Monday, 26 May 2025
ค้นหา พบ 48341 ที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' น้อมรับ 'วันชัย' เตือนต้องสลัดภาพนักธุรกิจ ชี้!! ดูกันยาวๆ เชื่อ!! ไม่ซ้ำรอยอดีตสองนายกฯ

(11 มี.ค. 66) ที่วัดท่าหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคพท. พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย, น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร อดีตส.ส.พิจิตร พรรคพท. พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรค ทั้งนายภูดิท อินสุวรรณ์, นายปุณยวัจน์ เหลืองวิจิตร และนายวิชัย ด่านรุ่งโรจน์ เข้าสักการะหลวงพ่อเพชรเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ จ.พิจิตรที่เวทีปราศรัยวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร มีประชาชนจำนวนหนึ่งสวมเสื้อแดงรอมอบดอกไม้ให้กำลังใจ 

โดย น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้จะแนะนำนายเศรษฐาให้ประชาชนได้เห็น เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้มาปราศรัยร่วมกันกับทีมพรรคพท.โดยมาในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และอยู่ในทีมเศรษฐกิจด้วย 

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาพื้นที่ จ.พิจิตร เป็นของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 3 เขต จะทำให้แลนด์สไลด์ได้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า "เรามั่นใจอย่างมากด้วยนโยบายของเรา และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ที่ทำงานกันอย่างหนัก ฉะนั้นเรามั่นใจและต้องได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนด้วย ขอทั้ง 3 เขตเลย"

เมื่อถามถึงกรณีนายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ออกมากล่าวเตือนนายเศรษฐา ระวังจะเป็นเหมือนอดีตนายกฯ พรรค พท. น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “สิ่งที่อิ๊งค์เห็นคือคุณพ่อ คุณอาทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองมากมาย การที่เราขึ้นเวทีและพูดถึงนโยบายเมื่อ 20 ปีที่แล้วยังใช้ได้อยู่ เพียงแต่เพิ่มเรื่องเทคโนโลยีเข้ามา นั่นคือบทพิสูจน์ว่าประชาชนได้รับประโยชน์อะไรบ้างจาก คุณพ่อ คุณอา ที่เป็นนักธุรกิจมาก่อน แต่เมื่อเป็นมุมมองของคนก็ต้องรับฟัง”

ผบ.ตร.สั่ง จเรตำรวจแห่งชาติ เร่งตรวจสอบคดีเครือข่าย 'ทุนมินลัต' หากพบช่วยเหลือใคร ดำเนินการเด็ดขาด ชี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร อยู่ระหว่างพิจารณา ยันไม่มีมวยล้มต้มคนดู สั่ง ผบช.น.ตรวจสอบข้อเท็จจริง

วันนี้ (11 มี.ค.66 ) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า “จากกรณี พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท ชี้แจงขั้นตอนการดำเนินคดีกับเครือข่าย 'ทุนมินลัต' จนปรากฎเป็นข่าวที่เกิดขึ้นนั้น 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้รับทราบข้อมูลแล้ว ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติลงตรวจสอบข้อเท็จจริง การทำสำนวนคดี ความล่าช้า ความบกพร่อง ว่ามีหรือไม่อย่างไร หากพบให้ดำเนินการตามหน้าที่อย่างเด็ดขาด ทั้งอาญา วินัย และปกครอง และในส่วนที่มีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการทำคดีดังกล่าวหลุดมา ได้สั่งการให้ ผบช.น. ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว ว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ และรายละเอียดที่ปรากฎในเอกสาร เป็นข้อเท็จจริงตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ 

เนื่องจากเนื้อหาในการกล่าวอ้าง เป็นการเปิดเผยขั้นตอนกระบวนการสืบสวนสอบสวนคดี ที่ยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น และที่ผ่านมาไม่เคยได้รับรายงานจาก ผบช.น. ว่ามีเหตุการณ์เช่นที่บรรยายในหนังสือดังกล่าวเกิดขึ้น 

ส่วนประเด็นการดำเนินคดีกับ เครือข่าย 'ทุนมินลัต' คดีนี้ เริ่มจาก พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง สว.กก.2 บก.สส.บช.น. หลังสืบสวนพบว่าบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง น่าจะมีส่วนกับการทำผิด ได้ยื่นขอหมายจับและศาลเพิกถอนหมายจับ ต่อมาจึงเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 เมื่อวันที่  4 ต.ค. 2565 และ บช.ปส. เห็นว่าเป็นเป็นคดีนอกราชอาณาจักร จึงได้เสนออัยการสูงสุดรับผิดชอบ เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 65 ต่อมาอัยการสูงสุดเห็นว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ได้มอบหมายให้ ผบก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบแทน อัยการสูงสุด โดยมอบหมายให้พนักงานอัยการเข้าร่วมสอบสวนด้วยเมื่อวันที่ 21 พ.ย.65 

