Saturday, 5 July 2025
ค้นหา พบ 49226 ที่เกี่ยวข้อง

อุตตม เสนอยกระดับแก้หนี้เกษตรกร เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมชูภาคอีสานเป็นเขตเศรษฐกิจใหม่

อุตตมโพสต์หลังลงพื้นที่อีสาน พบปัญหาหนี้สินเกษตรกรทวีความรุนแรง เสนอให้รัฐบาลยกเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมเร่งพัฒนาอีสาน เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เร่งโครงการรถไฟฟ้าไทยจีนเชื่อมโยงทั้งภาค

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊กถึงการลงพื้นที่ภาคอีสาน 4 จังหวัดเป็นครั้งแรกของคณะผู้บริหารพรรค ซึ่งเริ่มจากจังหวัดหนองบัวลำภู - สกลนคร - มุกดาหาร และอุบลราชธานี ในระหว่างวันที่ 26-28 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ นอกจากเพื่อไปนำเสนอแนวคิดแนวนโยบายของพรรคต่อพี่น้องประชาชนแล้ว พรรคยังได้เปิดตัวแนะนำผู้แสดงเจตจำนงที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ในนามพรรค และที่สำคัญที่สุดคือตั้งใจไปรับฟังปัญหาและแนวทางการพัฒนาพื้นที่จากคนในพื้นที่โดยตรง เพื่อนำข้อมูลที่ได้กลับมาจัดทำเป็นนโยบายดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในภาคอีสานต่อไป

โดยในการลงพื้นที่ครั้งนี้ พบว่าประเด็นปัญหาหนี้สินเกษตรกรเป็นเรื่องที่พูดถึงมากที่สุด แม้หลายสิบปีที่ผ่านมาฝ่ายการเมืองได้หยิบยกขึ้นมาพูดหาเสียงทุกครั้ง แต่มาจนถึงทุกวันนี้ ปัญหาหนี้สินไม่ได้ทุเลาเบาบางลง แต่กลับหนักหน่วงขึ้น เพราะสถานการณ์โควิดที่กระทบกับการหารายได้ และค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากราคาสินค้าต่างๆ ที่กำลังขยับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกษตรกรชักหน้าไม่ถึงหลังจึงต้องกู้หนี้ยืมสินเพิ่ม

“ผมเชื่อว่า ปัญหาหนี้สินไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการพักชำระหนี้ให้เกษตรกรแค่ปีสองปี เพราะในที่สุดแล้วหนี้สินเหล่านั้นก็กลับมาใหม่อยู่ดี แต่เราต้องแก้ด้วยการสร้างโอกาสในการหารายได้เพิ่มให้เกษตรกรควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างหนี้ให้ยืดระยะเวลาออกไปอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับความสามารถในการหารายได้ที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้เกษตรกรมีโอกาสตั้งหลักใหม่ได้อย่างแท้จริง หลุดพ้นจากวงจรการเป็นหนี้สินแบบเดิมๆ”

“อนุทิน” เผย “อุ๊งอิ๊ง”ลุยอีสานใต้ ไม่แปลก ชี้ นับถอยหลังลต. ต้องเร่งหาเสียง เชื่อสุดท้ายปชช. ตัดสินที่นโยบาย

 เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 30 พ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย จะลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ของพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะขณะนี้เหลือเวลาอีก 9-10 เดือน เป็นเวลาเหมาะสมที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องทางการเมืองต้องเริ่มรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง สร้างความนิยมต่อประชาชน อย่าไปมองว่าเป็นพื้นที่ของคนนู้นคนนี้ เพราะเป็นพื้นที่ของประชาชน จึงอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน หากใครมีโอกาสและมีเวลาก็ต้องเร่งลงพื้นที่เพื่อชี้แจงและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน เพื่อที่จะให้เลือกกลับมาเป็นตัวแทน

