Monday, 7 July 2025
ค้นหา พบ 49247 ที่เกี่ยวข้อง

รมว. คลัง ปลื้มสินค้า OTOP ศรีสะเกษ มียอดขายกว่า 6 พันล้านบาท โดยสินค้าประเภทผ้ามีเป้าหมายการจำหน่าย 1 พันล้านบาท สามารถจำหน่ายได้ถึง 978,342,747 ล้านบาท พร้อมเปิดรับออเดอร์สั่งซื้อออนไลน์ ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง พร้อมด้วย น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดศูนย์ OTOP จ.ศรีสะเกษ โดยมี นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ เป็นผู้กล่าวรายงาน และมีนายสำรวย เกษกุล นายวิชัย ตั้งคำเจริญ นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต รอง ผวจ.ศรีสะเกษ พล.ต.ต.สันติ เหล่าประทาย ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ นายวิทยา วิรารัตน์ ประธานสภาวัฒนธรรม จ.ศรีสะเกษ นายจรินทร์ รอบการ พัฒนาการ จ.ศรีสะเกษ และหัวหน้าส่วนราชการ นำกลุ่มผู้ผลิตผู้ประกอบการ OTOP จ.ศรีสะเกษ ให้การต้อนรับ และร่วมจำหน่ายสินค้า OTOP เป็นจำนวนมาก

นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า จ.ศรีสะเกษ ได้ดำเนินการส่งเสริม สนับสนุนการผลิตและจำหน่ายสินค้า OTOP เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก แก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และสืบสานรักษาต่อยอด ให้ชุมชนเข้มแข็ง พึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน ในการขับเคลื่อนงาน จ.ศรีสะเกษ ได้มีการพัฒนาคุณภาพมาตรฐาน และการสร้างแบรนด์สินค้าใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค เช่น การฝึกอบรมทักษะการแส่ว การนำวัสดุธรรมชาติมาย้อมผ้า ภายใต้แนวคิด "ศรีสะเกษธานี ผ้าศรี...แส่ว" ซึ่งการจำหน่ายสินค้า OTOP ในปี 2563 มียอดการจำหน่าย จำนวน 6,125,553,509 บาท โดยสินค้าประเภทผ้ามีเป้าหมายการจำหน่าย 1 พันล้านบาท จำหน่ายได้ 978,342,747 ล้านบาท และในปี 2564 ได้นำยุทธศาสตร์การพัฒนา ย้อม ทอ แส่ว ออกแบบ แปรรูปและจำหน่าย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายพันล้านบาท โดยใช้ศูนย์ OTOP เป็นสถานที่บริการนักท่องเที่ยวทั้งภายในและภายนอกจังหวัด รวมถึงเป็นสถานที่รับออเดอร์ออนไลน์ และเป็นที่รวบรวมการสั่งซื้อออนไลน์อีกช่องทางหนึ่ง

ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวต่อไปว่า การดำเนินงานมีการบูรณาการขับเคลื่อนกับทุกภาคส่วนทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมถึงการนำนโยบายของรัฐบาลมาใช้ในระบบการซื้อขาย เช่น โครงการช้อปดีมีคืน โครงการคนละครึ่ง และโครงการไทยชนะ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ยอดการผลิต และจำหน่ายสินค้า OTOP ทุกประเภท มีการหมุนเวียนซื้อ-ขาย ลดลงเพียงเล็กน้อย ดังนั้น ทางศูนย์ OTOP จ.ศรีสะเกษ จึงทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการซื้อขายสินค้า OTOP ของ จ.ศรีสะเกษ อย่างครบวงจร โดยเปิดให้บริการประชาชนผู้สนใจทั่วไป ภายใต้แนวคิด "มาหน้าร้านเราขาย สั่งออนไลน์เราส่ง" อันเป็นการสร้างช่องทางการกระจายสินค้า เพื่อเพิ่มมูลค่าและรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนชาวศรีสะเกษอย่างยั่งยืน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า นับว่าเป็นความสำเร็จที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก ที่ยอดการจำหน่ายสินค้า OTOP จ.ศรีสะเกษ มียอดการจำหน่ายสูงถึง 6,125,553,509 บาท ทำให้เศรษฐกิจของ จ.ศรีสะเกษดีขึ้นมากกว่าเดิม อีกทั้งมีการผลิตผ้าเบญจศรี ภายใต้แนวคิด"ศรีสะเกษธานี ผ้าศรี...แส่ว" จะเป็นการสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนชาวศรีสะเกษให้มีความอยู่ดีกินดี มีความสุข สนองนโนบายของรัฐบาลเป็นอย่างดียิ่ง