ต่อมาหลังจากมีประเด็นคดี 'ทุนมินลัต' เมื่อครั้งก่อน ผบ.ตร.ได้เรียก ผบช.ปส. และ ผบก.ปส.3 มากำชับให้ควบคุมกำกับดูแลการทำงานของพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบ ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุด ให้ทำการสอบสวนอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา ตามพยานหลักฐานที่ปรากฎ ไม่ละเว้นหรือช่วยเหลือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด รวมทั้งให้สนับสนุนการทำงานของพนักงานสอบสวนในด้านต่างๆที่จำเป็นอย่างเต็มที่ อย่าให้เกิดเป็นอุปสรรคในการทำงานได้ และวันนี้ได้สั่งการ ผบก.ปส.3 รายงานความคืบหน้าในทางคดี ในส่วนที่ไม่เสียต่อรูปคดี มาเป็นระยะ เพื่อที่จะไม่ให้สังคมคลางแคลงใจในความโปร่งใสของการทำงานของพนักงานสอบสวน ซึ่งผบ.ตร.ได้ยืนยันว่าไม่มีใครมาสั่งการ กดดัน หรือเข้าแทรกแซงการทำสำนวนในคดีดังกล่าวแต่อย่างใด และได้กำชับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ตามพยานหลักฐานที่ปรากฎตามข้อเท็จจริงทุกประการ

จะเห็นได้ว่า ในคดีนี้ พงส.บช.ปส.3 หลังจากที่รับคำกล่าวโทษประมาณ 1 เดือนกว่า ก็ได้เร่งรวบรวมหลักฐาน ทำสำนวนมาตลอด จนพบว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร จึงส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด โดยไม่ได้มีการประวิงสำนวนเพื่อช่วยเหลือใครแต่อย่างไร และ มีการส่งรายงานเพิ่มเติมตามคำร้องขอของอัยการสูงสุดมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ทางคดีมีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่แล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการพิจารณาทางคดีร่วมกันของอัยการ และตำรวจที่ทำคดี ที่ทำงานในรูปแบบคณะทำงาน ตำรวจไม่ได้ทำคดีฝ่ายเดียว โดยได้มีการหารือร่วมกันกับพนักงานอัยการมาโดยตลอด 

‘ชูศักดิ์’ ยกระเบียบ กกต. โต้นักกฎหมาย หลังชี้ช่องยุบ 'เพื่อไทย' ยัน!! ‘ณัฐวุฒิ’ ช่วยหาเสียงได้

(11 มี.ค. 66) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายณัฐวุฒิ วงศ์เนียม ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชนให้ความเห็นถึงกรณีที่พรรค พท.แต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นผู้ช่วยหาเสียงไม่อาจทำได้ และการติดป้ายหาเสียงของพรรค พท.มีแต่รูปน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยไม่มีนโยบายของพรรค พท.จึงอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายพรรคการเมืองและระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และอาจเข้าข่ายถูกยุบพรรคนั้น ว่าการให้ความเห็นในทางวิชาการนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้และต้องเคารพทุกความเห็น แต่ผู้ให้ความเห็นดังกล่าวควรศึกษาข้อกฎหมายให้ชัดเจนและต้องอยู่บนพื้นฐานของความไม่มีอคติด้วย กรณีการให้ความเห็นนั้นเห็นชัดเจนว่ามีความคลาดเคลื่อนจากข้อกฎหมายมาก โดยเฉพาะประเด็นดังนี้

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า 1.) กรณีที่อ้างว่า นายณัฐวุฒิ ซึ่งถูกตัดสิทธิทางการเมืองและถูกจำกัดสิทธิเลือกตั้งไม่อาจเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะการเป็นผู้ช่วยหาเสียงตามระเบียบ กกต. กำหนดไว้เพียงว่าเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น สำหรับนายณัฐวุฒิ แม้จะถูกห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ห้ามสมัครสมาชิกพรรคและห้ามสมัคร ส.ส. แต่ก็ยังคงเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จะเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรค พท.ได้ และพรรคก็ได้แจ้งรายชื่อนายณัฐวุฒิ เป็นผู้ช่วยหาเสียงไว้แล้ว

นายชูศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่นายณัฐวุฒิ ทำกิจกรรมทางการเมืองในนามของหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยนั้น กิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยก็ถือเป็นกิจกรรมเกี่ยวกับการเผยแพร่นโยบายและกิจกรรมหาเสียงของพรรคอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่มีการกระทำใดของนายณัฐวุฒิ ที่จะถือเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำพรรค จนทำให้พรรคและสมาชิกพรรคขาดความเป็นอิสระในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเลย นอกจากนี้ คนทั่วไปก็รู้ว่านายณัฐวุฒิ เคยเป็นสมาชิกพรรค พท.มาก่อน การที่นายณัฐวุฒิ จะมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับพรรคย่อมเป็นเรื่องปกติ

