Tuesday, 8 July 2025
ค้นหา พบ 49283 ที่เกี่ยวข้อง

โลกการศึกษาเริ่มผสมผสานระหว่างการเรียนในห้องเรียนและการเรียนทางไกลผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น

ปัจจุบันโลกการศึกษาเริ่มผสมผสานระหว่างการเรียนในห้องเรียนและการเรียนทางไกลผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น หลังจากที่อินเทอร์เน็ตกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานของการเชื่อมต่อชีวิตผู้คน เช่นเดียวกันกับอุปกรณ์สื่อสารที่ทันสมัยไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ที่น้อยคนจะไม่มีติดตัว

การเรียนการสอนแบบออนไลน์ จึงกลายเป็นเรื่องที่หลายคนเริ่มจะคุ้นเคยมากยิ่งขึ้น แต่จะมีก็แค่เรื่องของการสอบเท่านั้น ที่ยังเป็นปัญหาอยู่ เพราะการจะจัดสอบออนไลน์ จำเป็นต้องพัฒนาระบบเครือข่าย อินเตอร์เน็ต-อุปกรณ์การสื่อสารของนักศึกษา และความสามารถในการตรวจสอบความโปร่งใส ที่ต้องซักซ้อมกันหนักพอดู

ทว่าเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีการจัดสอบออนไลน์ขึ้น โดยทางมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นสถาบันแนวรุกที่พัฒนาการสอบออนไลน์อย่างจริงจังมาเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนของตน

รองศาสตราจารย์ ดร.ปราณี สังขะตะวรรธน์ กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้เล่าให้ฟังถึงแนวคิดในการเปิดสอบออนไลน์ว่า การเปิดสอบออนไลน์เป็นประโยชน์ในอนาคตต่อระบบการศึกษาไทย หากเริ่มตั้งแต่เนิ่นๆ โดยพบว่านักศึกษามากกว่า 80% ที่เข้าร่วมสอบให้การตอบรับเป็นอย่างดี...

"มหาวิทยาลัยสุโขทัยฯ ได้มีการจัดสอบออนไลน์มาแล้วถึง 7 ครั้ง ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2563 และล่าสุดในช่วงระหว่างวันที่ 30 - 31 ม.ค.2564 ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 7 ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี และพิเศษอย่างมากต่อทางมหาวิทยาลัย เพราะรอบนี้มีจำนวนนักศึกษาที่ลงทะเบียนสอบออนไลน์มากถึง 41,716 คน จนเรียกว่าเป็นการจัดสอบออนไลน์ที่มีจำนวนนักศึกษามากที่สุดในประเทศเลยก็ว่าได้"

"แน่นอนว่าการสอบออนไลน์เป็นเรื่องใหม่ ทำให้ทุก ๆ ครั้งที่มีการจัดสอบ จะต้องมีการจัดฝึกอบรมและซักซ้อมบุคลากรในการปฏิบัติงานคณะกรรมการคุมสอบให้มีศักยภาพและเป็นมาตรฐาน รวมถึงมีการเพิ่มช่องทางการติดต่อสื่อสารพิเศษในช่วงเวลาที่มีการสอบออนไลน์ ผ่านระบบคอลเซ็นเตอร์, ไลน์แอด และสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อช่วยเหลือนักศึกษาที่ประสบปัญหาในการสอบออนไลน์"

"ขณะเดียวกัน เรายังได้มีการจัดซ้อมการสอบเสมือนจริงให้กับนักศึกษาเพื่อทดลองใช้งานกับอุปกรณ์ และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับระบบการสอบออนไลน์ด้วย"

ทั้งนี้ จากการประเมินนักศึกษาที่ได้เข้าร่วมสอบออนไลน์ในแต่ละครั้ง มีจำนวนมากกว่า 80% ที่สามารถส่งคำตอบให้แก่คณาจารย์ได้แบบไม่ติดขัด ส่วนที่เหลือจะพบปัญหาด้านเทคนิค เช่น ระบบการลงทะเบียน นักศึกษายืนยันตัวตนไม่ผ่าน การหยุดชะงักของระบบระหว่างที่ทำข้อสอบ

