Monday, 7 July 2025
ค้นหา พบ 49241 ที่เกี่ยวข้อง

ผู้ว่าฯ​ สมุทรสาครเริ่มฟื้นตัวแล้ว!! 'หมอประสิทธิ์' เผยข่าวดี อาการผู้ว่าฯ สมุทรสาคร 'วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี' ดีขึ้น​ ปอดฟื้นกว่า​ 90% แต่ยังพูดไม่ได้

อาการผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ดีขึ้น แพทย์ปรับให้หายใจเองมากขึ้น ขณะที่ปอดฟื้นตัวกว่า 90%

ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ระบุถึงความคืบหน้าอาการของ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครว่า ภาพรวม อาการ ดีขึ้น ปอดดีขึ้นเยอะ ตอนนี้ หยุดให้ยาปฏิชีวนะบางตัวแล้ว เนื่องจากการติดเชื้อไม่มีแล้ว ตอนนี้เปลี่ยนจากยาฉีดเป็นยาที่เข้าทางระบบทางเดินอาหารแล้ว

ผลเอ็กซ์เรย์ปอดล่าสุด ดีขึ้น มีการปรับเครื่องช่วยหายใจ เริ่มให้ผู้ว่าฯ ฝึกการหายใจเอง การใช้เครื่องช่วยหายใจตอนนี้ ได้ปรับเป็นโหมดสนับสนุนให้ท่านได้หายใจเอง

ปกติปอดคนเราสีดำ แต่ปอดของผู้ว่าฯสมุทรสาคร ในช่วงแรกนั้น พบว่าเป็น​ 'ปื้นขาว'​ แสดงว่ามีน้ำ หรืออะไรบางอย่างเข้าไปอยู่ในปอดทำให้อากาศเข้าไปไม่ได้ ซึ่งตอนนี้ปอดกลับมาใกล้เคียงปกติ กว่าร้อยละ 90

ส่วนการให้ ออกซิเจนเริ่มลดลง ทำให้ออกซิเจนในกระแสเลือดยังดีอยู่ ทั้งการประเมินปอดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้มากน้อยขนาดไหน คือ การประเมินจากภาพเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ หลังจากการเอ็กซเรย์ปอดดีขึ้นเยอะ ดูระดับของแก๊สในกระแสเลือด เพื่อ ดูว่าปอดท่านดีพอว่าสามารถหายใจได้ตัวท่านเอง โดยไม่ใช้เครื่องช่วยหายใจ

คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เผยว่า ส่วนทีมเวชศาสตร์ฟื้นฟู ได้เข้ากายภาพแล้ว โดยตอนนี้ ไม่ได้เร่งการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อจนเกินไป ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ เนื่องจากคนสูงอายุ เมื่อไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อเป็นเวลานาน กล้ามเนื้อก็จะหดตัว แผนตอนนี้คือ การถอยเครื่องช่วยหายใจ หลักฐานต่างๆ มีแนวโน้มดีขึ้น ถอยยาให้ผู้ว่าฯ ตื่นมากขึ้น

"ส่วนการรู้สึกตัว ตอนนี้ ผู้ว่าฯ ยังพูดไม่ได้ แต่ปฏิกิริยาของผู้ว่าฯ สื่อกับทีมแพทย์ได้ เช่น สั่งให้ทำอะไร ท่านทำได้" นพ.ประสิทธิ์ กล่าว


ที่มา: https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E/141617

สาธารณสุขเตือน!! รวมตัวตรุษจีนระวังแพร่เชื้อ แนะแยกสำรับกินข้าว-งดเจอหน้า-โอนเงินแต๊ะเอียผ่านแอปฯ​ แทน ป้องคนแก่เสี่ยงติด

ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยว่า สถานการณ์ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขจากการค้นหาเชิงรุกทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นเลขสามหลักต่อเนื่องตลอดสองสัปดาห์ โดยจำนวนสูงสุดใน 1 วันอยู่ที่ 836 ราย จากนั้นก็มีจำนวนลดลง แต่ตนเชื่อมั่นว่าการค้นหาเชิงรุกและค้นพบในระบบจะทำให้ประชาชนเข้าใจและเห็นการจัดการปัญหาที่ดีขึ้น ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 115 ของโลก ทั้งนี้ยืนยันว่าการค้นหาเราตรวจเชิงรุกอย่างเข้มข้นเต็มที่ไม่มีย่อหย่อน