“ในประเด็นนี้เข้าใจว่าผู้ที่ออกมาให้ความเห็นยังไม่เข้าใจถ้อยคำและความหมายของคำว่าถูกตัดสิทธิทางการเมือง ถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง กับถูกตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จึงได้ใช้ถ้อยคำปนเปกันไปหมด ซึ่งแม้นายณัฐวุฒิ เคยถูกจำคุกมาก่อนและยังไม่พ้น 10 ปี ตามรัฐธรรมนูญจึงถือว่าเป็นบุคคลที่ต้องห้ามใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งรวมถึงห้ามเป็นสมาชิกพรรคการเมืองตามกฎหมายพรรคการเมืองด้วย แต่เขามิได้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งแต่อย่างใด จึงไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้และเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ จึงขอให้ผู้ที่ออกมาให้ความเห็นศึกษากฎหมายให้ดีเสียก่อน” นายชูศักดิ์ กล่าว

'วันนอร์ – ทวี' มั่นใจได้ ส.ส. 15 เขตทั่วประเทศไทย ลั่นเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคฝ่ายประชาธิปไตยได้เป็นรัฐบาลแน่นอน

(11 มี.ค.66) ที่ ห้องประชุมโรงแรมดิอิมพีเรียล นราธิวาส อ.เมือง จ.นราธิวาส นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธาน เปิดการประชุมใหญ่ สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2566  พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคประชาชาติ โดยมี คณะผู้บริหารและสมาชิกพรรคประชาชาติร่วมกิจกรรม กว่า 1000 คน  

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ประชาชนบอกว่า การเลือกตั้ง คราวหน้า พรรคประชาชาติจะแลนด์สไลด์ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ พรรคประชาชาติจะได้ ส.ส.มากกว่าเดิม เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา ต้องขอบคุณ เลขาธิการพรรค และ ส.ส.พรรคประชาชาติ ได้ทำงานในสภา อย่างหนัก ขอยืนยันว่าหลังจากนี้ไป พรรคประชาชาติ คือพรรคเฉพาะกิจจะหมดสิ้นไป 

พรรคประชาชาติไม่ได้เป็นฝ่ายค้านเพื่อรอเป็นรัฐบาล เราไม่สนับสนุน เผด็จการ การสืบทอด อำนาจ 4 ปี เราพยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ และได้ทำงานสำเร็จ ได้บางส่วน การเลือกตั้งบัตรสองใบ เป็นการให้โอกาสกับพรรคประชาธิปไตย และ 4 ปี พิสูจน์ได้ ว่า เราเป็นพรรคเล็กแบบมีคุณภาพ และ เป็นพรรคพร้อมที่จะโตแน่นอน พรรคประชาชาติ รับปากจะแก้ปัญหาให้ประชาชนทันทีที่เข้าสภา อาทิ กฎหมาย กยศ. จะแก้ไข ไม่ให้มีดอกเบี้ย ไม่มีค่าปรับ และจะให้เรียนฟรี   กฎหมายการห้ามซ้อมทรมาน ส.ส.ของเราสู้เต็มที่แต่ มีถูก ฝ่ายเผด็จการชะลอไป อีก 8 เดือน และอีกหลายเรื่องที่จะแก้ปัญหา

แจ้งข้อกล่าวหา ‘สุขุมพันธุ์' พร้อมพวกรวม 13 ราย ส่อ!! 'ทุจริต-ฮั้วประมูล' รถไฟฟ้าสายสีเขียว

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค.66 ที่ผ่านมาคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติแจ้งข้อกล่าวหา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเพมหานคร และพวก รวม 13 คน กรณีว่าจ้าง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง ไปจนถึงปี 2585 ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงและไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และเอื้อประโยชน์ให้แก่ BTSC เพียงรายเดียว ตามที่องค์คณะไต่สวนเสนอ

สำหรับผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 13 ราย ประกอบด้วย 1. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเพมหานคร 2. นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ตำแหน่งรองผู้ว่ารายการกรุงเทพหานคร 3. นายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ ตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด 4. นายอมร กิจเขวงกุล ตำแหน่งกรรมการบริษัท กรุงเทพอนาคม จำกัด 5. นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ตำแหน่งปลัดกรุงเทพมหานคร 6. นางนินนาท ซลิตานนท์ ตำแหน่งรองปลัดกรุงเทพมหานคร 7. นายจุมพล สำเภาพล ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top