Sunday, 22 June 2025
ค้นหา พบ 48945 ที่เกี่ยวข้อง

'เพจดัง' ติง!! กรณีนักท่องเที่ยวจีนถูก 'โกง-ทำร้าย' ที่ภูเก็ต "ถ้า จนท.ช่วยจริงจังแต่แรก เรื่องแบบนี้อาจไม่เกิดขึ้น"

ไม่นานมานี้ เพจ 'ลุยจีน' ได้โพสต์ข้อความแจ้ง กรณีนักท่องเที่ยวจีนถูกบริษัททัวร์ภูเก็ตทำร้ายและโกง (อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้ที่ >> https://facebook.com/100064606066871/posts/pfbid02ircqQ1vk7gPwecVSsJUi9gtevFucTeqJQRoKZEPkfiuqKXmffXjCkeAs52VVKDgtl/) โดยล่าสุดได้มีการจับกุมผู้กระทำผิดแล้ว ว่า...

จับแล้วเมื่อวานครับ เคสพนักงานบริษัททัวร์อักษรย่อ บ ที่ทำร้าย นทท.จีนปลาย ม.ค. จนเป็นคลิปไวรัลที่จีน

เบื้องต้นให้การรับสารภาพ มีการตรวจยึดมีดที่ใช้ก่อเหตุ และส่งฟ้องศาลต่อไป

แต่ประเด็นที่คนจีนตั้งคำถามกันคือ "ถ้า ตร. ท่องเที่ยวไทย ไปช่วยเรื่องนี้อย่างจริงจังแต่แรก ไม่โยนเรื่องให้คนอื่น เรื่องแบบนี้อาจไม่เกิดขึ้นมั้ย?" 

เปิดแผน USAR Thailand สุดยอดทีมกู้ภัยไป 'ตุรเคีย' ช่วยเหลือผู้ตกค้างท่ามกลางความหนาวลบ 0 องศาฯ

หลังเหตุแผ่นดินไหวในตุรเคีย ขนาด 7.8 แมกนิจูด ความลึก 17.9 กม. สร้างความเสียหาย และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 4.8 พันคน แต่การช่วยเหลือท่ามกลางซากปรักหักพังของตึกสูง เป็นไปด้วยความลำบาก เนื่องจากมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาหลายระลอกนั้น ทางประเทศไทยก็ได้เตรียมส่งทีมช่วยเหลือ กู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search and Rescue) หรือทีม USAR Thailand ที่มีขีดความสามารถช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในซากตึก จากเหตุแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ได้

โดย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) DDPM รายงานว่า ปภ.ตั้งทีมติดตามสถานการณ์ เตรียมพร้อมส่งทีมค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (Urban Search and Rescue) หรือทีม USAR Thailand จำนวน 20 คน ไปช่วยเหลือภารกิจค้นหาและกู้ภัยทันทีที่ได้รับการประสาน พร้อมด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ด้านการค้นหาและกู้ภัย ซึ่งทีม USAR Thailand ถือเป็นทีมปฏิบัติการพิเศษที่ ปภ.พัฒนาขึ้น มีศักยภาพในการปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย และมีความสามารถในการรองรับสาธารณภัยขนาดใหญ่ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ

สำหรับแผ่นดินไหวในตุรเคียในครั้งนี้ สร้างความสูญเสียจำนวนมาก แต่การเข้าไปช่วยเหลือต้องประสานกับทาง UN ที่เป็นตัวกลางประสานกับทีมกู้ภัยทั่วโลกกว่า 100 ทีม ลงพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือ

ท่าเรือ 'มาบตาพุด' ระยะ 3 คืบ!! คาดปี 70 เปิดใช้ท่าเรือก๊าซ ช่วยรองรับการขนส่งก๊าซธรรมชาติได้ 31 ล้านตันต่อปี

(8 ก.พ. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ว่า เป็นการรองรับการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและวัตถุดิบเหลวสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนทั้งโครงการ 6.4 หมื่นล้านบาท เป็นการลงทุนของภาคเอกชน 5.2 หมื่นล้านบาท ภาครัฐ 1.2 หมื่นล้านบาท แบ่งดำเนินการเป็น 2 ช่วง คือ

ช่วงที่ 1 เป็นการร่วมทุนระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กับเอกชน เพื่อขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นพื้นที่ถมทะเล 1,000 ไร่ (พื้นที่หลังท่าและหน้าท่าพร้อมใช้งาน 550 ไร่ และพื้นที่กักเก็บตะกอนดิน 450 ไร่)
ช่วงที่ 2 เพื่อก่อสร้างท่าเรือสินค้าเหลว (แปลง A) และพื้นที่คลังสินค้าธุรกิจเกี่ยวเนื่อง (แปลง C)