นพ.เฉวตสรร กล่าวต่อว่า ขณะนี้กำลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลตรุษจีน การพบผู้ใหญ่ในครอบครัวเป็นเรื่องที่ดี แต่ในภาวะวิถีใหม่นิวนอมอล์ต้องยังคงรักษาระยะห่าง แม้ผู้สูงอายุจะไม่มีโรคประจำตัว แต่เราก็ต้องระมัดระวังเพื่อป้องกันโรคให้ผู้อาวุโสภายในบ้านให้ดีที่สุด เวลาเราออกนอกบ้านกลับเข้ามาควรรีบอาบน้ำ และสวมหน้ากากให้เป็นประจำที่สุด แม้จะอยู่ในบ้าน แต่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี

การรับประทานอาหารร่วมกัน​ ก็ควรแยกสำรับ พยายามรักษาระยะห่างให้ได้ หากจะพูดคุยก็ควรสวมหน้ากาก หรือใช้การสื่อสารผ่านแอพพลิเคชั่นแบบเห็นหน้ากันได้ เพื่อลดการสัมผัสและการแพร่กระจายเชื้อ ส่วนลูกจ้าง ที่สำคัญคนเข้าออกบ้านที่เป็นลูกจ้างแรงงานต่างด้าวหรือคนไทยด้วยกันเองก็ควรระมัดระวัง เพราะโควิด-19 ยังไม่จบ ต่อให้เรามีวัคซีนมาก็ยังคงต้องดูกันต่อไปอีก  

นพ.เฉวตสรร กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องวัคซีนนั้น กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้ติดตามเรื่องนี้และเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียให้เห็นเรื่องการฉีดวัคซีนที่ตอนนี้ทั่วโลกมีจำนวนผู้ที่ฉีดวัคซีนเท่าๆกับจำนวนผู้ติดเชื้อแล้ว โดยทั่วโลกมีผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 104 ล้านคนในระยะเวลา 57 วัน 

ดังนั้นข้อกังวลว่าวัคซีนต่างๆ​ จะมีอันตรายหรือไม่ ตนขอย้ำว่าโอกาสที่จะเกิดอาการไม่พึ่งประสงค์เล็กน้อยเป็นได้ทุกวัคซีน แม้แต่วัคซีนที่ฉีดประจำและเป็นมาตรฐานต้องฉีดตามช่วงอายุให้ลูกหลาน ในส่วนของวัคซีนใหม่กว่าจะออกมาขึ้นทะเบียนได้เรื่องความปลอดภัยต้องเป็นเรื่องแรก ซึ่งอาการไม่พึ่งประสงค์และอาการข้างเคียงเล็กน้อยสามารถเกิดขึ้นได้ ที่ผ่านมาต่างประเทศฉีดกันไปมากมาย แต่ยังไม่มีประเทศใดเกิดความกังวลจนต้องหยุดฉีด 

ดังนั้นขอให้มั่นใจการเลือกวัคซีนของประเทศไทยที่มีการอิงความรู้หลักฐานวิชาการจากผู้เชี่ยวชาญให้ความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา และยินดีฉีดวัคซีนด้วยตนเอง ขอให้ทุกคนมั่นใจ 

อย่างไรก็ตามยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขเองก็ไม่ได้มองเรื่องสุขภาพเพียงอย่างเดียว แต่พยายามดูเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งการท่องเที่ยว การผลิตสินค้า และการให้บริการต่างๆมาตลอด อะไรที่พอจะสามารถผ่อนคลายได้ก็อยากให้ผ่อนคลาย 

ด้านนพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สัปดาห์หน้าเข้าสู่เทศกาลตรุษจีนที่ตามธรรมเนียมจะมีการรวมตัวของญาติพี่น้องและมีความใกล้ชิดกัน อาจเกิดความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่เชื้อในครอบครัวได้ กระทรวงสาธารณสุขขอความร่วมมือประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการป้องกันตนเอง รวมถึงวันจ่ายที่จะต้องไปซื้อของในตลาดขอให้สวมหน้ากากอนามัยและล้างมือทุกครั้งที่มีการสัมผัสสิ่งของที่ไปจ่ายตลาด 

