Tuesday, 1 July 2025
ค้นหา พบ 49122 ที่เกี่ยวข้อง

‘ในหลวง – พระราชินี’ เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ทรงรับทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

เมื่อเวลา 17.35 น. วันที่ 19 พฤษภาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์นายกสภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และองค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ พร้อมฉลองพระองค์ครุย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยพระวิริยะเพื่อประโยชน์สุขของราษฎรมาโดยตลอด ตั้งแต่เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการแพทย์และการสาธารณสุข อันเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ พระวิสัยทัศน์ที่ทรงตั้งมั่นที่จะทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และการสาธารณสุขของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเสริมสร้างและสนับสนุนความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องของระบบการแพทย์และการสาธารณสุขไทย

และทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์และองค์ประธานหน่วยงานและมูลนิธิต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนภารกิจด้านการแพทย์และการสาธารณสุขของไทยให้สำเร็จตามพระราชปณิธาน ทั้งยังพระราชทานพระบรมราโชบาย และพระราชทานพระราชทรัพย์ในการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ประชาชนในทุกมิติ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙  ที่แพร่กระจายไปทั่วโลก (Pandemic) ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนไทยในทุกระดับ

จากพระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุขอันมีคุณประโยชน์ต่อประเทศอย่างอเนกอนันต์ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น  สภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จึงมีมติขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญาแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ต่อมาเวลา 17.46 น.  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคล นายสรจักร เกษมสุวรรณ อุปนายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาเทคโนโลยีสิ่งทอและการออกแบบแฟชั่น แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
     
ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระปรีชาสามารถที่เป็นเลิศและทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเป็นที่ประจักษ์ชัดโดยทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยทรงตั้งมั่นในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างมั่นคง ยั่งยืน และบริบูรณ์ในทุกด้าน เพื่อประโยชน์สุขของอาณาประชาราษฎร์  ทรงมีพระปรีชาญาณยิ่งในศาสตร์ด้านวิศวกรรมศาสตร์ และด้านการเกษตรผ่านโครงการตามพระราชดำริต่างๆ  อีกทั้งในช่วงที่ประเทศต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานแนวพระราชดำริในการพัฒนาเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางวิศวกรรมเวชศาสตร์

รวมถึงพระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย รถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ แก่บุคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาลทั่วประเทศ  เพื่อใช้ตรวจหาและรักษาพยาบาล ผู้ติดเชื้อ รวมทั้งเพื่อป้องกันบุคลากรทางการแพทย์จากโรคโควิด ๑๙ นอกจากนี้  ทรงสนพระราชหฤทัยและมุ่งมั่นศึกษาศาสตร์ด้านการควบคุมยานยนต์ การควบคุมการบินและอากาศยาน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของวิศวกรรมเครื่องกล โดยทรงเข้ารับการศึกษาหลักสูตรการฝึกบินอากาศยานประเภทต่าง ๆ ทั้งทางทหารและการพาณิชย์จนทรงเชี่ยวชาญเป็นที่ประจักษ์  และทรงนำความรู้และประสบการณ์ทางด้านการบินมาก่อให้เกิดประโยชน์แก่กองทัพอากาศ  และประเทศชาติ โดยทรงปฏิบัติหน้าที่นักบิน ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎรในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ

  ด้วยพระราชกรณียกิจนานัปการอันเปี่ยมล้นด้วยพระปรีชาญาณยังประโยชน์อย่างหาที่สุดมิได้แก่ปวงพสกนิกรชาวไทย และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ สภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จึงมีมติขอพระราชทานทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ‘คสช.’ ยึดอำนาจการปกครอง เป็นการทำรัฐประหารครั้งที่ 13 ในไทย