โดยในช่วงที่ 1 ได้ดำเนินการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานและงานออกแบบรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว ส่วนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน แบ่งเป็น การถมทะเลคืบหน้า ร้อยละ 35.88 เร็วกว่าแผน ร้อยละ 2.91 ขณะที่การดำเนินการก่อสร้างเขื่อนกันทราย (Revetment) ก่อสร้างได้ระยะทาง 5,410 เมตร มีการใช้หินสะสม 1.17 ล้านลบ.ม. และได้เริ่มงานลงหิน Toe Rock & Rock Underlayer ก่อสร้างได้ระยะทาง 240/5,410 เมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จเปิดดำเนินการท่าเรือก๊าซได้ในปี 2570

'ตำรวจ' ปลอมตัวเป็น นทท. บุกข้าวสาร รวบแก๊งเมียนมา ลอบเข้าเมือง เปิดร้านขายโรตี-เคบับ แย่งอาชีพคนไทย

(8 ก.พ. 66) ว่าที่ พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าภายในถนนข้าวสารและซอยรามบุตรี แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ว่ามีคนต่างด้าวจำนวนมาก มาเปิดร้านในลักษณะรถเข็น ขายโรตีและเคบับ ซึ่งเป็นอาชีพต้องห้าม แย่งอาชีพคนไทย

ต่อมาวันที่ 7 ก.พ. 66 จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 ตรวจสอบ และประชุมวางแผน เพื่อดำเนินการเข้าตรวจสอบจับกุม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน บก.ตม.1 อำพรางตัวเป็นนักท่องเที่ยวเข้าไปตรวจสอบตามที่ประชาชนให้เบาะแส พบว่าภายในซอยรามบุตรีมีคนต่างด้าวมาเปิดร้านขายโรตีและเคบับจำนวนหลายร้าน จึงแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พร้อมแสดงบัตรประจำตัวให้คนต่างด้าวดู

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบนั้น คนต่างด้าวหลายรายไหวตัวทันและวิ่งหลบหนีไป ทิ้งไว้เพียงรถเข็นขายของ จึงควบคุมตัวคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไว้ได้ 11 ราย ได้แก่

1.) นายทะอ่อง อายุ 21 ปี, 2.) นาย โมยัมเอ อายุ 20 ปี, 3.) นาย ฮงทาย อายุ 33 ปี, 4.) นายอู อายุ 25 ปี, 5.) นาย โทเร อายุ 19 ปี, 6.) นาย มีโส อายุ 30. ปี, 7.) นาย ออจุน อายุ 33 ปี, 8.) น.ส.เลเนวี อายุ 29 ปี, 9.) น.ส.สาเน ทุย อายุ 33 ปี, 10.) น.ส.แวว อายยุ 46 ปี และ 11.) น.ส.มูมู อายุ 28 ปี

ซึ่งระหว่างการตรวจสอบคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาทั้ง 11 ราย ไม่สามารถแสดงเอกสารหนังสือเดินทางและใบอนุญาตทำงานให้เจ้าหน้าที่ดูได้

ทั้งนี้ การเร่ขายสินค้านั้นเป็นงานต้องห้าม คนต่างด้าวไม่สามารถทำได้ อันเป็นความผิดตามมาตรา 8 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 ทั้งหมดยอมรับว่าได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางพรมแดนที่ติดกับประเทศไทย และเข้ามาเปิดร้านขายโรตีและเคบับ รวมถึงสินค้าอื่น ๆ โดยมีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีรายได้เฉลี่ยต่อวันยังไม่หักต้นทุนถึง 1,000-1,500 บาท สร้างความเดือดร้อนให้คนไทยที่ค้าขายอย่างถูกต้องในบริเวณดังกล่าวเป็นอย่างมาก

'บิ๊กแจ๊ส' เตือน!! ชาวปทุมธานี ขอให้ดูที่ตัวบุคคลสำคัญ หากไม่มีคุณภาพ ก็ถือว่าเหยียบย่ำหัวใจคนปทุมฯ

เมื่อวันที่ (7 ก.พ. 66) ที่ตลาดนัดหน้าวัดธรรมสุขใจ คลองหนึ่ง ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และทีมงานได้ลงพื้นที่ตลาดนัดหน้าวัดซอยสามัคคี (วัดธรรมสุขใจ) โดยมี นายสุรพงษ์ อึ๊งอัมพรวิไล, นายศุภชัย นพขำ, นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ ส.ส.พรรคเพื่อไทย, นายสุทิน นพขำ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย, นายยุทธศักดิ์ (จ่ายุทธ) ชูประเสริฐ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย, นายยงยุทธ มั่นบุปผชาติ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย และนายมนัสนันท์ หลีนวรัตน์ และสมาชิกคนเสื้อแดงเดินทางมาให้การต้อนรับอย่างล้นหลาม 

