Saturday, 5 July 2025
ค้นหา พบ 49212 ที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยการซื้อสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยการซื้อสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือเสริมสมรรถภาพทางเพศ ที่กล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ไม่ได้มาตรฐานหรือผ่านการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาจเกิดความเสียหายหรืออันตรายถึงแก่ชีวิตได้

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากเตือนภัยการเลือกซื้อสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือเสริมสมรรถภาพทางเพศ  ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือผ่านการตรวจสอบและรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาจเกิดความเสียหายหรือเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

ในห้วงที่ผ่านในภาพรวมพบว่ามีการกระทำความผิดและการหลอกลวงของมิจฉาชีพที่เกี่ยวกับขายสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดยฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าที่ไม่ได้มาตฐาน โฆษณาเกินจริง ไม่มีการรับรองผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารเสริมหรือเสริมสมรรถภาพทางเพศ เป็นจำนวนมาก

ดังเช่นกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอข่าวเมื่อวันที่ 29 พ.ค.65 ได้กล่าวถึงกรณีสำนักงานวิทยาศาสตร์สุขภาพสิงคโปร์ (HSA) เตือนประชาชนไม่ให้บริโภคผลิตภัณฑ์กาแฟยี่ห้อหนึ่งชนิด 3in1 ที่ตรวจพบยาทาดาลาฟิล รักษาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศสูงเกินขนาดปกติ มากกว่า 10 เท่า ซึ่งพบว่าสารที่ออกฤทธิ์มีผลกระทบต่อการขยายหลอดเลือดและมีผลต่อผู้ป่วยโรคตับ ไต หัวใจ หลอดเลือดสมอง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เจ็บหน้าอก ความดันเลือดต่ำหรือสูง เป็นต้น  

เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้กำชับและสั่งการไปยังหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย ในการป้องกันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ให้เร่งสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชน ทราบถึงพิษภัยและรูปแบบการกระทำความผิดต่างๆ พร้อมเร่งทำการสืบสวนปราบปรามจับกุม ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ผิดกฎหมายมาดำเนินคดี เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นและตัดโอกาสในการกระทำความผิดอย่างจริงจังต่อเนื่องโดยให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้หากมีการลักลอบนำมาจำหน่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หรือ การโฆษณาสรรคุณสินค้าที่เกินจริง  ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็จะมีคำสั่งให้ระงับจำหน่ายและโฆษณาทันทีโดยถือเป็นอาหารที่ไม่ปลอดภัย ผู้กระทำการฝ่าฝืน ผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รวมถึงหากมีการนำไปอวดอ้างสรรพคุณที่เกินจริง บิดเบือนหรือผลิตข่าวปลอมที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือเสริมสมรรถภาพทางเพศผ่านสื่อสังคมออนไลน์  ก็จะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าวนั้นซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวหากมีประชาชนที่ได้รับความเสียหายสามารถรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป         

พร้อมขอฝากเตือนประชาชนใช้วิจารณญาณในการเลือกบริโภคสินค้าต่างๆให้พิจาณาให้ดี อย่าเชื่อแค่คำโฆษณาหรือการ บอกเล่าปากเปล่า และขอประชาสัมพันธ์แนวทางป้องกัน ดังนี้...

1.อย่าหลงเชื่อผลิตภัณฑ์ที่แสดงสรรพคุณเกินจริง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีการระบุสรรพคุณในการรักษาหรือมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงหรือส่งผลต่อร่างกายของเราโดยเด็ดขาด 

2.ควรตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่ามีสรรพคุณอย่างที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่ 

3.การโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จะต้องได้รับการอนุญาตจากทางสำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งสังเกตจากเลขทะเบียน (ที่ไม่ใช่เลข อย.) ซึ่งขึ้นด้วยอักษร "ฆอ. …" เป็นต้น

4.สามารถตรวจสอบการอนุญาตที่เกี่ยวข้องได้ที่เว็ปไชต์ https://porta.fda.moph.go.th ของ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กระทรวงสาธารณสุข

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 5/2565 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันจันทร์ ที่ 30 ต.ค.65 เวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 5/2565 ณ ตึกภักดีบดินทร์  ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นในการประชุม เพื่อรับฟังรายงานผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านต่างๆ 

การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๔ ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕

วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๔ ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด ๑๙ (ศบค.) โดยมี พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน พร้อมด้วย ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ และเสนาธิการทหารอากาศ เข้าร่วมประชุม ณ กองบัญชาการกองทัพไทย ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ

การประชุมฯ ในครั้งนี้ที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลที่สําคัญของกองบัญชาการกองทัพไทย เหล่าทัพ และสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ดังนี้...