ทั้งนี้ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวเสี่ยงที่จะติดโรคได้ง่ายและเกิดอาการรุนแรงแนะนำขอให้อยู่บ้าน โดยให้ลูกหลานไปจ่ายตลาดแทน อีกทั้งตอนนี้สามารถจ่ายตลาดออนไลน์ได้ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สามารถซื้อของได้ทั้งของแห้งและของสด ซึ่งควรเลือกซื้อกับผู้ประกอบการที่เชื่อถือได้เท่านั้น มีการรับรองคุณภาพสินค้าจากผู้ประกอบการ เมื่อรับสินค้าแล้วควรตรวจเช็คว่าอยู่ในบรรจุภัณฑ์มิดชิดหรือไม่ และต้องระบุวันหมดอายุที่ชัดเจน ไม่มีกลิ่นหรือสีผิดปกติ 

อย่างไรก็ตามหากมีการนำไปเซ่นไหว้แล้วหลัง 4 ชั่วโมงหากจะรับประทานควรนำไปอุ่นร้อนก่อนทุกครั้ง ขณะที่เรื่องการให้แต๊ะเอียหรือการแจกอั่งเปา หากใช้ระบบออนไลน์ก็จะลดความเสี่ยงได้ เพื่อลดการสัมผัสซองหรือเงินสด หากมีการวมญาติเพื่อรับประทาน ขอให้เว้นระยะห่าง ถ้าใครมีอาการเจ็บป่วยก็ไม่ควรมาร่วมรับประทานอาหาร สิ่งสำคัญควรเลี่ยงการดื่มสุรา ลดการกอดหอมผู้สูงอายุ ส่วนวันเที่ยวนั้นขอให้หลีกเลี่ยงการเที่ยวในสถานที่แออัด เมื่อไปแล้วขอให้เว้นระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง 

นพ.เอกชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ขณะนี้ยังมีปัญหาเรื่องฝุ่นละออง​ PM2.5 ทั้งในกทม.และภาคเหนือกรณีที่มีการใช้ธูปจุดไหว้และการเผากระดาษเงินกระดาษทองปริมาณมากๆก็จะเป็นการเพิ่มมลภาวะและเกิดอันตรายกับผู้สูงอายุและผู้ที่เป็นโรคหอบหืด แนะนำให้ใช้ธูปก้านสั้นแทน และเผากระดาษเงินกระดาษทองในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก อย่าให้ฟุ้งกระจายไปในอากาศ จากนั้นควรล้างมือให้สะอาด พร้อมสวมใส่หน้ากากป้องกันตนเองด้วย  
 

'อนุทิน'​ ยกย่องฝีมือทีมสาธารณสุข​ จัดการโควิดอยู่​ พร้อมย้ำ!! เรื่องวัคซีนโควิด-19 ไทย ต้องมีแนวทางชัดเจน และต้องผลิตได้ในประเทศ 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงข้อสงสัยเรื่องการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของไทย ว่า 

ตนและกระทรวงสาธารณสุข มองเรื่องความมั่นคงด้านสุขภาพเป็นสำคัญ โจทย์ของไทย คือ ต้องหาทางเข้าไปเป็นผู้ผลิตให้ได้ หรือต้องสามารถผลิตได้ในประเทศ ให้มี Supply Chain ที่มั่นคง และเราเลือกทางนี้มาตั้งแต่ต้น โดยได้รับการช่วยเหลือผลักดันจากทีมแพทย์ ทีมสาธารณสุข ซึ่งประเทศไทย มีคนเก่งในด้านนี้มากมาย เป็นเรื่องน่ายินดี 

ที่ผ่านมา ประเทศไทย จัดการการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระหว่างที่เรากำลังจัดการสถานการณ์ปัจจุบัน นานาชาติ ก็ยกให้ไทย มีระบบการควบคุมโรคติดอันต้นๆ ของโลก เพราะทีมสาธารณสุขไทยเข้มแข็ง และได้รับความช่วยเหลือจากหลายภาคส่วน 

