Monday, 26 May 2025
ค้นหา พบ 48351 ที่เกี่ยวข้อง

‘สีจิ้นผิง’ แต่งตั้ง ‘หลี่เฉียง’ นั่งนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

(11 มี.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้ลงนามคำสั่งประธานาธิบดี เพื่อแต่งตั้งหลี่เฉียงเป็นนายกรัฐมนตรีจีน ณ การประชุมครั้งที่ 1 ของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ชุดที่ 14 ซึ่งกำลังดำเนินการประชุมอยู่ในปัจจุบัน

เสื่อมศรัทธา ‘สยาม’ ภายใต้การนำของ ‘จอมพล ป.’ | THE STATES TIMES STORY EP.110

วันนี้ THE STATES TIMES Story จะพาคุณไปรับฟัง
เรื่องราวประวัติศาสตร์ สะท้อนของยุคการเมืองที่รุนแรงและสังคมอันเหลื่อมล้ำ สมัยหลังสงครามมหาเอเชียบูรพา ‘คนรวย’ อยู่เหนือกฎหมาย คนจนถูกกล่าวหาว่าเป็น ‘โจร’ และข้าราชการทหารภายใต้ผู้นำเผด็จการพร้อมพิพากษาทุกคน…

ไปติดตามกันได้ใน THE STATES TIMES Story ใน EP. นี้ได้เลย

รับชม THE STATES TIMES STORY ตอนอื่นๆ ได้ที่ : https://youtube.com/playlist?list=PL60bae1syuyLbSZPZIUmXvd6NiToeX5qW

🎥 ช่องทางรับชม
Facebook: THE STATES TIMES PODCAST
YouTube: THE STATES TIMES PODCAST
TikTok: THE STATES TIMES PODCAST

13 มีนาคม ของทุกปี กำหนดเป็น ‘วันช้างไทย’ ปลูกฝัง ปชช. หันอนุรักษ์สัตว์คู่บ้านคู่เมือง

‘ช้าง’ เป็นสัตว์ที่มีความสัมพันธ์และผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทยมาเป็นเวลานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยโบราณ ช้างเป็นพระราชพาหนะเคียงคู่พระบารมีพระมหากษัตริย์ไทยทุกยุคทุกสมัยเลยทีเดียว แต่สมัยปัจจุบัน คนไทยกลับเห็นคุณค่าและความสำคัญของช้างไทยลดลงไปทุกขณะ จนช้างถูกนำไปเร่ร่อนหาผลประโยชน์โดยควาญช้าง และล้มตายเป็นจำนวนมากขึ้นทุกที 

ดังนั้น เพื่อให้คนไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญ และการดำรงอยู่ของช้างไทย รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนทุกคนหันมาช่วยกันอนุรักษ์ช้าง ทางคณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบกำหนดให้ทุก ๆ วันที่ 13 มีนาคมของทุกปีเป็นวันช้างไทย 

ทั้งนี้ วันช้างไทยริเริ่มขึ้นจากคณะอนุกรรมการประสานงานการอนุรักษ์ช้างไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานประสานงาน องค์การภาครัฐและเอกชนที่ทำงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์ช้างไทยคณะกรรมการ เอกลักษณ์ของชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเนื่องจากเล็งเห็นว่าหากมีการสถาปนาวันช้างไทยขึ้น จะช่วยให้ประชาชนคนไทยหันมาสนใจช้าง รักช้าง หวงแหนช้าง ตลอดจนให้ความสำคัญต่อการให้ความช่วยเหลืออนุรักษ์ช้างมากขึ้น

คณะอนุกรรมการฯ จึงได้พิจารณาหาวันที่เหมาะสม ซึ่งครั้งแรกได้พิจารณาเอาวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทำยุทธหัตถีมีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา แต่วันดังกล่าวถูกใช้เป็นวันกองทัพไทยไปแล้ว จึงได้พิจารณาวันอื่น และเห็นว่าวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการคัดเลือกสัตว์ประจำชาติ มีมติให้ช้างเผือกเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยนั้นมีความเหมาะสม จึงได้นำเสนอมติตามลำดับขั้นเข้าสู่คณะรัฐมนตรี ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 เห็นชอบให้ วันที่ 13 มีนาคม ของทุกปี เป็น ‘วันช้างไทย’ และได้ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2541

‘ตรีนุช’ นำทีมเปิดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย เดินหน้าแก้หนี้ครูใน 8 จังหวัดภาคตะวันออก

