Monday, 7 July 2025
ค้นหา พบ 49261 ที่เกี่ยวข้อง

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกประกาศมาตรการของคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินโควิด-19 หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด – 19 เพิ่มเติมอีก 2 คน ระบุเป็นผู้ที่อยู่ห้องติดกับผู้ป่วยรายแรกก่อนหน้านี้ และมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกัน

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกประกาศมาตรการของคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินโควิด-19 หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด–19) ฉบับที่ 2/2564 ลงวันที่ 6 ก.พ. 64

ใจความว่า ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินโควิด-19 ได้รับแจ้งว่ามีบุคลากรติดเชื้อโควิด-19 ดังประกาศมาตรการของคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน โควิด-19 หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID–19) ฉบับที่ 1/2564 ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 และขณะนี้บุคลากรคนดังกล่าวได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น

คณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินโควิด-19 ได้ติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับบุคลากรคนดังกล่าวให้เข้ามารับการตรวจคัดกรองที่ศูนย์บริการสุขภาพแห่งจุฬาฯ และพบว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มเติมอีก 2 คน ซึ่งพักอยู่ห้องติดกับผู้ป่วยรายแรกและมีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกัน

คณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินโควิด-19 จึงกำหนดมาตรการในดำเนินการดังต่อไปนี้

1. สอบสวนโรคผู้ป่วย 2 คนใหม่โดยเร็วที่สุด

2. ติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย 2 คนดังกล่าวให้เข้ามารับการตรวจคัดกรองที่ศูนย์บริการสุขภาพแห่งจุฬาฯ โดยทันที

3. สอบสวนวงจรการแพร่กระจายเชื้อของผู้ป่วยดังกล่าวเพื่อกำหนดให้ผู้ที่มีความเสี่ยงภายในระยะเวลา 14 วัน ก่อนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ลาหยุดเพื่อกักบริเวณดูอาการเป็นเวลา 14 วันโดยไม่ถือเป็นวันลา และสามารถขอรับการตรวจคัดกรองที่ศูนย์บริหารสุขภาพ จุฬาฯ โดยมหาวิทยาลัยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด

4. ให้สำนักบริหารระบบกายภาพฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อและทำความสะอาดตามมาตรฐานทางสาธารณสุขทั่วพื้นที่ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มอีกรอบหนึ่ง

โดยมหาวิทยาลัยจะได้ดำเนินการมาตรการอื่น ๆ ตามที่กำหนดไว้ในฉบับที่ 1 ต่อไปด้วย

ทั้งนี้ตามแนวทางของกรมควบคุมโรค ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงและต้องไปตรวจคัดกรองโรค คือ สมาชิกในครอบครัวเดียวกันกับผู้ป่วยที่มีการใกล้ชิดกัน ผู้ที่ได้พูดคุยกับผู้ป่วย 5 นาทีขึ้นไป ผู้ที่ผู้ป่วยมีอาการไอ จาม รด และผู้ที่อยู่ในสถานที่อับอากาศกับผู้ป่วยเกิน 15 นาทีโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย สำหรับพฤติการณ์อื่น ๆ เช่น การพักอยู่อาคารเดียวกันกับผู้ป่วย การใช้พื้นที่สาธารณะเดียวกันกับผู้ป่วยนั้นมิได้เป็นเหตุให้เกิดความเสี่ยงสูง จึงไม่ควรตระหนกแต่ควรระมัดระวัง รักษาความสะอาด ไม่ไปในที่สาธารณะ และหมั่นประเมินสุขภาพของตนเองอยู่เสมอ

‘บิ๊กตู่’ กำชับกรมการค้าภายใน ควบคุมราคาสินค้าช่วงตรุษจีน พร้อมสั่งตรวจตราทั้งออนไลน์ - ออฟไลน์ ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าเอาเปรียบประชาชน

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีน 2564 ซึ่งตรงกับวันที่ 12 ก.พ.นี้ โดยประชาชนนิยมออกไปเลือกซื้อวัตถุดิบเพื่อประกอบพิธีในการไหว้บรรพบุรุษ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จึงได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ให้ดูแลควบคุมราคาสินค้าให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ตรวจตราป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าเอาเปรียบประชาชน พร้อมกำชับให้ร้านค้า ต้องปิดป้ายแสดงราคาอย่างชัดเจน เพื่อง่ายในการตรวจสอบราคาและความสะดวกของประชาชน นอกจากนี้ การไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า ยังมีโทษตามกฎหมายด้วย

ทั้งนี้ประเมินว่า ประชาชน จะเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น นายกรัฐมนตรี จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม โดยตรวจสอบทั้งราคาและการโฆษณาเกินจริง ป้องกันการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค รวมถึงป้องกันมิจฉาชีพ โฆษณาชวนเชื่อ หลอกลวงประชาชน จึงให้ประชาชน ได้ตรวจสอบข้อมูลก่อนเลือกซื้อสินค้า หากพบพฤติกรรมเข้าข่ายการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) 1166

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในวันตรุษจีน วันที่ 12 ก.พ. นี้ รัฐบาลกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการกรณีพิเศษ โดย พล.อ.ประยุทธ์ เชิญชวนประชาชนจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยสามารถซื้อสินค้าและบริการผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐได้ เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการหมุดเวียนของเม็ดเงิน กระจายสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง ช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชน เว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ด้วย

