Monday, 16 June 2025
ค้นหา พบ 48843 ที่เกี่ยวข้อง

ฤา.....เมียนมาจะล่มสลายเหมือนศรีลังกา

ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา เอยาได้ยินเสียงแว่วออกมาจากฝั่งสามนิ้วชาวเมียนมาก็ดี ชาวไทยก็ดีว่า อีกไม่นานเมียนมาจะล่มสลายแบบเดียวกับศรีลังกา เรื่องแบบนี้มันสามารถปลุกกระแสได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารของเมียนมา เอาเป็นว่าก่อนที่จะที่ทุกคนจะเชื่อหรือไม่ วันนี้เอยามาหาคำตอบให้ทุกคนได้รู้กัน

ก่อนจะพูดถึงว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลราชปักษาที่ทุกคนทราบกันดีว่าเหตุของการล่มสลายของศรีลังกาเราควรมาทราบก่อนว่าตระกูลราชปักษานั้นขึ้นมามีอำนาจได้อย่างไร ก่อนอื่นๆ ต้องเข้าใจก่อนว่าในอดีตศรีลังกามีคนอาศัยอยู่ 2 ชาติพันธุ์นั่นคือ ชาวสิงหลที่เป็นชาวพื้นเมือง อีกชาติพันธุ์คือชาวทมิฬที่ย้ายถิ่นฐานมาจากอินเดียใต้ และมีปัญหาการกระทบกระทั่งระหว่างชนชาติมาตลอดตั้งแต่สมัยก่อนยุคล่าอาณานิคม จนถึงยุคล่าอาณานิคม แม้จะมีการเปลี่ยนมือกันปกครองจากโปรตุเกสเป็นฮอลันดาและอังกฤษในเวลาต่อมา โดยเฉพาะในยามที่อังกฤษปกครองเป็นช่วงเวลาที่สร้างรอยร้าวระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างชาวสิงหลและชาวทมิฬมากที่สุด จนถึงวันที่ปลดปล่อยเอกราชออกจากอังกฤษ ปัญหาความขัดแย้งทางเชื้อชาติ ระหว่างชาวสิงหลและชาวทมิฬมาเป็นเวลานับศตวรรษ โดยชาวทมิฬต้องการที่จะแยกดินแดนทางภาคเหนือและตะวันออกของประเทศตั้งเป็น มาตุภูมิทมิฬ จึงได้ก่อตั้งกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลม หรือ LTTE เพื่อเป็นกองกำลังในการต่อสู้กับรัฐบาล โดยใช้วิธีการก่อการร้าย ระเบิดพลีชีพ และการลอบสังหาร โดยพุ่งเป้าไปที่หน่วยทหาร ผู้นำทางการเมือง และเจ้าหน้าที่ทางการท้องถิ่นชาวสิงหล จนกระทั่งนอร์เวย์เข้ามาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยนำไปสู่การลงนามความตกลงหยุดยิงในปี 2545 ซึ่งตามมาด้วยการเจรจาสันติภาพที่มีการประชุมมาทั้งหมด 8 ครั้ง โดยการเจรจาฯ จัดขึ้นที่ไทย 3 ครั้ง (กันยายน/ตุลาคม 2545 และมกราคม 2546) การเจรจาฯ ครั้งสุดท้ายจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 - 29 ตุลาคม 2549 ที่นครเจนีวา ก็ไม่ปรากฏผลที่สำคัญใดๆ อาจกล่าวได้ว่า การเจรจาฯ ที่ผ่านไม่สามารถบรรลุผลใด ๆ ที่เป็นรูปธรรมได้ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายขาดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ตลอดจนความจริงใจที่จะยุติปัญหาทาการเมืองอย่างถาวร แม้จะได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากประเทศตะวันตกก็ตาม

จนกระทั่งการเลือกตั้งประธานาธิบดี นาย Mahinda Rajapaksa ที่ปัจจุบันได้เป็นนายกรัฐมนตรีก่อนจะถูกเปลี่ยนออกในการปรับ ครม. ก่อนจะเกิดการล่มสลายของศรีลังกา โดยนาย Mahinda ได้ชูนโยบายในการกวาดล้างกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลมจนถูกทำลายสิ้นซากในเดือนพฤษภาคม 2009 ภายใต้การนำของ Nandasena Gotabaya Rajapaksa ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เขาได้ใจชาวสิงหลในศรีลังกาและเป็นผลให้ โคฐาภยะ ราชปักษา ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ตั้งแต่ปี 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 - 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2022

