ศ.สุชาติ! แบงค์ชาติ​ควรค่อยๆ​ ขึ้นดอกเบี้ย​ ไม่ทำให้เงินบาทแข็งค่ามากไป​ เพื่อรักษาอัตราการเติบโตของการส่งออกและรายได้ประชาชาติ

ศ​าสตราจารย์​ ดร.สุชาติ​ ​ธา​ดา​ธำ​รง​เวช​ อดีตรัฐมนตรี​ว่าการกระทรวงการคลัง​ และอดีตหัวหน้าพรรค​เพื่อ​ไทย​ ให้ความเห็นว่า​

1. แบงค์ชา​ติ​ อาจขึ้นดอกเบี้ย​ 0.25% เพื่อทำให้ดอกเบี้ยที่แท้จริง​ (ดอกเบี้ยหักด้วยเงินเฟ้อ)​ ไม่ติดลบมากนัก​ โดยดอกเบี้ยไม่ต้องสูงเท่าดอกเบี้ยสหรัฐ​ เพราะเศรษฐกิจ​สหรัฐ​เติบโตเกินกำลังการผลิต​ จึงเกิดเงินเฟ้ออันเนื่องมาจากพิมพ์​เงินดอลลา​ร์​ มาใช้มากเกินไป​ แต่ไทยเป็นเงินเฟ้อที่มาจากต้นทุนนำเข้า​ เศรษฐกิจ​ไทยเพิ่งเริ่มฟื้นตัว​ การผลิตและการจ้างงาน​ยังต่ำอยู่มาก

2. การขึ้นดอกเบี้ย​ ไม่ควรทำให้เงินบาทแข็งค่ากว่าเงินประเทศอื่น ๆ​ ที่อ่อนค่าลง​ทั่วโลก​ อันเนื่องมาจากเงินสหรัฐ​ แข็งค่าขึ้นอย่างมาก

3. การส่งเสริมการส่งออกสินค้าบริการ​ รวมต่างชาติมาท่องเที่ยว (Exports-E)​ เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะ​การส่งออกคือ​ "ร​ายได้​ " แต่​เราไม่ควรส่งเสริมการนำเข้า (Imports-M)​ โดยไม่มีเป้าหมาย​ เพราะ​การนำเข้า คือรายจ่าย​ "เราส่งเสริมให้​ เพิ่มรายได้​ ลดรายจ่าย​ ขยายโอกาส" 

4. หาก​รัฐบาล​ไปทำให้ค่าเงินบาทแข็ง​เกินไป การนำเข้าก็จะเพิ่มขึ้น​ ซึ่งจะไปลด​รายได้ประชาชาติ​ (GDP)​ เพราะ​ใน​สมการ GDP​=C+I+G+E-M ตัว​ M จะไปหักออกจาก​ GDP 

5. เราจึงต้องรักษาค่าเงินบาทให้อ่อนเล็กน้อย​ เพื่อ​ให้การส่งออกสามารถแข็งขันได้​ดี เพื่อเพิ่มรายได้​ และทำให้ราคานำเข้าแพงขึ้นเล็กน้อย​ ทำให้ลดการนำเข้า​ เพื่อลดรายจ่าย​ จะเป็นการ​เพิ่ม​ GDP​ ทั้ง 2 ด้าน

6. การทำค่าเงินบาทให้อ่อน​ลงเล็กน้อย เพื่อเพิ่ม​การส่งออกทั้งปริมาณและมูลค่า จะให้ผลบวกเกือบทุกคนในประเทศ เพราะผู้ส่งออกที่แท้จริงคือ​ กรรมกรและชาวนา​ชาวสวน ซึ่งจะมีรายได้เพิ่มขึ้น​ โดยส่งผ่านมาจากบริษัทส่งออก และทำให้แม่ค้าข้าวแกง​ขายได้มากขึ้น​ด้วย การส่งออกจึงทำให้เกือบทุกคนในประเทศ​ มีรายได้และฐานะดีขึ้น​ และเนื่องจากการส่งออกก็คือผลผลิต​ (GDP​)​ ถึง​ 70% จึงจะทำให้อัตราความเติบโตของประเทศ (GDP​ growth rates) สูงขึ้น​ด้วย