ประเทศไทย ทำได้ดีมากแล้ว เราคุมโรคได้ดี และได้สิทธิ์ ผลิตวัคซีนเอง ไทยคือผู้นำด้านสุขภาพ แต่ก็มีบางฝ่ายพยายามเปรียบเทียบให้ไทยล้าหลัง เป็นผู้ตาม ในขณะที่ทั้งโลกยกย่องไทย 

อยากให้คนไทยลองมองกันให้ดี ว่าการสาธารณสุขไทย เราแย่กว่าตรงไหน จำนวนผู้ติดเชื้อ ไทย ก็น้อยกว่า จำนวนการรักษาหาย ไทยก็ดีกว่า จำนวนผู้เสียชีวิต ก็น้อยกว่า นี่คือประสิทธิภาพที่เกิดจากทีมสาธารณสุขไทย 

"แพทย์ พยาบาล อสม. ภาคส่วนต่างๆ ทำงานหนักมาก และต้องการกำลังใจ มากกว่าการที่ต้องมานั่งฟังการวิจารณ์ การเปรียบเทียบ มันบั่นทอนความรู้สึก ที่สุดแล้ว ขอให้คนไทย รับรู้ รับทราบ ความเก่งกาจของทีมแพทย์ไทย

"ทำไม ไม่คิดว่าไทยต้องเป็นตัวอย่างให้คนอื่นเปรียบเทียบ ไม่ใช่ไปเทียบกับคนอื่น โดยเฉพาะในเรื่องการแพทย์และการสาธารณสุขให้รู้สึกว่า ไทยคือผู้นำ ให้เกิดความภูมิใจ ให้คนทำงานมีกำลังใจ อย่าคิดว่าเราด้อยกว่าผู้อื่นในเรื่องของการแพทย์และการสาธารณสุข"

 

อย่าเล่นกับกับมังกรผยอง!! ปักกิ่งเตรียมฟาด BBC อังกฤษ >> หลังเดือด​จัด!! เหตุ BBC เล่นข่าวจีนแบบมีอคติ​ พร้อมเปิดศึกสงครามสื่อแบบดุเดือดชนิดเกลือจิ้มเกลือ 

รัฐบาลจีนออกโรง เปิดหน้าท้าชนสื่อยักษ์ใหญ่จากฝั่งอังกฤษอย่าง BBC หลังนำเสนอข่าวบิดเบือนโจมตีรัฐบาลจีนอย่างต่อเนื่องมานาน และอาจถึงขั้นพิจารณาถอนใบอนุญาตเผยแพร่ข่าวในประเทศจีนด้วย

กลายเป็นประเด็นที่โต้เถียงกันอย่างดุเดือดมาก  เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้ออกมาประนามสื่อ BBC ว่า​ จงใจเผยแพร่ข่าวสารที่ไม่เป็นกลาง และเป็นอคติต่อรัฐบาลจีน ไม่ว่าจะด้วยภาพ วิดีโอ เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอในมุมของสำนักข่าวที่เชื่อได้ว่าเป็นการครอบงำความคิดของผู้ชมอย่างเป็นระบบ​ โดยมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง 

นอกจากนี้ทางจีนยังกล่าวหาว่า BBC ปักกิ่งนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ Covid-19 ที่เข้าข่าย "Fake News" โหมกระแสว่าจีนมีเจตนาปกปิดข้อเท็จจริง ซึ่งทางการจีนเรียกร้องให้สำนักข่าว BBC ออกแถลงการขอโทษอย่างเป็นทางการด้วย 

เมื่อทางรัฐบาลจีนแถลงข่าวออกมาเช่นนี้ ทาง BBC ก็ไม่รอช้า สวนกลับทันทีว่าไม่เป็นความจริง และยืนยันว่านำเสนอข่าวตามความจริง อย่างไม่มีอคติมาโดยตลอด

แต่ทั้งนี้ หลายฝ่ายเชื่อว่า ท่าทีที่แข็งกร้าวของรัฐบาลจีนที่มีต่อสำนักข่าวยักษ์ใหญ่ของอังกฤษนี้ เป็นการตอบโต้รัฐบาลอังกฤษโดยตรง หลังจากที่ได้ถอนใบอนุญาตการเผยแพร่ข่าวจากสำนักข่าว CGTN ข่าวภาคภาษาอังกฤษของจีนที่มีสำนักงานอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

