Saturday, 5 July 2025
ค้นหา พบ 49226 ที่เกี่ยวข้อง

‘พิธา’ ชี้กรณีจัดงบฯ ปี’66 เปรียบเหมือน "ช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้" - ชำแหละ 3 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เป็นปีแห่งความหวังและการฟื้นฟูแต่กลับจัดงบฯ ไม่ตอบโจทย์

ที่ อาคารอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล จัดกิจกรรม "Hackathon งบ 66 : ร่วมออกแบบ #งบประมาณฉบับก้าวไกล ที่เราอยากเห็น" ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยมีประชาชนร่วมตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 และมีการนำเสนอ หลังจากมีการแบ่งกลุ่มไปตรวจสอบงบฯ ในด้านต่างๆ ตามที่ตนสนใจ อาทิ เศรษฐกิจ เกษตรกร การศึกษา สาธาณสุข สวัสดิการ ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน รายได้รัฐ ปลดล็อกท้องถิ่น เป็นต้น 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า แผนการอภิปราย พ.ร.บ งบฯ เราต้องการที่จะชี้แจงให้เห็นว่า ปีนี้เป็นปีแห่งการฟื้นฟูประเทศ เพราะด้วยปัจจัยไม่ว่าจะเป็น 1.เรื่องสถานการณ์โควิดที่ทั่วโลกจากเคยมีผู้ติดเชื้อสูงสุด 4 ล้านคน ตอนนี้เหลืออยู่แค่ 5 แสนคน ขณะเดียวกันอัตราเสียชีวิตก็ลดลง การฉีดวัคซีนก็เยอะขึ้น การท่องเที่ยวการเดินทางเริ่มกลับมา 2. การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมาซึ่งทำให้คนมีความหวังผ่านการเลือกตั้ง ซึ่งปีหน้าก็จะมีการเลือกตั้งใหญ่ด้วย และ 3. บทอวสานของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ที่ครบ 8 ปีแล้ว ซึ่งอาจจะต้องสิ้นสุดลง ทั้ง 3 ปัจจัยนี้คือสิ่งที่ตนเห็นว่าคือความหวัง และเราต้องสร้างความหวังด้วยการจัดงบฯ ปีนี้ให้ดี เพื่อให้ประเทศไทยไปข้างหน้าและสามารถปรับตัวได้ใน 10 ปี แต่ถ้ายังจัดงบฯ แบบเดิมๆ ในทางตรงกันข้ามก็จะถอยหลังไปอีก 10 ปี เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น ปีนี้เป็นปีที่มีความสำคัญมากๆ น้ำขึ้นต้องรีบตัก ซึ่งจะตักได้มากก็ขึ้นอยู่กับว่ากระบวยของประเทศนั้นใหญ่แค่ไหน แต่ถ้ากระบวยยังเท่าเดิม คือจัดสรรงบแบบเดิมก็ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์

"อย่างไรก็ตาม แต่เมื่อดูการจัดงบฯ ปี 2566 แล้ว เปรียบไปก็เหมือนกับว่าเป็นการจัดงบฯ ในลักษณะเป็นช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ เพราะถ้าไปดูที่ได้รับมากที่สุดก็คือ งบกลาง  8 แสนกว่าล้าน และนอกจากนี้ 80 เปอร์เซ็นต์ ก็ถูกใช้ไปกับงบฯ บำนาญและสวัสดิการข้าราชการ ส่วนถ้าไปดูงบฯ ที่ปรับสูงมากที่สุดเมื่อเทียบกับปีที่แล้วคืองบฯ รัฐวิสาหกิจ โดยหน่วยรับที่ได้สูงสุด คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธกส. ซึ่งปรากฏว่าก็เป็นงบฯ ที่จ่ายอุดหนุนการเกษตรที่ย้อนหลังไปจนถึงปี 2551 จึงอาจกล่าวได้ว่า แทนที่จะเป็นการจัดงบฯ เพื่อฟื้นฟูไปสู่อนาคต แต่เป็นการจัดงบฯ ของอดีต สมมติว่าประเทศเราเก็บภาษีได้ 100 บาท พบว่า 70 บาทถูกใช้จ่ายกับอดีตจนหมดเลย ทั้งเงินบำนาญและสวัสดิการข้าราชการ เงินกู้ จะมีเหลืออยู่เพียง 30 บาทที่สำหรับบริหารในอนาคต" พิธา กล่าว