ยังไม่ทราบชะตากรรม 3 นักปีนเขา ที่ขาดการติดต่อกว่า 50 ชั่วโมง หลังพยายามพิชิตยอดเขา เคทู (K2) เทือกเขาที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก

จากกรณีที่นักปีนเขา 3 ราย ขาดการติดต่อกว่า 50 ชั่วโมง บริเวณเทือกเขา K-2 ล่าสุด Supinda Bunkoed ได้โพสต์เฟซบุ๊กอัพเดทปฏิบัติการค้นหา โดยระบุว่า

ข่าวร้ายมาหลายวัน ขอภาวนาให้ทุกท่านปลอดภัย

เฮลิคอปเตอร์สองลำของกองทัพปากีสถาน ได้เริ่มภารกิจค้นหาและกู้ภัย เพื่อค้นหานักปีนเขาสามคนที่หายไป ซึ่งประกอบด้วย Ali Sadpara, John Snorri และ Juan Pablo ที่ K-2 (จอนห์นี่ สนอรี่ เป็นเพื่อนของคุณทันเวียร์ นักปีนเขาชาวไอซ์แลนด์ด้วย)(ส่วนคุณอาลี ซัปพารา คนนี้ปลารู้จักเคยเจอกันระหว่างทางตอนออกทริป เป็นนักปีนเขาอันดับ 1 ของปากีสถาน)

นักปีนเขาทั้งสาม ขาดการติดต่อเป็นเวลากว่า 50 ชั่วโมง ในความพยายามครั้งสุดท้ายในการปีนยอด K-2 เทือกเขาที่สูงที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก

เฮลิคอปเตอร์ทำงานหนักมาก แต่ยังไม่พบนะคะ

อากาศช่วงนี้ ปลาบอกเลยว่าลมแรงและมีเมฆหนามาก

ขอเป็นกำลังใจให้หน่วยงานทหารปากีสถานหานักปีนเขาที่หายไปให้เจอ


ที่มา : FB : Supinda Bunkoed

ธอส. เพิ่มโอกาสคนมีรายได้น้อยอยากมีบ้าน เตรียมวงเงิน 70,000 ล้านบาท ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่าน 3 โครงการ ผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 40 ปี

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.ได้เตรียมกรอบวงเงิน 70,000 ล้านบาท จัดทำ 3 ผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย (Social Solution) ซึ่งครอบคลุมทุกวัตถุประสงค์การกู้หลัก อาทิ เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม และไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น ผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 40 ปี โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. โครงการสินเชื่อที่อยู่ที่อาศัยเพื่อบุคลากรภาครัฐ” กรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท สำหรับข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงาน/เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ชื่อเรียกอย่างอื่น และลูกจ้างประจำที่เป็นผู้มีสิทธิกู้เงินตามข้อตกลงโครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยประเภทไม่มีเงินฝากที่หน่วยงานต้นสังกัดได้ลงนามร่วมกับ ธอส. สามารถกู้ไม่จำกัดวงเงินกู้สูงสุด อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 เท่ากับ 2.65% ปีที่ 2 เท่ากับ 3% ปีที่ 3 เท่ากับ MRR-2.65% อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก เท่ากับ 3.05% และปีที่ 4-5 เท่ากับ MRR-2.00% หรือเท่ากับ 4.15% และปีที่ 6 จนถึงครบอายุสัญญา คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-1.00% ต่อปี กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,400 บาท ต่อเดือน พิเศษค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ และค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให้กู้ เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม ไถ่ถอนจำนองที่ดินจากสถาบันการเงินอื่น ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย ยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2564

2. โครงการสินเชื่อบ้านคนละหลัง กรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน วงเงินให้กู้รายละไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-2 เท่ากับ 2.75% ต่อปีปีที่ 3 เท่ากับ MRR-3.40% (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR อยู่ที่ 6.150%) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก เท่ากับ 2.75% ต่อปีเท่านั้น ปีที่ 4-5 เท่ากับ MRR-2% และปีที่ 6 จนถึงครบอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป อัตราดอกเบี้ย MRR-0.75% ต่อปี และกรณีลูกค้าสวัสดิการ อัตราดอกเบี้ย MRR-1% ต่อปี กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,500 บาท ต่อเดือน พิเศษฟรี ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ ค่าประเมินราคาหลักประกัน และค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ให้กู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม และไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น ยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2564

3. โครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรัก กรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาท ต่อเดือน วงเงินให้กู้รายละไม่เกิน 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 เท่ากับ 3% ปีที่ 2 เท่ากับ 4% ปีที่ 3 เท่ากับ MRR-1.15% และปีที่ 4 จนถึงครบอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-0.75% ต่อปี และกรณีลูกค้าสวัสดิการ คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-1% ต่อปี กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,800 บาท ต่อเดือน ฟรี ค่าธรรมเนียม การยื่นกู้ เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม และซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัยพร้อมกับการกู้ตามวัตถุประสงค์หลัก ยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2564

ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อทั้ง 3 โครงการ มีส่วนสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อกลุ่มผู้มีรายได้น้อย (Social Solution) ให้เป็นไปตามเป้าหมายในปี 2564 จำนวน 140,167 ล้านบาท จากเป้าหมายสินเชื่อปล่อยใหม่รวม 215,641 ล้านบาท


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top