ผู้สื่อข่าวถามว่า  การที่น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่ จะปลุกกระแสคนรุ่นใหม่ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องมองเป็นนโยบายของแต่ละพรรคการเมือง แต่ละพรรคก็มีดี ส่วนคนที่จะตัดสินใจคือประชาชน ดังนั้นทุกพรรคต้องเร่งสร้างนโยบายที่ประชาชนเห็นแล้วว่าจับต้องได้ พูดแล้วทำ

'เป๊ปซี่' ประกาศขึ้นราคา 1-2 บาท เริ่ม 1 มิ.ย.นี้ หลังต้นทุนการผลิตพุ่งสูง

ด้วยปัจจัยหลายอย่างในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น เงินเฟ้อ โรคระบาดอย่างโควิด-19 หรือแม้กระทั่งสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่กำลังดำเนินอยู่ ปัจจัยเหล่านี้กำลังกดดันซัปพลายเชนทั่วโลก ส่งผลให้วัตถุดิบและต้นทุนการผลิตของสินค้าหลายรายการพุ่งสูงขึ้น

ทางออกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ เหล่าผู้ผลิตต้องมีการปรับ “ขึ้นราคา” สินค้า เพื่อให้กิจการของตัวเองดำเนินต่อไปได้ แบบไม่ขาดทุน

ส่งผลให้ของใช้ในชิวิตประจำวันหลายอย่างแพงขึ้น ไม่เว้นแม้แต่สินค้าที่ต้องขายให้ถูกที่สุดอย่าง “มาม่า” ก็มีการปรับราคาขึ้นมาก่อนหน้านี้

และล่าสุด “เป๊ปซี่” เจ้าตลาดเครื่องดื่มโคล่าเมืองไทย ที่เป็นที่ ก็ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้เช่นกัน 
จึงได้มีการประกาศขึ้นราคาขายปลีกทุกไซซ์ 1-2 บาท ต่อขวดและกระป๋อง

ซึ่งการขึ้นราคาดังกล่าว มีสาเหตุมาจากต้นทุนของวัตถุดิบหลักที่นำมาผลิตแพ็กเกจจิง อย่าง “ขวดพลาสติก-กระป๋องอะลูมิเนียม” ที่มีการปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

โดยการปรับขึ้นราคาดังกล่าว จะส่งผลให้ไลน์เป๊ปซี่แบบกระป๋อง/ขวด ที่มีราคาตั้งแต่ 10 / 12 / 15 บาท 
ปรับขึ้นมา 1 บาท เป็น 11 / 13 / 16  บาท ตามลำดับ

ส่วนขนาดอื่น ๆ ที่มีราคาตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไป จะมีการรับราคาขึ้น 2 บาทต่อขวด

การปรับขึ้นราคาดังกล่าว จะมีผล ณ วันที่ 1 มิ.ย 65 เป็นต้นไป

‘ไทยภักดี’ ซัดก๊วนปลุกยกเลิกเลขไทย ที่แท้กลุ่มเดียวกับรื้อมาตรา 112

(30 พ.ค.65) นายปฏิยุทธ ทองประจง กรรมการบริหารพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า... 

แค่ผมโพสต์ว่า ตอนเด็กผมโคตรภูมิใจมาก เมื่อเขียนเลขไทยได้ แต่ก็แปลกใจที่มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาบูลลี่ผม

แคปโพสต์บางโพสต์ที่ผมโพสต์ มีเลขอารบิก คือ นโยบายไทยภักดี ลดค่าครองชีพประชาชน ผลิตปุ๋ยยูเรีย 750 บาท ไฟฟ้าชุมชน 2.50บาท ก๊าซหุงต้มกิโลกรัมละ 7 บาท อินเทอร์เน็ตเดือนละ 49 บาท เอามาเป็นประเด็นบูลลี่ผม

เอาจริง ๆ นะครับ เราเกิดเป็นคนไทย เราก็รักอะไรที่เป็นไทย เลขไทย ภาษาไทย ใครๆ ก็รัก ส่วนเลขอารบิก อะไรที่ไม่เป็นทางการเราก็นำมาใช้สลับกับเลขไทยเป็นปกติ

