Saturday, 28 June 2025
ค้นหา พบ 49068 ที่เกี่ยวข้อง

รมว.ดีอีเอส ยันไม่มีความขัดแย้งกับทีมอาสาพัฒนาแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” ชี้ไม่ใช่การถอนตัว แต่ส่งมอบให้รัฐดูแลทั้งระบบ เพื่อต่อยอดทำให้ดีกว่าเดิม พร้อมย้ำให้กรมควบคุมโรคหน่วยงานเดียวเป็นคนอัพเดทสีพื้นที่

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อมด้วย นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล(สพร.) ดร.นพ.ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ดร.อนุชิต อนุชิตานุกูล และนายสมโภช อาหุนัย ทีมผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” ร่วมแถลงข่าว ประเด็นที่สังคมมีคำถาม เรื่องแอปพลิเคชัน “หมอชนะ”

รมว.ดีอีเอส ยืนยันว่า ได้ทำงานพัฒนาแอปพลิเคชัน หมอชนะ ร่วมกันกับทีมอาสากว่า 100 ชีวิต ตลอดเวลาเกือบ 1 ปี และทุกวันนี้ยังหารือการทำงานกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้มีความขัดแย้งกัน ก็ยังทำงานมาด้วยดีมาโดยตลอด ซึ่งการส่งมอบการดูแลระบบแอปพลิเคชันนั้น เนื่องด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชัน หมอชนะ ได้ส่งมาทาง สพร. ที่เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการใช้งาน 30-40 ล้านคน และยังพัฒนาต่อเนื่องเพื่อรองรับการใช้งานที่มากขึ้น ใช้กับประชาชนทั้งประเทศได้

เมื่อถึงวันนี้รัฐบาลรับช่วงต่อมา เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเก็บข้อมูลต้องใช้บุคลากรจำนวนมากและต้องทำให้เกิดคุณภาพ ทางทีมพัฒนาและสพร. ที่ส่งมอบมาให้ทำต่อนั้น เนื่องจากขนาดการใช้งานใหญ่ขึ้นให้ประชาชนทั้งประเทศได้ใช้ และต้องทำในระยะยาว จึงต้องโอนถ่ายมาให้รัฐบาลรับผิดชอบทำให้เป็นระบบ รัดกุมทางกฎหมาย และบริหารทั้งงบประมาณและบุคลากรทั้งหมดให้สมบูรณ์ มีประสิทธิภาพ

นายพุทธิพงษ์ ให้ความเชื่อมั่นการใช้งานแอปพลิเคชัน หมอชนะ ว่า การทำงานของแอปพลิเคชัน ฟังก์ชัน สีสถานะเพื่อการติดตามสอบสวนโรคซึ่งหลังจากนี้ต้องตั้งเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้นในการทำงานให้สามารถรองรับการใช้งานที่ขยายในการใช้มากขึ้น ยังคงรณรงค์ให้ประชาชนใช้งานแอปมากขึ้น เพราะเป็นประโยชน์มาก เมื่อใช้แอป และเมื่อมีคนติดเชื้อ การสอบสวนโรคจะรวดเร็วมากและควบคุมสถานการณ์ได้ดียิ่งขึ้น

ด้าน ดร.อนุชิต และนายสมโภชน์ กล่าวขอบคุณประชาชนที่แสดงความห่วงใยทีมงานผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน หมอชนะ และขอบคุณที่ประชาชนให้ความร่วมมือในการโหลดและใช้งานแอปพลิเคชัน ในการต่อสู้ในสงครามโควิด ซึ่งทีมอาสาสมัครหมอชนะ ได้พัฒนาแอปพลิเคชันมาระยะหนึ่ง และจำเป็นต้องส่งต่อให้ รัฐบาลในการใช้งานและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยทีมอาสาสมัครผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน หมอชนะ ขอบคุณทั้งรมว.ดิจิทัลฯ ปลัดกระทรวงดิจิทัล และสพร. รวมถึงกรมควบคุมโรค ทำงานกันมาตั้งแต่กุมภาพันธ์ ปี 63 จนเมื่อถึงระดับการใช้งานที่ขยายมากขึ้นจึงส่งต่อให้ทางรัฐบาลดูแลและใช้งานอย่างเป็นทางการ และสิ่งสำคัญคือต้องมีกระบวนการการสื่อสารที่ชัดเจนและมาในทิศทางเดียวกัน ไม่ทำให้เกิดความสับสน พร้อมกันนี้ ขอให้คนไทยร่วมมือกันใช้แอปพลิเคชันหมอชนะนี้ ในการช่วยต่อสู้กับโควิดอย่างจริงจัง ให้เราชนะให้ได้

