแล้ง” น.ส.แพทองธาร กล่าว

อุทาหรณ์คนอยากสวย ‘ยิปซี’ เล่าประสบการณ์ ออกกำลังกายผิดนับปี  เพิ่งมารู้ตัวกระดูกสันหลังคด แนะ!! อย่าโหมหนัก

2 สาว ยิปซี คีรติ และ ยิปโซ อริย์กันตา มาแชร์ประสบการณ์อาการป่วยที่เกิดจากการออกกำลังกายในช่องยูทูบของตัวเองในรายการ ยิปย่อย EP94: อุทาหรณ์คนอยากสวย part1 ออกกำลังกายผิดจนกระดูกคด! ให้ฟังว่า

โดยยิปซีได้เล่าว่าเป็นคนชอบออกกำลังกายมาก มีทั้งต่อยมวย ยกเวทแบบหนัก เต้นซุมบ้าแบบรุนแรง ว่ายน้ำ โยคะร้อน และ พีราทีส ทุกอย่างเป็นกีฬาที่ใช้แรงกระแทกเยอะ สิ่งที่เกิดขึ้นและไม่คาดคิดมาก่อนคือออกกำลังกายผิดวิธีโดยไม่รู้ตัวมาเป็นเวลาหลายปี เริ่มต้นจากตอนอายุ 25 เป็นคนป่วย เกิดจากการกินที่แย่มาก่อน เป็นคนไม่ชอบกินอาหาร กินแต่ขนมผงชูรส ก็เข้าโรงพยาบาล และการป่วยครั้งนั้นก็กระทบกับชีวิตการทำงาน ก็เลยปฏิวัติตัวเอง เลยหักดิบมาสายเฮลตี้ อยากให้ร่างกายแข็งแรงจากภายใน ก็หักดิบ

เริ่มออกกำลังกายเป็นประจำ แล้วรู้สึกว่าร่างกายเปลี่ยน ดีขึ้นจากภายใน คนก็ชื่นชมในรูปร่างของเรา แล้วเราได้รับพลังทำให้เราอยากทำต่อ และมันดีกับงาน อีกอย่างก็ทำให้ตัวเองรู้สึกดี สดชื่น มีพลังในการทำงาน ก็เลยทำให้เราเสพติดการออกกำลังกาย แล้วก็ดีกับงาน และรู้สึกดีจริงๆ หลังออกกำลังกายเสร็จ

มาค้นพบว่าตัวเองกระดูกสันหลังคดมาไม่ถึงปีมานี้ คือช่วงที่ออกกำลังกายหนัก ยกเวทหนักๆ เกือบ 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นมีอาการเจ็บอยู่ตลอด แต่เลือกที่จะหมางเมินมัน เจ็บก็คิดว่าปกติเพราะกล้ามเนื้อกำลังทำงาน กำลังซ่อมแซมมันแต่เราเจ็บแบบเรื้อรังแม้จะบางวันไม่ได้ออกกำลังกาย มีความจี๊ดแปล๊บ วิธีการแก้ที่เราทำมาก่อนและไม่ได้บอกว่าถูกก็คือไปหาหมอนวดแผนไทยให้แก้อาการ พอดีขึ้นก็กลับไปยกใหม่ แล้วก็ทำเป็นรูทีน แต่พอคลายไม่ออกก็หาหมอใหม่ ไปฝังเข็ม ตอนแรกลองไปโรงพยาบาลเลยแบบใช้ไฟฟ้า แต่ไม่รู้สึกดีขึ้นเลย และอีกศาสตร์ไปลองครอบแก้วตอนทำรู้สึกสบายมากแต่อยู่ได้แป๊บเดียว และหลังม่วงเป็นรอยอยู่นาน แล้วเป็นช่วงที่เราทำงานเลยรู้สึกว่าไม่ได้

รวมถึงไปลองจัดกระดูก ตอนนั้นไม่ใช่แค่ปวดเมื่อย จากสะบักติด ปวดคอร้าวขึ้นหัว เป็นไมเกรน และมีอาการที่เพิ่มขึ้นมาคือ บางทีสะบักเหมือนถูกขมวดเข้าหากันแล้วกดทับอะไรสักอย่าง และคิดไปเองว่าน่าจะทับเส้นประสาทเพราะว่าแขนซ้ายชา และจั๊กจี้ที่มือ ก็เลยกินยาคลายกล้ามเนื้อแล้วหลับไปทุกคืน

ปฏิบัติการช่วยโลมา 'ทีมกู้ภัยจีน' พบ ‘โลมาเกยตื้น’ ใกล้ท่าเรือชางเจียง  รุดช่วยเหลือรักษาบาดแผล ก่อนส่งกลับอ้อมกอดท้องทะเล

(11 มี.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หน่วยงานดับเพลิงท้องถิ่นมณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ทางตอนใต้ของจีน เปิดเผยการปล่อยโลมาที่เกยตื้นกลับคืนสู่ท้องทะเล หลังจากปฏิบัติการช่วยเหลือและรักษาอาการบาดเจ็บนาน 3 ชั่วโมง

โลมาดังกล่าวถูกพบเกยน้ำตื้นใกล้ท่าเรือในอำเภอปกครองตนเองชางเจียง กลุ่มชาติพันธุ์หลี ตอนราว 13.00 น. ของวันศุกร์ (10 มี.ค.) โดยทีมเจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงและหน่วยกู้ภัยทางทะเลท้องถิ่นได้เคลื่อนย้ายมันขึ้นชายฝั่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top