สร้างอนาคตไทยชี้ ร่างงบฯ 66  ตอบโจทย์ขับเคลื่อนประเทศ ท่ามกลางวิกฤติหรือไม่

อุตตม-สนธิรัตน์-สันติ แท็กทีมวิเคราะห์งบปี 66  ชี้โครงสร้างงบฯ 2566 ต้องเป็นเครื่องมือหลักให้รัฐบาลสามารถดูแลบริหารความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่จะเผชิญอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเป็นพลังช่วยขับเคลื่อนการฟื้นเศรษฐกิจจากนี้ไป นอกจากนี้ พบ  8 ช่อง สุ่มเสี่ยงความไม่โปร่งใส เรียกร้อง สภาฯ พิจารณาให้รอบคอบ มองประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง

วันนี้ (28 พ.ค.) พรรคสร้างอนาคตไทย นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และนายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรคและประธานกรรมการนโยบาย ได้ร่วมแถลงข่าวกรณีร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ที่จะเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรระหว่างวันที่  31 พ.ค.- 2 มิ.ย. นี้ โดยได้ชี้จุดบกพร่องของร่างฯ ดังกล่าว ที่จะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการประเทศอย่างร้ายแรง

นายอุตตม กล่าวว่า พรรคสร้างอนาคตไทยได้ติดตามการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ด้วยความเป็นห่วงมาโดยตลอด  และพบว่ารายละเอียดในร่างดังกล่าว ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน อีกทั้งยังไม่ส่งผลดีต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

“พรรคสร้างอนาคตไทย ได้ส่งสัญญาณให้ทุกภาคส่วนร่วมกันพิจารณาการจัดสรรงบประมาณปี 2566 อย่างละเอียดคอบเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาและวางแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพมาโดยตลอด เช่นเดียวกับวันนี้ที่เราต้องการชี้ให้เห็นว่าร่างฯ ดังกล่าว ไม่มีความเหมาะสมอย่างไร เพื่อให้ทุกฝ่ายได้นำไปเป็นแนวทางในการพิจารณา เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศต่อไป”
ด้านนายสันติ กล่าวว่า รายละเอียดร่างงบประมาณ 2566 ซึ่งมีวงเงินทั้งสิ้น 3.185 ล้านล้านบาท มีข้อสังเกตที่ชี้ให้เห็นถึงความไม่เหมาะสม 8 ประการ ประกอบด้วย 

1.การจัดทำงบประมาณ 2566 ใช้สมมติฐานที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงในปัจจุบัน เช่น การประมาณการณ์จัดเก็บรายได้เพื่อนำมาใช้จ่ายในวงเงินงบประมาณที่ตั้งไว้ อาจไม่เป็นไปตามที่คาด โดยจากตัวเลขการจัดเก็บรายได้ที่ผ่านมา รัฐบาลไม่เคยจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้าหมาย ตัวอย่างปี 2563 ตั้งเป้า 2,864,562 ล้านบาท เก็บได้ 2,388,274ล้านบาท ปี 2664 ตั้งเป้า 2,829,228 ล้านบาท เก็บได้ 2,372,551 ล้านบาท ปี 2565 (5 เดือนแรก) ตั้งเป้า  1,095,092 ล้านบาท เก็บได้  917,857 ล้านบาท 
นอกจากนี้ การวางแผนงบประมาณ 2566 ยังใช้ฐานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ล้าสมัยมาประกอบ เช่น การคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ ใช้ตัวเลขร้อยละ 3.5-4.5 (2565) และ 3.2-4.2 (2566) แต่ล่าสุดหน่วยงานสภาพัฒน์คาดการณ์เศรษฐกิจปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.5-3.5 เท่านั้น
อีกทั้ง ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อก็ไม่เป็นปัจจุบัน กล่าวคือ ใช้ตัวเลขการขยายตัวที่ 1.5-2.5 (2565) และ 0.5-1.5 (2566) ทั้งที่สถานการณ์จริงวันนี้การขยายตัวของเงินเฟ้อขยับขึ้นตั้งแต่ ธ.ค. 2564 เป็น 2.17 ตามด้วย 3.23 ในเดือน ม.ค. 2565 และ 5.28 ในไตรมาสแรกของปีนี้ 