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าวันนี้ศรีลังกาได้ประกาศเป็นประเทศล้มละลายแล้วโดยชนวนเหตุมาจากการกู้หนี้ยืมสินต่างประเทศมาใช้อย่างอู้ฟู่โดยรายได้ของศรีลังกา จนเมื่อประเทศต้องผจญกับวิกฤตทับซ้อนโดยเริ่มจาก วิกฤตการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้รายได้หลักของศรีลังกาขาดไป เมื่อต้องมาพบกับวิกฤตการณ์ที่ราคาอาหารและน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงเมื่อ โคฐาภยะ ราชปักษา ได้ดำเนินนโยบายการลดการเก็บภาษีในกลุ่มธุรกิจบางกลุ่ม ทำให้รายได้ประเทศลดลงในขณะที่รายจ่ายพุ่งสูงขึ้นจนนำมาถึงจุดที่ล้มละลายในที่สุด

‘ทิพานัน’ แนะเพื่อไทย ‘มูฟออน’ ได้แล้ว อย่าทำตัวเป็น ‘วัสสการพราหมณ์ยุยง’

‘ทิพานัน’ ย้อนแสบเพื่อไทย ‘มูฟออน’ จากศึกซักฟอกได้แล้ว อย่าทำตัวเป็น ‘วัสสการพราหมณ์ยุยง’ ยุให้พรรคพลังประชารัฐแตกแยก ยันสภาฯ ไว้วางใจ ‘บิ๊กป๊อก’ ทำงานต่อ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีนพ.ชลน่าน ศรีแห้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความเห็นกรณีส.ส.พรรคประชารัฐโหวตคะแนนไม่ไว้วางใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 6 เสียงเป็นการส่งสัญญาณเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า... 

การอภิปรายไม่ไว้วางใจผ่านพ้นไปแล้ว โดยที่ไม่สามารถล้มรัฐบาลและไม่ได้มีประเด็นใดที่หวือหวาอย่างที่โฆษณาชวนเชื่อ ในขณะที่รัฐบาลยังมีเสถียรภาพมั่นคง เดินหน้าพลิกฟื้นเศรษฐกิจ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนต่อไป จึงไม่ควรมโน หรือสร้างประเด็นยุยงให้เกิดแรงกระเพื่อมในรัฐบาล และในพรรคพลังประชารัฐ เพราะผลคะแนนโหวตไว้วางใจของ พล.อ.อนุพงษ์ เกินกึ่งหนึ่ง ถือว่าสอบผ่าน ได้รับฉันทามติจากสภาฯ ถือว่าได้รับความไว้วางใจจากตัวแทนพี่น้องประชาชนให้ทำงานต่อ

‘ริชิ ซูนัก’ เต็งนายกฯ อังกฤษ ประกาศศึกล่วงหน้า จะจัดหนักจีน หากได้ครองทำเนียบบ้านเลขที่ 10

ริชิ ซูนัก (Rishi Sunak) อดีตรัฐมนตรีคลังอังกฤษเชื้อสายอินเดีย ตัวเต็งอันดับหนึ่งการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์ ที่จะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษต่อจาก นายบอริส จอห์นสัน ในเดือนกันยายน 2022 นี้ ประกาศกร้าวว่า จีนเป็นภัยคุกคามอันดับ 1 ต่อประเทศอังกฤษ และความมั่นคงของโลก ซึ่งเขาสัญญาว่าจะใช้นโยบายแข็งกร้าวกับจีนอย่างแน่นอน หากมีชัยในการเลือกตั้งภายในพรรคอนุรักษ์และรับตำแหน่งผู้นำอังกฤษ 

คำให้สัมภาษณ์จาก ริชิ ซูนัก เกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้รับชัยชนะรอบ 2 ของการหยั่งเสียงลงคะแนนคัดเลือกตัวแทนที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษ์อย่างท่วมท้น แต่กลับถูก ลิซ ทรัสส์ (Liz Truss) รัฐมนตรีต่างประเทศหญิงที่เป็นคู่แข่งคนสำคัญ ออกมาโจมตีว่า ริชิ ซูนัก อ่อนในเรื่องนโยบายต่างประเทศ โดยเฉพาะการรับมือภัยคุกคามจากทั้งรัสเซีย และจีน 