สำหรับโครงการเราชนะ มีการลงทะเบียนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ร้านค้าที่เข้าไปร่วมก็มีมาก ได้รับการตอบรับที่ดีมาก โครงการเราชนะ เราตั้งเป้าครอบคลุมเอาไว้ 31.1 ล้านคน ถ้าบวกโครงการประกันตนตามมาตรา 33 เข้ามาอีกประมาณ 9 ล้านกว่า รวมแล้วจะประมาณ 41 ล้าน นั่นคือเป้าหมายในการครอบคลุมให้ทั่วถึง ส่วนร้านค้านั้นได้มีการหารือกับกระทรวงมหาดไทยก็จะมีการเชิญชวนร้านค้าเข้ามาให้ได้อีกประมาณ 1 ล้านราย

ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 นี้ รัฐบาลนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคนเป็นอย่างมาก ขอฝากในเรื่องมาตรการ การ์ดไม่ตก เนื่องจากว่าการแพร่ระบาดยังไม่จบ พื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงก็ยังมีการตรวจเชิงลึกอยู่ จึงต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงก็คงจะต้องงดกิจกรรมในการเดินทาง เรื่องการเข้มงวดกับตนเองในเรื่องการสวมหน้ากากเมื่อออกไปในที่ชุมชนและหมั่นล้างมืออยู่เสมอ จะเป็นการช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้


ภาพ / ข่าว ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ

ประชาธิปัตย์ เชื่อประชาชนไว้วางใจ เลือกคนของพรรค ในการเลือกตั้งซ่อมนครศรีธรรมราช เขต 3 ระบุผลงานเป็นที่ประจักษณ์ ผู้สมัครลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ด้าน ‘จุรินทร์’ สั่งลุยเต็มสูบ

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลือกตั้ง ในเขตเลือกตั้งที่ 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่พรรคได้ส่ง นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ เป็นผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรค ว่า

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ได้เรียกประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในภาคใต้ พูดคุยเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ในการหาเสียง โดยกำชับให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ยึดความสุจริตในการหาเสียง นำเสนอนโยบายและผลงานที่เกิดขึ้นเป็นประจักษ์แล้ว ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ

โครงการประกันรายได้ ที่ในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 3 ทราบดีว่าประกันรายได้ราคายางพารา เป็นอีกโครงการสำคัญที่ผ่านมาเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรชาวสวนยางเป็นอย่างมาก รวมถึงประกันรายได้ชาวสวนปาล์ม พี่น้องเกษตรกรก็ชื่นชอบ พอใจในผลงานของพรรค ที่ทำให้วิถีชีวิตของพี่น้องเกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เชื่อว่าผลสำเร็จในการทำงานของพรรคที่ไปทำหน้าที่ในรัฐบาลแทนประชาชน จะเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจของพี่น้องในเขต 3

หัวหน้าพรรคย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคของคนทุกรุ่น เรามีคนรุ่นใหญ่รุ่นอาวุโส รุ่นกลาง รุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่าเราพร้อมทำงานให้ประชาชนทุกคนทุกรุ่น

นายราเมศ กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวของนายพงศ์สินธุ์ ก็จะได้เปรียบกว่าคนอื่น ที่คลุกคลีอยู่กับพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด ผ่านการทำหน้าที่ การทำงานให้กับประชาชนมามาก ด้วยความ มุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเท ถือว่าเป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ในการเมืองระดับชาติ ก็จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 3 ไว้วางใจให้เป็น ส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช

กระทรวงวัฒนธรรม ชวนนักท่องเที่ยวใช้แอปพลิเคชัน Treasure Trip Bangkok และ Pattaya เรียนรู้วัฒนธรรมไทยแบบชีวิตวิถีใหม่ เดินทางสะดวกและง่ายห่างไกลโควิด-19 ตอบโจทย์ ‘วิถีไทยในยุคดิจิทัล’

นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคนา โควิด-19 ที่ยังคงส่งผลกระทบทำให้ประชาชนทั่วไปต้องเปลี่ยนรูปแบบวิถีชีวิตมาเป็นแบบ new normal หรือชีวิตวิถีใหม่ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป สวธ.จึงร่วมมือกับบริษัท เน็คซ์ทูบี จำกัด ปรับปรุง แอปพลิเคชัน Treasure Trip เวอร์ชั่นใหม่ใน โครงการ“วิถีไทยในยุคดิจิทัล” การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมด้วยนวัตกรรมดิจิทัล คือ Treasure Trip Bangkok และ Treasure Trip Pattaya ที่เพิ่มฟีเจอร์และฟังก์ชันใหม่ วางแผนเดินทางท่องเที่ยวได้ง่ายๆ และยังห่างไกล โควิด-19

