Monday, 28 April 2025
ค้นหา พบ 47725 ที่เกี่ยวข้อง

5 ปรากฏการณ์ความแรงของซีรีส์ "The Queen’s Gambit"

ไม่น่าเชื่อว่าซีรีส์ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการแข่งขันหมากรุกจะกลายเป็นซีรีส์ทอล์กออฟเดอะทาวน์แห่งปีที่กำลังถูกพูดถึงกันมากที่สุดทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก สำหรับ The Queen's Gambit ออริจินัลซีรีส์ของ Netflix ที่ถูกดัดแปลงจากนวนิยายปีค.ศ.1983 ของ Walter Tevis นักเขียนชาวอเมริกัน เล่าเรื่องราวของ 'เบธ' หรือ 'เอลิซาเบธ ฮาร์มอน' เด็กหญิงกำพร้าวัย 9 ขวบที่ต้องไปอาศัยอยู่ในบ้านเด็กกำพร้า สถานที่แห่งนี้ทำให้เธอได้รู้จักหมากรุกเป็นครั้งแรก หลังเห็น 'ไชเบล' ภารโรงบ้านเด็กกำพร้านั่งเล่นคนเดียวในห้องใต้ดิน

เห็นได้ชัดเจนว่าสังคมอเมริกันในยุค '60s โลกของหมากรุกไม่ได้ต้อนรับหรือให้คุณค่ากับผู้แข่งขันผู้หญิงเพราะถูกมองว่านี่คือเกมสำหรับผู้ชายเท่านั้น แต่พรสวรรค์และความอัจฉริยะของเบธได้พาเธอก้าวไปสู่สนามประลองที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ นำไปสู่เส้นทางการแข่งขันที่เขย่าชุดความคิดแบบเก่ากับเป้าหมายในการล้มแชมป์เซียนหมากรุกระดับแกรนด์มาสเตอร์ให้ได้ แน่นอนว่าคู่แข่งทั้งหมดของเธอล้วนเป็นผู้ชาย!

หลังจากครอง 1 ใน 10 อันดับซีรีส์ยอดฮิตของประเทศไทยมานานหลายสัปดาห์ เมื่อไม่นานมานี้มีรายงานว่า The Queen’s Gambit ยังสร้างสถิติใหม่ที่น่าสนใจมาก ๆ นั่นคือ เป็นซีรีส์ที่มีคนดูมากถึง 62 ล้านบัญชี ภายในเวลา 28 วัน แถมยังครองแชมป์ซีรีส์อันดับ 1 บน Netflix ใน 63 ประเทศทั่วโลก ทำให้ The Queen’s Gambit มีสถิติเป็นมินิซีรีส์ (สร้างซีซั่นเดียวจบ ไม่ทำซีซั่นภาคต่อ) ที่มีผู้ชมมากที่สุดตลอดกาลของ Netflix

แน่นอนว่าความสำเร็จในครั้งนี้ส่งผลให้ผู้กำกับฯ และนักแสดงแจ้งเกิดอย่างงดงาม อีกทั้งเป็นซีรีส์ที่ถูกยกย่องให้ได้รับความนิยมเทียบเท่ากับซีรีส์ดังระดับโลกอย่าง Stranger Things เลยทีเดียว

เมื่อซีรีส์เกิดกระแสความนิยมและเข้าถึงผู้ชมจำนวนมากจนเกิดการบอกต่อถึงความดีงามของซีรีส์ ก็ย่อมดึงดูดผู้ชมรายใหม่ให้เข้ามาสตรีมมิ่งชมเพื่อพิสูจน์เสียงลือเสียงเล่าอ้าง ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือซีรีส์ที่ทำให้หลายคน "ดูแล้วอิน" แม้จะไม่เคยเล่นหมากรุกมาก่อนก็ตาม ทันทีที่คุณดู EP ที่ 7 ซึ่งเป็นบทสรุปสุดท้ายที่คลี่คลายทุกปมของตัวละครใน The Queen’s Gambit แล้ว คุณจะไม่สามารถลบเรื่องนี้ออกไปจากความคิดได้เลย

นั่นทำให้เกิดปรากฎการณ์ระดับโลก 5 สิ่งต่อไปนี้ ที่ถือเป็นอิทธิพลจากซีรีส์ The Queen’s Gambit

.

