Saturday, 5 July 2025
ค้นหา พบ 49212 ที่เกี่ยวข้อง

นายศรชัย สุเนต์ตา กรรมการผู้จัดการ Chief Investment Officer บริษัท หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด วิเคราะห์ปรากฎการณ์หุ้น Gamestop ในสหรัฐอเมริกา ที่กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ในวงการตลาดทุนในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

บทเรียน GAMESTOP เมื่อตลาดหุ้นถูกเปลี่ยนเป็น ‘MONEY GAME’ กำเนิดปรากฏการณ์ ‘แมงเม่า’ เขย่าจักรวาล ชัยชนะของนักลงทุนรายย่อย ถล่ม กองทุนรายใหญ่ (Hedge Fund) ราบคาบ และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของฟองสบู่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ?

นายศรชัย สุเนต์ตา กรรมการผู้จัดการ Chief Investment Officer บริษัท หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด วิเคราะห์ปรากฎการณ์หุ้น GameStop ในสหรัฐอเมริกา ที่กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ในวงการตลาดทุนในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า

ดูเหมือนว่าสงครามในตลาดการเงินที่รายย่อยได้โต้กลับนักการเงินใน Wall street โดยเฉพาะกลุ่ม Hedge Fund นั้นจะเริ่มขยายวงกว้าง จากจุดเริ่มต้นที่มีผู้ใช้งานในเว็บ Reddit ห้อง wallstreetbets ที่เป็นชุมชนขนาดใหญ่คล้ายเว็บ pantip.com ในบ้านเรา ได้โพสต์วิเคราะห์ว่าหุ้น GameStop ที่เป็นร้านขายเครื่องเกมส์ และแผ่นเกมส์ที่แนวโน้มธุรกิจกำลังถูก Disrupt จากที่ผู้บริโภคซื้อเกมส์ผ่านช่องทางดิจิตอลนั้น ราคายังต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน และได้ถูกยืมหุ้นไปขายล่วงหน้าหรือเรียกว่า Short Sell จำนวนมาก

ชาวชุมชนใน Reddit จึงได้ชักชวนนักลงทุนคนอื่น ให้ซื้อหุ้นตัวนี้ส่งผลให้ราคาปรับตัวจากระดับ 39 ดอลลาร์สหรัฐ จากวันที่ 19 มกราคม 2564 ขึ้นไปที่ 347 ดอลลาร์สหรัฐ ในวันที่ 27 มกราคม 2564 หรือปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงถึง 789% โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ เรียกได้ว่ากองทุน Ark Invest หรือ Bitcoin ที่สร้างผลตอบแทนได้สูงมากในปีก่อน ก็เทียบไม่ติดเลยทีเดียว

GameStop Short Squeeze จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นมากแค่ไหน

โดยปกติแล้วหุ้นที่ไม่ได้มีน้ำหนักในดัชนีสูงจะไม่ค่อยกระทบกับตลาดหุ้นในภาพรวมเท่าใดนัก แต่ในครั้งนี้เพราะว่ามีกองทุนอย่าง Melvin Capital ซึ่งมีผู้ร่วมลงทุนอย่างบริษัท Citadel และPoint 72 ได้ทำการ Short sell หุ้น GameStop ไว้เป็นจำนวนมากโดยจะได้กำไรหากหุ้นปรับตัวลดลง แต่ในทางกลับกัน หากหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น จะสามารถขาดทุนมากกว่าเงินต้นที่ลงทุนไว้ เพราะหุ้นนั้นราคาปรับลดลงได้ไม่ต่ำกว่า 0 แต่ตอนปรับตัวขึ้นนั้น กลับไม่มีเพดานจำกัดไว้ หรือเรียกได้ว่าเป็นการลงทุนที่ “จำกัดกำไร แต่ไม่จำกัดขาดทุน”

