Saturday, 5 July 2025
ค้นหา พบ 49201 ที่เกี่ยวข้อง

รู้จัก​ 'มิน อ่อง หล่าย'​ หัวหน้าคณะปฏิวัติเมียนมา​ ผู้เคยเป็นลูกบุญธรรม 'ป๋าเปรม'​ และยึดแนวทางคำสั่งสอนของป๋ามาโดยตลอด

ตอนนี้ก็เรียกได้เต็มปากว่า​ ขุมอำนาจทางการเมืองในเมียนมากลับเข้าอยู่อ้อมอกของของทหารอีกครั้ง หลังจากกองทัพได้เข้าควบคุมตัวนางอองซานซูจี และผู้นำระดับสูงของรัฐบาล เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี ก่อนจะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศหลังจากพ้นสภาวะฉุกเฉินในอีก 1 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม​ ต่อจากนี้​ 1​ ปี​ เมียนมาจะมีผู้กุมอำนาจเล็ดเสร็จที่สุดโดย พล.อ.อาวุโส 'มิน อ่อง หล่าย'​ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา 

พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย เป็นใคร? 

มีเกร็ดเรื่องราวที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งในฐานะที่เป็นลูกบุญธรรมของ ‘ป๋าเปรม’ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ 

เขาเคยได้เข้าพบ ‘ป๋าเปรม’ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ในปี 2555 หลังจากที่ได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ทสส.เมียนมา และเป็นครั้งแรกที่เขาได้มาเยี่ยมเยือนที่กองบัญชาการกองทัพไทย​ ซึ่งทั้งคู่ต่างพูดคุยถูกคอกันจึงทำให้ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ได้ขอเป็น ‘บุตรบุญธรรม’ ตั้งแต่นั้นมา หลังจากนั้นทุกครั้งที่มาเยือนไทยก็จะเข้าพบ ‘ป๋าเปรม’ เสมอ

พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย นับถือ ‘ป๋าเปรม’ เป็นเสมือนบิดา ก็เพราะบิดาของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย อายุมากกว่า ‘ป๋าเปรม’ 1 ปี โดยบิดาของเขาได้เสียชีวิตไปเมื่อปี 2545

เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 62 พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย และคณะนายทหารเมียนมา ในฐานะบุตรชายบุญธรรมของ 'ป๋าเปรม'​ ก็ได้เดินทางมาลงนามเพื่อแสดงความอาลัยต่อการจากไปของ 'ป๋าเปรม'​ ด้วย

ในครั้งนั้น พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย กล่าวภายหลังลงนามไว้อาลัยถึงความรู้สึกหลังจากที่ทราบข่าวการสูญเสีย พล.อ.เปรม ว่าเหมือนตนสูญเสียบิดาไปท่านหนึ่งว่า... 

“พล.อ.เปรม เป็นบุคลากรที่สำคัญเปี่ยมไปด้วยความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์มากมาย ทั้งการทหาร การเมือง และหลายๆ ด้านของประเทศไทย

ส่วนใหญ่ที่ผมได้พบกับท่านก็จะพูดคุยในเรื่องของประสบการณ์ดีๆ ของท่านให้ฟัง และจะมีคำแนะนำว่าสิ่งใดที่ดี ที่ควรทำซึ่งเมื่อเจอกันก็จะพูดในเรื่องนี้ทุกครั้ง” ผบ.ทสส.เมียนมากล่าว

พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย กล่าวอีกว่า ก่อนหน้าที่ตนจะเป็น ผบ.ทสส. ไม่เคยได้เข้าพบ พล.อ.เปรมเลย จนกระทั่งได้เป็น ผบ.ทสส.แล้วจึงได้เข้าพบ พล.อ.เปรม และได้นั่งเคียงข้างกัน ได้จับมือกัน ถ้ามีเรื่องอะไรที่สำคัญก็จะจับมือคุยกันเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นทุกครั้งที่ได้พูดคุยกัน​ ตนจึงเปรียบ พล.อ.เปรม เหมือนบิดา 

คำสั่งสอนต่างๆ ของ พล.อ.เปรมก็มีมากมาย ประกอบด้วย 2 ประเด็น คือ...