(11 มี.ค. 66) นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย 'Unlock a Better Life' สร้างโอกาสใหม่เพื่อชีวิตครูไทยที่ดีกว่า ครั้งที่ 3 ในภาคตะวันออก ระหว่างวันที่ 11-12 มีนาคม พ.ศ. 2566 ณมหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว 

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย 'Unlock a Better Life' สร้างโอกาสใหม่เพื่อชีวิตครูไทยที่ดีกว่า ครั้งที่ 3 ในภาคตะวันออก ระหว่างวันที่ 11-12 มีนาคม พ.ศ. 2566 ณ มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว สำหรับครูในภาคตะวันออก 8 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว ปราจีนบุรี นครนายก จันทบุรี ตราด ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง โดยตั้งเป้าหมายแก้ไขปัญหาหนี้สินครูในภูมิภาคนี้กว่า 4,252 ล้านบาท เพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานในพื้นที่เข้าร่วม อาทิ นายสุทิน แก้วพนา รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายเชาวเนตร ยิ้มประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว รวมถึงผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วมกว่า 2,000 คน

นางสาวตรีนุช กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายแก้ไขหนี้ภาคครัวเรือนนั้น กระทรวงศึกษาธิการที่มีบทบาทในการดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้เร่งรัดการขับเคลื่อนตามนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างเต็มที่ ด้วยกลไกเจรจาลดดอกเบี้ยกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู การปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงิน การจัดตั้งสถานีแก้หนี้ร่วมช่วยแก้ปัญหาลดหนี้สิน และการให้ความรู้ทางด้านวินัยการเงินและการลงทุน เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับครูไทยได้มีสุขภาพทางการเงินที่ดี โดยได้ดำเนินการจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทยในส่วนกลาง เมื่อช่วงสิ้นปี 2565 และขยายผลสู่ทั่วประเทศด้วยงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย 4 ภูมิภาค ซึ่งได้จัดขึ้นครั้งแรกที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับกลุ่ม 4 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และขอนแก่น ซึ่งสามารถช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ครูแบบพุ่งเป้าที่กลุ่มลูกหนี้วิกฤติได้กว่า 784,661,570.43 บาท 

นางสาวตรีนุช กล่าวต่อว่า การจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย สำหรับครูไทยภาคตะวันออกในครั้งนี้ ตั้งเป้าหมายช่วยเหลือครูที่มีปัญหาหนี้สินกว่า 2,000 ราย จำนวนมูลหนี้ประมาณ 4,252 ล้านบาท โดยเป็นกลุ่มลูกหนี้วิกฤติ 205 ราย จำนวนมูลหนี้ประมาณ 173.4 ล้านบาท ซึ่งจะพุ่งเป้าหมายให้ความช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้วิกฤติเป็นสำคัญ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนที่สุด ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการมีการจัดการแก้ไขปัญหาหนี้ครูอย่างเต็มที่ เช่น การเจรจาขอลดดอกเบี้ยจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูที่เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของครูทั้งประเทศ มีการตั้งสถานีแก้หนี้ครู 558 สถานีเพื่อเป็นกลไกช่วยเหลือครูในระดับเขตพื้นที่ ฯลฯซึ่งได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้เป้าหมายการแก้ไขปัญหาหนี้ครูในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้วิกฤติมีจำนวนไม่มาก การจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทยในครั้งนี้ จึงเป็นการจัดการปัญหาหนี้ในเชิงรุก ที่จะช่วยให้ครูในกลุ่มที่ยังต้องการความช่วยเหลือสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ทางการเงินสำหรับครูมากยิ่งขึ้น

'สื่อออสเตรเลีย' ปลุกระดมขั้นสูงสุด รับมือสงครามที่ยากจะเลี่ยง จี้!! รัฐบาลออสฯ เตรียมพร้อมรบจีนเต็มรูปแบบภายใน 3 ปี

สื่อยักษ์ใหญ่ของออสเตรเลียสร้างเรื่องซะแล้ว เมื่อหนังสือพิมพ์ Sydney Morning Herald และ The Age ได้ตีพิมพ์บทความวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงของออสเตรเลียถึง 5 คน ที่ถกกันในหัวข้อ 'Red Alert' - ภัยคุกคามจากจีนแดง 

ซึ่งทั้ง 5 มองเห็นตรงกันว่า แสนยานุภาพด้านการทหารของออสเตรเลียในวันนี้ ห่างไกลจากคำว่าพร้อมรบมาก ไม่สามารถรับมือกับสงครามที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้แล้วระหว่าง จีน และ ไต้หวัน ได้เลย พร้อมทั้งจี้ให้รัฐบาลกลางออสเตรเลียต้องเร่งยกระดับศักยภาพกองทัพขั้นสุดเพื่อรบกับกองทัพจีนอย่างเต็มรูปแบบให้ได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า

รายชื่อนักวิเคราะห์ที่สื่อออสเตรเลียภูมิใจนำเสนอ ได้แก่...

