Tuesday, 1 July 2025
ค้นหา พบ 49134 ที่เกี่ยวข้อง

หน.รวมไทยยูไนเต็ด ยก ‘ชัชชาติ’ คนของประชาชน วอนหยุดสร้างวาทกรรม สร้างความเกลียดกลัว

หัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด มั่นใจ ‘ชัชชาติ’ เป็น “คนของประชาชน” จะพากรุงเทพ ก้าวข้ามความแตกแยก ขอหยุดปลุกระดมความเกลียด กลัวโยงขั้วการเมืองระดับชาติ ที่ทำลายความหวัง กทม.

วันที่ 20 พ.ค. 2565 นายวรนัยน์ วาณิชกะ หัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก Voranai Vanijaka-วรนัยน์ วาณิชกะ เรื่อง “ก้าวข้ามความแตกแยก : Man of the People” โดยระบุว่า ตนรู้จักคน Gen X ยัน Baby Boomer เยอะมาก ที่ทั้งชีวิตลงคะเเนนเสียงให้ขั้วอนุรักษ์นิยม ในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้าและทั้งชีวิตของพวกเขา ก็คงลงคะแนนเสียงให้ขั้วอนุรักษ์นิยม แต่การเลือกตั้งผู้ว่าครั้งนี้ พวกเขาจะลงคะแนนเสียงให้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์

เหตุผลคือ พวกเขาไม่ไหวแล้วที่เมืองหลวงของเราจะต้องหยุดชะงักและพังอย่างต่อเนื่อง เพราะการบริหารไม่เอาไหน ซึ่งสืบทอดมาจากการที่กรุงเทพตกเป็นเหยื่อในสนามรบของขั้วการเมืองระดับชาติ ที่ต่อสู้กันบนความเกลียดและความกลัว กรุงเทพจะเดินไปข้างหน้าได้ ผู้ว่ากรุงเทพต้องเป็นคนที่ก้าวข้ามความแตกแยก ก้าวข้ามขั้วการเมือง

ตนพักอาศัยอยู่แถวบ่อนไก่ ข้างหน้าคือถนนวิทยุ ตรงข้ามคือสวนลุมพินี นายชัชชาติมักจะมาวิ่งตอนเช้าในสวนลุมพินี และแวะเข้ามาที่สโมสรกีฬาในบ่อนไก่ ตนได้พูดคุยกับชาวบ้านพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้น ทุกคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ชอบนายชัชชาติมาก อัธยาศัยดี เป็นกันเอง ใส่ใจ ถามทุกข์สุขตลอด ตนพูดว่า “ก็เขาหาเสียงอยู่นิ” ชาวบ้านก็บอกผมว่า เขาทำแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว หลายปีแล้ว

นั่นหมายความว่า ในบรรดานักการเมืองในประเทศนี้ มีไม่กี่คนหรอก ที่จะพูดได้ว่าเป็น Man of the People (คนของประชาชน) ที่แท้จริง หนึ่งในนั้นคือ นายชัชชาติ และสิ่งที่กรุงเทพต้องการ ไม่ใช่ขั้วการเมือง แต่เป็น Man of the People

นับถอยหลัง เลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพฯ 22 พ.ค.65

หมายเลข 1 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร พรรคก้าวไกล กับแนวคิด “เมืองที่คนเท่ากัน” พร้อมชนกับต้นตอของปัญหา และจะทำให้ปัญหาของทุนคนได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม นโยบายหาเสียง ได้แก่

1. เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ 60 เป็น 1,000 บาทต่อเดือน เพิ่มสวัสดิการเลี้ยงดูเด็กเป็น 1,200 บาทต่อเดือน เพิ่มเบี้ยคนพิการเป็น 1,200 บาทต่อเดือน 

2. ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. ให้บริการวัคซีนฟรี เช่น วัคซีนโรคปอดอักเสบ วัคซีนไข้หวัดใหญ่และไข้เลือดออก 