1.) ทางด้านการเมือง ก็จะพูดถึงประชาธิปไตย ก็จะต้องเป็นประชาธิปไตยของประเทศของตนเอง หรือประเทศใครประเทศคนนั้นให้เหมาะสมกับประเทศตนเอง

และประเด็นที่ 2.) ที่ พล.อ.เปรมพูดอยู่เสมอว่า เราเกิดในแผ่นดินนี้ เราต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน ถ้าใครไม่ตอบแทนคุณแผ่นดิน คนนั้นถือว่าเป็นคนทรยศต่อประเทศชาติ 

ผบ.ทสส.เมียนมา​ กล่าวว่า อีกประเด็นหนึ่งที่ พล.อ.เปรมพูดถึงในฐานะที่ท่านเป็นประธานองคมนตรี และตามเสด็จในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาโดยตลอด ซึ่ง พล.อ.เปรมมักพูดอยู่เสมอว่า การลดจำนวนคนยากคนจน​

โดยในขณะนั้นประเทศไทยมีคนจนประมาณ 10 ล้านคน แล้วท่านก็ได้ให้ข้อคิดกับประเทศเมียนมาในฐานะที่เราสองประเทศเป็นประเทศทางการเกษตร เราต้องพยายามลดคนยากจน​ โดยใช้การเกษตรดำเนินการ และท่านได้สอนการเป็นผู้นำว่าเราต้องเป็นตัวอย่างให้ชั้นผู้น้อยเราต้องมีความยุติธรรมกับชั้นผู้น้อยของเรา ซึ่งตนก็ปฏิบัติมาโดยตลอด และเมื่อได้คำสอนมาจาก พล.อ.เปรม ตนก็ได้เดินอย่างมั่นคง และเชื่อมั่นในสิ่งที่ท่านสั่งสอน

เขาทิ้งท้ายอีกว่า​ "คำที่ พล.อ.เปรมมักพูดอยู่เสมอ  คือ​ เมื่อทำอะไรให้ประเทศชาติ เราต้องมีน้ำใจ และมอบใจให้กับประเทศชาติ”



ที่มา: 
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=4033929856640056&id=100000692431266
 

2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 วันแรกแห่งการจดสิทธิบัตร ‘กังหันน้ำชัยพัฒนา’ สิ่งประดิษฐ์ในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 นับเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการออกสิทธิบัตรให้แก่พระบรมราชวงศ์

2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 หรือวันนี้เมื่อ 28 ปีก่อน ถือเป็นวันสำคัญของประชาชนชาวไทยอีกวันหนึ่ง เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงได้รับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ "กังหันน้ำชัยพัฒนา"

โดยเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสีย และช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนลงในน้ำ ทั้งนี้ยังนับเป็นสิ่งประดิษฐ์เครื่องกลเติมอากาศเครื่องที่ 9 ของโลก ที่ได้รับสิทธิบัตร รวมทั้งยังเป็นครั้งแรกของโลก ที่มีการออกสิทธิบัตรให้แก่พระบรมราชวงศ์อีกด้วย

กล่าวถึง "กังหันน้ำชัยพัฒนา" เกิดขึ้นจากการที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหาน้ำเสีย และทรงห่วงใยต่อพสกนิกรที่ต้องเผชิญกับเรื่องราวดังกล่าว จึงมีพระราชดำริให้ประดิษฐ์เครื่องกลเติมอากาศแบบประหยัดค่าใช้จ่าย โดยได้ทรงนำแนวทางของ "หลุก" ซึ่งเป็นอุปกรณ์วิดน้ำเข้านา อันเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน มาเป็นจุดคิดค้นเบื้องต้น ก่อนจะถูกพัฒนาร่วมกับกรมชลประทาน ผลิตออกมาเป็นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำแบบทุ่นลอยขึ้นในเวลาต่อมา และใช้ชื่อว่า "กังหันน้ำชัยพัฒนา"