รวมถึงปัญหาส่วนบุคคลที่เกิดจากคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กที่ใช้ในการสอบ ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต กล้อง ไมค์ ของนักศึกษา รวมไปถึงการจัดสภาพแวดล้อมในการสอบไม่เหมาะสม จนส่งผลต่อการก่อเสียงรบกวนให้ผู้สอบขาดสมาธิเอง

ทว่าทางมหาวิทยาลัย ก็ได้ติดตาม ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นทันที อาทิ ได้ขยายเวลาในการสอบเพิ่มขึ้นให้เหมาะสมกับเวลาที่สูญเสียไป และอื่น ๆ

"ทุกๆ ครั้งของการสอบออนไลน์ ทางมหาวิทยาลัยจะติดตามช่วยเหลือนักศึกษาที่ประสบกับปัญหา อุปสรรคหรือเหตุขัดข้องในการสอบออนไลน์ อย่างกรณีรอบ 30 - 31 ม.ค.2564 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการสอบที่มีจำนวนผู้เข้าสอบมากที่สุด และเกิดปัญหาทางเทคนิคต่างๆ ทางฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัย ก็ได้เร่งจัดประชุมปรึกษาหารือเพื่อหาทางชดเชยและเยียวยาโดยเร็วที่สุด"

"โดยขอความร่วมมือให้นักศึกษาที่ไม่สามารถเข้าสอบได้หรือมีปัญหาที่ไม่สามารถดำเนินการสอบได้สำเร็จแจ้งปัญหาที่พบระหว่างการสอบออนไลน์ พร้อมทั้งส่งหลักฐานภาพบันทึกหน้าจอผ่านทางแบบฟอร์มรายงานปัญหาของการสอบออนไลน์ของนักศึกษาที่หน้าเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย

ซึ่งในเบื้องต้นทางมหาวิทยาลัยได้เตรียมมาตรการจัดสอบทดแทนที่สนามสอบให้กับนักศึกษาที่เข้าระบบการสอบออนไลน์ไม่ได้หรือเข้าสอบได้แต่ไม่สามารถดำเนินการทำข้อสอบได้สำเร็จด้วยสาเหตุของระบบขัดข้อง ส่วนกำหนดการสอบที่สนามสอบมหาวิทยาลัยประกาศแจ้งให้นักศึกษาทราบผ่านทางเว็บไซต์มหาวิทยาลัยภายหลังจากนี้"

ทั้งนี้แนวคิดในการริเริ่มรูปแบบการสอบออนไลน์มาจากนโยบายของสภามหาวิทยาลัยและฝ่ายบริหารที่มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาระบบการศึกษาทางไกลให้ก้าวทันโลกยุคดิจิทัล ยิ่งมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการที่จะเข้าสอบออนไลน์มีมากขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจถึงความปลอดภัยและความสะดวกที่ไม่ต้องเดินทางไปในสถานที่สอบ

และประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น กลุ่มนักศึกษาที่อยู่ต่างประเทศและกลุ่มที่ไม่สะดวกเดินทางไปยังสนามสอบ ทำให้ทางมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เดินหน้าจัดสอบออนไลน์และเชื่อมั่นว่าจะสามารถดูแลนักศึกษาได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งมีความโปร่งใสควบคู่กันไป

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มีนักศึกษาปริญญาตรีราว 7 หมื่นคน ปริญญาโท 4 พันคน และปริญญาเอก 3 ร้อยกว่าคน ซึ่งในส่วนของการสอบออนไลน์ของชั้นปริญญาโทและปริญญาเอกในช่วงที่ผ่านมา ประสบปัญหาเพียงเล็กน้อย เช่น การส่งกระดาษคำตอบที่ต้องใช้เวลาในบางราย