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.30 น. ได้เกิดการรัฐประหารอีกครั้งในประเทศไทย ซึ่งเกิดขึ้นโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อันมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะ รัฐประหารโค่นรัฐบาลรักษาการ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นับเป็นรัฐประหารครั้งที่ 13 ในประวัติศาสตร์ไทย รัฐประหารดังกล่าวเกิดขึ้นหลังวิกฤตการณ์การเมืองซึ่งเริ่มเมื่อเดือนตุลาคม 2556 เพื่อคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ และอิทธิพลของนายทักษิณ ชินวัตร ในการเมืองไทย

ก่อนหน้านั้นสองวัน คือ วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่เวลา 03.00 น. กองทัพบกตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) และให้ยกเลิกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ตั้งขึ้น กอ.รส. ใช้วิธีการปิดควบคุมสื่อ ตรวจพิจารณาเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ต และจัดประชุมเพื่อหาทางออกวิกฤตการณ์การเมืองของประเทศ แต่การประชุมไม่เป็นผล จึงเป็นข้ออ้างรัฐประหารครั้งนี้

‘โรม’ รำลึกเหตุการณ์นองเลือด 'พ.ค.35/53' ย้ำเตือน!! อย่าเอา 3 ป.อยู่ในอำนาจต่อ

โฆษกก้าวไกล ร่วมรำลึกถึง 2 เหตุการณ์นองเลือดเดือนพฤษภา ปี 35 และ 53 ย้ำเตือน เคารพเจตนารมณ์คนเดือนพฤษภา ต้องไม่เอาทั้ง 3 ป. และพวกมาปกครองประเทศอีก เพราะล้วนแต่เป็นผู้มีส่วนร่วมก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุดในสังคมประชาธิปไตย

เนื่องในวันครบรอบ 12 ปี การล้อมปราบประชาชนในวันที่ 19 พ.ค.53 รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ระบุว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ค.65 ที่ผ่านมา ในการแถลงข่าวของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ผนึกกำลังขีดเส้นใต้ความล้มเหลว ขีดเส้นตายรัฐบาล ท่ามกลางสถานการณ์ที่นายกรัฐมนตรีอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงจุดตกต่ำขนาดที่คนในพรรครัฐบาลเองยังไม่อยากจะร่วมหัวจมท้ายด้วย ในขณะเดียวกันปรากฏกระแสข่าวของความพยายามที่จะผลักดันคนอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นมาแทนที่

ในวันนั้น ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ในฐานะตัวแทนของพรรค ได้กล่าวไว้ในตอนหนึ่งว่า...

"เมื่อถึงเดือนพฤษภาคม เราย่อมรำลึกถึงเหตุการณ์ทางการเมืองอย่างน้อย 2 เหตุการณ์ คือพฤษภา 35 และพฤษภา 53 

"พฤษภา 35 พี่น้องประชาชนจำนวนมากเสียเลือดเนื้อชีวิตเพื่อยืนยันในหลักการว่า ‘นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง ต่อต้านนายกฯ คนนอก’ พฤษภา 53 พี่น้องประชาชนจำนวนมากเสียเลือดเสียเนื้อเพื่อยืนยัน ‘ขับไล่รัฐบาลที่มาจากค่ายทหาร’ ดังนั้น ไม่เป็นการเหมาะสมอย่างยิ่งที่เราจะเห็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่หลังเดือนสิงหาคมชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ"

พุดเดิ้ล ยุพดี ผู้จัดการดารานักแสดง จากนางโชว์ สู่หนังหน้าไฟ อาชีพ “ผู้จัดการดารา” มันไม่ง่าย !!

สวัสดีค่ะ ชื่อวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ ชื่อตามบัตรประชาชนนะคะ (หัวเราะ) หรือที่ทุกคนจะรู้จักกันดีในชื่อ พุดเดิ้ล ยุพดี 