ด้วยพระอัจฉริยภาพอันเปี่ยมล้น ภายหลังคณะรัฐมนตรีมีมติกำหนดให้วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันนักประดิษฐ์ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ รวมถึงเป็นวันที่ระลึกถึงวันประวัติศาสตร์ของการจดทะเบียนและออกสิทธิบัตรถวาย แด่พระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลก ที่ทรงคิดค้นสิ่งที่เป็นประโยชน์ สามารถแก้ปัญหาและรักษาสิ่งแวดล้อม

หลวงปู่ทวด | The States Times Story เรื่องจริง ฟังเพลิน โดย เจต ณ นคร : EP.6

‘แขวนพระหลวงปู่ทวดแล้วไม่ตายโหง!’ หลายคนอาจจะคุ้นหูกับประโยคนี้กันอยู่บ้าง โดยเฉพาะผู้ที่ศรัทธาและมีข้อมูลของ ‘หลวงปู่ทวด’ ด้วยปาฏิหาริย์ และพลังแห่งศรัทธา The States Times Story จึงขอนำเรื่องราวของพระผู้เป็นหนึ่งในศรัทธาของคนไทย มาย้อนรอยบอกเล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมา

รวมถึงหลักคำสอน และแน่นอน รุ่นพระเครื่องของหลวงปู่ทวด ที่ว่ากันว่า เป็นสิ่งบูชาสะสมที่มากมูลค่า มีลักษณะแบบไหน มีอยู่ที่ไหน อย่างไรกันบ้าง ทั้งหมดถูกถ่ายทอดอยู่ในอีพีนี้แล้ว

.

 

เปิดเส้นทาง ‘สรวุฒิ เนื่องจำนงค์’ นักการเมืองสายเลือดใหม่ ที่คนชลบุรี ภูมิใจนำเสนอ พร้อมภารกิจสำคัญ!! หัวโต๊ะประธาน กมธ. วัตถุอันตราย

ย้อนกลับไปช่วงก่อนหน้าเลือกตั้งปี 60 ความต้องการ ‘นักการเมือง’ เข้ามาในสภาฯ เพราะเชื่อว่ามีไฟและแรงตั้งใจในการทำงานการเมืองสร้างสรรค์กว่า ‘คนเก่าๆ’ การเมืองเก่าๆ

นั่นจึงทำให้ประชาชนในหลายเขตพื้นที่ ต่างเฝ้ารอ ‘เลือกกา’ คนรุ่นใหม่ ที่จะมาช่วยเหลือปัญหาพื้นที่ของตนแบบพลิกโฉม!!

วันนี้ The States Times จะพาไปพบกับหนึ่งในนักการเมืองเลือดใหม่ ‘สรวุฒิ เนื่องจำนงค์’ ส.ส.ชลบุรี และ รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ผู้ที่พิสูจน์ตนเองบนเส้นทางแห่งนี้ จนทำให้ผู้ใหญ่หลายคนยอมรับและกล้ามอบหมายหน้าที่สำคัญๆ ให้เพียบ!!

‘นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์’ ส.ส.ชลบุรี และ รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เริ่มฉายแววความเก่งฉกาจ จากพลังและความคิดสร้างสรรค์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่นำเสนอนโยบายต่างๆ จนชื่อของ สรวุฒิ กลายเป็นแคนดิเดต ในการรับมอบภารกิจใหม่ๆ บ่อยขึ้น ล่าสุด ก็ถูกวางตัวเป็นมือกระบี่ในการดูแลภารกิจใหญ่ อย่าง ‘การควบคุมวัตถุอันตราย’ ซึ่งการพิจารณาวัตถุอันตรายมีความซับซ้อนทำให้มีความจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือแม้แต่องค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีความรู้ความสามารถในเชิงลึก เพื่อดำเนินการดังกล่าวกรณีจึงสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกระบวนการพิจารณาวัตถุอันตราย โดยให้มีผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวเพื่อให้การพิจารณาวัตถุอันตรายมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โดยเมื่อปลายเดือนมกราคม 64 ที่รัฐสภา ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่...) พ.ศ. ... นัดแรก มีการพิจารณาเลือกตำแหน่งต่างๆ ใน กมธ. และชื่อของ ‘นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์’ ส.ส.ชลบุรี และ รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้รับเลือกเป็นประธานกมธ. ด้านนี้