ขณะเดียวกัน รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยัน ได้ทำงานร่วมกันกับคณะทำงานผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน กับทางสพร. มาตั้งแต่ต้น ซึ่งเรื่องการเปลี่ยนสีสถานะของแต่ละบุคคล ต้องผ่านคนกลางที่เป็นเจ้าหน้าที่ของกรมควบคุมโรคแต่ละพื้นที่ ส่งข้อมูลไปยังกระทรวงดิจิทัลฯ หากมีการเปลี่ยนสี และส่งต่อไปให้ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน อัพเดทข้อมูลสถานะสีให้ และจะเปลี่ยนสี ก็ต่อเมื่อโรงพยาบาลได้ยืนยันการติดเชื้อแล้วเท่านั้น ขอให้ประชาชนได้โหลดและลงทะเบียนใช้งานกันให้มากที่สุด เพื่อเป็นประโยชน์และช่วยบุคลากรทางการแพทย์ในการทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น ล่าสุด มีผู้โหลดใช้งานแล้วกว่า 7 ล้านครั้ง ซึ่งมีแนวโน้มคนใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ

รมว.ดีอีเอส ระบุว่า ระบบการแจ้งเตือนสถานะสีของแอปพลิเคชัน ไม่มีปัญหา ไม่มีการล็อคสีไว้ให้เป็นสีเขียวอย่างเดียว ซึ่งทางกรมควบคุมโรคจะเป็นผู้ควบคุมข้อมูลและยืนยันสีสถานะข้อมูลของผู้ใช้งานหน่วยงานเดียวเท่านั้น ยืนยันว่าระบบไม่มีปัญหา แต่อาจจะต้องใช้เวลาให้เจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรคได้ตรวจสอบอย่างถูกต้องชัดเจน และการส่งมอบแอปพลิเคชัน หมอชนะ จะไม่ทำให้เกิดปัญหา แต่เนื่องจากการใช้งานมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เปิดให้ประชาชนใช้งานทั่วประเทศจำนวนผู้ใช้จึงมากขึ้น รวมทั้ง รัฐบาลควรมีงบประมาณในการดูแลทีมผู้พัฒนาแอปพลิเคชันในการทำงาน ในการเพิ่มบุคลากรในการรองรับให้มากขึ้น ซึ่งทีมผู้พัฒนาแอปพลิเคชันเอง ก็ยังคงคอยเป็นที่ปรึกษาและช่วยการทำงานของรัฐบาลต่อไป ทุกอย่างจะยังทำงานเหมือนเดิม และระบบจะดีขึ้นกว่าเดิม

19 มกราคม พ.ศ. 2545 ครบรอบ 19 ปี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

วันนี้เมื่อ 19 ปีก่อน เป็นวันสำคัญของเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

กล่าวถึง ‘ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ’ ชื่อ สุวรรณภูมิ มีความหมายว่า ‘แผ่นดินทอง’ อันเป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทาน โดยใช้แทนชื่อเดิมคือ ‘หนองงูเห่า’

นอกจากนี้ อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ถูกออกแบบโดย เฮลมุต ยาห์น (Helmut Jahn) สถาปนิกชาวอเมริกัน-เยอรมัน มีโครงสร้างหลักประกอบด้วยเหล็กและแก้ว ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่า เป็น ‘สถาปัตยกรรมแห่งศตวรรษที่ ๒๑’

ภายหลังจากเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2545 ต่อมาอีกราว 4 ปี สนามบินสุวรรณภูมิก็เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 ปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิถูกยกให้เป็นสนามบินที่มีการให้บริการสายการบินมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ด่วน! บุคลากรศิริราชติดเชื้อโควิด-19 ฮือ!! สุ่มตรวจเชื้อในเจ้าหน้าที่และบุคลากรเกือบร้อยรายว่า ด้าน ‘หมอประสิทธิ์’ เตรียมแถลงรายละเอียดพรุ่งนี้ (19 ม.ค.)

ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พบบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาล (รพ.) ศิริราช ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ซึ่งต่อมาต้องมีการสุ่มตรวจเชื้อในเจ้าหน้าที่และบุคลากรเกือบร้อยรายว่า ล่าสุดได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว และในวันพรุ่งนี้ (19 มกราคม 2564) ภายหลังจากการแถลงความคืบหน้าอาการป่วยของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร จะมีการแถลงรายละเอียดในเรื่องนี้

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการพบบุคลากรทางการแพทย์ของ โรงพยาบาลศิริราช ติดเชื้อโควิด-19 จากผู้ป่วย โดยในไทม์ไลน์ระบุว่า เมื่อวันพฤหัสที่ 14 มกราคม มีเจ้าหน้าที่ภาควิชาพยาธิวิทยา ตึกอดุลยเดชวิกรม ชั้น 8 ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 ราย โดยให้ประวัติว่ามีคนในชุมชนใกล้ๆ ติดเชื้อมากกว่า 1 คน

