Saturday, 28 June 2025
ค้นหา พบ 49068 ที่เกี่ยวข้อง

‘อนุทิน’ เผย วัคซีนโควิด-19 แพ้ได้ เป็นเรื่องปกติ วอนประชาชนอย่ากังวล หากรอชัวร์ 100% อาจไม่ได้ของ ยืนยันทุกอย่างต้องปลอดภัย พร้อมปลดล็อกจังหวัดสีแดง หากสถานการณ์ดีขึ้น

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมประชุมผ่านวีโอคอนเฟอเรนซ์ กับรองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ที่มีนายกฯเป็นประธานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยนายกฯให้กำลังใจแก่ผู้ที่ทำงานทุกฝ่ายและได้รับฟังการบรรยายสรุปจากรองผู้ว่าสมุทรสาคร เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครยังไม่หายป่วย ซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความพร้อมและสามารถจัดการได้

มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม การดูแลผู้ป่วยที่เป็นแรงงานต่างด้าว ที่อยู่โรงพยาบาลสนาม สถานที่กักตัวโควิด-19(Factory Quarantine) ในโรงงานต่างๆสามารถควบคุมได้ ยอมรับว่าการควบคุมในพื้นที่สมุทรสาครนั้นทำได้ดี เพราะมีประสิทธิภาพในการตรวจไปอย่างทั่วถึง และเมื่อพบโควิด ก็สามารถควบคุมได้ เพราะเราได้ปิดกั้นจังหวัดสมุทรสาครแล้ว ยิ่งตรวจเจอก็สามารถทำให้เขาหยุดการเดินทางได้ ทำให้โอกาสการแพร่เชื้อไปที่คนอื่น ๆ น้อยลงไปด้วย

เมื่อถามว่ามีความกังวลเรื่องการฉีดวัคซีนจะไม่ปลอดภัย หลังการฉีดที่ประเทศนอร์เวย์และประเทศจีน นายอนุทิน กล่าวว่า ข้อมูลทุกวันนี้ได้มาจากสื่อต่างชาติ ยังไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานของรัฐใดๆ การใช้วัคซีนและมีปัญหาว่าจะเกิดอันตรายหรือไม่ หรือควรที่จะต้องยกเลิกการใช้หรือไม่ ในส่วนของประเทศไทยการจัดวัคซีนและฉีดให้ประชาชน ยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลประชาชนอยู่แล้วและต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการยืนยันว่าปลอดภัย

ในภาพรวม ต้องยอมรับว่าหากฉีดคนเป็นล้านคนต้องมีอาการแพ้บ้าง และเป็นเรื่องปกติทางการแพทย์ ทางสธ.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาบริหารจัดการเรื่องวัคซีน ว่าใครเป็นกลุ่มเสี่ยงและได้รับการฉีดก่อนหรือกลุ่มไหนเป็นกลุ่มเฝ้าระวัง ซึ่งได้เริ่มปฏิบัติงานแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา และหากมีอะไรก็จะให้คณะกรรมการชุดนี้ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการ พวกเราพร้อมสนับสนุนโดยคำนึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ

ผู้สื่อข่าวถามว่าในประเทศไทยต้องมีกลุ่มตัวอย่างทดลองวัคซีนกลุ่มแรกก่อนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เวลาขึ้นทะเบียนยา ทะเบียนวัคซีน ต้องใช้ผลการทดลองของประเทศผู้ผลิตมาเป็นองค์ประกอบ เราไม่ทำอะไรที่มันแปลกแยก เพราะจะมีประเด็นอื่นแทรกเข้ามา เพราะทุกอย่างต้องทำด้วยกัน และเวลาก็สำคัญ เพราะหากจะต้องรอปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีอาการแพ้ไม่มีอาการข้างเคียงเลย กลัวว่าเราจะไม่ได้วัคซีนกัน เราต้องยึดถึงหลักทางการแพทย์และองค์การอนามัยโลกยอมรับ เรามีทั้งคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ คณะกรรมการโรคติดต่อ มีทั้งแพทยสภาที่จะต้องระดมกำลังกันเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประชาชน

"เรื่องวัคซีนไม่ต้องกังวล กระทรวง สธ.มีอย.ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะต้องทำการตรวจสอบเอกสาร แต่ละยี่ห้อส่งเข้ามาเป็นหมื่นหน้า กว่าจะตรวจสอบและอนุมัติได้ ต้องใช้เวลาและการพิสูจน์เยอะแยะไปหมด ซึ่งถือว่ามีมาตรฐานการพิสูจน์อยู่แล้วและการอนุมัติการใช้วัคซีน เพื่อแก้โควิด-19 ใช้ในมาตรฐานของมาตรการฉุกเฉิน ไม่ได้ใช้ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งโรงพยาบาลเอกชนยังไม่สามารถสั่งเข้ามาได้ เพราะในการใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินรัฐบาลต้องเป็นผู้กำหนดอยู่ในการควบคุมของรัฐบาล"

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้พูดคุยกับนายกฯก่อนหรือไม่ว่าจะเป็นผู้ทดสอบฉีดวัคซีนก่อน นายอนุทิน กล่าวว่า ประเด็นนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เอาเรื่องของความปลอดภัยเป็นที่ตั้งและเวลาที่เราจะได้วัคซีนมาเป็นที่ตั้ง เพราะนโยบายของเราต้องฉีดให้กับประชาชนทั่วไป แต่เราไปบังคับเขาไม่ได้ ซึ่งเราก็ต้องให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่สุดให้ประชาชนได้พิจารณา เราก็จะจัดระดับความสำคัญในการฉีด และต้องใช้เวลา ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ได้ และในประมาณเดือนมิถุนายน วัคซีนที่เราซื้อไปเริ่มให้บริการครอบคลุมกับจำนวนคนส่วนใหญ่ของประเทศได้

เมื่อถามว่านายกฯ ได้สอบถามถึงปัญหาของแอพพลิเคชั่นหมอชนะ หลังทีมพัฒนาแอพพลิเคชั่นดังกล่าวลาออกยกทีม หรือไม่ รองนายกฯกล่าวว่า นายกฯ ก็พูดถึง แต่ในส่วนของสธ.ไม่ได้มีปัญหา และขอย้ำว่าการที่โหลดแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่เกี่ยวกับการป้องกันโควิด อย่ากลัวว่าภาครัฐจะนำข้อมูลของท่านไปใช้ในทางเสียหาย แต่ในทางกลับกันสธ.สามารถมีข้อมูลในการติดตามหากติดโรคร่วมถึงการรักษาต่าง ๆ จะสะดวกและทำให้ง่ายขึ้น เพราะว่าจะได้ทราบข้อมูลเรื่องของสุขภาพในแต่ละคนและลดเวลาการทำงานของเจ้าหน้าที่

เมื่อถามถึงสถานการณ์ของโควิด-19 บรรเทาลงจะมีข่าวดีคลายล็อกในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า แน่นอน ถ้าเราได้รับความร่วมมือจากประชาชนที่เฝ้าระวังตัวเอง และควบคุมโรคได้ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องผ่อนคลายการควบคุมโดยอัตโนมัติ ส่วนจะผ่อนคลายในช่วงใดก็ให้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ว่าเป็นเช่นไร

เมื่อถามว่าผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนหลังถูกสั่งปิด ร่วมทั้งร้านนวด จะทยอยให้เปิดช่วงไหน นายอนุทินกล่าวว่า รัฐบาลก็เข้าใจปัญหาหมด ซึ่งศบค.และผู้ที่เกี่ยวข้องก็ประชุมตลอดเวลาอยู่แล้ว เราไม่ได้มีความสุขที่ต้องมาประกาศสิ่งเหล่านี้ มีแต่ความทุกข์และความกังวล ความห่วงใย แต่ต้องทำทุกอย่างให้ปลอดภัย ยกตัวอย่าง รองผู้ราชการจังหวัดว่าสมุทรสาคร รายงานว่าในวันที่ 27 ม.ค.นี้ ตลาดกลางกุ้ง จะเปิดให้บริการตามปกติ และก่อนเปิดต้องเตรียมความพร้อมคัดกรองให้มั่นใจว่าไม่มีโรคในบริเวณนั้นแล้ว จึงจะเปิด ซึ่งจะค่อย ๆ ทยอยเปิดเป็นจุด ๆ

ในจังหวัดอื่นก็เช่นกัน เราต้องทำให้เกิดความมั่นใจก่อน เหมือนการคลายล็อกครั้งที่แล้ว และจะคลายอาชีพไหน ศบค.และสธ.จะค่อย ๆ คลายล็อกตามลำดับ โดยจะมีการแถลงข่าวให้ทราบทุกวัน รัฐบาลยืนยันว่าเมื่อทุกอย่างปลอดภัย ประชาชนให้ความร่วมมือเราก็จะผ่อนคลายทันที

