เหตุผลประกอบส่วนหนึ่ง เนื่องจากในอดีต ลุงตู่เป็นผู้ที่ชื่นชอบในการเล่นกีฬาเป็นเดิมทุน ครั้งหนึ่งในการจัดรายการ Government Weekly EP.19 เทปนั้นได้เชิญนักกีฬาทีมชาติสองคน คือ กันตภณ หวังเจริญ นักแบดมินตันทีมชาติไทย และ วิชาสิรี รัตนนัย นักฮอกกี้น้ำแข็งทีมชาติไทย โดยบางช่วงบางตอน ลุงตู่ได้ย้อนเล่าเรื่องราวความชอบกีฬาให้ฟังว่า...
“ชอบกีฬาทุกอย่าง เพราะเป็นทหารมาก่อน ตั้งแต่เป็นนักเรียนเตรียมทหาร นักเรียนนายร้อย เขาก็ฝึกให้เรียนรู้กีฬาทุกประเภท สมัยเป็นเด็กก็ชอบฟุตบอล ชอบเล่นฟุตบอลกับเพื่อนสมัยมัธยม เมื่อโตขึ้นเคยเล่นรักบี้ด้วย เมื่อเป็นผู้บัญชาการก็เล่นตระกร้อกับลูกน้อง เล่นกีฬาได้หลากหลาย วอลเลย์บอลก็เล่นได้ คือไม่เก่ง แต่เล่นได้ คือสิ่งที่เราได้ออกกำลังกาย และได้พบปะกับลูกน้อง ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา หรือผู้คนทั่วไป”
ไม่ใช่แค่ชอบเล่น แต่ลุงตู่ยังชื่นชอบในการดูกีฬาอีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องติดตามและให้ความสำคัญกับนักกีฬาไทยทุกชนิด ลองสังเกตได้ว่า หากมีรายการกีฬาสำคัญ ๆ หรือทัวร์นาเมนต์กีฬาที่คนไทยให้ความสนใจ ลุงตู่มักจะไปปรากฏตัวร่วมงานอยู่บ่อย ๆ
พร้อมทั้งตอกย้ำอีกด้วยว่า กีฬาในยุคสมัยนี้ กลายเป็น soft power ที่จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่ง รัฐบาลที่ผ่านมา จึงให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือกระทรวงดิจิทัลฯ ที่ให้การส่งเสริมกีฬาอีสปอร์ต จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจสร้างสรรค์
อาจเป็นภาพปกติ ยามเมื่อเหล่านักกีฬาทีมชาติ ที่กำลังเตรียมตัวเดินทางไปแข่งขันในรายการสำคัญ ๆ มักจะเข้าพบกับนายกรัฐมนตรี เพื่อรับคำอวยพร แต่สำหรับ “ลุงตู่” ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ชื่นชอบกีฬา มากกว่าการมอบคำอวยพร คือการมอบแรงใจ ในฐานะคนชื่นชอบกีฬาเหมือน ๆ กัน เพื่อให้เหล่านักกีฬาได้นำไปต่อสู้ในเกมการแข่งขันต่อไป