โดยมี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี, ดร.ร.ต.อ.ตรีลูฟล์ ธูปกระจ่าง นายกนครรังสิต ได้เดินทางมาให้กำลังใจพรรคเพื่อไทยและว่าที่ผู้สมัครทั้ง 7 เขต 

ส่วนบรรยากาศภายในตลาดนัดได้มีพ่อค้าแม่ค้าขอเซลฟี่กับอุ๊งอิ๊งเป็นระยะ ๆ ขณะที่เดินพบปะกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของต่างก็ขอสัมผัสและให้กำลังใจกับอุ๊งอี๊งสร้างความอบอุ่นและเป็นกันเอง โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พร้อมทีมงานและว่าที่ผู้สมัครได้ใช้เวลาเดินที่ตลาดนัดแห่งนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง 

ทั้งนี้ อุ๊งอี๊ง ได้กล่าวว่า "พรรคเพื่อไทยลุยลงพื้นที่หาเสียงเหมือนเดิม เราเลือกคนคุณภาพให้พี่น้องประชาชน เราได้มาตรงนี้และได้เดินทั่วตลาด จะเห็นมามีคนที่ชื่นชอบชื่นชอบเข้ามาทักมากมาย ถือว่าเป็นกำลังดี ๆ ในส่วนของเขตพื้นที่ต่าง ๆ หากมี ส.ส.ที่เป็นคนใหม่เข้ามาเรามีหน้าที่จะต้องแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก โดยเฉพาะในเรื่องของนโยบายเรามีความเข้มแข็งเหมือนเดิม เราได้ให้ผู้สมัครในแต่ละเขตลงพื้นที่ ทำงานหนักของตัวเอง เพื่อจะได้ชนะใจประชาชนอย่างบริสุทธิ์ใจ เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ทุกคนต้องทำอยู่แล้ว และส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ทำงานหนักกันทุกคน 

"สำหรับพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ที่มีกระแสข่าวการเผาเสื้อ อุ๊งอิ๊งเองก็ทราบจากข่าว คนในพื้นที่เองก็ต้องอาศัยการปรับตัวในหลาย ๆ เขต เราได้เลือกคนที่ดีที่สุดให้ แต่บางเขตก็อาจจะไม่ถูกใจบางคนบางกลุ่ม เราก็เข้าใจได้ และต้องให้กำลังใจกันต่อไป ในส่วนของพรรครวมก็ต้องดูกันไป เรายังเน้นที่แลนสไลน์เหมือนเดิม เรายังไม่มีการพิจารณาเรื่องพรรคร่วมใด ๆ ทั้งสิ้น เราตั้งใจเดินหน้าหาเสียง ให้พี่น้องประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยเยอะ ๆ จะได้เอานโยบายที่เราพูดแล้วทำจริงให้สำเร็จ พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมอย่างมีแผนรองรับที่จะทำให้นโยบายถูกขับเคลื่อนไปจริง ๆ และเราทำเต็มที่ ทุกพื้นที่ที่เราไปกระแสตอบรับดีมาก ๆ"

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า "ในส่วนของเรื่องผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย เรามี ส.ส.คนปัจจุบันอยู่กับเราทุกเขต และมีผู้สมัครที่เราคัดเลือกเพิ่มเติม ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นนักการเมืองที่ทำงานในพื้นที่อยู่แล้ว เช่น เป็น สจ. หรือเป็นนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ตรงนี้เป็นข้อเด่นของเรา 

"จริงอยู่ในช่วงแรกเราได้สรรหาผู้สมัครไว้มากกว่าจำนวนเขต เพื่อที่จะให้ผู้สมัครมีโอกาสทำงาน แต่เมื่อยังไม่มีการประกาศตัว เราได้ให้ความเป็นอิสระในการทำงาน บางท่านอาจดูว่าเขตมันทับซ้อนกัน เขาก็ตัดสินใจไป ก็เป็นเรื่องของสิทธิ์เสรีภาพ เราไม่ได้ว่าอะไร แต่คนที่คงอยู่เป็นคนที่มั่นคงและมีความเชื่อมั่นฐานะคะแนนหรือฐานเสียงที่ได้ทำงานในพื้นที่มาโดยตลอดถือว่าเป็นจุดแข็งของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top