1.พุดเดิ้ล ในวัยเด็ก เป็นอย่างไร / ฉายาดารา 100% มาจากอะไร?
พุดเดิ้ล : พุดเดิ้ลเกิดและโตที่กรุงเทพ มีพี่น้องทั้งหมด 3 คนค่ะ พุดเดิ้ลเป็นคนสุดท้อง เราเป็นคนแฟรนลี่มาก พุดเดิ้ลจะเป็นคนเป๊ะในเรื่องการทำงานมากๆ สิ่งนี้และทำให้พุดเดิ้ลอยู่ถึงจุดนี้ได้ พุดเดิ้ลจะอ่อนน้อมถ่อมตนไม่คิดว่าเราดังหรืออะไร ผู้ใหญ่เลยเมตตาพุดเดิ้ลมากๆ 

ส่วนฉายาดารา100% เนี่ยมันมาจากพุดเดิ้ลไปงานๆ นึง แล้วเวลาพุดเดิ้ลออกงานเนี่ย ทุกอย่างคือต้องเป๊ะมาก เพราะเราออกงานสังคมเราต้องเจอผู้คนมากมาย ทั้งสื่อทั้งนักข่าว แล้วพุดเดิ้ลก็ไปถ่ายรูปรวมกับดารา คนก็มาแซวว่าเนี้ยดารา100% เป็นดาราแล้วนะ ไม่จมไม่หาย แล้วเขาก็เอารูปเราไปลงตามกลุ่มก็แซวว่า พุดเดิ้ลดารา100% (หัวเราะ) อะไรประมานนี้ เราก็มีแฟนคลับประมานหนึ่งที่มาตามเรา มาชอบเรา ก็มาเรียกเราว่า ดาราสาว หรือ ดารา100% 

2. จุดเริ่มต้น เส้นทางสู่ ผู้จัดการดารา? 
พุดเดิ้ล : ต้องบอกก่อนว่าพุดเดิ้ลทำหลายอย่างมากทั้งดูแลแอนนา ทำบันเทิงช่อง 8 ดีลการตลาดลูกค้า ดาราศิลปิน ไลฟ์สดขายของ และตอนนี้พุดเดิ้ลก็มารับหน้าที่ดูแลคิว คุณโมอมีนา 

จุดเริ่มต้นของการมาเป็นผู้จัดการดารา คือเรารู้จักกับพี่แอนนามานานตั้งแต่สมัยเรียนที่ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ เพราะเค้าเป็นรุ่นพี่การแสดง เค้าก็มาจีบให้เราไปทำงานกับเค้าตั้งแต่เรายังเรียนไม่จบเมื่อประมาน 12 ปีที่แล้ว 

พอมาช่วงโควิดแรก ๆ พุดเดิ้ลไม่มีงานทำ เนื่องจากอาชีพที่พุดเดิ้ลทำคือคาบาเร่โชว์ เจอพิษเศรษฐกิจจากโควิด-19 บริษัทก็ต้องปิดทำการไปก่อน หลังจากนั้นได้มาเจอพี่แอนนาอีกครั้ง แกก็เลยชวนมาถ่ายคลิปทำคอนเทนต์ เขาเห็นว่าเราร้องเพลงเพราะเห็นแวว ก็เลยชวนเราไปทำงานด้วย แต่เราก็ยังปฏิเสธ ณ ตอนนั้น เพราะเราก็เกร็ง ๆ ต้องมาทำงานกับแอนนาเลยนะ (หัวเราะ) แอนนาโทรตามจีบให้พุดเดิ้ลไปทำงานกับแอนนา 3 ครั้ง จนครั้งที่ 4 พุดเดิ้ลก็เลยตอบตกลง ซึ่งปัจจุบันนี้พุดเดิ้ลก็ดูแลแอนนามาจะ 4 ปี แล้วค่ะ ล่าสุดก็ได้มาดูแล โม อมีนา เพิ่มอีก 1 คน 

3. อาชีพผู้จัดการดารา เขาทำอะไร? / คุณสมบัติที่ควรจะต้องมี
พุดเดิ้ล : หน้าที่หลักๆ เลยก็คือการดูแลสารทุกข์สุกดิบของพวกเขาทุกอย่าง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้จัดการต้องรู้ทุกเรื่อง ไม่ว่าเขาจะไปทำอะไรที่ไหน กับใครอย่างไร เราจะต้องรู้ทุกอย่าง เราไม่ได้ดูแลแบบนายจ้างลูกน้อง แต่เราดูแลกันแบบเหมือนญาติพี่น้องคนครอบครัวที่ให้ความรักซึ่งกันและกัน 