หลังจากที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดทีมสืบสวนพิเศษ เพื่อสืบหาความจริงของต้นกำเนิดของเชื้อไวรัส Covid-19 ที่เมืองอู่ฮั่น ศูนย์กลางการระบาดเมืองแรกของโลก

โดยทีมสืบสวนประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา ทั้งด้านไวรัสวิทยา, การระบาด, สัตวแพทย์, วิทยาศาสตร์การอาหาร และสาธารณสุข จำนวน 14 คน เดินทางเข้าไปในเมืองอู่ฮั่นตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา

และได้มีการตระเวนเก็บข้อมูลอย่างละเอียดในตลาดซีฟู้ดอู่ฮั่น ที่พบการระบาดครั้งแรก, โรงพยาบาลในอู่ฮั่นที่รับคนไข้ Covid-19 กลุ่มแรก และสถาบันวิจัยด้านไวรัสแห่งชาติ ประจำเมืองอู่ฮั่น ที่เคยถูกกล่าวหาจากรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมพ์ และ นักทฤษฎีสมคบคิดว่าเป็นจุดต้นกำเนิดของเชื้อไวรัส Covid-19

ในที่สุด เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางทีมสืบสวนพิเศษของ WHO ก็ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ โดยปฏิเสธเรื่องทฤษฎีที่เชื่อว่าเชื้อไวรัส Covid-19 เกิดจากในห้องแล็บที่อู่ฮั่น พร้อมย้ำชัดว่า ‘แทบเป็นไปไม่ได้’ และ ‘ไร้หลักฐาน’

ด็อกเตอร์ ปีเตอร์ เบน เอ็มบาเรค หัวหน้าทีมสืบสวนของ WHO ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของอาหาร และโรคระบาดที่เกิดจากสัตว์ แถลงว่า สมมติฐานที่ว่าไวรัส Covid-19 ถูกสร้างโดยห้องแล็บนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ และเมื่อทีมงานได้เข้าไปตรวจสอบสถาบันวิจัยไวรัสที่อู่ฮั่น พบว่า มีโอกาสน้อยมาก ๆ ที่จะมีเชื้อไวรัสหลุดออกมาจากแล็บไปแพร่ระบาดที่ในชุมชนได้

โดยยังคงยืนยันว่า เชื้อไวรัส Covid-19 เป็นเชื้อโรคชนิดใหม่ เกิดในสัตว์ที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรน่า เช่น ค้างคาว และติดต่อสู่สัตว์อีกชนิดก่อนที่จะแพร่สู่มนุษย์ ที่ยังเป็นจิ๊กซอว์ปริศนาที่ต้องศึกษาเพิ่มเติมต่อไป

นอกจากนี้ ทีมสืบสวนพิเศษได้ให้ความเห็นที่น่าสนใจว่า เชื้อ Covid-19 อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่นด้วย แต่อาจเป็นเชื้อโรคที่ปะปนมาในผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง และขอให้มีการตรวจสอบระบบการขนส่ง ซื้อขายอาหารแช่แข็งทั้งระบบอย่างละเอียด

แต่ทั้งนี้ ทีมสืบสวนจะยังคงมีงานต้องทำอีกมาก เพื่อค้นหาต้นตอของ Covid-19 ตามภารกิจ แต่จะเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายมาสืบค้นในประเทศย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เนื่องจากตลาดค้าส่งอาหารทะเลหัวหนาน ในเมืองอู่ฮั่น ที่พบการแพร่ระบาดของ Covid-19 เป็นครั้งแรกรับสินค้าส่งมาจากทั้งในประเทศจีน และบางส่วนมาจากประเทศในย่านอาเซียนด้วย