1. ปีเตอร์ เจนนิงส์ อดีตเจ้าหน้าระดับสูงของกระทรวงกลาโหม

2. ลาวินา ลี  ศาตราจารย์ภาควิชายุทธศาสตร์ และ อาชญาวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยแมคควอรีย์ 

3. อลัน ฟินเคิล อดีตหัวหน้าทีมวิทยาศาสตร์แห่งออสเตรเลีย

4. เลสลีย์ ซีเบค ประธานสถาบันยุทธศาสตร์แห่งชาติ

5. มิค ไรอัน อดีตผู้บัญชาการกองพันทหารแห่งกองทัพบกออสเตรเลีย

โดยสื่อออสเตรเลียเคลมว่า ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 คนนี้ ได้ร่วมประชุม ถกเถียงถึงสถานการณ์ และความเป็นไปได้ที่ออสเตรเลียต้องกระโจนเข้าสู่สงครามมานานถึง 2 ปีแล้ว โดยประเมินจากนโยบายของ สี จิ้นผิง ผู้นำจีนที่เพิ่งขึ้นรับตำแหน่งต่ออย่างเป็นทางการในเทอม 3 ที่ได้สั่งเพิ่มงบประมาณด้านการทหารขึ้นอีกถึง 7.2% และแสดงท่าที่แข็งกร้าวชัดเจนต่อข้อพิพาทในเขตปกครองไต้หวัน ทั้งหมดได้ฟันธงว่า ภายในระยะเวลา 3 ปีต่อจากนี้ (2027) จีนจะสามารถยกระดับแสนยานุภาพด้านการทหารได้เทียบเท่ากับสหรัฐฯ

และนั่นก็เป็นสิ่งที่สหรัฐฯ ยอมไม่ได้ สงครามที่ช่องแคบไต้หวันจะระเบิดขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนออสเตรเลียที่ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับสหรัฐฯ ก็จำเป็นต้องเข้าร่วมสงครามรบกับจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

นักวิเคราะห์มองเห็นภาพออสเตรเลียที่จะถูกใช้เป็นฐานทัพให้กับกองทัพสหรัฐฯ กว่า 2 แสนนายเพื่อมาประจำพร้อมรบ และออสเตรเลียก็จะกลายเป็นเป้าหมายการโจมตีด้วยขีปนาวุธของกองทัพจีน รวมถึงการโจมตีทางไซเบอร์อย่างรุนแรงในระบบสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐานจนปั่นป่วนไปทั้งประเทศ

นักวิเคราะห์ย้ำเตือนถึงชาวออสเตรเลียว่า ทุกคนควรต้องรีบเตรียมใจรับสงครามกันได้แล้ว ความสงบสุขที่มีมายาวนานหลายสิบปีในออสเตรเลียมันสิ้นสุดลงแล้ว และจี้ให้รัฐบาลออสเตรเลียเร่งยกระดับกองทัพ และอาวุธคงคลังอย่างเร่งด่วนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะนี่คือสถานการณ์ฉุกเฉิน 

ความตึงเครียดในย่านทะเลจีนใต้ทวีความรุนแรงขึ้นแบบเร่งสปีดจากสงครามในยูเครน ซึ่งรัฐบาลออสเตรเลียเองก็ถูกกดดันไม่น้อยให้รีบเตรียมพร้อมรับศึกสงครามในภูมิภาคอินโดจีน

และล่าสุด ออสเตรเลีย เพิ่งลงนามตกลงที่จะซื้อเรือดำน้ำนิวเคลียร์จากสหรัฐจำนวน 5 ลำ ที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง AUKUS ที่เคยเป็นเหตุให้ทางออสเตรเลียจำเป็นต้องเทดีลเรือดำน้ำของฝรั่งเศส เพื่อมาซื้อของสหรัฐในวันนี้ สร้างความขุ่นเคืองให้กับทางฝรั่งเศสมาแล้ว ก็พอจะเห็นได้ว่ารัฐบาลออสเตรเลียเองก็กำลังเร่งเตรียมกองทัพตามแผนการรบของสหรัฐฯ อยู่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top