อีกทั้งการที่นักลงทุนรายย่อยดันหุ้นขึ้นไปทำให้ บริษัทที่เงินทุนจำกัดต้องจำใจปิดสถานะทั้งที่ขาดทุน โดยการที่ต้องนำเงินไปซื้อหุ้นในตลาดมาคืน หรือถูก “Short Squeeze” ก็ยิ่งเป็นการเร่งให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นไปอีก โดยสื่อต่างประเทศคาดว่าผู้ที่ทำการ Short sell ในครั้งนี้จะเสียหายราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์ สหรัฐ หรือประมาณ 6 แสนล้านบาท

คำถามที่สำคัญก็คือปัจจุบันคนที่ Short Sell นั้นยอมแพ้ หรือปิดสถานะหรือยัง เพราะหากยังไม่ปิดสถานะกองทุนจะต้องมีเงินใหม่เข้ามาเพื่อค้ำเป็นหลักประกันหรือสำรองไว้เพื่อซื้อหุ้นที่ยืมไปขายล่วงหน้ามาคืน ซึ่งวิธีง่ายที่สุดก็คือการที่กองทุนจะขายหุ้นตัวอื่นที่อยู่ในพอร์ตการลงทุนเพื่อมาชดเชยนั่นเอง แต่ก็อาจจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือตลาดหุ้นทั่วโลกอาจปรับตัวลดลงได้ในระยะเวลาอันสั้นนี้

นอกจากนั้นนักลงทุนรายย่อยเมื่อเห็นวิธีการเช่นนี้ได้ผลกับหุ้น GameStop ก็เลยทำให้มีการชักชวนซื้อหุ้นขนาดเล็กเช่น หุ้น Koss ผู้ผลิตหูฟัง หุ้นโรงหนัง AMC และหุ้น Blackberry ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเหล่านี้ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในระยะเวลาอันสั้น

ไม่นับกับการที่ผู้มีชื่อเสียงหลายคนได้เข้ามามีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ทั้ง Michael Burry ผู้ที่ทำกำไรจากเหตุการณ์ Hamburger Crisis ในปี 2008 หรือที่เราอาจรู้จักจากหนังเรื่อง “The Big Short” ที่ได้มีกำไรจากการลงทุนในหุ้น GameStop กว่า 1,500% หรือ Elon musk เจ้าของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla ก็มีการใช้ Twitter พูดถึงหุ้น GameStop และไม่เห็นด้วยกับการที่วงการ Wallstreet ทำการออกกฎไม่ให้นักลงทุนซื้อหุ้น GameStop เพื่อกันการปั่นหุ้น แต่ไม่มีการห้ามนักลงทุนสถาบันในการซื้อหรือทำการ Short Sell

Money Game ในครั้งนี้จะจบลงอย่างไร

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อาจจะทำให้ภาครัฐเข้ามาปรับกฎเกณฑ์ในด้านตลาดการเงินรวดเร็วและเข้มขึ้น เพราะตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้นไม่มีการจำกัดการปรับตัวสูงสุด เหมือนตลาดหุ้นบ้านเราที่จำกัดการเพิ่มขึ้นหรือลดลงสูงสุดวันละ 30% ทำให้สามารถเกิดภาวะที่ตลาดเป็นการเก็งกำไรได้รวดเร็วอย่างที่เห็นในเหตุการณ์นี้

เหมือนกับกรณีหลังวิกฤติ Hamburger Crisis ในปี 2008 ที่ทาง กลต. สหรัฐฯ ได้ปรับห้ามทำการ Naked Short ซึ่งคือการทำ Short Sell โดนผู้ขายไม่ได้มีการยืมหุ้นมาไว้ก่อนในวันที่สั่งขายหุ้น โดยในครั้งนี้เราอาจเห็นการเข้ามาปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการจำกัดการ Short Sell หรือการจำกัดการ Leverage ของนักลงทุนก็เป็นไปได้ อีกทั้งทางรัฐบาลของโจ ไบเดน และนางเจเน็ต เยลเลนก็ได้จับตาเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดกับกรณีนี้เช่นกัน ซึ่งจะส่งกระทบต่อ Sentiment ตลาด และทำให้นักลงทุนเริ่มรู้สึกว่าต้องทำการลดความเสี่ยงจากการที่ตลาดหุ้นร้อนแรงเกินไป โดยทำการลดสัดส่วนในการถือหุ้นลงไปบ้างส่งผลให้ตลาดหุ้นในช่วงนี้อาจจะเห็นการปรับฐานบ้าง