1.) สถิติการค้นหาวิธีเล่นหมากรุกพุ่งสูงสุดในรอบ 9 ปี

ใครจะไปคิดว่าในยุคที่เรามีเกมล้ำสมัยให้เล่นกันนับพันนับหมื่นเกม แต่เกมคลาสสิกอย่าง "หมากรุก" ที่มีลักษณะเป็นบอร์ดเกมอย่างหนึ่ง เน้นประลองไหวพริบและเชาว์จะกลับเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก นับตั้งแต่ซีรีส์ The Queen's Gambit ออกฉายพบว่าสถิติการค้นคำว่า "How To Play Chess" หรือ "วิธีการเล่นหมากรุก" กลายเป็นคีย์เวิร์ดที่มียอดค้นหาพุ่งสูงที่สุดในรอบ 9 ปี ส่วนเว็บไซต์ Chess.com ซึ่งให้บริการเล่นหมากรุกออนไลน์ก็มีผู้มาเล่นเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า ยังไม่รวมถึงคลิปวิดีโอการเล่นหมากรุกใน Youtube และโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่มียอดวิวเพิ่มขึ้นแม้จะเป็นคลิปเก่าก็ตาม เชื่อว่าคุณเองก็ต้องเคยเข้าไปค้นหาคลิปวิดีโอการแข่งขันหมากรุกดูมาแล้วใช่ไหมล่ะ?

.

2.) หนังสือนวนิยายมียอดสั่งซื้อจากทั่วโลก

นวนิยายเรื่อง The Queen's Gambit ซึ่งเป็นต้นฉบับที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นซีรีส์เรื่องดัง ผลงานของ Walter Tevis ที่มีจำนวน 243 หน้า ติดอันดับหนังสือขายดีของ New York Time ในรอบ 37 ปี หลังจากหนังสือถูกตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปีค.ศ.1983 รวมถึงสื่อหลายสำนักหยิบยกนวนิยายเรื่องนี้มีแนะนำและเขียนรีวิวให้อ่านกัน ตามมาด้วยการสั่งซื้อออนไลน์ของแฟน ๆ ทั่วโลก ทำให้หนังสือติดอันดับ Best Seller ในร้านหนังสือชั้นนำของหลายประเทศ และในอนาคตก็จะถูกแปลเป็นฉบับหลายภาษาเพื่อให้เข้าถึงนักอ่านต่างภาษาและวัฒนธรรมมากยิ่งขึ้น

.

3.) ยอดขายเซ็ตหมากรุกใน ebay เพิ่มขึ้น 250%

ใช่แล้ว,ไม่ใช่ตัวเลขที่พิมพ์ผิดแต่อย่างใด เพราะหลังจากซีรีส์เรื่องนี้ครองใจแฟน ๆ ทั่วโลก ก็สร้างปรากฎการณ์ฟีเวอร์ทำให้มีผู้สนใจซื้อเซ็ตหมากรุกมาเล่นมากขึ้น ยอดขายออนไลน์ก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย มีรายงานว่ายอดขายในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซอย่าง ebay เพิ่มขึ้นถึง 250 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่ซีรีส์ออกฉาย ขณะที่ยอดขายเซ็ตหมากรุกเฉพาะในสหรัฐอเมริกาก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเพิ่มขึ้นถึง 125 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมในปีค.ศ.2019 อยู่ที่ 125 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เรียกว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ผลเกินคาด ต้องยกความดีความชอบให้กับพลังความอินในซีรีส์หมากรุกเรื่องนี้

.

4.) 'อันยา เทเลอร์-จอย' กลายเป็นนางเอกในดวงใจ

การแสดงนำของ 'อันยา เทเลอร์ - จอย' หญิงสาวผู้รับบทบาท 'เบธ' ถูกพูดถึงอย่างมาก เพราะเธอเต็มไปด้วยมิติชวนค้นหาที่ทำให้ตัวละครมีความน่าหลงใหลมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องราวชีวิตส่วนตัวของอันยาที่ผ่านการพิสูจน์ตัวเองอย่างหนัก เนื่องจากเธอเคยถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียนและถูกเพื่อน ๆ ล้อเลียนเรื่องหน้าตาว่า 'ตาห่าง' จนสูญเสียความมั่นใจและเกลียดใบหน้าของตัวเอง จนกระทั่งเธอตัดสินใจก้าวสู่เส้นทางนางแบบและนักแสดงในที่สุด เธอเคยมีผลงานแสดงในภาพยนตร์เรื่อง The Witch (ค.ศ.2015) และ Split (ค.ศ.2017) ก่อนจะมาแจ้งเกิดอย่างงดงามจากซีรีส์ The Queen's Gambit

.