นายชาย เปิดเผยต่อว่า Treasure Trip Bangkok และ Treasure Trip Pattaya คือ แอพพลิเคชั่นที่รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวในวิถีวัฒนธรรมไทยตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร และท่องเที่ยวในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ที่ครบถ้วน ประกอบด้วยสถานที่ อาทิ แหล่งเที่ยวชุมชน ร้านอาหารยอดนิยม ที่พัก วัด พิพิธภัณฑ์ และสถานที่สำคัญ เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปในที่ต่างๆด้วยตนเองได้ เพียงแค่ปลายนิ้วกดเลือกสถานที่ต่างๆที่ต้องการบนแอปพลิเคชันนี้ จะช่วยนำทางพาไปถึงจุดหมายปลายทางตามที่ต้องการทั้งยังแสดงข้อมูลรายละเอียดของสถานที่นั้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนและตัดสินใจก่อนการเดินทาง และยังมีแผนการเดินทางแนะนำให้นักท่องเที่ยวได้เลือกเดินทางได้ง่ายๆ ตามเส้นทางที่ออกแบบไว้เป็นอย่างดี

“และในสถานการณ์ที่ประเทศไทยยังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา โควิด-19 อยู่ ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวจำเป็นต้องมีตัวช่วยในการวางแผนการเดินทางให้ห่างไกลโรคติดเชื้อนี้ แอปพลิเคชัน Treasure Trip Bangkok และ Treasure Trip Pattaya ในเวอร์ชั่นอัพเดทใหม่ ที่พร้อมด้วยฟีเจอร์และฟังก์ชันในการติดตามข่าวสารการติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ อ้างอิงข้อมูลตรงจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่สามารถตรวจสอบพื้นที่เสี่ยง โซนพื้นที่เฝ้าระวังใกล้สถานีรถไฟฟ้า ยอดผู้ติดเชื้อ ค้นหาโรงพยาบาลและสถานที่กักตัว ทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทั้งนี้ดาวโหลดใช้ได้แล้ววันนี้ใน แอฟสโตร์และเพลย์สโตร์” อธิบดีสวธ.เผย


เจนกิจ นัดไธสง รายงาน

‘เพื่อไทย’ เปิดตัวโครงการ ‘The Change Maker’ เฟ้นหาคนรุ่นใหม่ หาทางออก-สร้างความหวังประเทศไทย ผ่านแพลตฟอร์มทางการเมืองครั้งแรกของประเทศไทย

พรรคเพื่อไทย เปิดตัวโครงการ “The Change Maker : นวัตกรรมทางการเมืองที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง” (people-centric) ผ่านกิจกรรม “แฮกกาธอน” (Hackathon) หรือการสร้างนวัตกรรมแบบเร่งด่วน มาใช้ในการพัฒนาทางการเมืองจัดการเรียนรู้ผ่าน Interactive workshops หรือการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ แก้โจทย์ทางการเมือง โดยการคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการ 100 คน เข้าร่วมกระบวนการออกแบบนโยบายร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมลงพื้นที่จริงกับ ส.ส.ในพื้นที่ ร่วมสร้างสรรค์ผลงานจริงตั้งแต่เริ่มเสนอปัญหา ไปสู่โปรเจคทดลอง (Pilot Project) เพื่อแก้ปัญหาระดับชาติได้จริงในอนาคต

นายประเสริฐ จันทรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า โครงการ The Change Maker เป็นอีกก้าวหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยจะ Disrupt ตัวเอง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงการทำงานของพรรคอีกครั้ง นับตั้งแต่ปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ เชื่อว่าโครงการนี้จะได้บุคคลและนโยบายใหม่ ๆ มาพัฒนาประเทศ เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าความเป็นสถาบันการเมืองของพรรคยังคงแข็งแกร่ง และยังคงยึดมั่นในจุดยืนเดิมที่เป็นสมองของประเทศ ด้วยบุคลากรทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศ และผู้มากประสบการณ์ ที่จะร่วมกันนำพาประเทศไทยออกจากวิกฤตและพัฒนาไปมากกว่าที่เป็นอยู่ได้

นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ ผู้อำนวยการทีมคิดเพื่อไทย และโครงการ The Change maker กล่าวว่า โครงการนี้จะเป็นการปลุกความหวังของคนในสังคมไทยให้กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ผ่านแพลตฟอร์มทางการเมืองครั้งแรกของเมืองไทย ที่มีคนรุ่นใหม่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ เข้ามาร่วมผนึกกำลังกับทางพรรคที่มี ส.ส. นักการเมืองที่มากประสบการณ์ และ Ecosystem ที่พร้อมสำหรับสถาบันทางการเมือง เพื่อสรรหานโยบายที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาของยุคสมัยได้

ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี ที่ปรึกษาและ Mentor ของโครงการ The Change Maker กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยเผชิญกับมหาวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุดในศตวรรษและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รวม 5 ด้านและเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ได้แก่ 1.วิกฤติการเมือง รัฐธรรมนูญ และความขัดแย้งแบ่งข้างในสังคม 2.วิกฤติเศรษฐกิจที่หนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งเพราะกระทบทุกคนในสังคม 3.วิกฤติทางสังคม ความเหลื่อมล้ำมากขึ้นทุกที การศึกษาที่อ่อนด้อย 4.วิกฤติโรคระบาดซึ่งกระทบทั้งโลก สร้างความเสียหายยิ่งกว่าสงครามโลก และ 5.วิกฤติการดิสรัปต์ของเทคโนโลยี ทำให้เกิดภาวะชนชั้นไร้ประโยชน์ การตกงานอย่างกว้างขวาง ซึ่งมหาวิกฤติในครั้งนี้ ผู้รับผิดชอบไม่มีการเตรียมการรองรับแรงกระแทกอย่างเพียงพอและจริงจัง จึงเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่ต้องช่วยเหลือพวกเรากันเอง ซึ่งโครงการ The Change Maker จะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันคิดหาทางออกจากวิกฤติ และเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยให้แข็งแรงขึ้น มีภูมิต้านทานในการรับมือกับทุกเรื่องที่เข้ามาได้

ขณะที่ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ที่ปรึกษาด้านหลักสูตรของโครงการ The Change Maker กล่าวว่า สถาบันการเมืองเปรียบเสมือนที่พึ่งที่หวังของประชาชนในการแก้ไขปัญหาของประเทศ พรรคเพื่อไทยซึ่งมีเบ้าหลอมมาจากพรรคไทยรักไทย ถือเป็นพรรคการเมืองสามารถครองใจประชาชนมาตลอด 20 ปี โดยมี “เคล็ดลับครองใจประชาชน” 3 ชุด ได้แก่ 1.คน คิด เคลื่อน โดยพรรคไทยรักไทยสามารถรวบรวมบุคคลที่มีความสามารถ มุ่งมั่น ร่วมกันคิดเสนอนโยบาย แนวทางแก้ปัญหาที่ทำได้จริง เพราะคิดแนวทางการปฏิบัติไว้ถูกต้อง 2. ICE : โดย I (Inclusive) ระดมความเป็นเจ้าของและการมีส่วนร่วม ส่วน C (Collaborative) ร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ ประสานประโยชน์อย่างเหมาะสม และ E (Empower) ทำให้ประชาชนมีอำนาจ มีสิทธิ์ มีศักดิ์ศรี ผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดความเท่าเทียม เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค และการปรับทัศนคติว่าข้าราชการไม่ใช่ “นาย” แต่เป็น “ผู้ให้บริการ” เป็นต้น

นพ.พรหมินทร์ กล่าวต่อว่า เคล็ดลับข้อที่ 3.คือ 3C ซึ่งเป็นพลังแห่งความสร้างสรรค์ โดย C ตัวแรกคือ Creative คือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ คนรุ่นใหม่ พลังสร้างสรรค์สูงกว่า ผู้ใหญ่ต้องรับฟังและเลือกเป็น Communication เลือกสาระ เข้าใจเจตนาร่วม จึงจะบริหารประเทศ สำเร็จ และ Contest การแข่งขัน ซึ่งจะช่วยให้เกิดพลังที่สร้างสรรค์และท้าทาย เชื่อว่าหากนำเคล็ดลับนี้นำไปสร้างสรรค์โครงการ เพื่อระดมคน ความคิด และความร่วมมือ จะช่วยขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนได้

โครงการ The Change Maker เปิดรับบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ช่องทาง Google Form ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ โดยสามารถติดตามรายละเอียดของการรับสมัครเพิ่มเติมและความคืบหน้าของโครงการได้ที่ Facebook, Instagram, Twitter และ Telegram “THINKPHEUTHAI”

ทัพบก เผย ยอดผู้สมัครเป็นทหารแบบออนไลน์ ต่อเนื่อง 6 วัน 1,466 คน ระบุ บางหน่วยมีผู้ยื่นความประสงค์ ขอเข้าประจำการเต็มจำนวนยอดทหารแล้ว