โดยหากมองในแง่มุมของปัจจัยพื้นฐานนั้นหุ้นร้านเกมส์ที่มีผลประกอบการขาดทุน แต่มีการซื้อขายที่ P/BV 60 กว่าเรียกได้ว่าเป็นราคาที่แพงอย่างแน่นอน แต่ผมขอยกคำพูดของเบนจามิน เกรแฮมซึ่งเป็นอาจารย์ของนักลงทุนเอกอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ว่า “ในระยะสั้นตลาดหุ้นเป็นเครื่องโหวตลงคะแนนเสียง แต่ในระยะยาวตลาดหุ้นเป็นเครื่องชั่งน้ำหนัก” หรือหมายความว่า ในระยะสั้นมันไม่เกี่ยวหรอกครับว่า หุ้นตัวไหนจะถูกหรือแพง ใครจะวิเคราะห์ผิดหรือถูก มันสำคัญแค่ว่าเงินฝั่งไหนมากกว่าฝั่งนั้นก็จะเป็นผู้ชนะในหรือที่เราชอบเรียกกันว่า Money Game นั่นเอง

ด้วยความที่นักลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในภาวะโลภ นักลงทุนหน้าใหม่เห็นคนที่ลงทุนก่อนหน้าได้กำไรไปมากก็จะเข้ามาลงทุนตามๆกัน โดยหากมีเงินใหม่เข้ามาก็จะทำให้สามารถดันฟองสบู่ขึ้นไปเรื่อยๆ ได้ จนกว่าที่จะมีใครสักคนได้สติ นึกถึงความเป็นเหตุผลขึ้นมาว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ไม่ใช่การลงทุนแต่เป็นการเก็งกำไร ก็จะเป็นจุดจบของ Money Game ในครั้งนี้

เหตุการณ์ในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของฟองสบู่ตลาดหุ้นหรือไม่

การปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของหุ้น GameStop นั้นนอกเหนือจากปัจจัยที่ชาวชุมชน Reddit รวมกันไล่ซื้อหุ้นแล้วยังมาจากปัจจัยของตัวเศรษฐกิจเองด้วย ทั้งการที่ภาครัฐออกนโยบายกระต้นเศรษฐกิจอย่างล้นหลาม โดยมีการแจกเงินช่วยเหลือรายเดือนให้กับคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และสภาวะดอกเบี้ยต่ำ และการที่ผู้คนมีการ WFH มากขึ้นทำให้มีนักลงทุนรายย่อยซื้อขายหุ้นผ่านทางแอพพลิเคชั่นมากขึ้น ประกอบกับตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นทำ New High ได้ก็ยิ่งทำให้คนที่ได้กำไรจากตลาดหุ้นรู้สึกฮึกเหิมว่ากำไรได้มาง่าย ก็ยิ่งเอาเงินเข้ามาใส่ตลาดหุ้นเพิ่มเข้าไปอีก