และหากดูจากพื้นที่ในการตรวจสอบระบบขนส่งที่ทีมสืบสวนจากองค์การอนามัยโลกได้กล่าวถึง ทั้งจีน และอาเซียน ก็นับว่ากว้างมาก ยิ่งมาไล่สืบตามหลังเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วกว่า 1 ปี การสืบค้นยิ่งยากลำบาก แต่การค้นหาความจริงต้องใช้เวลา และความอดทนอยากมาก และต้องไม่ลืมว่าเป้าหมายของการค้นหาความจริง คือการใช้ความกระจ่างนั้นป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยในวันนี้นั่นเอง


อ้างอิง:

https://www.theguardian.com/world/2021/feb/09/wuhan-laboratory-leak-covid-origin-theory-unlikely-says-who-team

https://www.bbc.com/news/world-asia-china-55996728

https://www.abc.net.au/news/2021-02-09/world-health-organization-investigation-china-covid-explainer/13132710

‘ตรุษจีน’ ขอให้เฮงๆ กันทุกคน แต่ก่อนจะเฮง มาดูเหล่าบรรดา ‘ข้อห้าม’ ที่ไม่ควรทำในช่วงวันตรุษจีนนี้เสียก่อน ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ อ่านไว้ไม่เสียหลาย เลี่ยงได้ก็เลี่ยง นะจ๊ะ เพื่อความสบายใจ รับวันตรุษจีน

ข้อแรก ห้ามทำความสะอาดบ้าน: ข้อนี้น่าจะเคยได้ยินกันมาบ่อยๆ ชาวจีนมีความเชื่อว่า การทำความสะอาดบ้าน และการทิ้งขยะ ในวันตรุษจีน ถือเป็นการกวาดเอาโชคลาภ เงินทอง ออกไปจากบ้าน ส่วนใหญ่มักจะทำความสะอาดกันก่อนตรุษจีนหนึ่งวัน เพื่อใช้บ้านต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยียนเสียมากกว่า

ข้อสอง ห้ามสระผมหรือตัดผม: อันนี้มีสาเหตุคือ คำว่า ผม เป็นคำพ้องเสียงและพ้องรูปในภาษาจีน ที่แปลว่า มั่งคั่ง ดังนั้น หากสระผม หรือตัดผมในวันตรุษจีน ก็เหมือนเอาความมั่งคั่งออกไป

ข้อสาม ห้ามซักผ้า : ชาวจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำเกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีน ก็เปรียบเหมือนการลบหลู่ท่าน

ข้อสี่ ห้ามสวมชุดขาว-ดำ: แน่นอนว่า สีดำหรือขาว เป็นสัญลักษณ์ความตาย การสวมเสื้อสีดำหรือขาวในวันนี้ จึงเสมือนลางร้าย ห้ามสวมทีเดียวเชียว ควรใส่สีแดง เพราะเป็นสีที่นำความโชคดีมาให้

ข้อห้า ห้ามพูดคำหยาบหรือทะเลาะเบาะแว้งกัน: เพราะเชื่อกันว่า การพูดสิ่งที่ไม่ดีในวันนี้ จะนำความโชคร้ายมาให้ตลอดทั้งปี นอกจากคำหยาบ ยังรวมเรื่องการพูดถึงความตาย เรื่องผี หรือเลข 4 ก็ห้ามพูด เพราะ 4 ในภาษาจีน ออกเสียงคล้ายกับคำว่า ตาย

ข้อหก ห้ามกินโจ๊ก: ข้อนี้น่าสนใจ เพราะเชื่อกันว่า คนจนคือคนที่กินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น วันนี้ขอเว้นสักวัน เพราะการกินโจ๊กในตอนเช้าเหมือนกับการไปขัดขวางไม่ให้ตัวเองร่ำรวย เข้าใจตามนั้นนะ

ข้อเจ็ด ห้ามทำของแตก: การทำแก้วแตก จานแตก กระจกแตก หมายถึงลางร้าย ที่บอกว่าครอบครัวจะแตกแยก ควรระวังเป็นพิเศษไม่ให้ของในบ้านชำรุดในวันตรุษจีน