กฟภ.เผยอยู่ระหว่างเจรจากับ ปตท.เพื่อร่วมมือในการขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ทั่วประเทศ คาดชัดเจนในปีนี้

นายภานุมาศ ลิ้มสุวรรณ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เปิดเผยว่า กฟภ.อยู่ระหว่างเจรจากับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เพื่อร่วมลงทุนในการขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) ภายในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ของบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท. รวมทั้งขยายในสำนักงานย่อยของ กฟภ.ด้วย เบื้องต้นจะติดตั้งประเภทหัวจ่ายเร่งด่วน (Quick Charge) เพื่อรองรับการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้

“การลงทุนขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าเพื่อรองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ในปัจจุบันเริ่มเห็นมีการวิ่งในท้องถนนกันมากขึ้น และค่ายรถยนต์หลายค่ายก็เริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาจำหน่าย ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้คาดว่าจะมีคนใช้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน หน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายรายก็เริ่มมีการลงทุนพัฒนาสถานีชาร์จ EV รวมถึงพัฒนารถยนต์ EV ทั้งนี้ การใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตหรือมีการใช้มากขึ้นนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชัดเจนของนโยบายของภาครัฐด้วย” นายภานุมาศกล่าว

ก่อนหน้านั้น กฟภ.ได้มีความร่วมมือกับบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ในการขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบ Quick charge สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงของบริษัท บางจากฯ ในทุกๆ 100 กิโลเมตร ตามถนนสายหลักของประเทศไทยรวม 62 สถานีภายในปี 2563 - 2564

พาณิชย์ ร่วมมือกับ 3 สมาคมการค้ามันสำปะหลัง กำหนดราคารับซื้อหัวมันสดเชื้อแป้ง 25% ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 2.40 บาท หลังพบราคาต่ำสวนทางตลาดโลกที่เป็นช่วงขาขึ้น พร้อมย้ำไม่ให้ตัดราคากันเอง

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับ 3 สมาคมการค้ามันสำปะหลัง คือ สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย และสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ออกประกาศราคารับซื้อหัวมันสดเชื้อแป้ง 25% ไม่ต่ำกว่า กก. 2.40 บาท และจะปรับเพิ่มเป็นขั้นบันไดให้มีราคาไม่ต่ำกว่า 2.50 บาท เพื่อแก้ปัญหาราคาหัวมันสำปะหลังภายในประเทศตกต่ำในขณะนี้

สำหรับปัจจุบันราคาหัวมันสำปะหลังสด อยู่ที่กิโลกรัมละ 2 บาท ถือว่าสวนทางกับความต้องการของตลาดโลกที่อยู่ในขาขึ้น โดยเฉพาะจีน เป็นตลาดส่งออกหลักของไทยที่ต้องการใช้เพื่อผลิตเอทานอลมากขึ้น มีผลให้ราคาเอทานอลในจีน ขยับขึ้นเป็นตันละ 7,100 หยวน จากก่อนหน้านี้ ราคาเพียง 5,600 หยวน น่าจะทำให้ราคาส่งออกมันสำปะหลังสูงขึ้นตามไปด้วย และคาดว่าปีนี้ จะนำเข้าเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านตัน จากปีที่แล้วนำเข้าเพียง 3 ล้าน 5 แสนตัน ในจำนวนนี้ไทย ส่งออกไปมากถึง 3 แสนตัน

“การร่วมมือกันของผู้ส่งออก 3 รายใหญ่ กรมฯ ขอไม่ให้ตัดราคากันอีก ซึ่งทั้ง 3 รายรับปากจะให้ความร่วมมือเต็มที่ ถ้าซื้อขายตามกลไกตลาด ราคาหัวมันสดในประเทศจะเพิ่มขึ้นได้แน่ เพราะจีนมีความต้องการมันเส้นเพื่อทำแอลกอฮอล์สูงมากหากพบว่าสมาชิกของทั้ง 3 สมาคมไม่ให้ความร่วมมือ แต่ละสมาคมจะพิจารณาใช้มาตรการลงโทษ โดยขับออกจากการเป็นสมาชิก และทำให้ผู้ส่งออกรายนั้นๆ พ้นสภาพการเป็นผู้ส่งออกตามกฎหมายโดยปริยาย”