ภายหลังการเข้ารับบทบาทใหม่ สรวุฒิ เล่าว่า “ตอนนี้อยู่ในหลักการแก้ไขเพิ่มเติมร่างพ.ร.บ.ฯ โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาวัตถุอันตรายและกำหนดอำนาจของรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบในการกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขในการได้มา รวมทั้งการขึ้นบัญชี ผู้เชี่ยวชาญองค์กร ผู้เชี่ยวชาญหน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อัตราค่าบัตรขึ้นบัญชีสูงสุดและค่าขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุด ประเภทค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอและกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในกระบวนการพิจารณาวัตถุอันตรายรวมทั้งหลักเกณฑ์ในการรับเงินการจ่ายเงินและการเก็บรักษาเงินดังกล่าว ซึ่งเป็นภารกิจที่ท้าทายอย่างมาก”

ทั้งนี้หากมองพื้นเพเดิมของ สรวุฒิ เขาเป็นเด็กกรุงเทพฯ ครึ่งหนึ่ง ต่างจังหวัดครึ่งหนึ่ง เรียนกรุงเทพฯ ตั้งแต่เด็ก โดยพกดีกรีด้านพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือเก่งด้านการเงินและการธนาคาร (ไฟแนนซ์) ติดตัวมา และมีสไตล์การทำงานแบบหัวคิดต่อยอด ทำให้เขาสามารถสานต่อธุรกิจต่างๆ ของครอบครัวได้อย่างรวดเร็ว ทั้งเกษตรกรรม ไร่อ้อย ไร่ยาง ไร่ปาล์ม กิจการตลาด หลังจากเคยได้เข้าร่วมรั้วองค์กรใหญ่อย่าง ‘ซีพี’ สังกัดสำนักบริหารกลางของเครือ ที่ดูแลเซเว่นอีเลฟเว่น การลงทุนในจีนในช่วงระยะหนึ่ง

ในระหว่างที่ดูแลธุรกิจหลากหลายอย่าง เขาก็ได้มีโอกาสคลุกคลีกับประชาชนที่อยู่ในห่วงโซ่นี้ไปในตัว จนหลายครั้งก็ช่วยเข้าไปแก้ปัญหาต่างๆ ของประชาชนได้ด้วย เรียกว่าเก่งทั้งการบริหารธุรกิจและแถมยังเข้าใจระบบนิเวศน์ของปัญหา ‘ประชาชน’ ไปได้พร้อมๆ กันเลยทีเดียว

ย่างก้าวบนเส้นทางการเมืองในวันนี้ของ ส.ส.ต้น สรวุฒิ จึงเรียกได้ว่าเป็นทั้งความภูมิใจของครอบครัว พรรคพลังประชารัฐที่กล้ามอบงานท้าทายๆ ให้ลอง โดยมีกองเชียร์ชาวชลฯ ที่พูดเป็นเสียงเดียวว่า ส.ส.คนนี้ เป็นความภูมิใจที่น่าจับตาจริงๆ...

แหล่งที่มา:

https://www.matichon.co.th/prachachuen/interview/news_1264827

https://www.naewna.com/politic/549136

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลั่นจัดการม็อบประท้วงเมียนมาไม่ใส่แมส ฝ่าฝืนมาตรการควบคุมโควิด-19 ย้ำปัญหาบ้านโน้น อย่าเอามายุ่งบ้านนี้ ส่วนปมได้วัคซีนโควิดช้า เพราะไม่อยากให้คนไทยเป็นหนูทดลอง ต้องได้ของที่ผ่านมาตรฐานเท่านั้น

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณี มีการรัฐประหารในประเทศเมียนมาร์ประเทศไทยต้องเฝ้าระวังตามแนวชายแดนหรือไม่ว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่ ที่มีพื้นที่ติดชายแดนไทย และเมียนมาเฝ้าระวังเกี่ยวกับการลักลอบเข้ามาอย่างเต็มที่โดยจะให้ความร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคง

เมื่อถามว่าปัจจุบันมีการชุมนุมหน้าสถานทูตเมียนมาร์ประจำประเทศไทยกังวลจะมีการแพร่ระบาดโรคโควิด -19 ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมสถานการณ์อย่างเต็มที่เพราะความกังวลเกี่ยวกับแพร่ระบาดโควิด -19 มีทุกวัน จึงต้องดูถ้ามีการชุมนุมแล้วไม่ใส่หน้ากากอนามัยก็ต้องจัดการ ปัญหาบ้านโน้น จะมายุ่งอะไรกับบ้านนี้"

นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังได้กล่าวถึงการจัดหาวัคซีนกำหนดการส่งมอบยังเป็นเช่นเดิมหรือไม่ ว่า "เราพยายามอย่างเต็มที่แต่คำว่าคงเดิมนั้นคือเดือนมิ.ย. จะพยายามอย่างเต็มที่ ให้ได้เร็วที่สุด ถ้ามาก่อนเดือนมิ.ย.คือความพยายาม อย่าเอาประเทศไทย ไปเทียบกับประเทศอื่น"

"คนที่ชอบพูดว่าประเทศอื่นได้รับแล้วต้องไปดูรายละเอียดของแต่ละประเทศ เพราะบางประเทศได้รับในฐานะที่ยอมให้ประชาชนของเขาได้รับการทดลองวิจัยวัคซีน ไม่ใช่เป็นผู้ซื้อ และเขามีผู้ป่วยเพียงพอในการทดลอง ซึ่งประเทศไทยมีผู้ป่วยไม่พอ และไม่เคยอยู่ในหัวของรมว.สาธารณสุขคนนี้ ที่จะเอาคนไทยมาเป็นผู้ที่จะถูกการทดลอง เราไม่ได้อยู่ในสภาพนั้น เพราะประเทศไทยควบคุมได้ ลองนึกสภาพดูว่าหากฉีดแล้วเหมือนในยุโรป และ สหรัฐอเมริกา ที่เมื่อฉีดแล้ว ปากเบี้ยว กล้ามเนื้ออ่อนแรง ใครจะเป็นผู้อธิบาย เมื่อเรามีเวลาและโอกาสเลือกสิ่งที่ปลอดภัย ทำไมจะไม่ทำ"

ส่วนจังหวัดสมุทรสาครที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงอยู่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า "เป็นเพราะการตรวจเชิงรุก คนป่วยก็แยกออกมารักษาและควบคุมอย่างดี ไม่ใช่กระจายไปทุกจังหวัด และดีที่สังคมช่วยกันดูแล พวกจัดปาร์ตี้ก็น้อยลง ใครที่ทำอยู่ก็ไม่มีใครออกมาสรรเสริญและตรงกันข้ามเป็นสิ่งที่ทำความเสื่อมเสียให้กับตัวเอง รัฐบาลก็พยายามผ่อนปรนมาตรการให้มากที่สุดที่จะทำได้"

ขณะที่การแพร่ระบาดจากเหตุโต๊ะแชร์ที่จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งถือว่าเป็นคลัสเตอร์ใหม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "อย่างที่บอกเวลาเหล้าเข้าปาก ก็เป็นเช่นนี้ บางจังหวัดไม่ได้ห้ามดื่มเหล้า แต่ต้องเว้นระยะห่าง บางคนบอกว่าถ้ากินเหล้าแล้วใครจะมีระยะห่างได้ ก็อย่ากิน ส่วนการดำเนินคดีผู้ปกปิดข้อมูลกับเจ้าหน้าที่สอบสวนโรคนั้นนายอนุทิน กล่าวว่า ก็ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่กทม.ได้ไปแจ้งความไปแล้ว"

"ส่วนทางโรงแรมที่ถูกฟ้องก็ส่งข้อมูลยืนยันว่าไม่มีการเสิร์ฟแอลกอฮอล์ แต่มีการเสิร์ฟน้ำแอปเปิล น้ำส้มคั้น น้ำบ๊วย ทุกอย่างสั่งปิดก่อนเวลา 3 ทุ่ม ก็ต้องไปดูว่าผิดหรือไม่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจ ถ้าเป็นตามนั้นก็ให้สังคม ประชาชนตัดสิน ถ้าจะปาร์ตี้จริง ๆ จะกินน้ำส้มคั้น น้ำแอปเปิล น้ำบ๊วย ก็กินกันไป อย่ากินเหล้าก็แล้วกัน" รองนายกฯ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top