ด้วยปัจจัยที่กล่าวมานั้น เป็นการบ่งบอกถึงการเริ่มต้นภาวะฟองสบู่ที่มาจากกลุ่มหุ้นขนาดเล็กก่อน โดยเรายังไม่เห็นฟองสบู่เข้าไปในหุ้นขนาดใหญ่ เพราะเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่กว่า และปัจจัยพื้นฐานดี ทำให้ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากไม่สามารถทำการไล่ซื้อได้เหมือนหุ้น GameStop แต่สิ่งที่ต้องจับตาดูคือการที่นักลงทุนรายย่อยยังมีการใช้ Leverage ทั้งการซื้อหุ้นด้วย Margin หรือลงทุนใน Derivatives มากอยู่หรือไม่ โดยจากผลสำรวจของนักลงทุนรายย่อยในช่วงเดือนกันยายนมีนักลงทุน 43% ที่ลงทุนโดยใช้ Margin หรือซื้อ Options หรือการเปิดบัญชีนักลงทุนใหม่ที่ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น RobinHood แอพฯ เทรดดิ้งหุ้นนั้นยังมีคนดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นกว่าหกแสนรายในช่วงอาทิตย์ผ่านมา

โดยหากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเป็นสัญญาณที่เราเห็นว่าตลาดเริ่มเข้าสู่สภาวะฟองสบู่มากขึ้น ซึ่งนักลงทุนควรจะต้องระมัดระวังอย่างมากหากจะเข้าลงทุนในหุ้นที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในช่วงนี้ และหากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น รวมถึงหากธนาคารกลางเริ่มดึงสภาพคล่องออกจากระบบนั้นก็จะเป็นการที่ฟองสบู่อาจจะแตกได้ในท้ายที่สุด

กรณีหุ้น GameStop จะเกิดกับตลาดหุ้นไทยเราหรือไม่

ตลาดหุ้นไทยนั้นค่อข้างแตกต่างกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพราะเรามีจำกัด Floor / Ceiling ที่ให้หุ้นปรับตัวขึ้นลงได้ไม่เกินวันละ 30% รวมถึงการที่หากเห็นการเก็งกำไรในหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ทางตลาดหลักทรัพย์ก็มีการใช้มาตรการประกาศ Cash Balance ให้ต้องใช้เงินเต็มจำนวนในการซื้อขายหุ้นเท่านั้นเพื่อลดภาวะเก็งกำไรในตลาด อีกทั้งสถานะ Short Sell ของหุ้นไทยนั้นยังมีสัดส่วนที่น้อย และไม่สามารถทำการ Naked Short ได้ทำให้ภาวะฟองสบู่ที่จะเกิดจากการถูก Short Squeeze เหมือนกรณีหุ้น GameStop ค่อนข้างจะทำได้ลำบากครับ

สุดท้ายนี้ผมก็อยากให้ผู้อ่านทุกท่านย้อนกลับมามองว่าเป้าหมายที่เราเข้ามาในตลาดหุ้นนั้นเพื่ออะไร ถ้าหากเป้าหมายคือการลงทุน ไม่ใช่การเก็งกำไรนั้น เราก็ไม่จำเป็นต้องสนใจหุ้นหรือฟองสบู่ที่คนส่วนใหญ่กำลังไปเข้าร่วมอยู่ เพราะการลงทุนนั้นไม่ใช่ดูเพียงราคาแต่เราต้องดูถึงคุณภาพและมูลค่าสิ่งที่เราลงทุนด้วยครับเพื่อที่เราจะสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องได้บรรลุเป้าหมาย หรืออย่างน้อยก็สามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจว่าเงินที่เราลงทุนไปนั้นทำงานให้เราอย่างเต็มที่ครับ

ครม.ไฟเขียวแก้กฎกระทรวงให้ ใส่ชื่อตัวเอง บนแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ระบุให้ มีตัวอักษรผสมสระ และ วรรณยุกต์ ได้ เล็งเปิดประมูลเป็นการทั่วไป นำรายได้เข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน หลัง "ขนส่ง" ประกาศใช้

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบหลักการกำหนดแผ่นป้ายทะเบียนรูปแบบพิเศษ โดยกำหนดให้ผู้ที่อยากมีป้ายทะเบียนรถยนต์ที่มีชื่อของตัวเองสามารถมีได้

หลังจากครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะ และสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถและการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี เป็นที่เรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งทางกรมการขนส่งทางบกจะไปออกประกาศให้มีผลบังคับใช้ต่อไป

สำหรับสาระสำคัญของกฎหมาย เป็นการกำหนดให้ลักษณะของแผ่นป้ายทะเบียนสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน มีตัวอักษรมากกว่า 2 ตัว หรือตัวอักษรผสมสระ หรือ วรรณยุกต์ หรือตัวเลขได้ เพื่อนำลักษณะแผ่นป้ายดังกล่าวและหมายเลขทะเบียนซึ่งเป็นที่นิยมหรือเป็นที่ต้องการของประชาชนออกเปิดประมูลเป็นการทั่วไป เพื่อนำรายได้เข้ากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน

ทั้งนี้ในปัจจุบันได้มีการกำหนดลักษณะของแผ่นป้ายทะเบียนของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล จะแบ่งออกเป็น 2 บรรทัด บรรทัดที่ 1 ประกอบด้วยตัวอักษรประจำหมวดตัวที่ 1 ตัวอักษรประจำหมวดตัวที่ 2 และหมายเลขทะเบียนไม่เกิน4หลัก บรรทัดที่ 2 เป็นตัวอักษรแสดงชื่อจังหวัด

"อย่างเช่นชื่อไตรศุลี ก็สามารถใส่เป็น ไตรศุลี 1 ศรีสะเกษ ได้" นางสาวไตรศุลี กล่าวยกตัวอย่าง

หัวหน้าพรรคก้าวไกล ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ โต้ ‘ณฐพร โตประยุร’ เลอะเทอะ ไร้สาระ หลังยื่น กกต.ยุบพรรคก้าวไกล เหตุส.ส.ของพรรคใช้ตำแหน่งประกันตัวผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 ชี้เป็นแค่คนในระบอบสืบทอดอำนาจ คสช. ที่ออกมาหาเรื่องเท่านั้น

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถึงกรณีที่นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นกกต.ยุบพรรคก้าวไกล ประกันตัวผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 โดยระบุว่า

เลอะเทอะ

ผมได้ติดตามข่าวและได้อ่านเอกสารคำร้องที่คุณณฐพร โตประยูร ที่ได้ส่งให้ กกต. แล้ว ผมไม่มีอะไรจะพูดอะไรมาก นอกจากคำว่า ‘เลอะเทอะ’ และ ‘ไร้สาระ’

คุณณฐพร โตประยูร ชื่อคุ้นๆ เพราะเป็นหนึ่งในผู้เกี่ยวของกับคดีฟอกเงินที่ดินคลองจั่นเกือบ 5 ร้อยล้านบาท เป็นผู้สนับสนุนระบอบสืบทอดอำนาจ คสช. และเขาก็ยังเป็นคนเดียวกับที่เคยยื่นให้ยุบพรรคอนาคตใหม่คดี ‘อิลูมินาติ’ ด้วย ซึ่งในคดีนั้นก็จบลงที่ศาลวินิจฉัยไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากไม่ได้มีการล้มล้างการปกครองหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองแต่อย่างใด

คำร้องยุบพรรคที่คุณณฐพรเขียนมาวันนี้ ข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างมาก็ไม่มีส่วนไหนเลยที่สนับสนุนสิ่งที่ตัวเองกล่าวหา ซึ่งอ่านทั้งหมดแล้วก็รู้สึกว่าไร้สาระยิ่งกว่าคดี ‘อิลูมินาติ’ เสียอีก ดังนั้น ทางผมและพรรคกำลังพิจารณาฟ้องร้องดำเนินคดีกับคุณณฐพร โตประยูร ในความผิดมาตรา 101 แห่ง พ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ.2560

ในข้อหาที่ว่า “ผู้ใดแจ้งหรือกล่าวหาพรรคการเมืองหรือบุคคลใดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ต่อคณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น...”