เอาประเด็นยกเลิกเลขไทย ยกเลิกภาษาไทย มาเป็นประเด็นเพื่อสร้างความแตกแยก และเปลี่ยนแปลงการปกครอง คนไทยรู้ทัน อย่าคิดทำครับ

ยกเลิก มาตรา ๑ กฎหมายรัฐธรรมนูญ ยกเลิก ม.๑๑๒ ยกเลิกผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ล้วนแล้วเป็น กลุ่มคนกลุ่มเดียวกันครับ


ที่มา: https://www.thaipost.net/x-cite-news/151448/?fbclid=IwAR0M1oih2sNaPPL6DW7BcWY_WF-1DvCYFQkeejhe7-7K3wMaHdE7iddYn78

‘ชาวสหรัฐฯ’ ร้อง!! ขอไบเดน “ทำอะไรสักอย่าง” หลังพบปี 65 โศกนาฏกรรมกราดยิงพุ่งกว่า 200 ครั้ง

ประชาชนในเมืองอูวัลเด (Uvalde) รัฐเท็กซัส ตะโกนร้องขอให้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แก้ปัญหาความรุนแรงด้านปืน ระหว่างที่ผู้นำสหรัฐฯ กำลังเดินทางเยือน ไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิต 21 คน รวมถึงเด็กประถม 19 คน จากเหตุกราดยิงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บริเวณจุดไว้อาลัยหน้าโรงเรียนประถมร็อบบ์ สถานที่เกิดเหตุ ที่มือปืนวัย 18 ปี บุกกราดยิงใส่เด็กนักเรียนด้วยปืนไรเฟิล AR-15 โดยไบเดนชมภาพเหล่าผู้เสียชีวิต และวางพวงมาลาด้วยท่าทีสำรวม และอย่างเงียบๆ

สำหรับตัว ไบเดน เอง เคยสูญเสียบุตรชายไปด้วยโรคมะเร็งในวันเดียวกัน เมื่อ 7 ปีก่อน และสูญเสียภรรยาคนแรกและทารกหญิง จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาจึงเป็นคุณพ่อที่เคยผ่านการสูญเสียยิ่งใหญ่มา และภาพจากสื่อแสดงให้เห็นไบเดนเหมือนปาดน้ำตา ระหว่างดูภาพเด็กๆ ที่เสียชีวิตด้วย

ฉะนั้นเมื่อฝูงชนได้ตะโกนออกมาว่า “ทำอะไรบางอย่าง” ผู้นำสหรัฐฯ จึงตอบกลับไปทันทีว่า “เราจะทำ เราจะทำ” ก่อนที่ไบเดนจะเดินทางไปพูดคุยกับญาติผู้เสียชีวิต และเจ้าหน้าที่ที่เข้ารับมือเหตุกราดยิง

สำหรับเหตุกราดยิงในโรงเรียนครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 10 ปี ของสหรัฐฯ นับตั้งแต่การกราดยิงที่โรงเรียนประถมศึกษา ‘แซนดี ฮุก’ ในเมืองนิวทาวน์ รัฐคอนเนตทิคัต ซึ่งคร่าชีวิตนักเรียน 20 ราย และครู 6 ราย เมื่อปี 2555 และกระตุ้นให้ทุกฝ่ายในสหรัฐออกมาเรียกร้องการปฏิรูปกฎหมายปืนอีกครั้ง เนื่องจากนับตั้งแต่ต้นปีนี้ สหรัฐฯ เผชิญกับเหตุกราดยิงมามากกว่า 200 ครั้งแล้ว

อย่างไรก็ตาม สมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ ( เอ็นอาร์เอ ) ซึ่งเป็นล็อบบี้ยิสต์อาวุธปืนใหญ่ที่สุด และทรงอิทธิพลสูงสุดในอเมริกา เดินหน้าวิจารณ์การปฏิรูปกฎหมายปืน เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ โดยยืนยันว่า การตรวจสอบประวัติของผู้ใช้งาน จะเป็นการลดความเสี่ยงของการเกิดอาชญากรรมได้มากกว่า


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top