อย่างไรก็ตาม ด้านสำนักข่าว Global Times ของจีน กลับให้การสนับสนุน ริชิ ซูนัก โดยวิเคราะห์ว่าเขาเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียวที่มีมุมมองในเชิงปฏิบัติต่อการสานสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษและจีน จนโดนสื่ออังกฤษที่สนับสนุน ลิซ ทรัสส์ ค่อนแคะ ริชิ ซูนัก ว่าไม่ต้องการได้ผู้นำที่ทำตัวเป็นตรายางให้จีน 

และนั่นก็เลยทำให้วันนี้ ริชิ ซูนัก ต้องออกมายืนยันหนักแน่นว่า เขาจะไม่อ่อนข้อให้กับภัยคุกคามจากจีนอย่างแน่นอน โดยเสนอนโยบายที่จะปิดสถาบันขงจื๊อทั้งหมด 30 แห่งทั่วประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลจีนเข้ามาเผยแพร่ Soft Power ผ่านการเรียน การสอน ศิลปะ วัฒนธรรม และภาษาบนแผ่นดินอังกฤษได้อีกต่อไป 

นอกจากนี้ เขายังบอกว่าจะถีบส่งรัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์ ออกจากสถาบันการศึกษาของอังกฤษ ด้วยการออกกฏหมายบังคับให้มหาวิทยาลัยในอังกฤษต้องเปิดเผยแหล่งเงินทุนสนับสนุนจากต่างประเทศที่มีมูลค่ามากกว่า 50,000 ปอนด์ขึ้นไป และจะตรวจสอบผู้ร่วมโครงการวิจัยในสถาบันอังกฤษทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อสกัดการเข้าถึงองค์ความรู้ และเทคโนโลยีสำคัญของอังกฤษ ที่จีนมักถูกกว่าหาว่าแอบส่งนักวิชาการเข้ามาขโมยงานวิชาการของชาติตะวันตกอยู่เสมอ

ศ.สุชาติ! แบงค์ชาติ​ควรค่อยๆ​ ขึ้นดอกเบี้ย​ ไม่ทำให้เงินบาทแข็งค่ามากไป​ เพื่อรักษาอัตราการเติบโตของการส่งออกและรายได้ประชาชาติ

ศ​าสตราจารย์​ ดร.สุชาติ​ ​ธา​ดา​ธำ​รง​เวช​ อดีตรัฐมนตรี​ว่าการกระทรวงการคลัง​ และอดีตหัวหน้าพรรค​เพื่อ​ไทย​ ให้ความเห็นว่า​

1. แบงค์ชา​ติ​ อาจขึ้นดอกเบี้ย​ 0.25% เพื่อทำให้ดอกเบี้ยที่แท้จริง​ (ดอกเบี้ยหักด้วยเงินเฟ้อ)​ ไม่ติดลบมากนัก​ โดยดอกเบี้ยไม่ต้องสูงเท่าดอกเบี้ยสหรัฐ​ เพราะเศรษฐกิจ​สหรัฐ​เติบโตเกินกำลังการผลิต​ จึงเกิดเงินเฟ้ออันเนื่องมาจากพิมพ์​เงินดอลลา​ร์​ มาใช้มากเกินไป​ แต่ไทยเป็นเงินเฟ้อที่มาจากต้นทุนนำเข้า​ เศรษฐกิจ​ไทยเพิ่งเริ่มฟื้นตัว​ การผลิตและการจ้างงาน​ยังต่ำอยู่มาก

2. การขึ้นดอกเบี้ย​ ไม่ควรทำให้เงินบาทแข็งค่ากว่าเงินประเทศอื่น ๆ​ ที่อ่อนค่าลง​ทั่วโลก​ อันเนื่องมาจากเงินสหรัฐ​ แข็งค่าขึ้นอย่างมาก

3. การส่งเสริมการส่งออกสินค้าบริการ​ รวมต่างชาติมาท่องเที่ยว (Exports-E)​ เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะ​การส่งออกคือ​ "ร​ายได้​ " แต่​เราไม่ควรส่งเสริมการนำเข้า (Imports-M)​ โดยไม่มีเป้าหมาย​ เพราะ​การนำเข้า คือรายจ่าย​ "เราส่งเสริมให้​ เพิ่มรายได้​ ลดรายจ่าย​ ขยายโอกาส" 

4. หาก​รัฐบาล​ไปทำให้ค่าเงินบาทแข็ง​เกินไป การนำเข้าก็จะเพิ่มขึ้น​ ซึ่งจะไปลด​รายได้ประชาชาติ​ (GDP)​ เพราะ​ใน​สมการ GDP​=C+I+G+E-M ตัว​ M จะไปหักออกจาก​ GDP 