3. เพิ่มงบชุมชนปีละ 500,000-1,000,000 บาท ตามขนาดของชุมชน ตั้งงบประมาณ 200 ล้านบาทในการพัฒนากรุงเทพฯ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่าจะนำไปพัฒนาด้านใดบ้าง

4. สร้างที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง 10,000 ยูนิต ภายใน 4 ปี ให้คนกรุงเทพฯ เช่าได้ระยะยาว 30 ปี 

5. จัดให้มีรถเมล์คุณภาพ ทำตั๋วคนเมืองที่จ่ายในราคา 70 บาท แต่สามารถใช้เป็นค่าโดยสารได้ 100 บาท ผลักดัน “ตั๋วร่วม” ขึ้นรถไฟฟ้าในราคา 15-45 บาทได้ตลอดสายแบบไร้รอยต่อ 

6. ขึ้นค่าเก็บขยะห้างใหญ่ไม่ต่ำกว่า 10 เท่าของที่จ่ายอยู่ในปัจจุบัน เพื่อนำไปปรับปรุงการเก็บขยะครัวเรือน ปรับปรุงจุดทิ้งขยะทั่วกรุงเทพฯ และแก้ไขกลิ่นเหม็นจากโรงงานขยะ

7. ลงทุนศูนย์ดูแลเด็กเล็กศูนย์ละ 5 ล้านบาท ยกระดับให้มีคุณภาพเทียบเท่าเอกชนจัดให้มีครูสำหรับเด็กพิเศษที่พัฒนาการช้า เพิ่มศูนย์รับเลี้ยงเด็กที่ยังขาดแคลนรวมถึงดูแลสวัสดิการครูและพี่เลี้ยงเด็กต้องมีสัญญาจ้างงานประจำ 

8. ด้านการศึกษา เสนอตัดวิชาที่ไม่จำเป็นออก เพิ่มการเรียนรู้นอกห้องเรียน ทำให้เป็นโรงเรียนปราศจากการรังแก (Bullying-Free School)

9. ลอกท่อทั่วเมือง ลอกคลองทั่วกรุง เปลี่ยนงบประมาณอุโมงค์ยักษ์ปีละ 2,000 ล้านบาท เป็นงบปรับปรุงระบบระบายน้ำเพื่อให้ระบายได้เร็วขึ้น 

10. เปลี่ยนที่รกร้างเป็นสวนสาธารณะ ออกข้อบัญญัติให้หน้าอาคารที่จะก่อสร้างใหม่ทุกแห่งต้องมีพื้นที่สีเขียวที่ประชาชนทั่วไปสามารถใช้ได้ และเปิดพื้นที่สาธารณะให้เป็นที่ปลอดภัยสำหรับการชุมนุม

11. ทางเท้าดี เท่ากันทั้งกรุงเทพฯ ให้ประชาชนเป็นพยานตรวจรับงาน หากมีการขุดทางต้องคืนกลับมาในสภาพดีเหมือนเดิม ทางเท้าที่แคบกว่า 3.2 เมตร ห้ามตั้งแผงลอย แต่หาพื้นที่ใกล้เคียงให้ค้าขาย และทางม้าลายต้องปลอดภัย

12. เจอส่วยแจ้งผู้ว่าฯ สร้างกรุงเทพฯโปร่งใส ไร้คอร์รัปชั่น การขอใบอนุญาตให้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ใช้บุคคลที่สาม (Third Party) ประเมินการขอใบอนุญาตและตรวจรับงาน

หมายเลข 3 นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครอิสระ สโลแกน “กทม.More ทำกรุงเทพฯ ให้ดีกว่านี้ได้” กับนโยบายหลัก 6 ด้าน ได้แก่...