กองบัญชาการกองทัพไทย ได้นําเสนอการจัดการฝึกร่วมกองทัพไทย ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นการฝึกร่วม ตามแผนป้องกันประเทศ โดยบูรณาการการอํานวยการยุทธร่วม ด้วยการใช้กําลังทหารขนาดใหญ่ของกองทัพไทย รวมถึงบูรณาการการปฏิบัติการร่วมระหว่างเหล่าทัพและพลเรือน อันเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถ ในการปฏิบัติการร่วมของกองทัพไทยให้มีความพร้อมในการปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ รวมถึง รักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อเป็นหลักประกันด้านความมั่นคงให้กับประเทศชาติและความสงบสุขของประชาชน

กองทัพบก ได้รายงานผลการปฏิบัติงานที่สําคัญให้ที่ประชุมได้รับทราบ จํานวน ๒ เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ ๑ การจัดการฝึกทหารใหม่ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ตั้งแต่ กรรมวิธีการรับทหารใหม่ การเคลื่อนย้ายจนถึงหน่วยฝึกทหารใหม่ การกักตัวครูฝึก ผู้ช่วยครูฝึก และทหารใหม่ ภายใต้มาตรการ Bubble & Sealed และ เรื่องที่ ๒ การปฏิบัติภารกิจของอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ ๑๔๕ (ฮ.ท.๑๔๕) ในการลําเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินร่วมกับทีมแพทย์ของโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบกในพื้นที่ และทีมแพทย์สกายดอกเตอร์ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ซึ่งสามารถให้การช่วยเหลือผู้ป่วยอาการ วิกฤตให้รอดชีวิต ได้รับการตอบรับจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดียิ่ง

กองทัพเรือ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ได้เตรียมความพร้อมในการรองรับสงครามอาวุธที่มีอานุภาพ ทําลายล้างสูง ได้แก่ อาวุธเคมี ชีวะ รังสี และนิวเคลียร์ (คชรน.) ในด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านองค์บุคคล ระดับ นานาชาติ ด้านองค์วัตถุ ด้านองค์ยุทธวิธี โดยผลงานสําคัญที่ผ่านมา ได้แก่ การสนับสนุนความปลอดภัยของนักดําน้ํา โดยการตรวจสอบปริมาณก๊าซพิษและก๊าชออกซิเจนในภารกิจค้นหาและกู้ภัยถ้ำหลวงเพื่อช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่า การนําขีดความสามารถด้านการป้องกันอาวุธชีวภาพมาใช้ในการควบคุมการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ณ อาคารรับรองสัตหีบ ซึ่งเป็นสถานที่กักตัวของรัฐ และการนําเครื่องตรวจวิเคราะห์สารพิษ เทคโนโลยีสูงมาตรวจการปนเปื้อนของสารพิษในสิ่งแวดล้อม และสามารถรายงานผลได้อย่างแม่นยํา รวดเร็ว แบบ Real Time

กองทัพอากาศ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงการพัฒนาขีดความสามารถด้านการข่าวกรองการเฝ้าตรวจ และการลาดตระเวน (ISR) โดยการพัฒนาระบบงานและคุณภาพบุคลากร การพัฒนาด้านยุทโธปกรณ์ การจัดหา อากาศยานไร้คนขับ (Dominator) การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบ GEOINT PORTAL เพื่อพัฒนาศักยภาพ และขีดความสามารถด้านการข่าวกรองการเฝ้าตรวจและการลาดตระเวนสู่การมีข้อมูลและการข่าวที่มีคุณภาพ (Superior ISR)

สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ได้นําเสนอระบบ Biometrics ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสําหรับการเก็บข้อมูล คัดกรอง และสืบค้นอัตลักษณ์บุคคลในการเข้า-ออกประเทศทั้ง ด่านตรวจทางน้ํา ด่านตรวจทางบก และด่านตรวจ ทางอากาศ ซึ่งมีจํานวน ๑,๘๔๓ จุด ทั่วประเทศ โดยเป็นการใช้ข้อมูลจากลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้าในการ ยืนยันตัวตนที่มีความแม่นยํา มีประสิทธิภาพสูง มีการเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลต่าง ๆ ทําให้กระบวนการสืบค้น ข้อมูลเพื่อนําไปสู่การจับกุมเป็นไปอย่างรวดเร็ว และแม่นยํามากขึ้น