5. เราจึงต้องรักษาค่าเงินบาทให้อ่อนเล็กน้อย​ เพื่อ​ให้การส่งออกสามารถแข็งขันได้​ดี เพื่อเพิ่มรายได้​ และทำให้ราคานำเข้าแพงขึ้นเล็กน้อย​ ทำให้ลดการนำเข้า​ เพื่อลดรายจ่าย​ จะเป็นการ​เพิ่ม​ GDP​ ทั้ง 2 ด้าน

6. การทำค่าเงินบาทให้อ่อน​ลงเล็กน้อย เพื่อเพิ่ม​การส่งออกทั้งปริมาณและมูลค่า จะให้ผลบวกเกือบทุกคนในประเทศ เพราะผู้ส่งออกที่แท้จริงคือ​ กรรมกรและชาวนา​ชาวสวน ซึ่งจะมีรายได้เพิ่มขึ้น​ โดยส่งผ่านมาจากบริษัทส่งออก และทำให้แม่ค้าข้าวแกง​ขายได้มากขึ้น​ด้วย การส่งออกจึงทำให้เกือบทุกคนในประเทศ​ มีรายได้และฐานะดีขึ้น​ และเนื่องจากการส่งออกก็คือผลผลิต​ (GDP​)​ ถึง​ 70% จึงจะทำให้อัตราความเติบโตของประเทศ (GDP​ growth rates) สูงขึ้น​ด้วย

ชาวบ้านหวังดี แจ้งจนท.รถไฟ หลังพบเหล็กยึดรางหาย สุดท้ายได้รับคำตอบสุดอึ้ง “แจ้งร้านรับซื้อของเก่าแล้ว”

ชาวบ้านน้ำพอง ขอนแก่น หวังดี แจ้งเจ้าหน้าที่การรถไฟ หลังพบเหล็กยึดรางหายหลายจุด แต่กลับได้รับคำตอบสุดอึ้ง แจ้งร้านรับซื้อของเก่าแล้ว บอกหายเป็นประจำ เหตุขโมยมีเครื่องมือดีกว่า 

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายฉัตรชัย โลหะมาตย์ กำนันตำบลหนองกุง ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อำเภอน้ำพอง จ.ขอนแก่น ว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน หมุดรางรถไฟ ช่วงระหว่างจุดข้ามทางรถไฟถนนสายน้ำพองกระนวน และจุดข้ามทางรถไฟเส้นทางไปบ้านนาเรียง บริเวณสะพานดำ ซึ่งเป็นสะพานข้ามลำห้วยสาธารณะ ถูกคนร้ายถอดหมุด และเหล็กประกับช่วงรอยต่อรางเหล็กที่ยึดติดกับพื้นสะพานหายไปจำนวน 5 จุด จึงได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบเพื่อเก็บข้อมูล เพื่อนำรายงานทางอำเภอ และเจ้าหน้าที่การรถไฟทราบ

โดยที่เกิดเหตุพบว่า เหล็กที่ใช้ยึดพื้นสะพานใช้รางรถไฟเป็นคานบน ความยาวประมาณ 25 เมตร จำนวน 2 เส้น ซึ่งแต่ละเส้นจะมีรอยต่อ ใช้เหล็กประกับแนบเหล็กเพื่อยึดด้วยน็อตจำนวน 4 ตัว พร้อมกับยึดติดกับไม้หมอนรถไฟที่อยู่บนพื้น ถูกคนร้ายถอดเอาเหล็กประกับออกไปจำนวน 5 จุด แต่ละจุดจะใช้เหล็กประกับ 2 ชิ้น ๆ ละ 1 กิโลกรัม หายไป

นายฉัตรชัย เผยว่า ขณะที่กำลังตรวจสอบรายละเอียดอยู่นั้น ได้มีรถตรวจการของเจ้าหน้าที่การรถไฟ วิ่งผ่านมา จึงได้เรียกให้ตรวจสอบจุดที่ถูกขโมยหมุดรางรถไฟ ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่า หมุดกับเหล็กที่หายไปถูกขโมยลักไปหลายครั้งแล้ว ทุกครั้งจะนำอะไหล่มาทดแทน จนทุกวันนี้ไม่มีอะไหล่แล้ว เพราะถูกขโมยประจำ ซึ่งจุดที่ถูกขโมย ไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินรถไฟแต่อย่างใด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top