‘โรม’ รำลึกเหตุการณ์นองเลือด 'พ.ค.35/53' ย้ำเตือน!! อย่าเอา 3 ป.อยู่ในอำนาจต่อ

โฆษกก้าวไกล ร่วมรำลึกถึง 2 เหตุการณ์นองเลือดเดือนพฤษภา ปี 35 และ 53 ย้ำเตือน เคารพเจตนารมณ์คนเดือนพฤษภา ต้องไม่เอาทั้ง 3 ป. และพวกมาปกครองประเทศอีก เพราะล้วนแต่เป็นผู้มีส่วนร่วมก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุดในสังคมประชาธิปไตย

เนื่องในวันครบรอบ 12 ปี การล้อมปราบประชาชนในวันที่ 19 พ.ค.53 รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ระบุว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ค.65 ที่ผ่านมา ในการแถลงข่าวของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ผนึกกำลังขีดเส้นใต้ความล้มเหลว ขีดเส้นตายรัฐบาล ท่ามกลางสถานการณ์ที่นายกรัฐมนตรีอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงจุดตกต่ำขนาดที่คนในพรรครัฐบาลเองยังไม่อยากจะร่วมหัวจมท้ายด้วย ในขณะเดียวกันปรากฏกระแสข่าวของความพยายามที่จะผลักดันคนอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นมาแทนที่

ในวันนั้น ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ในฐานะตัวแทนของพรรค ได้กล่าวไว้ในตอนหนึ่งว่า...

"เมื่อถึงเดือนพฤษภาคม เราย่อมรำลึกถึงเหตุการณ์ทางการเมืองอย่างน้อย 2 เหตุการณ์ คือพฤษภา 35 และพฤษภา 53 

"พฤษภา 35 พี่น้องประชาชนจำนวนมากเสียเลือดเนื้อชีวิตเพื่อยืนยันในหลักการว่า ‘นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง ต่อต้านนายกฯ คนนอก’ พฤษภา 53 พี่น้องประชาชนจำนวนมากเสียเลือดเสียเนื้อเพื่อยืนยัน ‘ขับไล่รัฐบาลที่มาจากค่ายทหาร’ ดังนั้น ไม่เป็นการเหมาะสมอย่างยิ่งที่เราจะเห็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่หลังเดือนสิงหาคมชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ"

“สำหรับผมแล้ว ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตร และรวมไปถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ทั้ง 3 คนล้วนแต่เป็นผู้มีส่วนร่วมก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุดในสังคมประชาธิปไตย ตั้งแต่การรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไปจนถึงการสังหารหมู่ประชาชนที่ออกมาใช้เสรีภาพเรียกร้องขอกำหนดอนาคตของพวกเขาเอง

“ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เริ่มเข้ามามีอำนาจโดยไม่ผ่านการเลือกตั้งจากใครเลยแม้แต่คนเดียว และแม้พยายามสืบทอดอำนาจต่อมาผ่านการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญที่ตัวเองเขียนมาแล้วมัดมือชกให้คนอื่นยอมรับ แต่พอวันนี้คนหนึ่งกำลังจะไปไม่รอด ก็จะดันอีกคนเข้ามาสืบต่ออีกผ่านกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีจากกระบวนการปลดล็อคให้สภาเสนอชื่อคนนอกที่พรรคการเมืองไม่ได้เสนอชื่อไว้ได้ การกระทำเช่นนี้ขัดแย้งโดยตรงต่อสิ่งที่พี่น้องประชาชนต่อสู้เรียกร้องจนต้องเสียเลือดเนื้อชีวิตเมื่อเดือนพฤษภาคม 2535”  

รังสิมันต์ ระบุต่อไปว่า ในวันนี้ วันที่ 19 พ.ค.565 คือวันครบรอบ 12 ปี ที่พี่น้องประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งต้องเสียเลือดเนื้อชีวิตไม่ต่างกัน เราก็เห็นกันตลอดหลายปีที่ผ่านมาว่า พล.อ.ประยุทธ์, พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ ได้นำพาทหารออกจากสถานที่ที่พวกเขาควรอยู่ ออกจากหน้าที่ที่พวกเขาควรทำ เข้ามายุ่งวุ่นวายในสนามการเมืองเพียงเพื่อคอยพยุงให้ตัวเองอยู่ในอำนาจต่อไป ไม่ใช่แค่ในรัฐบาลแต่ยังรวมถึงในรัฐสภาด้วย และยังคิดที่จะอยู่อย่างนี้ต่อไปอีก จึงย่อมขัดแย้งโดยตรงต่อสิ่งที่พี่น้องประชาชนต่อสู้เรียกร้องเช่นเดียวกัน

“สรุปแล้วในวันนี้เจตนารมณ์ของคนเดือนพฤษภาทั้ง 2 ยุคสมัยล้วนแต่กำลังถูกเหยียดหยามโดย 3 ป. นี้ แล้วเราจะยังยอมให้เป็นแบบนี้ต่อไปอีกหรือ?

“พวกเราทุกคน ซึ่งรวมถึงบรรดานักการเมืองเพื่อนร่วมอาชีพของผม ควรร่วมยืนยันอย่างหนักแน่นที่สุดว่าไม่ว่าสิ่งที่คนพวกนี้เจรจาต่อรองกันที่บ้านป่ารอยต่อจะเป็นอย่างไรก็ตาม หากมันเป็นเพื่อจะให้ใครแม้คนใดคนหนึ่งในพวกนี้ได้อยู่ในอำนาจต่อไป จะเป็นประยุทธ์ ประวิตร หรืออนุพงษ์ หรือใครอื่นใด พวกเราไม่เอาทั้งนั้น ที่ผ่านมาพวกเขาทำร้ายประชาชนมามากพอแล้ว พวกเราไม่ต้องการเห็นใครที่ออกมาต่อสู้เรียกร้องต้องบาดเจ็บล้มตายเหมือนพี่น้องคนเดือนพฤษภาเหล่านี้อีกแล้ว เพราะฉะนั้นเพื่อเคารพเจตนารมณ์ของพี่น้องประชาชนเหล่านี้ ก็ขออย่าให้ที่ยืนแก่ 3 ป. สิ่งที่พวกเขาควรทำคือเอาทหารกลับกรมกองไปให้หมด และเตรียมรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง อย่าให้พวกเขาได้มามีอำนาจปกครองประเทศนี้อีกเลย” รังสิมันต์ ระบุ