'รองฯ รอย' เป็นประธานเปิด การแข่งขัน SWAT Challenge 2022 ทีมหนุมานชัย STAGE 1

(30 พ.ค.65) ที่ลานรวมพล กก.1 บก.สอ.บช.ตชด.ค่ายนเรศวร อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จัด การแข่งขันหน่วยปฏิบัติการพิเศษระดับ บช. (SWAT Challenge 2022) ในวันที่ 29 พ.ค. - 4 มิ.ย.65  โดยจัดการแข่งขัน ขึ้นเพื่อต้องการพัฒนาและดำรงขีดความสามารถของหน่วยปฏิบัติการพิเศษในการคลี่คลายสถานการณ อาชญากรรมที่มีความรุนแรง โดยมีหน่วยเข้าร่วมแข่งขัน จำนวน 12 หน่วย ประกอบด้วย  ภ.1-9, บช.ก., บช.ส. และ บช.ปส. บช.น.

สำหรับ การแข่งขันจะแบ่งออกเป็น 5 Stage ซึ่งอ้างอิงจากขั้นตอนในการปฏิบัติทางยุทธวิธี เริ่มจาก

(1.)การเคลื่อนที่ 
(2.)การปฏิบัติของส่วนโจมตี 
(3.)การปฏิบัติของส่วนซุ่มยิง 
(4.)การปฏิบัติร่วมส่วนโจมตีและส่วนซุ่มยิง
(5.)การเคลื่อนที่ผ่านสนามเครื่องกีดขวาง 

ซึ่งปีนี้ได้นำแนวทางการแข่งขัน SWAT Challenge ที่ประเทศดูไบมาปรับใช้ กรรมการประกอบด้วย 3 ส่วน1. ตัวแทน ตร. ที่ไปแข่งที่ดูไบ, 2. อรินทราช 26 ,3. นเรศวร 261 

โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.มอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. (ปป.) เดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิด การแข่งขัน โดยมี พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลัก บุญ รอง จตช. (ช่วยเหลือ ผช.ผบ.ตร.งาน ปป.), พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ส. พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3, พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ วุฒิจรัสธำรงค์ พล.ต.ต.วันชนะ ธรรมเสมา ผบก.สอ.บช.ตชด. และตัวแทนจาก บช.ต่างๆ พร้อมด้วยเจ้าที่ ที่เกี่ยวข้อง เข้าเยี่ยมชมการแข่งขันในครั้งนี้ 

พล.ต.อ.รอย กล่าวว่า การแข่งขันหน่วยปฏิบัติการพิเศษระดับ บช. (SWAT Challenge 2022)รวมถึงโครงการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดับกองบัญชาการ ของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ประจําปีงบประมาณ 2565 ตนได้รับมอบหมายให้มาเป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมเตรียมความพร้อม,หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดับกองบัญชาการ ของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ในวันนี้ การปฏิบัติการพิเศษในสังกัดสํานักงานตํารวจ แห่งชาติได้ในทุกมิติ เข้าใจในบทบาทหน้าที่การปฏิบัติร่วมกันอย่างมืออาชีพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้กับประชาชน

"ดังนั้นขอให้ผู้เข้ารับการฝึก มีความมุ่งมั่นตั้งใจหาความรู้ ฝึกทักษะการ ปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความชํานาญรวมถึงแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การทํางานใสร้างสัมพันธภาพระหว่างกันใเพื่อประสานการปฏิบัติในโอกาสต่อไป

ขอขอบคุณ คณะทํางานใผู้รับผิดชอบโครงการ ครูฝึก, เจ้าหน้าที่ที่ทุ่มเท เตรียมการฝึกในครั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการฝึกอบรมในครั้งนี้จะสําเร็จลุล่วงปลอดภัยและบรรลุวัตถุประสงค์ของทางราชการทุกประการ"

รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า โครงการฝึกอบรมนี้ เพื่อเตรียมความพร้อม ให้กับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดับกองบัญชาการ ของสํานักงาน ตํารวจแห่งชาติ  การฝึกอบรมนี้ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติมีเจตนารมณ์ที่ต้องการพัฒนา เพิ่มขีดความสามารถของหน่วยปฏิบัติการพิเศษในการปฏิบัติภารกิจและแก้ไข สถานการณได้อย่างเป็นมาตรฐานสากล ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ทั้งต้องสามารถบูรณาการระหว่างหน่วย

สำหรับโครงการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดับกองบัญชาการ ตามที่ ตร. มอบหมายให้ กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ได้จัดการฝึกอบรม โครงการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษระดับกองบัญชาการ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเตรียมความพร้อม และพัฒนาศักยภาพเชิงทักษะของบุคลากร ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ ทบทวนบทบาท หน้าที่ และแนวทางในการปฏิบัติภารกิจร่วมกัน ของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ  รอง ผบ.ตร.กล่าว

สำหรับ กำลังพลผู้เข้ารับการฝึกอบรมตามโครงการ จำนวน 144 นาย ประกอบด้วยหน่วยละ 12 นาย (1.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 1 (2.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 2 (3.) หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 3 (4.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 4(5.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 5 (6.) หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 6 (7.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 7 (8.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ  ตำรวจภูธร ภาค 8 (9) หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธร ภาค 9 (10.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (11.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(12.)หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล 

เรื่องเล่าจากกรุงลอนดอน ณ วัดพุทธปทีป (2527) ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของ 'เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์'

"ผมพร้อมที่จะตายแล้วครับ" ใจความที่ถูกเอื้อนเอ่ยออกมาจาก 'เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์' ในวันที่ได้ลุล่วงภารกิจงานวาดรูปที่วัดพุทธปทีป ณ กรุงลอนดอน

สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์แรงบันดาลใจดีๆ ในการใช้ชีวิตผ่านเรื่องราวของ 'อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์' ซึ่งปรากฏอยู่ในบทความจากหนังสือ : 'ผมวาดชีวิตผม เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์' ผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ เรื่องเล่าจากกรุงลอนดอน ณ วัดพุทธปทีป (พ.ศ.2527) ว่า...

"บางช่วงท้อแท้ที่สุด รู้สึกว่า กูไม่เอาแล้ว จะเอาสีไปราดรูปแล้วก็เลิกไปเลย แต่ปัญญาและสุวรรณมันมาห้ามเอาไว้ 2 ครั้ง แต่เชื่อมั้ยตอนหลังพี่ก็พลัดไปห้ามปัญญาบ้าง คิดดูขนาดคนอย่างปัญญายังจะเอาเลย มันแย่ถึงขนาดนั้น"

แต่ความที่เป็นคนยอมแพ้ไม่ได้ ดูจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่รั้งเขาอยู่ วันที่ความรู้สึกตกต่ำที่สุด เฉลิมชัยนั่งอยู่หน้าโบสถ์เขาจ้องหน้าหลวงพ่อดำในจิต กล่าวอธิษฐานในใจว่า...

"หลวงพ่อครับ ปัญหามันเยอะเหลือเกิน ผมเหนื่อยเหลือเกินแล้ว ผมขอให้หลวงพ่อช่วยให้เขียนรูปเสร็จเสียที แล้วหลวงพ่อก็มาเอาชีวิตผมไปเลย..ผมยอมตาย"

นั้นคือการเดิมพันชีวิต ด้วยชีวิตของคนที่รักที่จะใช้ชีวิตอย่างที่สุด!!

เขาเล่าว่าราวกับปาฏิหาริย์เกิด เพราะหลังจากนั้นก็มีข่าวว่าพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นจะเดินทางมาพบกับคนไทยในกรุงลอนดอน เฉลิมชัยไม่รอช้า เขาเห็นโอกาสที่จะได้รับความช่วยเหลือจากท่านนายกฯ เพื่อทำงานชิ้นนี้ให้เสร็จ

ในวันที่มีงานเลี้ยงในสถานทูตไทย เฉลิมชัยซึ่งแต่งตัวง่ายๆ มาตลอด ก็ทำเอาพวกตาค้าง เพราะชุดแปลกออกทาง เวอร์สุดติสท์ของเขาเล่นเอาคนในงานมองด้วยความงุงงงว่ามันเป็นใครกัน แถมยังไปยืนอยู่ในแถวเดียวกับบรรดาเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ที่ยืนรอรับป๋าเปรม...ในสายตาของทุกคนจึงมองไอ้หนุ่มคนนี้ว่าเป็นบุคคลที่ไร้กาละเทศะอย่างที่สุด
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top