1.ยกระดับศูนย์สาธารณสุข 69 ศูนย์ และสำนักอนามัยให้ครอบคลุมการบริการอย่างทั่วถึง เพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลในสังกัด กทม.ให้เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง

2.โรงเรียนคุณภาพใกล้บ้าน เพิ่มหลักสูตรภาษาอังกฤษและภาษาจีนในโรงเรียนปรับให้เป็นโรงเรียน 2 ภาษา จัดตั้งโรงเรียนผสมและเฉพาะทาง มีหลักสูตรเรียนตามความถนัดหรือความชอบ เช่น โปรแกรมเมอร์ ดนตรี ภาพยนตร์ โภชนาการอาหารฟรี มีหลักสูตรหลังเลิกเรียนเพื่อเพิ่มทักษะการใช้ชีวิตและหารายได้เสริม โดย กทม.สนับสนุนประสานภาคเอกชน

3.เชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ ล้อ ราง เรือ Free Feeder ทั่วเมือง ระบบตั๋วเชื่อมที่ใช้ได้ทุกเส้นทาง เพิ่มความปลอดภัยด้วยการกำจัดจุดเสี่ยงจราจร นำเทคโนโลยี Ai มาควบคุมระบบการจราจรให้การปล่อยรถเป็นระบบมากขึ้น

4.บริการ Free WiFi ทุกชุมชนและที่สาธารณะ ขอยื่นพิจารณาการอนุญาตต่างๆ จบในที่เดียวภายในเวลาไม่เกิน 30 วันด้วยระบบ AI

5.ลด แยกขยะ จัดแนวทางการเก็บขยะเพื่อเตรียมเป็น กทม. Net Zero จัดระเบียบ Zoning อุตสาหกรรม พาณิชย์ ที่อยู่อาศัย จัดทำสวนทุกเขตพร้อมนักรุกขกรมืออาชีพเพื่อดูแลต้นไม้ใหญ่ทั่วเมือง สนับสนุนปลูกต้นไม้หักภาษีทั่วเมือง ทำบึงหนองบอนให้เป็นกีฬาทางน้ำที่ใหญ่ที่สุดของ กทม. เสนอสร้าง 50 สวน 50 เขต เพิ่มจำนวนกล้องซีซีทีวีให้ครอบคลุม ลดจุดบอด จุดอับ จัดทำโครงการ Smart pole เสาไฟที่ให้มากกว่าความสว่าง มีเครื่องวัดคุณภาพอากาศ กล้องวงจรปิด เพิ่มสถานีดับเพลิง ปรับปรุงสาธารณูปโภคเอื้อต่อผู้พิการ ผู้ใช้รถเข็น ผลักดันโครงการก่อสร้างท่อระบายน้ำด้วยวิธีดันท่อลอด pipe jacking เพิ่มเติม เพื่อประสิทธิภาพการระบายน้ำในกรุงเทพฯ รวมถึงอุโมงค์ระบายน้ำต่างๆ

6.การหารายได้เข้ากรุงเทพฯ สร้างมูลค่าเพิ่มจากสินทรัพย์ที่ไม่พัฒนา แปลงสินทรัพย์เป็นทุน เช่น เปิดให้เอกชนเช่าพื้นที่ของ กทม. เพื่อให้ กทม.มีรายได้เข้ามาบริหารเมือง นอกจากรองบกลางจากรัฐบาล เปลี่ยนขยะให้เป็นทอง จัดระบบงบดุลใหม่ ตั้งกองทุน Social Impact Fund โดยซักชวนนักลงทุนต่างชาติมาลงทุนเพื่อผลตอบแทนทางสังคม จับมือเอกชนเพื่อสร้างพื้นที่เศรษฐกิจใหม่แปลงให้เป็น BOT (Build Operate Transfer) ทุกโครงการโปร่งใส ใช้ระบบ Blockchain และจัดกิจกรรมท่องเที่ยว ถนนคนเดิน 50 เขต ทุกเขตตามอัตตลักษณ์ชุมชน พิจารณาส่งเสริม Street food ไม่กระทบต่อการเดินเท้า ส่งเสริมสนับสนุนเพิ่มโอกาสจ้างงานผู้พิการ และส่งเสริมอาชีพคนพิการ

 

หมายเลข 4 ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ พรรคประชาธิปัตย์ กับสโลแกน “เปลี่ยนกรุงเทพฯ เราทำได้” เปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองสวัสดิการที่ดูแลประชาชนเป็นเมืองที่มีความทันสมัย และเป็นเมืองต้นแบบแห่งอาเซียน โดยได้เสนอนโยบาย ได้แก่...