สิ่งแรกผู้จัดการดารา ที่ต้องมีเลยคือ เราจะต้องรู้นิสัยส่วนตัวเกี่ยวกับตัวเขา ว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร เราถึงจะทำงานด้วยกันได้ 2.มีความรับผิดชอบ คือการตามงาน 3.การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า บอกเลยเรื่องแบบนี้เราต้องเจออยู่บ่อยครั้ง เราจะต้องมีความมั่นใจ ต้องกล้าตัดสินใจแทนเขาได้เลยโดยที่ไม่กระทบเขา 4.การปกป้องตัวดารา เมื่อเกิดข่าวขึ้นหรือเกิดกระแสอะไรต่างๆ เราต้องเป็นหนังหน้าไฟคอยเผชิญรับปัญหาทุกอย่างแทนเขา 5.คอนเนคชั่นต่างๆ เรื่องนี้ก็สำคัญสำหรับวงการบันเทิงคือเราต้องมีนะ การได้รู้จักคนหลากหลายทำให้เราได้งานมากขึ้น โดยเฉพาะนักข่าวหรือตามสื่อต่างๆ พุดเดิ้ลก็รู้จักเยอะพอสมควร มันก็จะง่ายขึ้นในการทำงาน 

4. สิ่งที่โหดร้ายที่สุด ที่ต้องเตรียมใจรับมือ 
พุดเดิ้ล : เป็นกระแสหรือการเป็นข่าว ตัวเราเนี่ยต้องเป็นเหมือนหนังหน้าไฟต้องคอยเผชิญหน้ารับกับทุกสถานการณ์ เราจะต้องรับมือให้ได้เมื่อเกิดปัญหาขึ้น เราจะต้องปกป้องตัวดารา นักแสดงของเราให้ได้

'ผู้เชี่ยวชาญ' ชี้!! ฝีดาษลิงระบาดในยุโรป ความเสี่ยงระบาดต่ำ ไม่แพร่เหมือนโควิด

ยุโรปพบผู้ติดเชื้อหรือสงสัยว่า ติดเชื้อไวรัสฝีดาษลิง หรือ ไข้ทรพิษลิง (Monkeypox) เพิ่มอีก 3 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส, อิตาลี และสวีเดน รวมเป็น 6 ประเทศ เพิ่มจากเดิม คือ สหราชอาณาจักร, สเปน และโปรตุเกส โดยทั้ง 3 ประเทศแรกนี้ยืนยันชัดว่าพบผู้ติดเชื้อแล้ว 

ด้านสหราชอาณาจักร ประเทศแรกที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสฝีดาษลิงเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ยืนยันยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกเป็น 9 คน จากเดิม 6 คน ส่วนโปรตุเกสสถานการณ์หนักที่สุด พบทั้งผู้ติดเชื้อและสงสัยว่าติดเชื้อมากที่สุด โดยยืนยันผู้ติดเชื้อแล้ว 14 คน และพบผู้ต้องสงสัยติดเชื้ออีก 20 คน 

ขณะที่ สหรัฐฯ ยืนยันพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว 1 คนในรัฐแมสซาชูเส็ตส์ เพิ่งเดินทางกลับจากแคนาดา และล่าสุดพบเคสต้องสงสัย 1 คนในนครนิวยอร์ก ส่วนในแคนาดาพบผู้สงสัยว่าติดเชื้อฝีดาษลิง 13 คน แต่ยังไม่ยืนยัน

ประเทศยุโรปที่พบผู้ติดเชื้อหรือสงสัยว่าติดเชื้อฝีดาษลิง ได้เริ่มสอบสวนหาที่มาที่ไปของโรคนี้แล้ว รวมถึงสหรัฐฯ และแคนาดาก็เริ่มสอบสวนด้วยเช่นกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top