5.) เกิดการส่งต่อพลังงานบวกและแรงบันดาลใจดี ๆ

แม้ซีรีส์จะเล่าเรื่องแพสชั่นของผู้หญิงที่มีต่อการแข่งขันหมากรุก ทว่าประเด็นที่ถูกนำเสนอกลับมีความน่าสนใจ มากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเฟมินิสต์ ปัญหาครอบครัว ปมในวัยเด็ก การเผชิญความโดดเดี่ยว การมองข้ามความรักที่คนรอบข้างมอบให้ ฯลฯ ล้วนสะท้อนข้อคิดบางอย่างกลับคืนสู่ผู้ชม มีเว็บบล็อกมากมายที่เขียนบรรยายความรู้สึกและรีวิวซีรีส์เรื่องนี้ในประเด็นที่แตกต่างกันออกไป สร้างสังคมแห่งการแลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจดีๆ ที่เกิดจากความสำเร็จของซีรีส์ ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนยกให้เป็นซีรีส์ที่งดงามที่สุดบน Netflix ประจำปี ค.ศ.2020 เลยทีเดียว

 

มติศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด ‘ลุงตู่’ รอดคดีบ้านพักทหาร นั่งนายกฯ ต่อ

เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2563 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดี ใช้บ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 1 หลังเกษียนอายุราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติว่า ‘ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ’ ส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีเหตุที่จะสิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี และศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้มีสิทธิพักอาศัยในบ้านรับรอง .

เหตุผลเพราะเคยเป็นอดีตผู้นำสูงสุดของกองทัพบกมาก่อน อีกทั้งยังไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงแต่อย่างใด ความเป็นนายกรัฐมนตรี จึงไม่สิ้นสุดลง

3 ธันวาคม..วันคนพิการสากล

3 ธันวาคมของทุกปี ถูกยกให้เป็น วันคนพิการสากล

 

วันนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2525 หรือกว่า 38 ปีมาแล้ว โดยองค์การสหประชาชาติ ได้ตั้งวันนี้ขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนทั่วโลกได้ตระหนักถึงศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ของคนพิการ และให้เกิดการตื่นตัวในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของคนพิการ รวมไปถึงสนับสนุนการสร้างเสริมศักยภาพ การเปิดโอกาสและสนับสนุนคนพิการให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรได้อย่างเท่าเทียมกับคนทั่วไป

 

นอกจากนี้ยังได้มีการสนับสนุนให้ประเทศต่าง ๆ เฉลิมฉลองวันคนพิการสากลทุกปี เพื่อขับเคลื่อนปฏิบัติการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของคนพิการอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมจัดกิจกรรมรณรงค์ให้เกิดการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยอยู่บนพื้นฐานของสิทธิอย่างเป็นรูปธรรม และได้มาตรฐานในระดับสากล

 

จากการสำรวจทางสถิติขององค์การสหประชาชาติ พบว่า กลุ่มประเทศแถบเอเชียและแปซิฟิกนี้มีจำนวนประชากรที่เป็นบุคคลพิการมากที่สุดในโลก ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาความยากจน นอกจากนั้นก็เกิดจากความรุนแรงของภัยพิบัติทางธรรมชาติ  อุบัติเหตุ และผลของสงคราม ด้วยความพิการทุพพลภาพที่มากขึ้นทุกขณะ ทางองค์การสหประชาชาติจึงพยายามรณรงค์ให้ทุกๆ ฝ่ายได้ช่วยกันหาทางป้องกันแก้ไข เพื่อลดจำนวนผู้พิการลงให้ได้อย่างต่อเนื่อง

 

แม้จะเป็นเรื่องที่ต้องป้องกันแก้ไขกันอย่างจริงจัง และยาวนาน แต่สิ่งที่ผู้คนในสังคมสามารถทำได้ทันทีนั่นก็คือ การมีน้ำใจ ช่วยเหลือ และหยิบยื่นโอกาสให้กับผู้พิการ เท่านี้ก็สามารถทำให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และดำรงชีวิตด้วยตัวเองอย่างมีความสุขยิ่งขึ้นเช่นกัน

