Monday, 26 May 2025
ค้นหา พบ 48341 ที่เกี่ยวข้อง

'คณะผู้แทนรัฐสภาไทย' เข้าร่วมประชุม สมัชชาสหภาพรัฐสภาเสวนาของ รัฐสภา เกี่ยวกับอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตปีที่ 20 ณ กรุงโดฮารัฐกาตาร์ (ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์)

วันนี้ (11 มี.ค. 66)เวลา14:00-16:30 น. ณ กรุงโดฮารัฐกาตาร์ ตัวแทนสภารัฐบาลไทยประเทศไทย ได้เข้าร่วมประชุมเสวนาเกี่ยวกับอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตปี2556 โอกาสนี้ นายสุทา ประทีป ณ ถลาง รอง.กมธ.ปปช.สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ตเป็นประธานหัวหน้าคณะรัฐสภาไทย ได้กล่าวถ้อยแถลงในนาม คณะผู้แทนรัฐสภาไทย ต่อที่ประชุมสมัชชา มีสาระสาคัญว่า 

ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกัน และต่อต้านการทุจริตและให้ความร่วมมือ องค์การระหว่างประเทศ และระดับภูมิภาคที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมและพัฒนาโดยเป็นไปตามหลักการพื้นฐานของระบบกฎหมาย ความร่วมมือดังกล่าว อาจรวมถึงการมีส่วนร่วมในแผนการดำเนินงานและโครงการระหว่างประเทศ ในโอกาสนี้เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของประเทศไทย ในการปฏิบัติตามอนุสัญญา UNCAC นับตั้งแต่ประเทศไทยให้สัตยาบันต่ออนุสัญญา UNCAC เมื่อปี พ.ศ. 2554 ได้มีความคืบ หน้าในความพยายามต่อต้านการทุจริตที่สอดคล้องกับอนุสัญญา UNCAC โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางกรอบทางกฎหมาย ของประเทศซึ่งประเทศไทยได้ตรากฎหมายเพื่อต่อต้านการทุจริต ได้แก่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2551และ พระราชบัญญัติ การจัดซื้อจัดจ้าง การบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตดั่งกล่าว

สหรัฐฯ หวั่น!! ธนาคารหลายแห่งกำลังเจอวิกฤต คาด!! อาจรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ครั้งวิกฤตการเงินโลก

(11 มี.ค. 66) World Maker ได้รายงานเรื่องของ Bank Run ในธนาคารบางแห่ง ซึ่งก็คือ SVB Financial Group, First Republic และ PacWest Bancorp ที่ราคาหุ้นร่วงหนักกว่า -50% ภายในวันเดียว ขณะที่ลูกค้าของ SVB แห่ถอนเงินออกไปเป็นจำนวนมากเกือบ -1.5 ล้านล้านบาทเมื่อวาน จนทำให้ต้องโดนสั่งปิดธนาคารไปแล้วชั่วคราว

เรื่องนี้เปรียบเทียบง่าย ๆ ว่าจำนวนเงินดังกล่าวมีมูลค่าเกือบเท่ากับ AOT + PTT ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดของไทย 2 แห่งรวมกัน !!! แล้วคิดดูว่าจำนวนเงินดังกล่าวกำลังโดนสั่งถอนภายในวันเดียว มันคือวิกฤตที่รุนแรงแค่ไหน ?

คำตอบก็คือ มันคือวิกฤตที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกในปี 2008 หรือที่เรารู้จักกันในชื่ออื่นๆ ว่า Hamburger Crisis ที่ทำให้ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง Lehman Brothers ล้มละลาย

ทั้งนี้ ธนาคาร SVB นั้น ไม่ใช่ธนาคารหน้าใหม่ที่มีขนาดเล็กแต่อย่างใด เพราะก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1983 และมีอิทธิพลสำคัญต่อบริษัท Startup หลายแห่ง ! สาเหตุที่ทำให้หุ้นของธนาคารเหล่านี้ร่วงลงนั้น มีจุดเริ่มต้นมาจากปัญหาสะสมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ! โดยเฉพาะเมื่อโลกเกิด COVID และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ในขณะที่ภาคการเงินตึงตัวจากการขึ้นดอกเบี้ยของ FED จึงอธิบายได้เป็นลำดับดังนี้