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่ กองทัพบก เปิดรับสมัครทหารกองเกินอายุ 18- 20 ปี และอายุ 22-29ปี สมัครเป็นทหารกองประจำการเป็นกรณีพิเศษ ด้วยระบบออนไลน์ ประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 1- 28 กุมภาพันธ์ 2564 ทางเว็บไซต์ เพื่อพัฒนาการตรวจเลือกให้สู่ระบบทหารกองประจำการอาสา ตามแนวทางของกระทรวงกลาโหมและเปิดโอกาสให้ต่อยอดสู่การเป็นทหารอาชีพนั้น

ข้อมูลการรับสมัคร 6 วันที่ผ่านมาพบว่า มีชายไทยสนใจเข้ายื่นความประสงค์อย่างต่อเนื่องกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคโดยส่วนใหญ่เข้าสู่ระบบออนไลน์ด้วยตนเอง มีบางส่วนเดินทางมาประสานและขอใช้เครื่องคอมพิวเตอร์จากหน่วยทหารหรือเจ้าหน้าที่สัสดีประจำอำเภอ/จังหวัด

โดยในช่วงวันที่ 1-6 ก.พ.64 มีจำนวนผู้สมัครเข้าสู่ระบบออนไลน์แล้ว 1,466 คน แยกเป็น กองทัพภาคที่ 1จำนวน 365 คน กองทัพภาคที่ 2 จำนวน 405 คน กองทัพภาคที่ 3 จำนวน 304 คน และกองทัพภาคที่ 4 จำนวน 392คน และผู้สมัครส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 18 - 20 ปี นอกจากนี้ มีบางหน่วยที่มีผู้ยื่นความประสงค์ขอเข้าประจำการเต็มจำนวนยอดทหาร

ทั้งนี้ ตลอดสัปดาห์นี้ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดนได้มอบให้เจ้าหน้าที่สัสดีอำเภอและจังหวัดลงพื้นที่ระดมประชาสัมพันธ์การรับสมัครทหารกองประจำการกรณีพิเศษแบบออนไลน์นี้ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับทหารกองเกิน และประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย ผ่านเครือข่ายต่างๆในแต่ละพื้นที่ ทางสถานีวิทยุ สวท.ประจำจังหวัด วิทยุชุมชน เครือข่ายกำนันผู้ใหญ่บ้าน องค์การบริหารส่วนตำบล สถาบันการศึกษา การแจกเอกสาร การติดตั้งสื่อประชาสัมพันธ์ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเชิญชวนและส่งผ่านข้อมูลการรับสมัครให้เข้าถึงชายไทยที่มีคุณสมบัติได้พิจารณาอย่างทั่วถึงและตรงกลุ่มเป้าหมาย

นอกจากนี้ สำนักงานสัสดีพื้นที่ต่างๆยังได้อำนวยความสะดวกให้คำแนะนำในการลงข้อมูลผ่านระบบออนไลน์กับผู้สมัครที่เดินทางมาติดต่อสอบถามที่สำนักงานสัสดีอีกด้วย

อย่างไรก็ตามการรับสมัครจะยังคงมีต่อเนื่องจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ผ่านเว็บไซต์ rcm64.rta.mi.th

สำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะสมัคร ขอให้ได้อ่านคู่มือคำแนะนำและศึกษาเรื่องสิทธิคุณสมบัติให้ครบด้วนเป็นลำดับแรกก่อนที่จะกรอกข้อมูลสมัคร และเมื่อผู้สมัครได้กรอกข้อมูลในระบบครบถ้วนแล้วจะได้รับ “แบบตอบรับผลการรับสมัคร(แบบ กสด.64-1 )” นัดหมายไปเข้ารับการคัดเลือก ที่มณฑลทหารบก ที่เจ้าตัวสมัครไว้ในวันที่ 5 มีนาคม 2564 ต่อไป

กองทัพบกจึงขอเชิญชวน ทหารกองเกิน อายุ 18-20 ปี เกิด พ.ศ. 2644-2546 และผู้ที่มีอายุ 22-29 ปี เกิด พ.ศ.2535-2642 ที่ผ่านการตรวจเลือกแล้วแต่ไม่ได้เข้าประจำการเนื่องจากจับได้ “สลากดำ” หรือได้รับการ ”ปล่อยตัวเพราะมีผู้ร้องขอพอ”

โดยผู้ที่อยู่ในช่วงอายุข้างต้น สามารถสมัครเข้าเป็นทหารกองประจำการ กรณีพิเศษ ทางออนไลน์ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลชาติ พัฒนาประเทศ ช่วยเหลือประชาชน และมีโอกาสต่อยอดสู่การเป็นทหารอาชีพต่อไป “ สมัครเป็นทหาร มีงานมีความรู้ ร่วมดูแลแผ่นดิน”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top