1. ตั้งกองทุนเพื่อการจ้างงานชุมชนในทุกชุมชน

2. ติดตั้งอินเทอร์เน็ตไวไฟ (Wi-Fi) 150,000 จุดทั่วกรุงเทพฯ

3. จัด 12 เทศกาลใหญ่ และ 50 เทศกาลเขต เพื่อให้กรุงเทพฯ มีรายได้จากการท่องเที่ยว

4. ส่งเสริมศูนย์บริการสาธารณสุขให้มีอุปกรณ์การแพทย์ทันสมัย และมีแพทย์เฉพาะทางประจำการ-โรงเรียนดี อยู่ใกล้บ้าน มีโรงเรียนประจำเขต 50 เขต 50 โรงเรียนสาธิต หลักสูตรการเรียนรู้ขั้นต่ำ 2 ภาษา รู้โคดดิ้ง รู้ AI และมีครูที่ครบทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้

5. ใช้ระบบคอมพิวเตอร์เอไอควบคุมสัญญาณไฟจราจร เอาเกาะกลางถนนออกเพิ่มช่องจราจร

6. สร้างทางเท้าที่มีมาตรฐานสากล สร้างทางจักรยานลอยฟ้า เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถขี่รถจักรยานไปทำงานได้

7. สร้างแก้มลิงใต้ดิน ใช้เครื่องสูบน้ำแบบอัตโนมัติ แก้ปัญหาการระบายน้ำ

8. ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดมลพิษทางอากาศบริเวณที่มีการก่อสร้าง บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดสำหรับการก่อสร้างที่สร้างมลพิษเกินมาตรฐาน ประกาศสงครามกับฝุ่นพิษ PM 2.5 ระงับการให้บริการรถโดยสารที่สร้างมลพิษเกินค่ามาตรฐาน

9. ส่งเสริมการแยกขยะในครัวเรือน จัดจุดบริการขยะแลกเงินไม่ให้มีขยะตกค้าง

10. เปลี่ยนพื้นที่รกร้างของเอกชนเป็นสวนสาธารณะฉบับกระเป๋า หรือ Pocket Park ให้ประชาชนสามารถใช้งานได้ ลดภาษีที่ดินให้กับเอกชนที่ให้ กทม.ได้เข้าใช้พื้นที่

'วันชัย' เชื่อ!! รบ.ใหม่หลังเลือกตั้ง ไม่สวิงอำนาจไปสุดขั้ว แต่ต้องสร้างสมดุล ประนอมอำนาจได้กับทุกฝ่าย

นายวันชัย สอนศิริ หรือ 'ทนายวันชัย' สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก 'ทนายวันชัย สอนศิริ' หัวข้อ 'เพื่อไทยแลนด์สไลด์ แล้วไง' ว่า...

“เพื่อไทยแลนด์สไลด์ แล้วไง...