7. ค่าเงินอ่อนจะทำให้​ราคาสินค้านำเข้าแพงขึ้นในรูปเงินบาท (แต่ต่างชาติ​ไม่ได้ประโยชน์​อะไร​ยังขายได้เงินดอล​ลาร์​ต่อชิ้นเท่าเดิม)​ โดยราคา​สินค้านำเข้าที่แพงขึ้น​ จะไปทำให้มีการผลิตสินค้าทดแทนนำเข้า​เพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่ม​ GDP​ ขึ้นอีกด้วย

8. การนำเข้าน้ำมันและปุ๋ยจะแพงขึ้น​ ซึ่งอาจกระทบในวงที่กว้างขึ้น​ แต่ขนาดจะน้อยกว่ารายได้จากการส่งออก​ที่เพิ่มขึ้น​ โดยสุทธิแล้ว​ ประชาชนเกือบทุกคน​ในประเทศจะดีขึ้น ​ในกรณีที่รัฐบาลต้องการช่วยลดภาระ​ประชาชนจากราคานำเข้าที่แพงขึ้น ก็ต้องไปปรับโครง​สร้างภาษี, ราคา​ และทำให้ตลาด​ภายในมีการแข่งขันมากขึ้น

9.​ การนำเข้าเป็นรายจ่าย​ ไม่ใช่รายได้​ เราต้องการให้ประชาชนลดรายจ่าย​ของประเทศ เราจึงไม่แนะนำให้ปรับค่าเงินบาทให้แข็งเกินจริง เพื่อลดราคาสินค้านำเข้า​ เพราะ​ ประชาชน​จะไปใช้จ่ายกับ สินค้า​นำเข้ามากขึ้น​ ดังนั้น​ การทำค่าเงินบาทให้อ่อนลงเล็กน้อย โดยเปรีย​บ​เทียบประเทศคู่แข่ง​ "จึงถูกต้อง" ​(ณ​ วันนี้​ ค่าเงิน​บาทยังแข็งกว่า​เงินริงกิต​มาเลเซีย​ 17%)

10. เราไม่ส่งเสริมแนวคิดที่ให้ลดการส่งออก​ แล้ว​กลับมาผลิตแลกเปลี่ยน​กินใช้กันเอง​ เพราะประเทศ​และประชาชน​ไทย จะยากจน​ เทคโนโลยี​ไม่พัฒนา​ หากดูในอดีต​ แม้ประเทศจีนที่มีประชาชนมากมาย​ ยังไม่สามารถทำได้​ ต้องกลับมาเปิดประเทศ​ จึงทำให้ประเทศจีน​ร่ำรวย​ สิงคโปร์​ในปัจจุบัน​มี​ Exports​ มากกว่า​ GDP​ กว่า 200% ด้วยการนำเข้ามาเพื่อ​ Re-exports

11. นักเก็งกำไร​ มักเรียกร้องให้ขึ้นดอกเบี้ยให้ทันดอกเบี้ยสหรัฐ​ฯ​ เพราะ​ กลัวเงินทุนระยะสั้น​ไหลออก, กลัวค่าเงินบาทอ่อน, กลัวหุ้นตก​ "จึงไม่ถูกต้อง" เพราะหากค่าเงินบาทกลับมาแข็ง​เกินหลายๆ​ ประเทศ (ที่มีค่าเงินอ่อนลงเทียบเงินสหรัฐเช่นกัน)​ การส่งออกไทยก็จะลดลง​ ทำให้การผลิตและจ้างงานลดลง,​ รายได้ประชาชาติและกำไรบริษัทก็จะตกลง​ ราคาหุ้นก็ต้องลดลง​ เงินทุนระยะสั้น​ก็ต้องไหลออกอยู่ดี​

12. จึงมีคำกล่าวในหมู่นักเศรษฐศาสตร์​มหภาค​ว่า​ "อะไรที่นักเก็งกำไรบอกว่าดีในระยะสั้น​ จะทำให้ประเทศแย่​ ไม่เจริญเติบโตในระยะยาว" ดร.สุชาติ​ กล่าว