 

 

 

"หัวใจวาย" มัจจุราชเงียบที่เกิดได้กับทุกคน

สัปดาห์ก่อน ข่าวการจากไปของ "ดีเอโก้ มาราโดน่า" นักฟุตบอลชื่อดัง ทำเอาผู้คนทั่วโลกใจหาย พร้อมกับต้องเหลียวกลับมาดูแลใส่ใจร่างกายตัวเอง เนื่องจากมาราโดน่าเสียชีวิตด้วยสาเหตุ "หัวใจล้มเหลว" หรือ "ภาวะหัวใจวาย" ซึ่งในทางการแพทย์ ภาวะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะผู้สูงอายุ แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่อายุน้อยได้เช่นกัน

The States Times LITE ชวนทุกคนมาเรียนรู้ภาวะหัวใจล้มเหลวนี้ร่วมกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเรา สัญญาณไหนที่ควรระวัง หรือทางไหนที่ควรหลีกเลี่ยง แม้แต่คุณเข้าข่ายภาวะสุ่มเสี่ยงจะเป็นโรคหัวใจหรือเปล่า ตามไปเรียนรู้แบบง่าย ๆ กัน

หัวใจล้มเหลวคืออะไร?

มันคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถปั๊มเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ เมื่อหัวใจอ่อนแรงไม่สามารถปั๊มเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อวัยวะต่างๆ ของร่างกายก็จะเริ่ม "ขาดเลือด" หรือ "ไม่สามารถใช้เลือดได้" หรือ "ไม่สามารถนำเอาออกซิเจนในเลือดไปใช้งานได้" เหล่านี้จะนำไปสู่ "อาการวูบ" เป็นลม หรือถ้าหากขั้นรุนแรง คือปั๊มเลือดออกไม่ได้เลย จะกลายเป็นหัวใจล้มเหลวจนถึงขั้นทำให้หัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตได้ 

.

คนอายุน้อยก็หัวใจล้มเหลวได้

เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม หรือไม่ดูแลการรับประทานอาหาร เช่น นิยมอาหารฟาสต์ฟู้ดส์ อาหารที่มีรสหวาน อาหารรสจัด รสเค็ม ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยนำไปสู่โรคไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ซึ่งโรคเหล่านี้เป็นพิษต่อหัวใจและหลอดเลือด ทำให้มีความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวได้ง่าย และเร็วขึ้นกว่าเดิม แม้อายุจะยังน้อยอยู่ก็ตาม

สัญญาณแบบไหนที่เข้าข่ายหัวใจมีปัญหา?

สังเกตง่าย ๆ ว่า  จะออกแรงได้น้อยลง หรือเหนื่อยง่ายเวลาออกแรง ถ้าหนักมากกว่านั้น จะพบว่ามีอาการเหนื่อยแม้กระทั่งทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน หรือประเภทรุนแรงมาก ๆ แม้กระทั่งนั่งอยู่เฉย ๆ ก็ยังรู้สึกเหนื่อย นอนราบแล้วไอ ขาบวม น้ำหนักขึ้นเร็วกว่าปกติ ซึ่งหากพบอาการในลักษณะนี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะเป็นสัญญาณเตือนว่า คุณอาจมีสิทธิ์หัวใจล้มเหลว ถึงขั้นเสียชีวิตฉับพลันได้

.

ดูแลตัวเองอย่างไรให้ปลอดภัยจากภาวะหัวใจล้มเหลว

1.) "อย่า" ต่อไปนี้ให้ได้ อย่าให้อ้วน อย่าให้น้ำหนักเกิน อย่าให้ไขมันในเลือดสูง อย่าให้เป็นเบาหวาน อย่าสูบบุหรี่ อย่าดื่มเหล้า และอย่าเครียด

2.) การพักผ่อนที่เพียงพอ จะทำให้ห่างไกลทั้งจากภาวะหัวใจล้มเหลว หรือโรคภัยต่าง ๆ ได้

3.) การออกกำลังกาย ยังเป็นยาที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน จะมากหรือน้อย ยังไงก็ควรต้องออกกำลังกาย

4.) เปลี่ยนพฤติกรรมที่ต้องใช้ร่างกายหนัก ๆ ประเภทอดนอนทำงานยันเช้า หรือนอนไม่เป็นเวลา อย่าคิดว่ายังอายุน้อยแล้วจะไม่ป่วย เพราะร่างกายถูกใช้งานหนักเกินความจำเป็น จะยิ่งทรุดโทรมเร็วกว่าปกติ เหมือนรถที่ใช้งานตลอดเวลา ย่อมจะพังเร็วเป็นธรรมดา

.