เบื้องหลังของการถอนใบอนุญาตของ CGTN เริ่มมีประเด็นมาตั้งแต่รัฐบาลจีน และ อังกฤษ ตอบโต้กันในประเด็นการประท้วงในฮ่องกง หลังจากที่จีนได้ผ่านร่างกฏหมายความมั่นคงใหม่ที่บังคับใช้ในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง 

ทางรัฐบาลอังกฤษ​ ก็ได้ออกกฏหมายการเข้าเมืองให้สิทธิ์ชาวฮ่องกงที่ถือหนังสือเดินทาง British National (Overseas) สามารถลี้ภัยไปอยู่ที่อังกฤษได้ถึง 3 ล้านสิทธิ์ ซึ่งทางการจีนก็ได้ตอบโต้อังกฤษ​ ด้วยการยกเลิกการรับรองสถานะของหนังสือเดินทาง BN(O) ของชาวฮ่องกง ไม่นับเป็นเอกสารราชการของจีนอีกต่อไป จะใช้เป็นพาสปอร์ตเดินทางออกจากต่างประเทศก็ไม่ได้ด้วย 

หลังจากที่แลกหมัดกันมานานในเรื่องกฏหมายสิทธิพลเมือง ก็ย้ายมาฟาดกันต่อที่สนามสื่อ เมื่อ Ofcom หรือ กสทช ของอังกฤษ​ ได้เพิกถอนใบอนุญาตการแพร่ภาพของสำนักข่าวภาคภาษาอังกฤษของจีน CGTN เมื่อไม่นานมานี้ โดยอ้างว่า CGTN ทำผิดกฏหมายด้านสื่อมวลชนในอังกฤษ ที่ไม่อนุญาตให้สื่อได้รับการสนับสนุนทั้งทางตรง และทางอ้อมจากคนของฝ่ายการเมือง

ซึ่ง CGTN เป็นสำนักข่าวลูกของ CCTV หรือ China Central Television ที่มีสำนักงานใหญ่ที่กรุงปักกิ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ส่วนสำนักงานของ CGTN ในอังกฤษเพิ่งเปิดเมื่อปี 2019 และถือใบอนุญาตในนามบริษัทเอกชนชื่อ Star China Media 

แต่ทั้งนี้ ทางอังกฤษมองว่าผู้ประกอบการปัจจุบันเป็นเพียงบริษัทบังหน้า ที่เบื้องหลังของ CGTN ก็ยังถูกควบคุมโดยรัฐบาลจีน และใช้เป็นช่องทางกระจายข่าวสารของรัฐบาลจีน เล็งๆมานานแล้ว มามาได้จังหวะในช่วงนี้ อังกฤษจึงจัดการถอนใบอนุญาตสื่อจีนเสียเลย 

แล้วรัฐบาลจีนก็ยอมเสียที่ไหน เตรียมจัดการเล่นงานสำนักข่าว BBC สื่ออังกฤษเป็นการตอบโต้ ที่ทางจีนเชื่อว่ารายงานข่าวตามใบสั่งรัฐบาลอังกฤษเช่นกัน และหากบานปลายก็มีสิทธิ์ที่ BBC ปักกิ่งจะจอดำได้

ส่วนชาวโซเชียลจีน​ ก็ฟาดแรงไม่แพ้กัน ต่างวิพากษ์วิจารณ์ข่าวสารจาก BBC อย่างเผ็ดร้อน บางคนก็ตั้งชื่อให้สำนักข่าว BBC ว่าเป็น Biased Broadcasting Corporation และโจมตีสำนักข่าวดังของตะวันตกว่า "อย่าเป็นมนุษย์ CNN อย่ารายงานข่าวอย่าง BBC" 

ก็กลายเป็นการฟาดมา ฟาดกลับไม่โกง ระหว่าง  'มังกรผยอง'​ และ 'สิงโตคำราม'​ ที่พร้อมไล่บี้กันทุกสนาม แบบไม่มีใครกลัวใครทีเดียว


อ้างอิง:
https://www.globaltimes.cn/page/202102/1215082.shtml

https://www.straitstimes.com/asia/east-asia/china-takes-aim-at-bbc-as-dispute-with-britain-intensifies

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top