วทันยา วงษ์โอภาสี สส.พรรคพลังประชารัฐ หนุนนโยบายสร้างเศรษฐกิจใหม่ ระบุ ‘Soft Power’ จะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ ที่จะช่วยผลักดันยุทธศาสตร์ ‘BGC Model’ ในการสร้างโอกาสและรายได้ให้กับประเทศ

นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี สส.พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า เมื่อวานนี้นายกฯ ออกมาประกาศนโยบาย BCG Model ที่จะเป็นทิศทางหลักของรัฐบาลในการขับเคลื่อนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะยาวหลังวิกฤตโควิด-19 ต่อจากนี้ ครั้งแรกได้ยินชื่อย่ออาจเกิดคำถามว่าคืออะไร? แต่เมื่อพลิกดูไส้ในก็เห็นว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่ข้อดีในครั้งนี้คือนายกฯ ออกมาประกาศถึงยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน เมื่อเทียบกับในอดีตที่มักจะมีการหยิบหัวข้อต่างๆมาพูดกันอยู่บ่อยครั้งทั้งในรัฐบาล สภา หรือเวทีเสวนาต่างๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หน่วยงานจะต้องมีแผนการทำงานอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้สังคมคาดหวังได้ว่านโยบายดังกล่าวจะนำมาใช้พัฒนาประเทศได้จริง ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำสวยหรูที่ขายความฝันให้ประชาชน

หนึ่งนโยบายที่อยู่ภายใต้ BCG Model ที่น่าสนใจคือยุทธศาสตร์ที่ 2 “ การพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งด้วยทุนทรัพยากร อัตลักษณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่” หนึ่งในหัวใจสำคัญของนโยบายยุทธศาสตร์ที่ 2 คือ “ซอฟท์พาวเวอร์” ที่ครั้งหนึ่งเดียร์ได้เคยนำเสนอนายกฯในเรื่องนี้เช่นกัน หนึ่งในรายละเอียดที่นำเสนอนายกฯคือ การจัดตั้งกองทุน “Creative Industries”

เพื่อให้การสนับสนุนผู้ประกอบการไทย และเปิดโอกาสให้ประชาชนที่มีความคิดสร้างสรรค์สามารถเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมผู้ผลิตคอนเทนต์ให้ทัดเทียมต่างชาติ เพราะที่ผ่านมาอุตสาหกรรมสื่อในประเทศไทยเราติดกับดักระบบทุนนิยมที่รายได้เป็นโจทย์หลักของการผลิตคอนเทนต์ ทำให้ผู้ประกอบการสื่อในแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่สามารถใส่เม็ดเงินต้นทุนการผลิตได้อย่างที่ใจต้องการ จึงกลายมาเป็นต้นตอของปัญหาคุณภาพในการผลิตไม่ว่าจะเป็น Production value หรือกระทั่งการที่เราอยากจะมีบทภาพยนตร์หรือซีรีย์ดี ๆ สักเรื่องเพื่อที่จะนำพาอัตลักษณ์ของคนไทยไปสู่สายตาชาวโลก นั่นยังไม่นับรวมถึงนโยบายอื่นๆที่รัฐต้องเร่งทำ เช่น การสนับสนุนการศึกษาไทยเพื่อป้อนคนเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะ “ซอฟท์พาวเวอร์” คือส่วนหนึ่งของคำตอบในการแก้ไขปัญหา “Digital Disruption” ที่วันนี้กำลังคุกคามธุรกิจและสร้างความวิตกถึงอนาคตเยาวชนไทยในการเข้าสู่ตลาดแรงงานในอนาคตที่อาจถูกทดแทนด้วยเทคโนโลยี

เมื่อนายกฯ ประกาศนโยบายที่ชัดเจนแล้ว ความท้าทายก็คือหน่วยงานต้องสามารถดำเนินการเพื่อตอบสนองนโยบายได้อย่างรวดเร็วและมีความเข้าใจอย่างแท้จริง หรือเริ่มต้นแบบง่ายๆ เช่น การที่ภาพยนตร์ต่างชาติจะเข้ามาถ่ายทำหนังในไทยสักเรื่อง ขอให้การติดต่อรวมศูนย์แค่ที่เดียวไม่ต้องวิ่งโร่ไปติดต่อทีละ 4 หรือ 5 กระทรวง สร้างความยุ่งยาก เพื่อโอกาสดีๆ เหล่านี้จะไม่เป็นเพียงแค่ความฝันและคำพูดที่ปฏิบัติจริงไม่ได้