ทั้งหมดเป็นที่มาที่ไปของภาวะหัวใจวาย หรือหัวใจล้มเหลว ซึ่งถึงที่สุด คงไม่มีอะไรดีไปกว่า การใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายอยู่เสมอ ให้ความสำคัญกับมันบ้าง มิฉะนั้น เราอาจใช้งานมันได้ไม่นาน อันนั้นจะเรื่องใหญ่เอานะ รักอะไรไม่เท่า รักตัวเอง ใช้ชีวิต  รวมทั้งใช้ร่างกายกันด้วยความพอดีกันนะครับ 


อ้างอิง

https://www.phyathai.com/article_detail/

https://mgronline.com/goodhealth/detail/9590000066796

 

ลัดเลาะส่องมุมชิค ๆ ย่านหัวลำโพง

สุดสัปดาห์นี้ หลายคนหยุดยาว 3 วัน ถ้ายังไม่มีแผนการไปชิลที่ไหน ลองนั่งรถไฟฟ้า MRT มาสถานีหัวลำโพง เดี๋ยวนี้ย่านหัวลำโพง และถนนละแวกใกล้เคียงอย่าง ไมตรีจิตต์ ซอยนานา วงเวียน 22 กรกฎา กลายเป็นแหล่งชุมนุมของร้านรวงหน้าตาเก๋ ๆ น่ารัก ๆ เพียบเลย

นอกจากนี้ยังมีมุมถ่ายรูปสำคัญ ที่เห็นเหล่าดารา เซเลบฯ นิยมไปถ่ายกัน เป็นหน้าตึกเก่าแก่ ที่ถูกปลุกชีพให้กลายมาเป็นโรงแรมบูติก ชื่อว่า The Mustang Blu อันนี้ไม่ควรพลาดมาปักหมุดถ่ายภาพไปอัปลง IG กันนะ

ไม่พูดเยอะดีกว่า เอาเป็นว่า ย่านหัวลำโพง - ไมตรีจิตต์ - ซอยนานา จะคูลเว่อร์ขนาดไหน The States Times LITE เก็บภาพมาให้ดูกันล่ะ

เริ่มต้นการเดินทางมากันง่าย ๆ เพียงแค่โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT มาลงสถานีหัวลำโพง เดินขึ้นจากสถานีปุ๊บ มองเห็นสถานีรถไฟกรุงเทพ หรือสถานีหัวลำโพงเป็นแลนด์มาร์คใหญ่ วันนี้หัวลำโพงผ่านเวลามากว่า 104 ปี เริ่มใช้งานกันมาตั้งแต่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2459 บรรยากาศอันคุ้นเคย กับสถาปัตยกรรมอันสวยงาม กดถ่ายภาพมุมไกลกับหัวลำโพง ก็เข้าท่าทีเดียวนะ

.

เดินข้ามถนนจากหัวลำโพงมาไม่ไกล จะเจอถนนแยกเป็นหลายสาย ให้เดินเข้ามาทางถนนไมตรีจิตต์ จะเจอแลนด์มาร์คแห่งใหม่ เห็นใคร ๆ ก็ถ่ายภาพมุมนี้ไปลงไอจี ที่นี่เป็นอาคารทรงโคโลเนียลเก่าแก่ที่ถูกปลุกชีพมาเป็นโรงแรม มีชื่อว่า "The Mustang Blu" แต่เมื่อก่อนเคยเป็นทั้งโรงพยาบาล ธนาคาร หรือสถานอาบอบนวด มาวันนี้แปลงโฉมเป็นโรงแรม ตั้งตัวอย่างโดดเด่นจนกลายเป็นจุดถ่ายภาพที่กำลังอินอยู่ในตอนนี้ มา ๆ ต้องมาลอง!

.

ตามเส้นทางไมตรีจิตต์ ยังเต็มไปด้วยอาคารพาณิชย์เก่าแก่ และวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนพื้นที่ ส่วนใหญ่ยังเป็นธุรกิจร้านค้าที่ค้าขายมายาวนาน จากรุ่นสู่รุ่น เดินแล้วเหมือนย้อนเวลาหาอดีต

.