1.) โดยส่วนใหญ่แล้ว กลุ่มธนาคารจะมีการถือครองพันธบัตรเอาไว้เป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งเมื่อ FED ขึ้นดอกเบี้ย หมายความว่าราคาพันธบัตรเก่า ๆ จะลดลง เนื่องจากพันธบัตรใหม่ที่ออกมาจะให้ Bond Yield สูงกว่า จึงทำให้มูลค่าและการประเมินราคาของพันธบัตรเก่า ๆ ที่สามารถนำไปขายใน Secondary Market จะลดลงนั่นเอง

2.) เมื่อ FED ได้เร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อกดเงินเฟ้อ กลุ่มธนาคารที่ถือพันธบัตรอยู่มากมายจึงเริ่มขาดทุนเงินในพอร์ตอย่างมหาศาลมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ที่ปัญหายังไม่เกิด เพราะว่ายังไม่มี Panic Sell จนลูกค้าแห่ถอนเงิน ซึ่งทำให้ก่อนหน้านี้เป็นการขาดทุนเชิงตัวเลขในพอร์ตที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงเท่านั้น

3.) อย่างไรก็ตาม เมื่อปัญหาสภาพคล่องต่าง ๆ เริ่มลุกลาม กลายเป็นว่าลูกค้าแห่ถอนเงินออก จนทำให้ธนาคารขาดแคลนเงินสด และต้องเทขายพันธบัตรเหล่านี้ออกไปในราคาขาดทุน กลายเป็นว่าธนาคารได้บันทึกผลขาดทุนไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ และนั่นกลายเป็น Reflexivity Effect ตามทฤษฎีของ George Soros หรือจะเรียกว่า Painful Vortex ก็ได้ กล่าวคือลูกค้ายิ่งเห็นการขาดทุนก็ยิ่ง Panic Sell หรือแห่ถอนเงินออกมา ทำให้กลายเป็นโดมิโนต่อไปเรื่อย ๆ

4.) ตอนนี้ SVB สาขาอังกฤษก็จะถูกประกาศล้มละลายแล้ว แม้ว่า SVB ในจีนจะยันว่าสภาพคล่องอยู่ในสถานะดีก็ตาม ขณะที่การร่วงลงของ First Republic และ PacWest Bancorp ก็ได้เกิดขึ้นด้วยปัญหาคล้าย ๆ กัน นั่นทำให้หลายคนกังวลว่า Domino Effect จะไม่จบลงแค่นี้ !

5.) โดยเฉพาะเมื่อ FED ยังยืนยันว่าจะขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีก !!! นั่นยิ่งทำให้ความตึงเครียดหลาย ๆ อย่างมีอยู่สูงมาก และเราจะต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดเลยว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นกับ SVB และอีกหลายธนาคารในช่วงสัปดาห์นี้ จะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของ FED เรื่องดอกเบี้ยได้หรือไม่ ? เพราะถ้า FED กล่าวว่าไม่สนและจะขึ้นดอกเบี้ยต่อไป เราอาจได้เห็น Recession ของจริง แต่ถ้า FED ยอมผ่อนคลายนโยบายการเงิน และเข้าอุ้ม เราก็อาจได้เห็นการบรรเทาลงด้วยความเสียหายบางส่วน

ประเด็นสำคัญก็คือหลายคนยังไม่รู้ว่าธนาคารต่าง ๆ ไม่ใช่แค่ 3 แห่งที่กล่าวมา แต่รวมไปถึงธนาคารยักษ์ใหญ่ใน Wall Street กำลังขาดทุนค้างพอร์ตอยู่ถึง -21.5 ล้านล้านบาทหรือ -6.2 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งอย่างที่บอกไปว่ามันคือการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง เพราะธนาคารยังไม่ได้ขายหลักทรัพย์ที่มูลค่าร่วงออกมา

แต่มันจะกลายเป็นการขาดทุนจริง ๆ ทันทีหากวิกฤตนี้ลุกลามต่อไปเรื่อย ๆ และมีผู้คนแห่ถอนเงินออกจากธนาคารต่าง ๆ เนื่องจากการแห่ถอนเงินนี้ เป็นลักษณะคล้าย ๆ กับตอนเกิดวิกฤตการเงินในทุก ๆ ครั้ง จนทำให้ธนาคารมีเงินสดไม่เพียงพอจะรองรับการถอนของลูกค้า และสุดท้ายก็ต้องจำใจขายหลักทรัพย์ในพอร์ตออกมาแบบขาดทุนจนเกิดเป็น Reflexivity กันไปในเชิงระบบ