‘ชัชชาติ’ ไม่กังวล กรณีถูกร้อง เรื่องป้ายหาเสียง-ด้อยค่าระบบราชการ เผย ฝ่ายกฎหมายชี้แจงไปหมดแล้ว

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม เวลา 09.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าฯกทม. พร้อมด้วย ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะทีมนโยบาย, น.ส.สุชิรา ศิลานนท์ ผอ.เขตวัฒนา, นายสัณห์สิทธิ์ เนาถาวร ว่าที่ ส.ก.เขตวัฒนา พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และนายอนรรฆ พิทักษ์ธานิน นักวิจัยสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงพื้นที่เขตวัฒนาเพื่อสำรวจพื้นที่ชุมชนหลัง สน.ทองหล่อ ชุมชนคลองเป้ง และชุมชนลีลานุช และเข้าดูการทำงานด้านการส่งเสริมสุขภาพชุมชนและระบบปฐมภูมิ สำรวจคลินิกชุมชนอบอุ่น เครือข่ายสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่มีการลงพื้นที่ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้ประชาชนในชุมชน

เมื่อเวลา 09.35 น. นายชัชชาติให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีการพูดคุยกับ พ.ต.ท.ณรงค์วิช สุดกังวาล รองผู้กำกับการจราจร สน.ทองหล่อ ว่า จะปรับให้มีพื้นที่ในการตั้งร้านขายของ ถ้าเป็นไปได้ก็จะให้มีพื้นที่สำหรับหาบเร่แผงลอย เขยิบจากฟุตปาธขึ้นมาอยู่บริเวณภายใน สน.ทองหล่อ ได้หรือไม่ เพราะทองหล่อก็มีความต้องการในการซื้อของที่ราคาไม่แพง อย่างตนก็มาทานข้าวแกงแถวๆ นี้ เพราะฉะนั้นก็ต้องมีแหล่งอาหารราคาถูกให้คนที่ทำงานแถวนี้ได้เลือกทาน

เมื่อถามถึงประเด็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีการหารือกัน ในกรณีที่นายชัชชาติถูกร้องประเด็นทำป้ายหาเสียงเป็นผ้าไวนิลมีเจตนาแฝงและด้อยค่าระบบข้าราชการใน กทม. นายชัชชาติกล่าวว่า ก็ต้องเคารพ กกต. เดี๋ยวรอท่านตัดสิน ไม่กังวลอะไร ก็แล้วแต่ท่านเลยเพราะคิดว่าฝ่ายกฎหมายเรามีการชี้แจงไปหมดแล้ว ไม่มีอะไร สบายๆ

เมื่อถามถึงเรื่องความชัดเจนในเรื่องโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่าได้มีการเข้าไปดูสัญญาบ้างหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า ยังเข้าไปดูไม่ได้ เพราะยังไม่ได้รับรองผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. แต่สำหรับตนก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะว่าหน้าที่เราคือไปดูในสิ่งที่คนอื่นทำมาแล้ว และเราไม่ได้ทำอะไรใหม่ เราแค่ไปดูว่าสัญญาเก่าเป็นอย่างไร รับหนี้มาอย่างไร ขั้นตอนเป็นอย่างไรและมาชี้แจง เพราะฉะนั้น 1 เดือนเราจะสรุปได้ว่าที่คนอื่นทำมาเป็นอย่างไร เราก็เหมือนเป็นคนมาเล่าให้ฟังว่าสิ่งที่เราไม่เคยเห็นเป็นอย่างไร และอาจจะเป็นความคิดว่าเราควรจะเดินต่ออย่างไร แต่ทุกอย่างไม่ได้มีเรื่องของอารมณ์หรือความรู้สึกเกี่ยวข้อง ก็ดูตามเอกสารและเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เรายุติธรรมกับทุกคน

ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ พุ่งทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลอีกครั้งเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อสูงลิ่ว ในขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวโทษว่า มันเป็นผลกระทบจากปฏิบัติการรัสเซียรุกรานยูเครน

รายงานข่าวระบุว่า ราคาหน้าสถานีบริการสำหรับน้ำมันเบนซินธรรมดา เพิ่มขึ้นเป็น 4.60 ดอลลาร์ต่อแกลลอน (157.17 บาท) เมื่อวันพฤหัสบดี (26 พ.ค.) และทรงตัวอยู่ในระดับดังกล่าวในวันศุกร์ (27 พ.ค.) จากข้อมูลของสมาคมรถยนต์แห่งอเมริกา (AAA) ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบสัญญาสหรัฐฯ เวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด ดีดตัวขึ้นกว่า 51% ในปีที่แล้ว