ชาวญี่ปุ่นชอบใจไอเดียรถตุ๊กตุ๊กไทย นำไปดัดแปลงเป็นรถนำเที่ยว ทำรายได้งาม แต่ยังติดปัญหาที่ทางการยังไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่รถประเภทสามล้อ

รถตุ๊กตุ๊กของไทย รถแท็กซี่แบบพื้นบ้านที่แสนจะมีเอกลักษณ์ นั่งกินลมก็ได้ ใช้ส่งของก็ดี คล่องตัว สะดวกสบายตามตรอกซอกซอยในกรุงเทพ ที่เป็นที่ติดอกติดใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติมาก อยากจะมาลองนั่งเล่นสักครั้งเมื่อมาเที่ยวเมืองไทย จนชาวญี่ปุ่นเห็นแล้วปิ๊งไอเดีย อยากจะมีรถตุ๊กตุ๊กอย่างบ้านเราบ้าง

แต่การใช้รถตุ๊กตุ๊กในญี่ปุ่นอาจไม่ง่ายเหมือนอย่างในเมืองไทย เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น วัย 49 ปีรายหนึ่ง นำรถตุ๊กตุ๊กมาให้บริการเป็นรถนำเที่ยวในย่านโกดังอิฐแดงโยโกฮามา ที่เป็นหนึ่งในสถานท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัด และคิดค่าบริการ 6,500 เยน (ประมาณ 1,750 บาท) ต่อการให้บริการนำเที่ยวในระยะเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง รวมค่าถ่ายรูปคู่กับรถตุ๊กตุ๊กด้วย

ต่อมาทางตำรวจญี่ปุ่นได้จับตัวเจ้าของรถตุ๊กตุ๊กคันดังกล่าว ขณะกำลังขับรถพาผู้โดยสารชมเมือง ด้วยข้อหาใช้รถสามล้อดัดแปลงเป็นรถแท็กซี่โดยไม่ได้รับอนุญาต

ซึ่งในญี่ปุ่นยังไม่อนุญาตให้มีการใช้รถมอเตอร์ไซค์ 3 ล้อ มาดัดแปลงเป็นรถแท็กซี่รับผู้โดยสาร ดังนั้นการใช้รถตุ๊กตุ๊กเป็นรถแท็กซี่จึงผิดกฎหมายจราจรของญี่ปุ่น และกลายเป็นคดีรถแท็กซี่ตุ๊กตุ๊กคดีแรกของญี่ปุ่น

แต่ก่อนจะถูกจับ และระงับการให้บริการ เจ้าของรถตุ๊กตุ๊กได้นำรถออกมาให้บริการรับนักท่องเที่ยวมานานแล้ว แค่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2018 รถตุ๊กตุ๊กไทยหัวใจญี่ปุ่นนี้ ก็สร้างรายได้ให้แก่เจ้าของแล้วกว่า 4 ล้านเยน

สำหรับที่ญี่ปุ่นมีการใช้รถลากที่เรียกว่า ริกชอว์ เป็นรถนำเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม โดยจะใช้คนลาก คิดค่าบริการประมาณ 4,000 - 6,000 เยน ต่อค่าบริการเพียงแค่ 10 นาที รับผู้โดยสารได้สูงสุด 3 คน ต่อคัน แต่สำหรับรถตุ๊กตุ๊กสามล้อติดเครื่องนี้ ยังไม่ได้มีการออกใบอนุญาตให้เป็นแท็กซี่อย่างจริงจัง แต่อาจยกเว้นได้ในบางกรณีที่ใช้เป็นรถเช่าขับเฉพาะกิจ

ยกตัวอย่างเช่น ที่ ฟุกุโอกะ มีรถตุ๊กตุ๊กหน้าตาเหมือนบ้านเราเปี๊ยบ ไว้ให้นักท่องเที่ยวเช่าขับชมเมืองได้ ด้วยค่าบริการเริ่มต้นที่ 4,000 เยนต่อชั่วโมง หรือเหมาทั้งวันในราคา 18,000 เยนต่อวัน แต่จำกัดผู้โดยสารเพียงแค่ 4 คนต่อคันเท่านั้น และได้รับความนิยมสูงมาก

รถตุ๊กตุ๊กบ้านเรา ก็ไม่ธรรมดานะเนี่ย


แหล่งข่าว

https://japantoday.com/.../japan's-1st-unlicensed-tuk-tuk...

https://www.facebook.com/BackpackersProject/posts/3253821071394968/


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top