ข้อแปด ห้ามใช้ของมีคม: ทั้งมีด กรรไกร และทุกสิ่งอย่างที่สามารถตัดได้ เพราะเชื่อกันว่า การใช้ของมีคมตัดของ หมายถึงการตัดความโชคดีออกไปด้วย

ข้อเก้า ห้ามซื้อรองเท้าใหม่: ซื้ออะไรซื้อได้ แต่ห้ามซื้อรองเท้าใหม่ เนื่องจากคำว่ารองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai ซึ่งมีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ เชื่อกันว่า เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี

ข้อสิบ ห้ามให้ยืมเงิน: นอกเหนือจากเงิน ยังหมายถึงไม่ให้ยืมสิ่งของอื่นๆ ด้วย เพราะมีความเชื่อกันว่า การให้ยืมเงินในวันนี้ จะทำให้มีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด แล้วใครที่ติดเงินใคร ก็ควรไปจ่ายหนี้ก่อนตรุษจีน เพราะเชื่อกันว่า หากติดเงินใครในวันตรุษจีน จะเป็นหนี้ตลอดปีตลอดชาติ

ข้อสิบเอ็ด ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น: ชาวจีนหลายครอบครัวมีความเชื่อกันว่า วันตรุษจีนไม่ควรเข้าไปหาใครในห้องนอน เพราะถือเป็นโชคร้าย หากว่าเจ้าของบ้านป่วย มีแขกมาเยี่ยม ก็ควรแต่งตัวออกมานั่งในห้องรับแขก อย่าให้แขกเข้าไปเยี่ยมในห้องนอน เพราะถือเป็นโชคร้าย

ข้อสิบสอง ห้ามร้องไห้: เพราะการร้องไห้ในวันขึ้นปีใหม่ จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และจะเสียใจตลอดทั้งปี ว่ากันว่า วันนี้เด็กๆ จะไม่ถูกตี ไม่ว่าจะดื้อแค่ไหน เพราะขืนตีไป เกิดร้องไห้ขึ้นมา จะโชคร้ายไปทั้งปี

แต่ละข้อไม่ใช่เรื่องยาก เลี่ยงได้ก็เลี่ยงกันไป เพื่อความสบายใจกับทุกฝ่าย (โดยเฉพาะคนในครอบครัว) ขอให้ตรุษจีนปีนี้ เป็นปีที่ดีๆ ของทุกคน...นะจ๊ะ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้

รัฐบาล อุ้มประกันรายได้ข้าว ปรับเพิ่มวงเงินปี 63/64 รอบที่ 1 เพิ่มอีก 3,838 ล้านบาท รวมเป็น 50,646 ล้าน พร้อมเร่งหาตลาดส่งออกข้าวเพิ่ม แก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาด

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบการปรับเพิ่มวงเงินงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 รอบที่ 1 จาก 46,807.35 ล้านบาท

โดยเห็นชอบปรับเพิ่มอีก 3,838.92 ล้านบาท รวมเป็น 50,646.27 ล้านบาท และมอบหมาย ธ.ก.ส. และกระทรวงพาณิชย์ จัดทำรายละเอียด และงบประมาณตาม พรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 และให้กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ นบข. นำเสนอครม.ต่อไป

"นายกฯ ย้ำในที่ประชุมว่า สำหรับภาระงบประมาณที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หารือแนวทางปฏิรูป ขับเคลื่อนภาคการเกษตรเน้นสร้างความเข้มแข็งให้ภาคเกษตรกรโดยตรง แทนตัวสินค้าเกษตร มีแนวทางการพัฒนาอาชีพ โดยต้องมี Roadmap และ Action Plan ที่ชัดเจน"

อีกทั้งยังสั่งให้หารือถึงแนวทางการส่งออกข้าวไทยที่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศผู้ส่งออกที่สำคัญว่า ให้ดูปัจจัยที่ทำให้ราคาข้าวผกผันเพื่อแก้ปัญหาให้ถูกวิธี กำหนดกรอบข้าวแต่ละประเภทเพื่อไม่ให้ผลผลิตล้นตลาด ทั้งประเภทพันธุ์ ราคา สัดส่วนชนิดข้าวที่ผลิต