ถึงขนาดเรียกคนเสื้อแดงกลับมาบอกว่าเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ และถ้าเพื่อไทยได้เกิน 250 เสียง จะเป็นรัฐบาล ใครจะขวางได้ 

ก็พูดเอามันไปเรื่อยเพื่อปลุกใจตัวเองและพรรคพวกให้ดูคึกคัก เสมือนหนึ่งว่าจะได้เป็นรัฐบาลในเร็ววันนี้ อำนาจรัฐกำลังจะใกล้มือเข้ามาแล้ว 

เที่ยวปลุกคนกรุงเทพคนต่างจังหวัดไปทั่วตามประสาคนที่ละอ่อนทางการเมืองและไม่เข้าใจในรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 272 เขาไม่ต้องการให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยึดบ้านยึดเมืองมีอำนาจรัฐแต่ฝ่ายเดียว จะแลนด์สไลด์ขนาดไหนก็เป็นรัฐบาลโดยลำพังไม่ได้ จะคุยโม้คุยโตนั่นพอได้ แต่จะเป็นจริงๆ คงไม่ได้

เปิดขั้นตอนการลงคะเเนน เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าคูหา วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2565

เวลาลงคะแนนเลือกตั้ง เวลา 08.00 - 17.00 น.

✨️ขั้นตอนก่อนหย่อนบัตร
1. ตรวจสอบรายชื่อ ต
รวจสอบรายชื่อ และลำดับที่จากบัญชีรายชื่อ ที่ประกาศไว้หน้าที่เลือกตั้ง

2. ยื่นหลักฐานแสดงตน
แสดงหลักฐาน เช่น บัตรประจำตัวประชาชน (บัตรที่หมดอายุก็ใช้ได้) หรือ บัตรหรือหลักฐานที่ทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐออกให้ที่มีรูปถ่ายและมีเลขประจำตัวประชาชน ต่อ กปน. พร้อมลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วหัวแม่มือในบัญชีรายชื่อ

3. รับบัตรเลือกตั้ง
ลงลายมือชื่อ หรือพิมพ์ลายนิ้วหัวแม่มือลงที่ต้นขั้วบัตรเลือกตั้ง รับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ได้แก่ บัตรเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม และบัตรเลือกตั้ง ส.ก.

4. ทำเครื่องหมายกากบาท
เข้าคูหาลงคะแนนทำเครื่องหมายกากบาท (X) ลงในช่องทำเครื่องหมาย ดังนี้

- บัตรเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. สีน้ำตาล เลือกผู้สมัครได้ 1 คน
- บัตรเลือกตั้ง ส.ก. สีชมพู เลือกผู้สมัครได้เขตเลือกตั้งละ 1 คน
- หากไม่ต้องการเลือกผู้สมัครผู้ใด ให้ทำเครื่องหมายกากบาท (X) ในช่องไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด แล้วพับบัตรเลือกตั้ง

วันนี้ในอดีต 21 พ.ค. 56 เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่ว 14 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปี ของประเทศไทย

ย้อนไปเมื่อ 9 ปีที่แล้ว...21 พ.ค. 56 เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่ว 14 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปี ของประเทศไทย โดยเหตุเกิดขึ้นระหว่าง เวลา 18.52 - 21.50 น. นานเกือบ 3 ชั่วโมงเต็ม สาเหตุเนื่องจากสายส่งกระแสไฟฟ้าจอมบึง - บางสะพาน ถูกฟ้าผ่าที่อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ส่งผลให้เกิดการลัดวงจร ระบบป้องกันสายส่งจึงสั่งปลดสายส่งออกจากระบบ ทำให้เกิดสภาพกำลังผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอกับความต้องการ ความถี่ในระบบไฟฟ้าจึงลดต่ำกว่ามาตรฐาน จนโรงไฟฟ้าทั้งหมดในภาคใต้ที่เดินเครื่องอยู่หยุดเดินเครื่องอัตโนมัติ เพื่อความปลอดภัยของโรงไฟฟ้า ทำให้เกิดไฟฟ้าดับทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงมา ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนและความตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยในบริเวณ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ปัจจุบันในภาคใต้มีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่อยู่ 6 โรง คือ โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี, โรงไฟฟ้าขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช, โรงไฟฟ้าจะนะ จังหวัดสงขลา 2 โรง, โรงไฟฟ้าพลังความร้อนกระบี่ จังหวัดกระบี่ และโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top