และมันอาจไม่ใช่แค่ในตลาดตราสารหนี้ขนาดใหญ่ !!! เพราะอย่างที่ World Maker อธิบายไปในบทความเมื่อวานนี้ (ใครยังไม่อ่านลองเลื่อนอ่านดูได้หน้าเพจ) ว่าตลาดการเงินโลกล้วนมีการเชื่อมต่อกันไปเรื่อย ๆ ในหลายสินทรัพย์อย่างแยกกันไม่ออก !

โดยล่าสุดพบว่า Circle บริษัทผู้ออกเหรียญ Stablecoin อย่าง USDC มีเงินสำรองฝากอยู่ที่ SVB ราว 1.15 แสนล้านบาท ! จากทั้งหมด 1.4 ล้านล้านบาท ! หรือคิดเป็นเกือบ 10% ของปริมาณเงินสำรองที่ติดอยู่ใน SVB

ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้เป็นสัดส่วนที่สูง แต่เรื่องของ Panic Sell อาจมี Effect มากกว่านั้น เพราะทันทีที่ข่าวออกมา พบว่ามูลค่าของเหรียญ USDC ร่วงยับหลุด Peg กับค่าเงินดอลลาร์ไปแล้ว ! จาก 1:1 ดอลลาร์ตอนนี้ร่วงยับมา 0.89:1 ดอลลาร์ หรือพูดง่าย ๆ ว่าใครถือ USDC จะขาดทุนทันที -11% เมื่อแลกกลับเป็นดอลลาร์ !!!

ปัญหาคือ พวกเราคิดว่าเมื่อเป็นเช่นนี้จะเกิดการ Panic Selling หรือไม่ ? ความหนักหน่วงของมันอยู่ที่ว่า ในเมื่อ Stablecoin คือเหรียญที่สร้างมาเพื่อผูกกับดอลลาร์ในอัตรา 1 ต่อ 1 แต่เมื่อมันรักษามูลค่าไว้ไม่ได้ มันจะออกทรงแบบวิกฤต TerraUSD จนลุกลามไปใหญ่โตเหมือนวิกฤต FTX อีกหรือไม่ ? นั่นคือความเสี่ยงที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ !!!

และเมื่อเรากลับมาพูดถึงการขาดทุนค้างพอร์ตอีก -21.5 ล้านล้านบาท (-6.2 แสนล้านดอลลาร์) นั้น แปลว่าหากมีลูกค้าถอนเงินจนธนาคารขาดสภาพคล่อง แปลว่าจะต้องมีการเทขายหลักทรัพย์ เช่น พันธบัตร หุ้น หรืออื่น ๆ ออกมาอีกในราคาขาดทุน และอาจกระตุ้นให้พันธบัตรหรือราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ ร่วงลงได้อีกในระยะสั้น

ทั้งหมดนี้จะเป็นไปตาม Reflexivity Theory ทันทีหากไม่มีใครเข้ามาอุ้มและมีการ Panic Sell ต่อ ๆ ไป จนสุดท้ายอาจลุกลามเป็น Financial Crisis เหมือนในปี 2008 ได้ !!! แม้ว่าปัจจุบันสถาบันการเงินหลายแห่งจะมีประสบการณ์แล้วจากช่วงแฮมเบอร์เกอร์ทำให้มีความระมัดระวังและรัดกุมมากกว่าเดิม แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าวิกฤตจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ !

และที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ตลาดตราสารหนี้และธนาคารของสหรัฐฯ นั้นมักจะเชื่อมโยงกับภาคการเงินและสถาบันการเงินของหลายประเทศ ดังนั้นถ้ายักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบเป็น Domino Effect ซึ่งจะเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ต่อโดมิโนตัวหลัง แปลว่าผู้ที่น่าห่วงที่สุดไม่ใช่ต้นสาย แต่เป็นปลายน้ำอย่างเช่นตลาดเกิดใหม่ !