ขณะที่ตลาดส่งออกข้าวไทยทั้งทวิภาคีและการขายตรงไปแต่ละประเทศ ให้พิจารณาเพิ่มตลาดกลางในกลุ่มประเทศต่าง ๆ เพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าในภูมิภาคอื่น ๆ เรื่องการปัญหาการขาดแคลนตู้ขนส่งสินค้า ได้สั่งการทั้งกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง ให้แก้ปัญหาเรื่องตู้ขนส่งสินค้า ขณะนี้ปลดล็อกหลายอย่างแล้ว จึงขอให้ติดตามด้วยว่ามีจำนวนเพียงพอหรือไม่ โดยในส่วนของข้าวตลาดหลัก ข้าวตลาดเฉพาะในประเทศ ข้าวเพื่อสุขภาพ ข้าวอินทรีย์ ข้าวพื้นนุ่ม ต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจน

‘หมอยง ภู่วรวรรณ’ เผยสัญญาณสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มดีขึ้น ชี้ทั่วโลกได้ผ่านพ้นจากหุบเหว และกำลังวิ่งขึ้น หลังพบตัวเลขการติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง จากวันละ 7 แสนราย เหลือ 3 แสนราย

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ (หมอยง) หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสเฟซบุ๊ก (Yong Poovorawan) ถึงสถานการณ์โควิดล่าสุด โดยระบุว่า

โควิด-19 ทั่วโลกกำลังโผล่จากหุบเหว

จากการฟันผ่ากับโควิด-19 มาเป็นเวลา 1 ปี ได้ผ่านพ้นจากหุบเหว และกำลังจะวิ่งขึ้นแล้ว หลังจากที่มาตรการในการควบคุมโรคด้วยวิถีชีวิตใหม่ และมีวัคซีนมาเสริม ตัวเลขของผู้ป่วยทั่วโลกได้สูงสุดในเดือนธันวาคม ก่อนปีใหม่ มีการป่วยสูงสุดวันละ 7 แสนราย ขณะนี้ผู้ป่วยต่อวันได้ลดลงมาก ตัวเลขผู้ป่วยต่อวันเหลือเพียง 3 แสนกว่าแล้ว แต่ของประเทศไทยอย่าให้เป็นขาขึ้นก็แล้วกัน

มีการพัฒนาวัคซีนมาใช้มากกว่า 10 ตำรับ และมีอัตราการให้วัคซีนพุ่งเป็นก้าวกระโดด ตัวเลขผู้ป่วยในประเทศตะวันตก เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะต้องสู้กับไวรัส ก็คือไวรัสพยายามหลีกหนี ภูมิต้านทานของวัคซีน จะเห็นได้ว่ามีสายพันธ์ใหม่เกิดขึ้น สายพันธุ์อังกฤษ แอฟริกาใต้ และบราซิล สายพันธุ์แอฟริกาใต้และบราซิลเก่งในการหลบหลีกวัคซีนได้ดี

ล่าสุดมีการศึกษาขนาดเล็กในแอฟริกาใต้ ออกมาว่าประสิทธิผลของวัคซีน AstraZeneca ลดลงเหลือต่ำมาก อย่าบอกตัวเลขเลยนะ เป็นเหตุให้แอฟริกาใต้ได้รับวัคซีนไปแล้ว ระงับการฉีดวัคซีนไปก่อน รอข้อมูลเพิ่มวัคซีนที่ผลิตจำนวนมาก ตอนนี้ถ้าไม่รีบขาย ต่อไปก็จะต้องรีบวิ่งมาหาเราเองแน่นอน


#หมอยง

https://www.facebook.com/108692177438990/posts/248447860130087/?sfnsn=mo


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top