ต่อมามีการตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงสูง (high risk closed contact) ของผู้ป่วยรายนี้ จำนวน 16 คน พบว่า มี 4 ราย ที่มีอาการ URI (โรคติดเชื้อเฉียบพลันของระบบหายใจส่วนต้น) โดยพบเชื้อ 3 ราย ส่วนอีก 1 ราย ที่ตรวจไม่พบเชื้อ มีอาการเหนื่อย และออกซิเจนต่ำ จึงจะขอตรวจซ้ำ โดยทั้ง 3 ราย แอดมิดอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ส่วนอีก 12 ราย ที่ Asymptomatic หรือ ไม่มีอาการ พบเชื้อ 1 ราย กำลังอยู่ในขั้นตอนติดตามตัว เพื่อนำเข้ารักษาในโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ที่ตรวจไม่พบเชื้อจะต้องถูกกักตัว 14 วัน และตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้ง นอกจากนี้ ได้มีการสุ่มตรวจเจ้าหน้าที่ในภาควิชาพยาธิวิทยาอีก 60-80 คน

สำหรับผู้ติดเชื้อทุกรายมีประวัติสำคัญคือ ‘รับประทานอาหารร่วมกัน’ หรือ ‘พูดคุยกันโดยไม่สวมหน้ากาก’ กับผู้ป่วยรายแรก

'เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด' ตรวจระเบิดการ์ดอาชีวะ ถูกตร.สำโรงเหนือ ยึดได้ 2 ลูก พบเหมือนระเบิดที่สามย่าน เบื้องต้นสารภาพทำเองไว้ป้องกันตัว

พ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พร้อมด้วย พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ ได้ร่วมกันนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนกว่า 1 กองร้อย เข้าตรึงกำลังที่บริเวณหน้า สภ.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ หลังจากทราบข่าวจากโซเชียลที่ส่งต่อกันว่า จะมีกลุ่มการ์ดอาชีวะประชาธิปไตย นัดรวมตัวกันเข้ามาปิดล้อมโรงพักเพื่อกดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยตัวสองการ์ดอาชีวะ ซึ่งถูกตำรวจสำโรงเหนือจับกุมกรณีพบปลอกแขนซุกอยู่ใต้เบาะ ระหว่างขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านพัก ที่บริเวณซอยด่านสำโรง 24 ถ.สุขุมวิท113 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ ช่วงคืนที่ผ่านมา

โดยเจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังคอยเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าสำโรง ถนนสุขุมวิท รวมถึงรอบโรงพัก เพื่อเฝ้าระวังอาจจะมีมือที่สามเข้ามาก่อความไม่สงบ แต่เวลาผ่านไปหลายชั่งโมงก็ยังไม่พบกลุ่มการ์ดอาชีวะเดินทางมาแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ ได้ประสานเจ้าหน้าอีโอดี หรือเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิดจากนครบาล เข้ามาทำการตรวจสอบระเบิดทั้ง 2 ลูกที่ตรวจยึดเอาไว้ พร้อมประสานเจ้าหน้ากองพิสูจน์หลักฐานมาทำการเก็บรายนิ้วมือและดีเอ็นเอ เพื่อนำไปเปรียบเทียบชนิดของระเบิดว่าเป็นชนิดเดียวกับที่เกิดระเบิดขึ้นที่ ‘สามย่าน - ปทุมวัน’ หรือไม่

ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ อีโอดี ได้นำเครื่องเอ็กซเรย์มาทำการเอ็กซเรย์ระเบิดทั้งสองลูกพบว่า ภายในระเบิดทั้งสองลูกมีส่วนผสมของดินปืนและเม็ดหินเป็นส่วนผสม รัศมีไม่เกิน 5 เมตร และภายในไม่มีแผงวงจรควบคุมในการจุดฉนวน ซึ่งระเบิดทั้งสองลูกจะทำงานต้องจุดฉนวนจากภายนอกเท่านั้น โดยระเบิดทั้งสองลูกมีลักษณะเดียวกันกับที่มีการระเบิดที่ ‘สามย่าน - ปทุมวัน’ เมื่อสองวันก่อน จึงมอบให้พนักงานสอบสวนนำส่งกองพิสูจน์หลักฐานอีกครั้งเพื่อตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติม

ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการไปยังผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เพิ่มความเข้มข้นในการจัดการเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งตรวจตรา กำกับดูแลสถานประกอบการ ไม่ให้จ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ที่เดินทางเข้ามาในเวลานี้

กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) เมื่อวันที่ 16 ม.ค. มีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นประธาน เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยเน้นย้ำมาตรการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

เพื่อให้การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามมติฯ ดังกล่าว นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าฯ และผู้ว่าฯ กทม. ได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด โดยในพื้นที่จังหวัดชายแดน ให้เพิ่มความเข้มข้นในการจัดให้มีการเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เข้าไปในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเข้มงวด ด้วยการใช้กลไกทางปกครอง กลไกภาคประชาชน/ประชาสังคมที่มีอยู่

สำหรับในพื้นที่จังหวัดตอนใน ให้ตรวจตรา กำกับดูแลสถานประกอบการ รวมทั้งภาคเอกชน มิให้จ้างแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในห้วงเวลานี้ ทั้งนี้ ให้ผู้ว่าฯ บูรณาการการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง ตำรวจ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกระดับ ดำเนินการตามมาตรการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติที่ประชุมฯ ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top