โดยรวมแล้ว World Maker มองว่า วิกฤตในครั้งนี้ถือเป็นจุดที่ธนาคารและสถาบันการเงินจะต้องหยุดชะล่าใจและควรหันมาตรวจสอบความยืดหยุ่นและกลยุทธ์ทางการเงินของบริษัทโดยด่วน เพราะ Stress Test ครั้งใหญ่ดูเหมือนจะมี Timeline ที่รอเกิดขึ้นเรียงๆ กันมา ซึ่งจะเป็นบททดสอบว่าใครบ้างที่จะได้อยู่ต่อในอนาคต ซึ่งเป็นโลกที่อุตสาหกรรมจะถูกยกระดับไปอีกขั้น !

ดูแลทุกช่วงวัย!! 'บิ๊กตู่' คลิกโอน 1.4 พันล้านบาท หนุนเด็กงวด มี.ค.66 ช่วยพ่อแม่เลี้ยงดูเด็กแรกเกิดต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558

บิ๊กตู่ แจกอีกเงินเด็กกดปุ่มโอนเงินอุดหนุนเด็ก 1.4 พันล้านบาท ให้ผู้ปกครอง 2.3 ล้านราย

(11 มี.ค.66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มุ่งลดเหลื่อมล้ำในทุกมิติ ควบคู่ไปกับการลงทุนเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รองรับเด็กทุกช่วงวัยตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยทำงาน โดยได้จ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด จำนวน 600 บาท ให้แก่เด็กแรกเกิดในครัวเรือนยากจนหรือครัวเรือนที่เสี่ยงต่อความยากจน เพื่อให้เด็กได้รับการดูแลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีพัฒนาการเหมาะสมตามวัยตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 เป็นต้นมา

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ล่าสุดขอแจ้งข่าวดีพี่น้องประชาชน เงินอุดหนุนเด็กประจำเดือนมีนาคม 2566 เข้าบัญชีแล้วเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 สำหรับผู้ปกครองที่มีสิทธิรับเงินอุดหนุนรายเดิมและรายใหม่ที่ลงทะเบียนสมบูรณ์ในระบบก่อนวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 จำนวน 2,313,966 ราย เป็นจำนวนเงิน 1,461,718,200 บาท ทั้งนี้ผู้ปกครองที่ได้รับสิทธิสามารถตรวจสอบยอดเงินจากเลขที่บัญชีธนาคารหรือพร้อมเพย์ที่แจ้งรับเงินอุดหนุนไว้

ไขมันตัวร้าย ‘แพทย์’ แนะเลิกใช้น้ำมันหมู หันใช้น้ำมันพืชแทน ชี้!! เสี่ยง ‘เส้นเลือดหัวใจตีบ-อัมพาต-กล้ามเนื้อหัวใจตาย’

คนไข้รอดหวุดหวิด หลังคุณหมอบอกให้เปลี่ยนจากใช้น้ำมันหมู มาเป็นน้ำมันพืช ค่าไขมันบ่งชัด ต่างกันขนาดนี้เลย

คนไข้รอดหวุดหวิด หลังหมอบอกให้เปลี่ยนจากใช้น้ำมันหมู มาเป็นน้ำมันพืช  เดี๋ยวนี้ผู้คนมักป่วยกันง่ายขึ้น ไม่ใช่เพราะดูแลตัวเองไม่ดี แต่เป็นเพราะสิ่งแวดล้อมที่มีมลพิษที่หนักหนาขึ้น จึงทำให้หลายคนป่วยง่าย แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือเรื่องอาหารการกิน เพราะจุดเริ่มต้นของสุขภาพที่ดีก็คืออาหาร 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ล่าสุด นพ.วรุตม์ พิสุทธินนทกุล หมอผ่าตัดที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ ได้เผยภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งเป็นภาพการตรวจสุขภาพของคนไข้คนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนไข้ที่เคยผ่าตัดบายพาสหัวใจ จากอดีตที่คนไข้มีไขมันเลวถึง 215 ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงขนาดที่ว่าอาจเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบอีกรอบ ลงมาเหลือแค่ 103

ทั้งนี้ คนไข้คนดังกล่าว เคยเข้ารับการผ่าตัดมาหลายปี ผลเลือดดีมาตลอด แต่คนไข้ได้รับความรู้มาผิด ๆ จากการพยายามหาความรู้ด้านการรักษาสุขภาพ โดยบอกว่า ให้เปลี่ยนจากน้ำมันพืชมาใช้น้ำมันหมู จากที่คุมค่าเลือดได้ กลายเป็นค่าไขมันทะลุ 200 คุณหมอเลยบอกว่าต้องเปลี่ยนกลับมาใช้น้ำมันพืชตามเดิม และค่าไขมันก็ลดลงมา