สุดท้ายนี้ เมื่อดูภาพรวมประกอบบริบทสถานการณ์แล้ว การยื่นคำร้องยุบพรรคก้าวไกลแบบนี้ คิดเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากความตั้งใจก่อกวนให้พวกเราเสียสมาธิในการทำงาน และเบี่ยงประเด็นกลบเกลื่อนความผิดพลาดในการบริหารงานของรัฐบาล ที่จะถูกแฉในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะมีขึ้นใน 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้

ขอเชิญชวนประชาชนทุกท่าน อย่าลืมติดตามการประชุมสภาเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งจะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป พรรคก้าวไกลพร้อมอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ พวกเรายืนยันจะทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ภาษีทุกบาททุกสตางค์ต้องถูกใช้อย่างคุ้มค่าและโปร่งใส

‘อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ’ อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 ประกาศพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ในนามพรรคพลังประชารัฐอีกรอบ หวังล้างตาสำเร็จ

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 เดินทางมาเปิดตัวแสดงความพร้อม ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส. นครศรีธรรมราช ว่า วันนี้มาแสดงความจำนง เพื่อขอลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม แทนนายเทพไท เสนพงศ์ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยเป็นการดำเนินการตามขั้นตอน ก่อนที่กรรมการบริหารพรรคจะประชุมเพื่อเลือกตามขั้นตอน โดยพร้อมแข่งขันไม่ว่าจะเป็นกับพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคการเมืองใดก็แล้วแต่ เพราะคือวิถีทางประชาธิปไตย ที่จะต้องมีการเลือกตั้ง และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ

โดยไม่ได้คิดว่าจะได้รับเลือกหรือไม่ได้รับเลือก ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น และส่วนตัวก็รู้จักนายเทพไท และน้องชายของนายเป็นอย่างดี เพราะทำงานในพื้นที่ก็ได้เจอกัน ส่วนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ตนได้คะแนนห่างจากนายเทพไท ไม่มาก ในครั้งนี้จึงเชื่อมั่นว่าประชาชนจะไว้วางใจพรรคพลังประชารัฐ

ผู้สื่อข่าวถามว่าบรรยากาศการเลือกตั้งจะดุเดือดหรือไม่ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ประกาศจะรักษาแชมป์ไว้ให้ได้ นายอาญาสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้มองว่าเป็นการรักษาแชมป์ เพราะไม่ใช่นักมวย แต่มองว่าเป็นเรื่องของการทำงาน วัดกันที่ความดี ความสามารถ และประชาชนให้ความเชื่อถือ จึงขอเสนอตัวลงแข่งขันในครั้งนี้ และไม่กังวลว่าจะถูกกลั่นแกล้ง เพราะยึดหลักธรรมะ ปฏิบัติและพูดความจริง ไม่ไปกลั่นแกล้งใครและจะไม่ทำอะไรที่ขัดหลักประชาธิปไตย และขณะนี้ยังไม่ได้ไปแสดงตนที่จะลงสมัครกับพล.อ.ประวิตร เพียงแต่ทำตามขั้นตอนปฎิบัติเท่านั้น และไม่ทราบว่าพรรคจะเลือกใครลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ วันนี้เดินทางมาที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ ก็เพื่อพบปะกับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภาคใต้ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ และยังไม่ได้พบกับพล.อ.ประวิตร

เมื่อกรณีค่าโดยสารรถไฟฟ้าแพง กลายเป็นปัญหาใกล้ตัวที่คนกรุงเตรียมต้องเจอ หลังสเกลราคาเต็ม Max ตลอดสาย จะอยู่ที่ 104 บาท เริ่ม 16 ก.พ.2564 ทาง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี จึงได้ออกมาเปิดแนวทางแนะวิธีช่วยลดค่าโดยสารให้ถูกลง

เมื่อกรณีค่าโดยสารรถไฟฟ้าแพง กลายเป็นปัญหาใกล้ตัวที่คนกรุงเตรียมต้องเจอ หลังสเกลราคาเต็ม Max ตลอดสาย จะอยู่ที่ 104 บาท เริ่ม 16 ก.พ.2564 ทาง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี จึงได้ออกมาเปิดแนวทางแนะวิธีช่วยลดค่าโดยสารให้ถูกลงได้อย่างน่าสนใจผ่านเฟซบุ๊ก ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ ว่า...