เดินจนสุดถนนไมตรีจิตต์ จะเจอแยกซอยนานา ในวันนี้ถนนเส้นนี้กลายเป็นแหล่งแฮงเอ้าต์แห่งใหม่ อาคารเก่า ๆ ถูกแปลงโฉมเป็นคาเฟ่ รวมทั้งตามตรอกซอกซอยเล็ก ๆ ยังมี "บาร์ลับ" ที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในอาคารเก่า อย่างร้านนี้ WALLFLOWERS เป็นบาร์ลับที่ถ้าไม่ลงเท้าเดินก็คงไม่เจอ ตั้งอยู่ในซอกของอาคารเก่า ๆ 

.

อีกหนึ่งบาร์ยอดฮิตของนักแฮงเอ้าต์รุ่นใหม่ Teen of Thailand (ToT) ตอนที่ไปถึงเป็นช่วงกลางวันยังไม่เปิดทำการ แต่กำแพงร้านแบบดิบ ๆ ก็สะดุดตาพอที่จะเก็บมุมถ่ายภาพเอาไว้

.

บาร์เก๋ ๆ อีกแห่ง แปลงโฉมอาคารเก่าให้สวยเก๋ Ba Hao

.

อีกหนึ่งมุมที่รับรองว่าถ่ายภาพสวยแน่ ๆ นั่นคือ ตามประตูบ้านเรือนแถวนั้น รูปทรงโบราณที่หายากในยุคนี้ แถมผู้พักอาศัยย่านนั้นก็ยังพร้อมใจกันทาสีประตูให้สวยสด ใครอยากถ่ายภาพ สามารถขออนุญาตขอเจ้าของบ้านถ่ายไว้ได้เลย

.

ภาพกำแพงที่เต็มไปด้วยแผ่นพับ ใบปลิว และสติ๊กเกอร์เก่า ๆ ให้อารมณ์ดิบ ๆ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบย้อนเวลา

.

ธุรกิจเก่าแก่ อาชีพดังเดิมของคนพื้นที่ก็ยังอยู่ อย่างร้านตัดผม บาร์เบอร์สุภาพบุรุษ ไอเท็มหน้าร้านวินเทจได้ใจ จนต้องเก็บภาพเอาไว้

.

สวยงาม สีฉูดฉาด และเต็มไปด้วยความคลาสสิก จะเจอไปตลอดเส้นทาง

.

เดินตัดจากซอยนานา มีอีกถนนเส้นคู่ขนานกัน คือถนนพระราม 4 พบกับอีกหนึ่งไฮไลท์ที่มาแล้วต้องไม่พลาด คือร้านกาแฟ JADE (เจต) ที่นี่พลิกโฉมจากอาคารเก่าแก่ที่รกร้างของต้นตระกูลนับสิบปี มาปรุงโฉมให้กลายเป็นร้านกาแฟเท่ ๆ แถมด้านบนยังเปิดเป็นอาร์ต แกลอรี่ ร้านเป็นแบบโอเพ่น แอร์ แต่บรรยากาศชิลๆ เข้าไปนั่งแล้วเหมือนย้อนเวลาไปในอดีต สัญลักษณ์อักษรจีนข้างกำแพง ออกเสียงว่า "อี่" แปลว่า สมหวัง ส่วน "JADE" หรือ "เจต" ในภาษาไทย ก็คือ สมหวังดังใจ

.

กาแฟซิกเนเจอร์ JADE old town ice coffee ของทางร้าน อร่อย เลิศ

.

ภาพอาคารภายนอก ที่ทางเจ้าของร้านบอกว่า มีลวดลายภาษาจีนที่เขียนเอาไว้นับร้อยปี ซึ่งไม่ว่าจะปรับปรุงอาคารยังไง ก็จะคงอนุรักษ์อักษรเหล่านี้ไม่เปลี่ยนแปลง สะท้อนความเป็นย่านเก่าแก่ที่มีการผสมผสานทั้งของเก่าและของใหม่ ให้อยู่ร่วมกันอย่างลงตัว


เรื่อง: นายสารพัดย่าน

ภาพ: ณัฐ์วริทธิ์ วรรธนะพินทุ

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top