"ขอเหอะ หยุดใช้น้ำมันหมู มันหมูปรุงอาหาร มันทำลายสุขภาพทั้งเส้นเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดสมองตีบอัมพฤกษ์ อัมพาต กล้ามเนื้อหัวใจตายและอีกมากมาย สรุป น้ำมันหมูทำไขมันตัวร้ายพุ่งเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือด ให้ใช้น้ำมันพืชตามปกติ"
 

ตำรวจไซเบอร์ เตือนระวังเพจปลอมเลียนแบบเพจจริงหลอกขายสินค้าออนไลน์

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัย กรณีการหลอกลวงขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ระวังเจอเพจในเฟซบุ๊กปลอม ลอกเลียนแบบของเพจในเฟซบุ๊กจริง ดังนี้


ที่ผ่านมาได้รับรายงานจากกองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ตอท.) พบว่ามีประชาชนตกเป็นเหยื่อจากการซื้อสินค้าแต่ไม่ได้รับสินค้าเฉลี่ยกว่า 1,900 รายต่อสัปดาห์ ส่วนใหญ่สินค้าที่มักถูกหลอกลวง ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ ผลไม้ บัตรคอนเสิร์ต รถจักรยานยนต์มือสอง และปลาแซลมอน เป็นต้น โดยภัยจากการซื้อขายสินค้าออนไลน์มีหลากหลายรูปแบบ เริ่มตั้งแต่การซื้อสินค้าแต่ไม่ได้รับสินค้า หรือซื้อสินค้าแต่ได้รับสินค้าไม่ตรงกับที่สั่งซื้อ หรือได้ไม่ตรงปก หรือซื้อสินค้าแต่ได้รับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ ไปจนถึงการใช้หลักฐานการโอนเงินปลอมเพื่อหลอกลวงผู้ขาย เป็นต้น โดยส่วนใหญ่มิจฉาชีพมักจะสร้างความน่าเชื่อถือของร้านค้า การการันตีสินค้า การรีวิวสินค้าปลอม รวมไปถึงการโฆษณาสรรพคุณเกินจริง นอกจากนี้ยังมีการสร้างเพจในเฟซบุ๊กปลอมตั้งชื่อลอกเลียนแบบให้เหมือน หรือคล้ายคลึงกับเพจในเฟซบุ๊กที่มีการซื้อขายสินค้าจริง โดยการคัดลอกรูปภาพสินค้า และเนื้อหาจากเพจจริงมาใช้ เมื่อหลอกลวงผู้เสียหายได้หลายรายก็จะเปลี่ยนชื่อเพจ หรือสินค้าไปเรื่อยๆ หรือสร้างเพจปลอมขึ้นมาใหม่ ยกตัวอย่างเช่น มีผู้เสียหายถูกหลอกลวงซื้อโทรศัพท์มือถือโทรศัพท์ซิมเน็ตรายปี ผ่านเพจปลอม Moblie2you ซึ่งเพจจริงคือ Mobile2youmbk หรือกรณีปลอมเพจหลายเพจขายทุเรียนของดาราท่านหนึ่ง เป็นต้น


ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานในด้านการป้องกันปราบปราม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง

ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ


โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา บช.สอท. ได้เร่งปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง มีปฏิบัติการสำคัญเมื่อต้นเดือน มี.ค.66 ระดมตรวจค้นกว่า 40 จุด ทั่วประเทศภายใต้ยุทธการ “ ปิด Job - Shop ทิพย์ ” หลอกขายสินค้าและบริการผ่านโลกออนไลน์ มีประชาชนหลายรายได้ความเสียหายหลายล้านบาท สามารถทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับกว่า 30 ราย ตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก


อย่างไรก็ตามการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ถึงแม้จะมีข้อดีหลายๆ ประการ ไม่ว่าจะสะดวกสบาย มีให้เลือกหลากหลาย สามารถเปรียบเทียบราคาสินค้าแต่ละแหล่งได้ ติดตามโปรโมชันต่างๆ ได้ ที่สำคัญสามารถสั่งซื้อได้ตลอดเวลา แต่ก็เป็นช่องทางหนึ่งให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ หลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชนโดยมิชอบ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top