พวกผู้ขับขี่รู้สึกถึงความเจ็บปวดของราคาน้ำมันที่ดีดตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบางรัฐที่ราคาพุ่งสูงอยู่ก่อนแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ราคาเบนซินแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ เกือบๆ 6.08 ดอลลาร์ต่อแกลลอน (207.74 บาท) ส่วนฮาวายและวอชิงตัน ก็ทุบสถิติสูงสุดของแต่ละรัฐเช่นกัน เฉลี่ยแล้ว 5.43 ดอลลาร์ต่อแกลลอน (ราว185.53 บาท) และ 5.22 ดอลลาร์ต่อแกลลอน (178.36 บาท) ตามลำดับ

ส่วนราคาดีเซลยังคงอยู่ระดับสูงเช่นกัน ค่าเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 5.53 ดอลลาร์ต่อแกลลอน (ราว 188.95 บาท) ต่ำกว่าเล็กน้อยจากสถิติสูงสุดตลอดกาล 5.57 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พวกนักวิเคราะห์เตือนว่าราคาดีเซลที่ดีดตัวสูงขึ้นจะก่อความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เนื่องจากเชื้อเพลิงชนิดนี้ใช้กับรถบรรทุกและรถไฟ ที่ส่งมอบสินค้าอุปโภคบริโภคเกือบทั้งหมด และใช้กับอุปกรณ์ด้านการเกษตรที่ใช้ในการผลิตอาหารของสหรัฐฯ

ฟิลิป เวอร์เลเกอร์ จูเนียร์ นักเศรษฐศาสตร์ด้านพลังงานระดับอาวุโส ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ลอสแองเจลิส ไทม์ส ว่า "ประชาชนควรต้องกังวลอย่างที่สุด" หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน เขาประมาณการว่าราคาดีเซลจะแตะระดับ 10 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ในช่วงปลายฤดูร้อนปีนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

สื่อของรัฐบาลอิหร่าน อวดศักยภาพฐานทัพโดรนใต้ดิน แต่ไม่ยอมเปิดเผยตั้งว่าอยู่แห่งหนใด

สำนักข่าวรอยเตอร์ - กองทัพอิหร่านได้ให้รายละเอียดบางอย่าง (แต่ไม่ใช่ตำแหน่งที่แน่นอน) ของฐานทัพใต้ดินที่เก็บรักษาโดรนทางทหาร สื่อของรัฐรายงานเมื่อวันเสาร์  ท่ามกลางความตึงเครียดที่กำลังคุกรุ่นในอ่าวเปอร์เซีย

สถานีโทรทัศน์ของทางการอิหร่าน ระบุว่า โดรน 100 ลำถูกเก็บไว้ใจกลางเทือกเขาซากรอส (Zagros mountains) รวมถึงโดรนรุ่น Ababil-5 ซึ่งติดตั้งขีปนาวุธ Qaem-9 ซึ่งเป็นโดรนที่ผลิตในอิหร่านแบบเดียวกับโดรนรุ่น Hellfire ที่โจตีจากอากาศสูพื้นดินของสหรัฐ

“ไม่ต้องสงสัยเลย โดรนของกองกำลังติดอาวุธของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านคือกองกำลังที่มีอำนาจมากที่สุดในภูมิภาค” พล.ต.อับดุลราฮิม มูซาวี ผู้บัญชาการกองทัพ กล่าว “ความสามารถของเราในการอัพเกรดโดรนนั้นไม่สามารถหยุดยั้งได้” เขากล่าวเสริม

ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ของรัฐอิหร่านกล่าวว่าเขาได้บินไปพร้อมกับเฮลิคอปเตอร์เป็นเวลา 45 นาทีในวันพฤหัสบดีจากเมืองเคอร์มันชาห์  (Kermanshah) ทางตะวันตกของอิหร่านไปยังไซต์โดรนลับใต้ดิน เขาได้รับอนุญาตให้ถอดผ้าปิดตาเมื่อมาถึงฐานลับแล้วเท่านั้น 

ภาพโทรทัศน์แสดงให้เห็นแถวของโดรนติดขีปนาวุธในอุโมงค์ ซึ่งพวกเขากล่าวว่าอยู่ลึกในใต้ดินหลายร้อยเมตร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top