เรื่องอัตราค่าโดยสารใหม่ของ BTS คงเป็นเรื่องกังวลใจของพวกเราหลาย ๆ คน เพราะจำนวนคนที่ใช้รถไฟฟ้า BTS ก่อนโควิด มีถึงเกือบ 700,000 คนเที่ยวต่อวัน

แล้วมีทางไหนไหม ที่จะทำให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าถูกลง?

วิธีหนึ่งที่หลาย ๆ ประเทศในโลกใช้กัน คือ เพิ่มรายได้ในส่วนของ Non-Fare

รายได้จากกิจการรถไฟฟ้าหรือ กิจการขนส่งทั่วๆ ไป เราอาจมีรายได้ในสองรูปแบบ คือ...

1.) Fare Revenue รายได้จากค่าตั๋วโดยสาร

2.) Non-Fare Revenue รายได้จากกิจกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าโฆษณา ค่าเช่าพื้นที่ ประโยชน์จากการเชื่อมต่อสถานี

จำนวนผู้โดยสารที่ผ่านระบบมากถึง 700,000 คน - เที่ยวต่อวัน ทำให้พื้นที่ในสถานีรถไฟฟ้า ในขบวนรถไฟฟ้า ราวจับ รวมถึงรอบตัวรถไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งเสาโครงสร้างรถไฟฟ้า มีมูลค่าสำหรับการโฆษณาสูงมาก

เราคงจะไม่เห็นพื้นที่ไหนที่มีการโฆษณามากเท่ากับพื้นที่ในสถานีรถไฟฟ้าแล้ว

อย่างในกรณีของ MTR ของฮ่องกง ในปี 2017 มีรายได้จาก Fare Revenue 63% และ Non-Fare Revenue 37%

สำหรับในส่วนของกทม. ผมเชื่อว่าถ้าเราบริหารจัดการให้ดี ดูแลผลประโยชน์ของประชาชนให้ดี เราสามารถนำรายได้ในส่วนของ Non - Fare มาช่วยเสริมรายได้จากค่าโดยสารอีกไม่น้อยกว่า 20%

จากข้อมูลของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เราพอจะหารายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพื่อเปรียบเทียบคร่าวๆ ได้ดังนี้

รายได้จากค่าโดยสารของรถไฟฟ้า BTS ในส่วนสายหลักระยะทาง 23.5 กิโลเมตร (สายสุขุมวิท จากสถานีหมอชิตถึงสถานีอ่อนนุชและสายสีลม จากสถานีสนามกีฬาแห่งชาติถึงสถานีสะพานตากสิน) ในปี 2562 - 2563 เก็บค่าโดยสารได้รวม 6,814.24 ล้านบาท

ในขณะที่รายได้จากการโฆษณาและให้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานีรถไฟฟ้า BTS ในปี 2562 - 2563 สูงถึง 2,183.89 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 30% ของรายได้จากค่าโดยสาร

ในอนาคต เมื่อสัมปทานปัจจุบันสิ้นสุดลง ถ้าเรามีการประมูลที่โปร่งใส ยุติธรรมกับทุกฝ่าย มีการนำรายได้อื่นๆ จากรถไฟฟ้ามาช่วยสนับสนุนค่าโดยสาร จะช่วยทำให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าถูกลงได้ครับ


ที่มา: https://www.facebook.com/532747176786139/posts/3864920170235473/


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top